นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 25 เม.ย. 2024 9:50 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 01 ธ.ค. 2008 5:50 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน ตอน "เมื่อผมและจอมขมังเวทย์ต้องมาถือกฏหมายฉบับเดียวกัน"
โดย ศิษย์กวง จาก http://www.oknation.net/blog/sitthi/2008/05/16/entry-1
t01.jpg

ผมได้ติดตามคณะศรัทธาของคุณประจักษ์ เพื่อไปเยี่ยมหลวงพ่อตี๋ หรือท่านพระครูพินิจสมุทรคุณ เจ้าอาวาสวัดบางคณฑีใน ตำบลบางคนที อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งจริงๆแล้วผมเคยได้รับทราบชื่อเสียงของท่านมาพอสมควร ด้วยว่าท่านเป็น “พระอาจารย์สัก” ที่มีชื่อเสียงองค์หนึ่งของลุ่มน้ำแม่กลอง ชาวบ้านแถวคลองบางนกแขวก คลองดำเนิน จะเรียกท่านว่า “อาจารย์ตี๋ จอมขมังเวทย์” เรื่องนี้มีความเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงได้ฉายาแบบนี้ ตัวตนของท่านเป็นแบบไหน ถึงวัดแล้วเราคงจะได้คำตอบละครับ
t02.jpg

จากกรุงเทพเราใช้เส้นทางพระราม ๒ เข้าตัวเมืองสมุทรสงคราม มุ่งหน้าไปทางอำเภออัมพวา เลยวัดบางกระพ้อมไปหน่อย เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอบางคนที เส้นทางถนนสายผลไม้ คอยสังเกตุขวามือข้างทางจะมีป้ายบอกทางเข้าวัดบางคณฑีใน เส้นทางคดเคี้ยวเหมือนไปจังหวัดแม่ฮ่องสอนละครับ..ผ่านสวนผลไม้ จำพวกลิ้นจี่ มะพร้าว จนสุดทางแหละครับ.....
t03.jpg

ก่อนจะขึ้นไปบนกุฎิหลวงพ่อตี๋ อยากให้เพื่อนๆ สังเกตนิดหน่อย คำว่า “วัดบางคณฑี”และ “อำเภอบางคนที” จะใช้ตัวสะกดไม่เหมือนกันนะครับ “วัดบางคณฑี” คือชื่อเดิมแต่เก่าก่อน ส่วนคำว่า “บางคนที” คือภาษาราชการในปัจจุบันครับ...
t04.jpg

หลวงพ่อตี๋ หรือท่านพระครูพินิจสมุทรคุณ ท่านเป็นพระรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว มีเชื้อสายชาวจีน พื้นเพต้นตระกูลของท่านก็เป็นคนบ้านบางคนที และตามที่คนรำลือกันว่าท่านดุ แต่ที่พวกเราสังเกตท่านเป็นพระที่พูดคุยเสียงดังฟังชัดเจนมากกว่า ค่อนข้างใจดี ไม่ดุอย่างที่พวกเราเตรียมตัวตั้งรับมา..และที่สำคัญคือท่านเป็นพระที่พูดจา “ตรงเป๊ะ” ไม่มีอ้อมค้อมหรือแวะข้างทาง.. “ดี” พูด “ดี” “ชั่ว” พูด “ชั่ว” เพราะว่าระหว่างที่พวกเราสนทนากับท่าน บังเอิญมีนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาขอพรท่านเกี่ยวกับเรื่องเลือกตั้ง พวกเราฟังแล้วต้องหันหน้าไปอมยิ้มแหละครับ แหม..ตรงเป๊ะจริงๆ
t05.jpg

“ขอพรเหรอ เออดี..เข้ามา..พวกมึงพนมมือตั้งใจนะ ถ้าพวกมึงเป็นคนดี ขอให้ความดีคุ้มครอง ขอให้ชาวบ้านเลือกพวกมึง ให้พวกมึงมีความเจริญยิ่งขึ้นไป...และถ้าเลือกพวกมึงไปแล้ว พวกมึงไปทำชั่ว กินบ้านกินเมือง ขอให้พวกมึงฉิบหาย...เอาละไปได้”..หลังจากที่นักการเมืองท้องถิ่นกลุ่มนั้นกลับไปกันแล้ว ท่านบอกกับพวกเราว่า “เกิดเป็นคนต้องให้โอกาสคน”
t06.jpg

เพราะตัวท่านเองก็เคยเป็นเด็กที่เกเรมาก่อน ท่านเล่าให้พวกเราฟังว่าตอนเด็กๆ ท่านหนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ ไปเป็นเด็กรถ นักเลง ฯลฯ เดินทางไป ใช้ชีวิตสนุกสนานไปวันๆ แบบไม่มีสาระ โดยเฉพาะฝั่งทะเลภาคตะวันออกนี่ท่านไปเที่ยวมาหมดแล้ว จนอายุครบบวชพ่อแม่ท่านไปตามขอให้ท่านกลับมาบวช ท่านจึงได้กลับมาที่บ้านบางคนทีอีกครั้ง หลังจากบวชใหม่ๆ ก็ใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมา “สักยันต์” ให้บรรดาผู้ที่เคารพนับถือ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ได้รับ “การสัก” จากท่านไปมีมากเล่ากันไปหวาดไม่ไหว ขนาดว่าแต่เดิม “วัดบางคณฑี” แห่งนี้ไม่มีถนนหนทางเหมือนในปัจจุบัน การเดินทางต้องอาศัยเดินตามท้องร่องสวน หรือไม่ก็มาทางน้ำ...สิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันในชื่อเสียง “สำนักสักวัดบางคณฑี” แห่งนี้ก็คือฉายา “อาจารย์ตี๋ จอมขมังเวทย์” นี่แหละครับ.....
t07.jpg

และพอพวกเราขยับจะถามถึงบูรพาจารย์ของท่าน ท่านได้ขอยกเว้นไม่ให้ถามถึงเหตุผลคือไม่ต้องการความวุ่นวายซึ่งเรื่องนี้ผมก็ว่าดีไปอย่าง เรารู้จักท่านตรงตัวท่านดีกว่า ที่พูดอย่างนี้เพราะผมเห็นว่า..

“พระเกจิอาจารย์ที่เก่งๆ จะต้องเก่งด้วยตัวเอง เพราะอาจารย์เป็นเพียงผู้สอนวิธีการเท่านั้น....การจะขลัง จะแน่ แค่ไหนขึ้นอยู่กับการฝึกฝนจิต ความมุมานะและความพากเพียรของแต่ละองค์”
t08.jpg

โธ่..ก็วิชาอาคมนะครับ ไม่เหมือนวิชาวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์หรือวิชาการอื่นๆ ที่พวกเราเคยร่ำเรียนกันมา และอีกอย่างหากเราพิจารณาจากความเป็นจริงดู พระเกจิอาจารย์ที่ว่าเก่งๆ และมีชื่อเสียง (บางที)..อาจารย์ของท่านก็ไม่ใช่พระที่มีชื่อเสียงหรือโด่งดังเลยก็มี..
t09.jpg

วัดบางคณฑีใน ก่อสร้างขึ้นในราวสมัยกรุงศรีอยุธยา นับอายุถึงปัจจุบันก็สามร้อยกว่าปีแล้ว ทำเลที่ตั้งของวัดอยู่ในสวนลึก การคมนาคมจะใช้สัญจรทางน้ำ ตามที่ผมสังเกตดูน่าจะเป็นวัดที่ค่อนข้างมีความสำคัญในอดีตเพราะวัดแห่งนี้มีศาลาท่าน้ำถึงหกหลัง นับว่าไม่เบาเลยครับธรรมดาแล้ววัดที่อยู่ริมน้ำที่ผมเคยผ่านตามาส่วนมากจะมีศาลาท่าน้ำกันแค่สองหลังเอง
t10.jpg

แต่ปัจจุบันการเดินทางเข้าวัดใช้ทางถนน ซึ่งหลวงพ่อตี๋ท่านบอกว่า ถนนและระบบไฟฟ้าเริ่มเข้ามาถึงวัดแห่งนี้ในปี ๒๕๓๘ นี้เอง ใช้งบประมาณของทางราชการและจากวัดคนละครึ่ง เส้นทางเข้าวัดก็ขอรับบริจาคจากชาวบ้านซึ่งส่วนมากแล้วจะประกอบอาชีพทำสวน
t11.jpg

หลวงพ่อตี๋ท่านเล่าให้ฟังว่า การขอทำถนนผ่านที่สวนของชาวบ้านค่อนข้างลำบากและมีปัญหา บางคนวันนี้ยกให้วัด พรุ่งนี้เกิดเปลี่ยนใจแล้ว ดังนั้นเส้นทางเข้าสู่วัดจึงมีสภาพคดเคี้ยว หลายเลี้ยว อย่างที่พวกเราเห็นในทุกวันนี้แหละครับ ซึ่งเรื่องของการทำถนนเส้นนี้ หลวงพ่อตี๋ท่านกล่าวแบบมีรอยยิ้มนิดๆ สั้นๆ ง่ายๆ ว่า “เส้นทางคดเคี้ยว เหมือนจิตใจมนุษย์”
t12.jpg

ผมยอมรับกับคำพูดของหลวงพ่อครับ..”ผลประโยชน์และการสูญเสียผลประโยชน์” กว่าจะทำให้ทุกคนยอมรับได้ค่อนข้างยาก..บางคนคิดแล้วคิดอีกอยู่เป็นเดือนๆ กว่าจะตัดสินใจได้ เรื่องอย่างนี้มันให้มีเรื่องของ “ความหวาดระแวงสงสัย” อยู่ร่ำไป..เพราะอะไรเหรอครับ เพราะพวกเราคงต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า “สังคมของมนุษย์” นั่นแหละที่ทำให้ “ความตรงไปตรงมา” ตามธรรมชาติของชาวบ้าน ชาวสวน จำต้อง “คดเคี้ยว” กันไปบ้าง..เพื่อนๆ ว่าไหมครับ
t13.jpg

และจากการที่เทคโนโลยีและความเจริญที่เริ่มเข้ามารุกล้ำธรรมชาติและสภาพแวดล้อมของชาวบ้านบางคนที “วัดบางคณฑีใน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคมชุมชนแห่งนี้ไม่สามารถปฏิเสธผลกระทบที่เกิดขึ้นได้....
t14.jpg

“เดี๋ยวนี้ชาวบ้านโค่น “ต้นลำพู” กันเกือบหมดแล้ว ไม่ไหวว่ะ...เดือนร้อนกันไปหมด เอ็งคิดดูซิ ดึกๆคนกำลังนอนได้ยินเสียง หัวเราะ เอะอะโวยวาย เอาไฟฉายมาส่องหิ่งห้อยอยู่หน้าบ้าน...บางคนส่องเข้ามาถึงในบ้าน ชาวบ้านไม่ต้องหลับต้องนอนกัน...พอเอะอะเข้าก็ย้ายมาส่องที่วัดบ้างๆ วัดข้าก็โดนประจำ..พระไม่ต้องหลับต้องนอนกันแล้วนี่ก็โค่นไปซะหลายต้นแล้ว...ไม่ไหว ไม่ไหว....ข้าก็เข้าใจละนะไอ้พวกโฮมสเตย์น่ะ...แต่บางทีมันเกินไป..ทุกวันนี้ ไอ้พวก “หิ่งห้อย” จะตายหมดแล้ว....”(หัวเราะ)
t15.jpg

ครับ....”การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ”..แทนที่จะเป็น “การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของชุมชน” ให้เกิดความเข้มแข็ง ร่วมแรงร่วมใจกันมากขึ้น กลับกลายเป็น “การก่อความขัดแย้งของคนในชุมชน” และ “ทำลายเอกลักษณ์ท้องถิ่น” รวมถึง “ระบบนิเวศ” ที่เคยสมบูรณ์ก็ใกล้จะสูญไป…
t16.jpg

โดยเฉพาะ...“หิ่งห้อย” ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของระบบนิเวศได้เป็นอย่างดี เพราะหิ่งห้อยจะฟักตัวอยู่ในหอยฝาเดียวและต้องเป็นน้ำที่สะอาด เมื่อเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยก็มีต้นลำพูเป็นที่อยู่อาศัย แต่ปัจจุบันมีธุรกิจท่องเที่ยวเข้ามาทดแทน ต้นลำพูถูกตัดเพื่อสร้างโฮมสเตย์ ที่พักริมน้ำ เมื่อต้นลำพูเริ่มหายไป หิ่งห้อยตัวน้อยๆก็พลอยต้องลดน้อยลงไปด้วย นอกจากโฮมสเตย์แล้ว
t17.jpg

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้นลำพูลดจำนวนลงก็คือมีเรือที่นำนักท่องเที่ยวไปชมหิ่งห้อย ส่งเสียงดังและวิ่งในเวลากลางคืน จึงรบกวนชาวบ้านที่ปกตินอนหัวค่ำ จนทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมน้ำและมีต้นลำพูอยู่หน้าบ้านต้องพากันตัดต้นลำพูทิ้ง ….เฮ้อ!!..เดือนร้อนทั้งพระ ทั้งคน..คนที่โชคดีที่สุดน่าจะเป็น “พ่อโกโบริ” แหละครับที่ไม่ได้รู้เห็นกับการเปลี่ยนแปลงของ “ต้นลำพูกับหิ่งห้อย”....

นอกจากความเปลี่ยนแปลงในเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ความเจริญทางด้านวัตถุส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจกับชาวบ้านบางคนทีแห่งนี้..
t18.jpg

“ข้าเคยคุยกับคนเฒ่าคนแก่แถวๆวัดว่า ทุกวันนี้คนเราเป็นชาวพุทธกันเฉพาะงานศพ พวกมึงคิดดูร้อยวันพันปีไม่เคยเข้าวัด พอมีคนตายถึงจะมาวัดซักที เอ้า !!...พวกมึงว่าจริงมั๊ย พองานบุญวันพระไม่มากันไป เที่ยวที่อื่นดีกว่า”(หัวเราะ)

ผมสะอึกกับคำพูดของหลวงพ่อตี๋ พลางแอบคิดในใจว่า..คนเราทุกวันนี้อยู่ในสังคมที่เร่งรีบและต้องแข่งขัน คำสั่งสอนหรือพิธีกรรมโบราณของพุทธศาสนา บางครั้งไม่สามารถช่วยสร้างกำลังใจหรือสร้างความรู้สึกของผู้คนในยุคนี้ให้หันมาสนใจในพระพุทธศาสนาได้เลย….เออ..หลวงพ่อองค์นี้นี่ “คม” ไม่เบาเลยแฮะ พูดนิ่มๆแต่เฉือนอารมณ์เลือดสาดเลยที่เดียว...ไม่เฉพาะคาถาอาคม พุทธศาสนาเชิงนิเวศวิทยา(อันนี้ผมคิดเอง) ..ก็ไม่เบา เรียกว่า..“พูดเห็นภาพ” เลยแหละครับ

จากพุทธโอวาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แสดงก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า “จงมีธรรมเป็นประทีปส่องทางแก่ตัวเอง” ถึงกาลเวลาผ่านไปกว่าสองพันปีแล้ว คำสอนของพระพุทธองค์กลับยิ่งหยั่งรากมั่นคง ทำให้ทุกวันนี้หลวงพ่อตี๋ ท่านจะใช้เวลาว่างศึกษาธรรมะและฝึกวิปัสสนา ตลอดจนเผยแพร่ธรรมะแก่ชาวบ้านในละแวกวัด
t19.jpg

“วิปัสสนาไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรเลย” หลวงพ่อพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ...

“วิปัสสนา คือ “การเห็นแจ้ง” หรือการเห็นสิ่งต่างๆอย่างที่เป็นจริงๆ...”

“ลองเฝ้าสังเกตลมหายใจตนเองสักสองสามวัน...เราจะเริ่มสนใจความรู้สึกของตัวเองและรู้ตัวว่าเราเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับกิเลส..ฯลฯ..ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ความรู้สึกต่างๆ ...จากนั้นตัวเราก็จะตระหนักถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไป พระพุทธเจ้าทรงพบแนวคิดที่เข้าใจง่ายเช่นนี้...นี่แหละคือส่วนหนึ่งของธรรมมะ ตัวข้าเองยังคงศึกษาได้แค่กระพี้ภายนอกเท่านั้น การหยังลึกลงสู่แก่นแท้จริงยังต้องใช้เวลาอีกนาน...ไม่รู้เท่าไหร่…..”

ครับ..ถึงจะเป็นแค่กระพี้เล็กๆ ของพระศาสนา แต่หลวงพ่อตี๋ท่านได้นำกระพี้ชิ้นนี้มาแตกหน่อออกผลใช้สอนแก่ชาวบ้าน....ย้อนกลับนิดครับ..หะแรกที่ผมเข้ามาที่วัดแห่งนี้ เห็นมีการตั้งเครื่องเสียงไว้มากมายหลายจุดคิดว่าคงจะมีงานวัดหรืองานบุญอะไรสักอย่าง ตอนนี้ถึงฝั่งแล้วครับ
t20.jpg

เครื่องเสียงเหล่านี้เองที่หลวงพ่อตี๋ ท่านใช้สอนเทศนากับญาติโยมในทุกวันพระ..เพราะเหตุที่วัดบางคณฑีแห่งนี้อยู่ท้ายสวน คนเฒ่าคนแก่บางคนเดินทางมาวัดไม่ไหว..หลวงพ่อตี๋ท่านเลยใช้เครื่องเสียงนี้เป็นตัวกระจายพระธรรมคำสั่งสอนในพระไตรปิฏกให้ชาวบ้านได้ฟังกัน..หรือหากใครมีปัญหาข้อข้องใจอะไรกับวัด(เหมือนเสียงตามสายแบบชาวบ้านชนบทน่ะครับ) หลวงพ่อท่านก็ให้ตั้งเป็นกระทู้คำถามเข้ามาซึ่งหลวงพ่อตี๋ ท่านเรียกบริบทนี้น่าเอ็นดูครับ ..”การประลองยุทธบนลานธรรม”......แหม...ผมละเชื่อท่านเลยจริงๆ.....
t21.jpg

ปัจจุบันนี้ หลวงพ่อตี๋ท่านเลิก “สักยันต์” มานานแล้วครับ ท่านว่าเบื่อหน่ายกับลูกศิษย์ที่สักไปแล้วประพฤติตัวไม่ดีผิดศีลธรรม ซึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องนี้หลวงพ่อท่านหันมามองพวกเราด้วยแววตามุ่งมั่นก่อนพูดออกเสียงขรึมๆ.....
t22.jpg

“ไอ้พวกเลวๆ แบบนี้พระก็ไม่คุ้มครอง .....ต่อให้พวกมันมีดีขนาดไหนก็ไม่รอด...ตัวกูเองถ้าชั่วก็ไม่รอดเหมือนกัน มันกับกูถือกฎหมายฉบับเดียวกันโว๊ย...” (หัวเราะ)

เป็นยังไงครับ...สำหรับผมฟังแล้วรู้สึกสะใจจริงๆ “หลวงพ่อกับลูกศิษย์ ถือกฎบัญญัติ ถือกฎหมายฉบับเดียวกัน”ใครทำผิดก็ต้องรับโทษเหมือนกันไม่มีข้อยกเว้น...ดังนั้นลูกศิษย์หรือท่านใดที่เคยรับ “การสัก หรือถือพระเครื่องของหลวงพ่อตี๋” โปรดพึงสังวรไว้เถอะครับ.. “วันเปิดของท่านยังคงมีตลอดเวลา”
t23.jpg

ครับ...ทุกวันนี้ยามว่างจากศึกษาธรรม หลวงพ่อตี๋ท่านจะอุทิศเวลาไปกับ “การเขียนตะกรุด” เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ทหาร ตำรวจที่ปฏิบัติภารกิจในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมพอทราบเป็นกระสัยว่า “ตะกรุด” ของท่านมีประสบการณ์มากในพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้ปรากฏเป็นรูปธรรมเห็นได้ชัดเจนจากจำนวนจดหมายที่เขียนมา “เปลี่ยน”ตะกรุด (แทรกเกล็ดนิดครับ ภาษาเรียกของพระในแถบแม่กลอง “การบูชาหรือเช่าพระ” จะใช้คำว่า “เปลี่ยน”)
t24.jpg

เป็นยังไงครับเพื่อนๆ “อาจารย์ตี๋ จอมขมังเวทย์”...ผู้ถือคติ “เกิดเป็นคนต้องให้โอกาสคน” ผมรู้สึกถึงฝั่งฝันของความคิดครับว่า “เราไม่อาจยืนยันความดี ความบริสุทธิ์ของใครได้” แต่ถ้าหากเป็น “เรื่องความผิดหรือความเลว” ละก้อ...เรามีหลักฐานและอ้างได้เสมอ เหมือนกับบริบทของสังคมบ้านเราที่กำลังขับเคลื่อนไปในขณะนี้ “ทุกคนต่างคนต่างก็เป็นพยานแห่งความผิดของกันและกันได้ตลอดเวลา”.....ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไรเพื่อนๆ รู้มั๊ยครับ..
t25.jpg

ก็เพราะ “จิตใจมนุษย์เป็นดั่งเส้นทางที่คดเคี้ยว” ดังนั้นการขาดความจริงใจ ขาดความสามัคคี จึงเป็นปัญหารุนแรงของคนไทยที่ต้องรีบเยียวยาก่อนทีสังคมจะบอบช้ำกว่านี้...

ก่อนกราบลาหลวงพ่อตี๋ เพื่อเดินทางกลับบ้านในวันนั้น..หลวงพ่อท่านได้ร่ายมนต์สะกดความรู้สึกของพวกเราอีกครับว่า...

@โลกเรานี้มันกว้างใหญ่ไพศาล...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็นอยู่นี้ล้วนแต่เป็นอดีต...ภาพที่เราเห็นอยู่ข้างหน้าคือการเดินทาง และจุดสุดท้ายของการเดินทางไม่สามารถจะเป็นอะไรไปได้นอกจาก.... “ปัจจุบัน” @

กราบนมัสการ “อาจารย์ตี๋ จอมขมังเวทย์” ผู้เสกกระพี้ของปัญญาเข้าสู่แก่นของจิตใจ.....
t26.jpg

ขอขอบคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย ที่เอื้อเฟื้อภาพ คุณประจักษ์และน้องปอย(บุตรสาว) ที่สนับสนุนการเดินทาง เพื่อนต่อ สำหรับคำแนะนำ และคุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจที่มีให้ตลอดมาและหวังว่ากำลังใจนี้จะมีให้ตลอดไปนะครับ...


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 01 ธ.ค. 2008 6:57 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร 14 ต.ค. 2008 9:22 pm
โพสต์: 832
ขอบคุณ คับพี่จิ้งจก

_________________
"สติเป็นบ่อเกิดของธรรม ใครอยากให้ธรรมเกิด พึงมีสติอยู่ทุกเมื่อ"


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 02 ธ.ค. 2008 12:48 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 11:16 pm
โพสต์: 1786
อ่านแล้วคิดถึงหลวงพ่อแฮะ....
ขอบพระคุณพี่จิ้งจกมากครับ
:ilu:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 03 ธ.ค. 2008 8:26 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ขอบพระคุณคุณศิษย์กวงผู้บรรเลง

และขอขอบพระคุณคุณจิ้งจก รถหัวลากที่ไม่เคยหยุดแม้คอนเทนเนอร์แห่งความรู้จะตู้ใหญ่เพียงไหน (ตูก็ไม่ท้อที่ลากกกกก...) :lol: :lol: :lol:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 21 ก.ค. 2009 1:53 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
เมื่อวานมีคนส่ง SMS มาหาผมว่า อยากทราบเรื่องของหลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม ผมเลยลองมานั่งนึกดูก็จำได้คุ้นๆ ว่า เคยลากมาแล้ว หาอยู่แป๊ปนึงก็เลยมาโพสต์ให้ขึ้นด้านบนให้ได้อ่านกันครับ และเพื่อฉลองศรัทธา เดี๋ยวจะเอาตอนที่ 2 จากท่านศิษย์กวงมาลงครับ โปรดอดใจรอสักครู่ครับผม


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 21 ก.ค. 2009 5:22 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
ติดตามอ่านตอนที่ 2 ได้ที่นี่ครับ forum15/topic2012.html


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 21 ก.ค. 2009 8:19 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
ขอบพระคุณมากมายครับ

ใครนะส่ง sms มากวนใจคุณจิ้งจก ฮึ :agy:

_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 21 ก.ค. 2009 8:31 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
ใช่ๆ ต้องขอค่าปรับเป็นพระเศรษฐีนวโกฎิสักองค์คงจะดี เพราะเรายังไม่มี :lol: :lol: :lol:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 21 ก.ค. 2009 8:48 pm 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 6:00 am
โพสต์: 6586
.gif


_________________
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรจากใคร ก็จะไม่มีอะไรให้หมางใจกัน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 23 ก.ค. 2009 11:12 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 5:09 pm
โพสต์: 1368
แหม...ทำตกใจ ไปได้ เอาของใหม่ๆ ก็ได้ หน้าตักสัก 3 นิ้วกำลังดี เนอะๆ ของใหม่ๆ แบบอุ่นๆ จากพิธีเลยก็ดี :lol: :lol: :lol:


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 24 ก.ค. 2009 9:31 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 14 ก.ย. 2008 9:48 am
โพสต์: 937
ขอบพระคุณครับ แหล่มอีกแล้ว 8-)

_________________
อันความสุขทางใจนั้นหายาก คนส่วนมากไม่ชอบแสวงหา
หวังแต่สุขเพื่อสนุกเพียงหูตา มันจึงพาชักจูงให้ยุ่งใจ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 14 ส.ค. 2009 12:42 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 29 ก.ย. 2008 12:53 pm
โพสต์: 754
แหล่มเลย...........

_________________
.........ถ้าเจ้าได้ทุกอย่างอย่างที่คิด
ชั่วชีวิตจะเอาของกองที่ไหน
จะได้บ้างเสียบ้างจะเป็นไร
ช่างหัวใครช่างหัวมันเท่านั้นเอง ..........


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 15 เม.ย. 2010 11:59 am 
ออฟไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก

ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ 24 พ.ย. 2008 4:51 pm
โพสต์: 613
ขอบคุณครับ
อ่านบทความแล้วรู้สึกประทับใจ
และศรัทธาในหลวงพ่อตี๋
มากยิ่งขึ้นไปอีกครับ

:grt: :grt: :grt:

_________________
"ความทุกข์มันเข้ามาได้เพราะเราไม่ภาวนา เมื่อภาวนาแล้ว มันก็หมดลง"


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO