Switch to full style
รวมบทความที่น่าสนใจต่าง ๆ จากนักเขียนชื่อดัง และ ผู้ที่ทรงภูมิความรู้มากมาย
ตอบกระทู้

หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม (1)

จันทร์ 01 ธ.ค. 2008 5:50 pm

หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน ตอน "เมื่อผมและจอมขมังเวทย์ต้องมาถือกฏหมายฉบับเดียวกัน"
โดย ศิษย์กวง จาก http://www.oknation.net/blog/sitthi/2008/05/16/entry-1
t01.jpg
t01.jpg (28.72 KiB) เปิดดู 3522 ครั้ง
ผมได้ติดตามคณะศรัทธาของคุณประจักษ์ เพื่อไปเยี่ยมหลวงพ่อตี๋ หรือท่านพระครูพินิจสมุทรคุณ เจ้าอาวาสวัดบางคณฑีใน ตำบลบางคนที อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งจริงๆแล้วผมเคยได้รับทราบชื่อเสียงของท่านมาพอสมควร ด้วยว่าท่านเป็น “พระอาจารย์สัก” ที่มีชื่อเสียงองค์หนึ่งของลุ่มน้ำแม่กลอง ชาวบ้านแถวคลองบางนกแขวก คลองดำเนิน จะเรียกท่านว่า “อาจารย์ตี๋ จอมขมังเวทย์” เรื่องนี้มีความเป็นมาอย่างไร ทำไมถึงได้ฉายาแบบนี้ ตัวตนของท่านเป็นแบบไหน ถึงวัดแล้วเราคงจะได้คำตอบละครับ
t02.jpg
t02.jpg (42.14 KiB) เปิดดู 3524 ครั้ง
จากกรุงเทพเราใช้เส้นทางพระราม ๒ เข้าตัวเมืองสมุทรสงคราม มุ่งหน้าไปทางอำเภออัมพวา เลยวัดบางกระพ้อมไปหน่อย เลี้ยวซ้ายไปทางอำเภอบางคนที เส้นทางถนนสายผลไม้ คอยสังเกตุขวามือข้างทางจะมีป้ายบอกทางเข้าวัดบางคณฑีใน เส้นทางคดเคี้ยวเหมือนไปจังหวัดแม่ฮ่องสอนละครับ..ผ่านสวนผลไม้ จำพวกลิ้นจี่ มะพร้าว จนสุดทางแหละครับ.....
t03.jpg
t03.jpg (47.87 KiB) เปิดดู 3520 ครั้ง
ก่อนจะขึ้นไปบนกุฎิหลวงพ่อตี๋ อยากให้เพื่อนๆ สังเกตนิดหน่อย คำว่า “วัดบางคณฑี”และ “อำเภอบางคนที” จะใช้ตัวสะกดไม่เหมือนกันนะครับ “วัดบางคณฑี” คือชื่อเดิมแต่เก่าก่อน ส่วนคำว่า “บางคนที” คือภาษาราชการในปัจจุบันครับ...
t04.jpg
t04.jpg (25.21 KiB) เปิดดู 3513 ครั้ง
หลวงพ่อตี๋ หรือท่านพระครูพินิจสมุทรคุณ ท่านเป็นพระรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว มีเชื้อสายชาวจีน พื้นเพต้นตระกูลของท่านก็เป็นคนบ้านบางคนที และตามที่คนรำลือกันว่าท่านดุ แต่ที่พวกเราสังเกตท่านเป็นพระที่พูดคุยเสียงดังฟังชัดเจนมากกว่า ค่อนข้างใจดี ไม่ดุอย่างที่พวกเราเตรียมตัวตั้งรับมา..และที่สำคัญคือท่านเป็นพระที่พูดจา “ตรงเป๊ะ” ไม่มีอ้อมค้อมหรือแวะข้างทาง.. “ดี” พูด “ดี” “ชั่ว” พูด “ชั่ว” เพราะว่าระหว่างที่พวกเราสนทนากับท่าน บังเอิญมีนักการเมืองท้องถิ่นเข้ามาขอพรท่านเกี่ยวกับเรื่องเลือกตั้ง พวกเราฟังแล้วต้องหันหน้าไปอมยิ้มแหละครับ แหม..ตรงเป๊ะจริงๆ
t05.jpg
t05.jpg (26.05 KiB) เปิดดู 3516 ครั้ง
“ขอพรเหรอ เออดี..เข้ามา..พวกมึงพนมมือตั้งใจนะ ถ้าพวกมึงเป็นคนดี ขอให้ความดีคุ้มครอง ขอให้ชาวบ้านเลือกพวกมึง ให้พวกมึงมีความเจริญยิ่งขึ้นไป...และถ้าเลือกพวกมึงไปแล้ว พวกมึงไปทำชั่ว กินบ้านกินเมือง ขอให้พวกมึงฉิบหาย...เอาละไปได้”..หลังจากที่นักการเมืองท้องถิ่นกลุ่มนั้นกลับไปกันแล้ว ท่านบอกกับพวกเราว่า “เกิดเป็นคนต้องให้โอกาสคน”
t06.jpg
t06.jpg (29.73 KiB) เปิดดู 3514 ครั้ง
เพราะตัวท่านเองก็เคยเป็นเด็กที่เกเรมาก่อน ท่านเล่าให้พวกเราฟังว่าตอนเด็กๆ ท่านหนีออกจากบ้านตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ ไปเป็นเด็กรถ นักเลง ฯลฯ เดินทางไป ใช้ชีวิตสนุกสนานไปวันๆ แบบไม่มีสาระ โดยเฉพาะฝั่งทะเลภาคตะวันออกนี่ท่านไปเที่ยวมาหมดแล้ว จนอายุครบบวชพ่อแม่ท่านไปตามขอให้ท่านกลับมาบวช ท่านจึงได้กลับมาที่บ้านบางคนทีอีกครั้ง หลังจากบวชใหม่ๆ ก็ใช้วิชาอาคมที่ร่ำเรียนมา “สักยันต์” ให้บรรดาผู้ที่เคารพนับถือ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ได้รับ “การสัก” จากท่านไปมีมากเล่ากันไปหวาดไม่ไหว ขนาดว่าแต่เดิม “วัดบางคณฑี” แห่งนี้ไม่มีถนนหนทางเหมือนในปัจจุบัน การเดินทางต้องอาศัยเดินตามท้องร่องสวน หรือไม่ก็มาทางน้ำ...สิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันในชื่อเสียง “สำนักสักวัดบางคณฑี” แห่งนี้ก็คือฉายา “อาจารย์ตี๋ จอมขมังเวทย์” นี่แหละครับ.....
t07.jpg
t07.jpg (37.61 KiB) เปิดดู 3518 ครั้ง
และพอพวกเราขยับจะถามถึงบูรพาจารย์ของท่าน ท่านได้ขอยกเว้นไม่ให้ถามถึงเหตุผลคือไม่ต้องการความวุ่นวายซึ่งเรื่องนี้ผมก็ว่าดีไปอย่าง เรารู้จักท่านตรงตัวท่านดีกว่า ที่พูดอย่างนี้เพราะผมเห็นว่า..

“พระเกจิอาจารย์ที่เก่งๆ จะต้องเก่งด้วยตัวเอง เพราะอาจารย์เป็นเพียงผู้สอนวิธีการเท่านั้น....การจะขลัง จะแน่ แค่ไหนขึ้นอยู่กับการฝึกฝนจิต ความมุมานะและความพากเพียรของแต่ละองค์”
t08.jpg
t08.jpg (35.64 KiB) เปิดดู 3514 ครั้ง
โธ่..ก็วิชาอาคมนะครับ ไม่เหมือนวิชาวิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์หรือวิชาการอื่นๆ ที่พวกเราเคยร่ำเรียนกันมา และอีกอย่างหากเราพิจารณาจากความเป็นจริงดู พระเกจิอาจารย์ที่ว่าเก่งๆ และมีชื่อเสียง (บางที)..อาจารย์ของท่านก็ไม่ใช่พระที่มีชื่อเสียงหรือโด่งดังเลยก็มี..
t09.jpg
t09.jpg (31.36 KiB) เปิดดู 3518 ครั้ง
วัดบางคณฑีใน ก่อสร้างขึ้นในราวสมัยกรุงศรีอยุธยา นับอายุถึงปัจจุบันก็สามร้อยกว่าปีแล้ว ทำเลที่ตั้งของวัดอยู่ในสวนลึก การคมนาคมจะใช้สัญจรทางน้ำ ตามที่ผมสังเกตดูน่าจะเป็นวัดที่ค่อนข้างมีความสำคัญในอดีตเพราะวัดแห่งนี้มีศาลาท่าน้ำถึงหกหลัง นับว่าไม่เบาเลยครับธรรมดาแล้ววัดที่อยู่ริมน้ำที่ผมเคยผ่านตามาส่วนมากจะมีศาลาท่าน้ำกันแค่สองหลังเอง
t10.jpg
t10.jpg (34.27 KiB) เปิดดู 3506 ครั้ง
แต่ปัจจุบันการเดินทางเข้าวัดใช้ทางถนน ซึ่งหลวงพ่อตี๋ท่านบอกว่า ถนนและระบบไฟฟ้าเริ่มเข้ามาถึงวัดแห่งนี้ในปี ๒๕๓๘ นี้เอง ใช้งบประมาณของทางราชการและจากวัดคนละครึ่ง เส้นทางเข้าวัดก็ขอรับบริจาคจากชาวบ้านซึ่งส่วนมากแล้วจะประกอบอาชีพทำสวน
t11.jpg
t11.jpg (47.87 KiB) เปิดดู 3503 ครั้ง
หลวงพ่อตี๋ท่านเล่าให้ฟังว่า การขอทำถนนผ่านที่สวนของชาวบ้านค่อนข้างลำบากและมีปัญหา บางคนวันนี้ยกให้วัด พรุ่งนี้เกิดเปลี่ยนใจแล้ว ดังนั้นเส้นทางเข้าสู่วัดจึงมีสภาพคดเคี้ยว หลายเลี้ยว อย่างที่พวกเราเห็นในทุกวันนี้แหละครับ ซึ่งเรื่องของการทำถนนเส้นนี้ หลวงพ่อตี๋ท่านกล่าวแบบมีรอยยิ้มนิดๆ สั้นๆ ง่ายๆ ว่า “เส้นทางคดเคี้ยว เหมือนจิตใจมนุษย์”
t12.jpg
t12.jpg (25.45 KiB) เปิดดู 3505 ครั้ง
ผมยอมรับกับคำพูดของหลวงพ่อครับ..”ผลประโยชน์และการสูญเสียผลประโยชน์” กว่าจะทำให้ทุกคนยอมรับได้ค่อนข้างยาก..บางคนคิดแล้วคิดอีกอยู่เป็นเดือนๆ กว่าจะตัดสินใจได้ เรื่องอย่างนี้มันให้มีเรื่องของ “ความหวาดระแวงสงสัย” อยู่ร่ำไป..เพราะอะไรเหรอครับ เพราะพวกเราคงต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่งว่า “สังคมของมนุษย์” นั่นแหละที่ทำให้ “ความตรงไปตรงมา” ตามธรรมชาติของชาวบ้าน ชาวสวน จำต้อง “คดเคี้ยว” กันไปบ้าง..เพื่อนๆ ว่าไหมครับ
t13.jpg
t13.jpg (32.99 KiB) เปิดดู 3506 ครั้ง
และจากการที่เทคโนโลยีและความเจริญที่เริ่มเข้ามารุกล้ำธรรมชาติและสภาพแวดล้อมของชาวบ้านบางคนที “วัดบางคณฑีใน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสังคมชุมชนแห่งนี้ไม่สามารถปฏิเสธผลกระทบที่เกิดขึ้นได้....
t14.jpg
t14.jpg (30.54 KiB) เปิดดู 3500 ครั้ง
“เดี๋ยวนี้ชาวบ้านโค่น “ต้นลำพู” กันเกือบหมดแล้ว ไม่ไหวว่ะ...เดือนร้อนกันไปหมด เอ็งคิดดูซิ ดึกๆคนกำลังนอนได้ยินเสียง หัวเราะ เอะอะโวยวาย เอาไฟฉายมาส่องหิ่งห้อยอยู่หน้าบ้าน...บางคนส่องเข้ามาถึงในบ้าน ชาวบ้านไม่ต้องหลับต้องนอนกัน...พอเอะอะเข้าก็ย้ายมาส่องที่วัดบ้างๆ วัดข้าก็โดนประจำ..พระไม่ต้องหลับต้องนอนกันแล้วนี่ก็โค่นไปซะหลายต้นแล้ว...ไม่ไหว ไม่ไหว....ข้าก็เข้าใจละนะไอ้พวกโฮมสเตย์น่ะ...แต่บางทีมันเกินไป..ทุกวันนี้ ไอ้พวก “หิ่งห้อย” จะตายหมดแล้ว....”(หัวเราะ)
t15.jpg
t15.jpg (32.62 KiB) เปิดดู 3497 ครั้ง
ครับ....”การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ”..แทนที่จะเป็น “การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของชุมชน” ให้เกิดความเข้มแข็ง ร่วมแรงร่วมใจกันมากขึ้น กลับกลายเป็น “การก่อความขัดแย้งของคนในชุมชน” และ “ทำลายเอกลักษณ์ท้องถิ่น” รวมถึง “ระบบนิเวศ” ที่เคยสมบูรณ์ก็ใกล้จะสูญไป…
t16.jpg
t16.jpg (16.29 KiB) เปิดดู 3492 ครั้ง
โดยเฉพาะ...“หิ่งห้อย” ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของระบบนิเวศได้เป็นอย่างดี เพราะหิ่งห้อยจะฟักตัวอยู่ในหอยฝาเดียวและต้องเป็นน้ำที่สะอาด เมื่อเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัยก็มีต้นลำพูเป็นที่อยู่อาศัย แต่ปัจจุบันมีธุรกิจท่องเที่ยวเข้ามาทดแทน ต้นลำพูถูกตัดเพื่อสร้างโฮมสเตย์ ที่พักริมน้ำ เมื่อต้นลำพูเริ่มหายไป หิ่งห้อยตัวน้อยๆก็พลอยต้องลดน้อยลงไปด้วย นอกจากโฮมสเตย์แล้ว
t17.jpg
t17.jpg (29.17 KiB) เปิดดู 3491 ครั้ง
อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ต้นลำพูลดจำนวนลงก็คือมีเรือที่นำนักท่องเที่ยวไปชมหิ่งห้อย ส่งเสียงดังและวิ่งในเวลากลางคืน จึงรบกวนชาวบ้านที่ปกตินอนหัวค่ำ จนทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมน้ำและมีต้นลำพูอยู่หน้าบ้านต้องพากันตัดต้นลำพูทิ้ง ….เฮ้อ!!..เดือนร้อนทั้งพระ ทั้งคน..คนที่โชคดีที่สุดน่าจะเป็น “พ่อโกโบริ” แหละครับที่ไม่ได้รู้เห็นกับการเปลี่ยนแปลงของ “ต้นลำพูกับหิ่งห้อย”....

นอกจากความเปลี่ยนแปลงในเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ความเจริญทางด้านวัตถุส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจกับชาวบ้านบางคนทีแห่งนี้..
t18.jpg
t18.jpg (27.01 KiB) เปิดดู 3486 ครั้ง
“ข้าเคยคุยกับคนเฒ่าคนแก่แถวๆวัดว่า ทุกวันนี้คนเราเป็นชาวพุทธกันเฉพาะงานศพ พวกมึงคิดดูร้อยวันพันปีไม่เคยเข้าวัด พอมีคนตายถึงจะมาวัดซักที เอ้า !!...พวกมึงว่าจริงมั๊ย พองานบุญวันพระไม่มากันไป เที่ยวที่อื่นดีกว่า”(หัวเราะ)

ผมสะอึกกับคำพูดของหลวงพ่อตี๋ พลางแอบคิดในใจว่า..คนเราทุกวันนี้อยู่ในสังคมที่เร่งรีบและต้องแข่งขัน คำสั่งสอนหรือพิธีกรรมโบราณของพุทธศาสนา บางครั้งไม่สามารถช่วยสร้างกำลังใจหรือสร้างความรู้สึกของผู้คนในยุคนี้ให้หันมาสนใจในพระพุทธศาสนาได้เลย….เออ..หลวงพ่อองค์นี้นี่ “คม” ไม่เบาเลยแฮะ พูดนิ่มๆแต่เฉือนอารมณ์เลือดสาดเลยที่เดียว...ไม่เฉพาะคาถาอาคม พุทธศาสนาเชิงนิเวศวิทยา(อันนี้ผมคิดเอง) ..ก็ไม่เบา เรียกว่า..“พูดเห็นภาพ” เลยแหละครับ

จากพุทธโอวาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่แสดงก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า “จงมีธรรมเป็นประทีปส่องทางแก่ตัวเอง” ถึงกาลเวลาผ่านไปกว่าสองพันปีแล้ว คำสอนของพระพุทธองค์กลับยิ่งหยั่งรากมั่นคง ทำให้ทุกวันนี้หลวงพ่อตี๋ ท่านจะใช้เวลาว่างศึกษาธรรมะและฝึกวิปัสสนา ตลอดจนเผยแพร่ธรรมะแก่ชาวบ้านในละแวกวัด
t19.jpg
t19.jpg (36.43 KiB) เปิดดู 3489 ครั้ง
“วิปัสสนาไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรเลย” หลวงพ่อพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ...

“วิปัสสนา คือ “การเห็นแจ้ง” หรือการเห็นสิ่งต่างๆอย่างที่เป็นจริงๆ...”

“ลองเฝ้าสังเกตลมหายใจตนเองสักสองสามวัน...เราจะเริ่มสนใจความรู้สึกของตัวเองและรู้ตัวว่าเราเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับกิเลส..ฯลฯ..ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ความรู้สึกต่างๆ ...จากนั้นตัวเราก็จะตระหนักถึงความไม่เที่ยงของสรรพสิ่งทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลงไป พระพุทธเจ้าทรงพบแนวคิดที่เข้าใจง่ายเช่นนี้...นี่แหละคือส่วนหนึ่งของธรรมมะ ตัวข้าเองยังคงศึกษาได้แค่กระพี้ภายนอกเท่านั้น การหยังลึกลงสู่แก่นแท้จริงยังต้องใช้เวลาอีกนาน...ไม่รู้เท่าไหร่…..”

ครับ..ถึงจะเป็นแค่กระพี้เล็กๆ ของพระศาสนา แต่หลวงพ่อตี๋ท่านได้นำกระพี้ชิ้นนี้มาแตกหน่อออกผลใช้สอนแก่ชาวบ้าน....ย้อนกลับนิดครับ..หะแรกที่ผมเข้ามาที่วัดแห่งนี้ เห็นมีการตั้งเครื่องเสียงไว้มากมายหลายจุดคิดว่าคงจะมีงานวัดหรืองานบุญอะไรสักอย่าง ตอนนี้ถึงฝั่งแล้วครับ
t20.jpg
t20.jpg (22.45 KiB) เปิดดู 3480 ครั้ง
เครื่องเสียงเหล่านี้เองที่หลวงพ่อตี๋ ท่านใช้สอนเทศนากับญาติโยมในทุกวันพระ..เพราะเหตุที่วัดบางคณฑีแห่งนี้อยู่ท้ายสวน คนเฒ่าคนแก่บางคนเดินทางมาวัดไม่ไหว..หลวงพ่อตี๋ท่านเลยใช้เครื่องเสียงนี้เป็นตัวกระจายพระธรรมคำสั่งสอนในพระไตรปิฏกให้ชาวบ้านได้ฟังกัน..หรือหากใครมีปัญหาข้อข้องใจอะไรกับวัด(เหมือนเสียงตามสายแบบชาวบ้านชนบทน่ะครับ) หลวงพ่อท่านก็ให้ตั้งเป็นกระทู้คำถามเข้ามาซึ่งหลวงพ่อตี๋ ท่านเรียกบริบทนี้น่าเอ็นดูครับ ..”การประลองยุทธบนลานธรรม”......แหม...ผมละเชื่อท่านเลยจริงๆ.....
t21.jpg
t21.jpg (29.95 KiB) เปิดดู 3477 ครั้ง
ปัจจุบันนี้ หลวงพ่อตี๋ท่านเลิก “สักยันต์” มานานแล้วครับ ท่านว่าเบื่อหน่ายกับลูกศิษย์ที่สักไปแล้วประพฤติตัวไม่ดีผิดศีลธรรม ซึ่งเมื่อพูดถึงเรื่องนี้หลวงพ่อท่านหันมามองพวกเราด้วยแววตามุ่งมั่นก่อนพูดออกเสียงขรึมๆ.....
t22.jpg
t22.jpg (55.08 KiB) เปิดดู 3471 ครั้ง
“ไอ้พวกเลวๆ แบบนี้พระก็ไม่คุ้มครอง .....ต่อให้พวกมันมีดีขนาดไหนก็ไม่รอด...ตัวกูเองถ้าชั่วก็ไม่รอดเหมือนกัน มันกับกูถือกฎหมายฉบับเดียวกันโว๊ย...” (หัวเราะ)

เป็นยังไงครับ...สำหรับผมฟังแล้วรู้สึกสะใจจริงๆ “หลวงพ่อกับลูกศิษย์ ถือกฎบัญญัติ ถือกฎหมายฉบับเดียวกัน”ใครทำผิดก็ต้องรับโทษเหมือนกันไม่มีข้อยกเว้น...ดังนั้นลูกศิษย์หรือท่านใดที่เคยรับ “การสัก หรือถือพระเครื่องของหลวงพ่อตี๋” โปรดพึงสังวรไว้เถอะครับ.. “วันเปิดของท่านยังคงมีตลอดเวลา”
t23.jpg
t23.jpg (54.06 KiB) เปิดดู 3474 ครั้ง
ครับ...ทุกวันนี้ยามว่างจากศึกษาธรรม หลวงพ่อตี๋ท่านจะอุทิศเวลาไปกับ “การเขียนตะกรุด” เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ทหาร ตำรวจที่ปฏิบัติภารกิจในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมพอทราบเป็นกระสัยว่า “ตะกรุด” ของท่านมีประสบการณ์มากในพื้นที่ ซึ่งเรื่องนี้ปรากฏเป็นรูปธรรมเห็นได้ชัดเจนจากจำนวนจดหมายที่เขียนมา “เปลี่ยน”ตะกรุด (แทรกเกล็ดนิดครับ ภาษาเรียกของพระในแถบแม่กลอง “การบูชาหรือเช่าพระ” จะใช้คำว่า “เปลี่ยน”)
t24.jpg
t24.jpg (22.12 KiB) เปิดดู 3464 ครั้ง
เป็นยังไงครับเพื่อนๆ “อาจารย์ตี๋ จอมขมังเวทย์”...ผู้ถือคติ “เกิดเป็นคนต้องให้โอกาสคน” ผมรู้สึกถึงฝั่งฝันของความคิดครับว่า “เราไม่อาจยืนยันความดี ความบริสุทธิ์ของใครได้” แต่ถ้าหากเป็น “เรื่องความผิดหรือความเลว” ละก้อ...เรามีหลักฐานและอ้างได้เสมอ เหมือนกับบริบทของสังคมบ้านเราที่กำลังขับเคลื่อนไปในขณะนี้ “ทุกคนต่างคนต่างก็เป็นพยานแห่งความผิดของกันและกันได้ตลอดเวลา”.....ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไรเพื่อนๆ รู้มั๊ยครับ..
t25.jpg
t25.jpg (54.98 KiB) เปิดดู 3464 ครั้ง
ก็เพราะ “จิตใจมนุษย์เป็นดั่งเส้นทางที่คดเคี้ยว” ดังนั้นการขาดความจริงใจ ขาดความสามัคคี จึงเป็นปัญหารุนแรงของคนไทยที่ต้องรีบเยียวยาก่อนทีสังคมจะบอบช้ำกว่านี้...

ก่อนกราบลาหลวงพ่อตี๋ เพื่อเดินทางกลับบ้านในวันนั้น..หลวงพ่อท่านได้ร่ายมนต์สะกดความรู้สึกของพวกเราอีกครับว่า...

@โลกเรานี้มันกว้างใหญ่ไพศาล...ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเห็นอยู่นี้ล้วนแต่เป็นอดีต...ภาพที่เราเห็นอยู่ข้างหน้าคือการเดินทาง และจุดสุดท้ายของการเดินทางไม่สามารถจะเป็นอะไรไปได้นอกจาก.... “ปัจจุบัน” @

กราบนมัสการ “อาจารย์ตี๋ จอมขมังเวทย์” ผู้เสกกระพี้ของปัญญาเข้าสู่แก่นของจิตใจ.....
t26.jpg
t26.jpg (51.9 KiB) เปิดดู 3456 ครั้ง
ขอขอบคุณ คุณพรชนก สุขพงษ์ไทย ที่เอื้อเฟื้อภาพ คุณประจักษ์และน้องปอย(บุตรสาว) ที่สนับสนุนการเดินทาง เพื่อนต่อ สำหรับคำแนะนำ และคุณสมบูรณ์ ร้านนายฮ้อ สระบุรี สำหรับกำลังใจที่มีให้ตลอดมาและหวังว่ากำลังใจนี้จะมีให้ตลอดไปนะครับ...

Re: หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม

จันทร์ 01 ธ.ค. 2008 6:57 pm

ขอบคุณ คับพี่จิ้งจก

Re: หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม

อังคาร 02 ธ.ค. 2008 12:48 am

อ่านแล้วคิดถึงหลวงพ่อแฮะ....
ขอบพระคุณพี่จิ้งจกมากครับ
:ilu:

Re: หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม

พุธ 03 ธ.ค. 2008 8:26 pm

ขอบพระคุณคุณศิษย์กวงผู้บรรเลง

และขอขอบพระคุณคุณจิ้งจก รถหัวลากที่ไม่เคยหยุดแม้คอนเทนเนอร์แห่งความรู้จะตู้ใหญ่เพียงไหน (ตูก็ไม่ท้อที่ลากกกกก...) :lol: :lol: :lol:

Re: หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม (1)

อังคาร 21 ก.ค. 2009 1:53 pm

เมื่อวานมีคนส่ง SMS มาหาผมว่า อยากทราบเรื่องของหลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม ผมเลยลองมานั่งนึกดูก็จำได้คุ้นๆ ว่า เคยลากมาแล้ว หาอยู่แป๊ปนึงก็เลยมาโพสต์ให้ขึ้นด้านบนให้ได้อ่านกันครับ และเพื่อฉลองศรัทธา เดี๋ยวจะเอาตอนที่ 2 จากท่านศิษย์กวงมาลงครับ โปรดอดใจรอสักครู่ครับผม

Re: หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม (1)

อังคาร 21 ก.ค. 2009 5:22 pm

ติดตามอ่านตอนที่ 2 ได้ที่นี่ครับ forum15/topic2012.html

Re: หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม (1)

อังคาร 21 ก.ค. 2009 8:19 pm

ขอบพระคุณมากมายครับ

ใครนะส่ง sms มากวนใจคุณจิ้งจก ฮึ :agy:

Re: หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม (1)

อังคาร 21 ก.ค. 2009 8:31 pm

ใช่ๆ ต้องขอค่าปรับเป็นพระเศรษฐีนวโกฎิสักองค์คงจะดี เพราะเรายังไม่มี :lol: :lol: :lol:

Re: หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม (1)

อังคาร 21 ก.ค. 2009 8:48 pm

.gif
.gif (7.35 KiB) เปิดดู 3223 ครั้ง

Re: หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม (1)

พฤหัสฯ. 23 ก.ค. 2009 11:12 am

แหม...ทำตกใจ ไปได้ เอาของใหม่ๆ ก็ได้ หน้าตักสัก 3 นิ้วกำลังดี เนอะๆ ของใหม่ๆ แบบอุ่นๆ จากพิธีเลยก็ดี :lol: :lol: :lol:

Re: หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม (1)

ศุกร์ 24 ก.ค. 2009 9:31 am

ขอบพระคุณครับ แหล่มอีกแล้ว 8-)

Re: หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม (1)

ศุกร์ 14 ส.ค. 2009 12:42 pm

แหล่มเลย...........

Re: หลวงพ่อตี๋ วัดบางคณฑีใน สมุทรสงคราม (1)

พฤหัสฯ. 15 เม.ย. 2010 11:59 am

ขอบคุณครับ
อ่านบทความแล้วรู้สึกประทับใจ
และศรัทธาในหลวงพ่อตี๋
มากยิ่งขึ้นไปอีกครับ

:grt: :grt: :grt:
ตอบกระทู้