นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 04 พ.ค. 2024 5:08 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ถอดถอนกิเลส
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 25 เม.ย. 2017 6:10 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4548
ครั้นถอดถอนกิเลสได้แล้ว
ก็เป็นอริยบุคคลขึ้นมาทันที
หากยังไม่ได้ ก็เป็นนิสสัย
ได้เป็นปัจจัยต่อไปในภายภาคหน้า
แต่กว่าจะได้ ก็ต้องทำแล้วทำเล่า
ซ้ำแล้วซ้ำอีกเรื่อยไป
หมั่นขยันตักเตือนตนของตน
ทำไปเถ๊อะ..มันไม่สูญเปล่าหรอก

หลวงปู่จาม มหาปุญโญ



"เราเหงา เพราะเราหวัง
พึ่งคนอื่น สิ่งอื่น ถ้าใจมันนึกว่า
อัตตาหิ อัตตโน นาโถ
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็หายเหงา

ทำใจให้มีที่อยู่
ที่อยู่ของใจคือ วิหารธรรม
ถ้าใจ ยึดมั่นในพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์
อย่างแน่วแน่ ก็หายเหงา"

-:-หลวงพ่อพุธ ฐานิโย-:-






วันนี้มีโยมมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สิรินธร เลยขึ้นมานมัสการองค์หลวงปู่ที่ศาลาหลวงพ่อบันดาลฤทธิผลจึงกราบเรียนถามปัญหาคาใจ

โยม : หลวงปู่ครับพระพุทธเจ้ามีจริงหรือเปล่าครับ

หลวงปู่ : มีจริงสิ ทำไมจะไม่มี

โยม : เราจะพิสูจน์ยังไงครับว่าพระพุทธเจ้ามีจริงและคำสอนที่อยู่ในพระไตรปิฏกเป็นของจริง อาจเป็นพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งเขียนขึ้นมาเองก็ได้

หลวงปู่ : ไดโนเสาร์มีจริงไหมคุณ

โยม : มีสิครับผม

หลวงปู่ : อ้าวคุณรู้ได้ไงว่าไดโนเสาร์มีอาจเป็นใครคนใดคนหนึ่ง เอาอะไรมาหล่อเป็นโครงกระดูกแล้วแต่งเรื่องหลอกพวกคุณก็ได้

โยม : ก็มีฟอสซิล มีโครงกระดูก มีนักวิชาการรับรองว่าไดโนเสาร์มีจริงเป็นสัตว์ที่เคยมีชีวิตอยู่ในโลกนี่ครับ มีการพิสูจน์มีเอกสารรับรอง

หลวงปู่ : ถ้าคุณว่าอย่างนั้นพระพุทธเจ้าก็ทรงมีจริง พระธาตุหรือกระดูกของพระองค์ยังอยู่ พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงก็ยังอยู่ พระอรหันต์พระอริยะเจ้าที่ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ก็ยังพ้นทุกข์อยู่ ท่านเหล่านั้นก็ยืนยันว่าพระธรรมของพระองค์ปฏิบัติได้จริงและพิสูจน์แล้วเห็นผลจริง พวกเราผู้เกิดไม่ทันก็อาศัยพระธรรมคำสั่งสอนนั้น ปฏิบัติตามและก็เห็นผลตามนั้น ถ้ามีครูบาอาจารย์องค์ใดองค์หนึ่งแต่งพระไตรปิฏกมาหลวงปู่ก็ถือว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าเพราะภูมิธรรมในชั้นพระไตรปิฏกเป็นธรรมชั้นพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทรงแสดงได้ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้เป็นพระอรหันต์พระอริยะเจ้าทั้งหลาย ผู้ประพฤติปฏิบัติตาม ล้วนแต่เคารพในพระพุทธเจ้าและพระธรรมคำสั่งสอนนั้น พระพุทธเจ้ามีจริง พระธรรมปฏิบัติได้จริงเห็นผลจริง พระพุทธเจ้าไม่ได้หลอกเรา พ่อแม่ครูบาอาจารย์ก้ไม่หลอกเรา เพราะพระไตรปิฏกนั้นก็เป็นเครื่องรับรองความมีอยู่ของพระพุทธเจ้านั้นไงเล่า

โยม : อย่างนั้นผมจะเคารพต่อครูบาอาจารย์และปฏิบัติตามพระไตรปิฏกจะสามารถพ้นทุกข์และเข้าสู่พระนิพพานเป็นพระอริยะเจ้าได้ใช่ไหมครับหลวงปู่

หลวงปู่ : ไม่ได้ บางคนหลงหนังสือหลงพระไตรปิฏกจนลืมพระธรรม บางคนหลงครูบาอาจารย์เที่ยวกราบเที่ยวเฝ้าเที่ยวแหนครูบาอาจารย์ จนลืมการปฏิบัติ อะไรที่สอนเราได้ที่เราพิจารณาเพื่อลดความอยากละกิเลสตัณหาได้ อันนั้นก็พระธรรม เราอาศัยพระไตรปิฏกและครูบาอาจารย์เป็นแนวทางเป็นหลักยึดเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน แต่การหลงยึดหลงติดในพระไตรปิฏกหลงติดในครูบาอาจารย์ก็เป็นเครื่องขวางกั้นพระนิพพานได้เหมือนกัน หลงมันก็คือหลง จะให้เดินตามทางที่ถูกต้องไม่หลง เข้าใจนะ

_____________________

คติธรรม คำสอน โดย พระญาณวิสาลเถร (หลวงปู่หา สุภโร) หรือ หลวงปู่ไดโนเสาร์ วัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์






พระอาจารย์คม ตอบว่า

" การภาวนาได้ผลช้าเร็วต่างกันนั้น นอกจากเรื่องจริตนิสัยความเพียรในการภาวนาแล้ว เป็นเรื่องของความเกี่ยวข้องกับครูบาอาจารย์ สถานที่ และภพภูมิด้วย กำหนดสติให้ต่อเนื่อง และตั้งใจภาวนาต่อไป ยิ่งจะพบความอัศจรรย์ กายวิเวก จิตตวิเวก อุปธิวิเวก

กายวิเวก -กายสงัดจากสิ่งวุ่นวาย
จิตตวิเวก -จิตสงัดจากนิวรณ์ มีสมาธิ
อุปธิวิเวก -ธรรมอันเป็นที่สงัดจากกิเลส

กายวิเวก จึงนำมาซึ่งจิตตวิเวก
จิตตวิเวก จึงนำมาซึ่งอุปธิวิเวก "
_________________________________________

พันตำรวจเอก ญาณพล - คุณสุกัญญา ยั่งยืน
รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

สมาทานศีล ๘ และเจริญกรรมฐานภาวนา
ณ วัดป่าธรรมคีรี เป็นเวลา ๗ วัน

ท่านญาณพล และคุณสุกัญญา เป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิพระอาจารย์คม อภิวโร และเป็นผู้ใหญ่ที่มีน้ำใจดียิ่งของญาติมิตร

ครอบครัวยั่งยืน มีความเกี่ยวพันกับครูบาอาจารย์สำคัญในสายกรรมฐานหลายรูป อาทิ หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่จาม หลวงพ่อวันชัย เป็นต้น

คุณสุกัญญา เป็นหลานสาวอาจารย์จินตนา ผู้ที่หลวงตามหาบัวเคยเมตตาเล่าในงานศพของอาจารย์จินตนาว่า อาจารย์จินตนาได้เกิดเป็นคู่บารมีท่านมาหลายชาติ ทุกชาติจะตายก่อนหลวงตา หลวงตาได้มาเผาศพให้ทุกชาติ แต่ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้วที่หลวงตาจะมาเผาศพให้ได้

อาจารย์จินตนาจะพาลูกหลานเข้าวัด ปฏิบัติธรรมใกล้ชิดหลวงปู่หลวงตาครูบาอาจารย์จนเป็นนิสัย ซึ่งลูกหลานที่ว่านั้น รวมถึงคุณสุกัญญา ภรรยาท่านญาณพลท่านนี้ด้วย

ด้วยกุศลที่เคยมีร่วมกันมา ทำให้ท่านญาณพล และคุณสุกัญญา มีความเคารพศรัทธา และติดตามพระอาจารย์คมมานานหลายปี

การมาปฏิบัติธรรม ๗ วันครั้งนี้ ทั้งสองท่านกราบเรียนว่า

" รู้สึกดีมากๆ ของเก่าที่หายไป ได้กลับคืนมา จิตรวมสงบไวมาก สมาธิตั้งมั่น มีพลังเต็มเปี่ยม มีความปิติสุขใจไม่มีประมาณ ไปภาวนาที่อื่นจิตก็ไม่เป็นอย่างนี้ "

พระอาจารย์คม ตอบว่า

" การภาวนาได้ผลช้าเร็วต่างกันนั้น นอกจากเรื่องจริตนิสัยความเพียรในการภาวนาแล้ว เป็นเรื่องของความเกี่ยวข้องกับครูบาอาจารย์ สถานที่ และภพภูมิด้วย กำหนดสติให้ต่อเนื่อง และตั้งใจภาวนาต่อไป ยิ่งจะพบความอัศจรรย์ กายวิเวก จิตตวิเวก อุปธิวิเวก

กายวิเวก -กายสงัดจากสิ่งวุ่นวาย
จิตตวิเวก -จิตสงัดจากนิวรณ์ มีสมาธิ
อุปธิวิเวก -ธรรมอันเป็นที่สงัดจากกิเลส

กายวิเวก จึงนำมาซึ่งจิตตวิเวก
จิตตวิเวก จึงนำมาซึ่งอุปธิวิเวก "







“คนที่จะมีปัญญาเห็นประโยชน์ในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ในทุกวันนี้ ในโลกนี้ มีได้น้อย

เพราะว่ากระแสของโลก เป็นกระแสของอารมณ์ ของกิเลสตัณหา ซึ่งทำให้จิตใจของคนเราหลงเพลิดเพลิน...เพลิดเพลินไปกับการหาความสุข ในรูปเสียงกลิ่นรสสัมผัส ในวัตถุธาตุทั้งหลาย”

พระอาจารย์อัครเดช (ตั๋น) ถิรจิตฺโต
21/4/2560 ณ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย






"เราเหงา เพราะเราหวัง
พึ่งคนอื่น สิ่งอื่น ถ้าใจมันนึกว่า
อัตตาหิ อัตตโน นาโถ
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็หายเหงา

ทำใจให้มีที่อยู่
ที่อยู่ของใจคือ วิหารธรรม
ถ้าใจ ยึดมั่นในพระพุทธ
พระธรรม พระสงฆ์
อย่างแน่วแน่ ก็หายเหงา"

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย






"คนอื่นเขาด่าเรา เขาก็ลืมไป
แต่เราไปเก็บมาคิด
เหมือนเขาคายเศษอาหารทิ้งไป
แล้วเราไปเก็บมากิน
แล้วจะว่าใครโง่"

ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก





กามราคะ

"... เหตุเกิดเพราะ แม่ม่ายสาวสวยแถมรวยทรัพย์คนหนึ่ง มาถวายจังหันหลวงพ่อชาทุกวัน ไม่ช้าไม่นาน หลวงพ่อรู้สึกว่า สีกาม่ายคนนี้ คิดมิดีมิร้าย กับท่านเสียแล้ว ตัวท่านเอง จิตใจก็ชักหวั่นไหว

มารกับธรรมะ สู้รบกันอย่างหนักหน่วงภายในจิต กระทั่งท่านคิดปรุงแต่งเรื่องของแม่ม่าย จนรู้สึกว่าจะไว้ใจตัวเองไม่ได้แล้ว ท่านก็เลยตัดสินใจเก็บบริขารรีบจากวัดบ้านต้องในกลางดึก! ไปหา หลวงปู่กินรี จันทิโย ยังวัดป่าเมธาวิเวก

ระยะที่พักอยู่นั้น ท่านได้ทำความเพียรปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด แต่กามราคะก็ได้เข้ามารุมเร้าหลวงพ่อชา อย่างรุนแรง!

ไม่ว่าจะเดินจงกรม นั่งสมาธิ หรืออิริยาถใดก็ตาม ปรากฎว่า มีอวัยวะเพศของผู้หญิง ล้อมปรากฎเต็มไปหมด เกิดความรู้สึกรุนแรง เดินจงกรมก็ไม่ได้เพราะ องค์กำเนิด(องคชาติ) ถูกผ้าเข้า ก็มีอาการไหวตัว

ต้องให้เขาทำที่จงกรมในป่าทึบ เพื่อเดินเฉพาะในเวลาค่ำมืด และเวลาเดิน ต้องถลกสบงพันเอวไว้ การต่อสู้กับกามราคะ เป็นไปอย่างทรหดอดทน ขับเคี่ยวกันอยู่นาน ถึง ๑๐ วัน ความรู้สึก และ นิมิตเหล่านั้น จึงสงบและหายขาดไป

กามราคะ ก็เหมือนกับสุนัข ถ้าเอาข้าวเปล่าๆให้กินทุกวันๆ มันก็อ้วนอย่างหมูเหมือนกัน การปฏิบัตินั้นยากหลายอย่าง แต่ที่ยากจริงๆ ก็เรื่องผู้หญิง นี่แหละ ระวังนะ ! อย่าให้งูเห่ามันฉก วันไหน มันแผ่แม่เบี้ยมากๆ ก็ให้ทำความเพียรให้มาก ! ..."

ประวัติธรรมคำสอน..
องค์หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง






วันนี้มีโยมมาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สิรินธร เลยขึ้นมานมัสการองค์หลวงปู่ที่ศาลาหลวงพ่อบันดาลฤทธิผลจึงกราบเรียนถามปัญหาคาใจ

โยม : หลวงปู่ครับพระพุทธเจ้ามีจริงหรือเปล่าครับ

หลวงปู่ : มีจริงสิ ทำไมจะไม่มี

โยม : เราจะพิสูจน์ยังไงครับว่าพระพุทธเจ้ามีจริงและคำสอนที่อยู่ในพระไตรปิฏกเป็นของจริง อาจเป็นพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งเขียนขึ้นมาเองก็ได้

หลวงปู่ : ไดโนเสาร์มีจริงไหมคุณ

โยม : มีสิครับผม

หลวงปู่ : อ้าวคุณรู้ได้ไงว่าไดโนเสาร์มีอาจเป็นใครคนใดคนหนึ่ง เอาอะไรมาหล่อเป็นโครงกระดูกแล้วแต่งเรื่องหลอกพวกคุณก็ได้

โยม : ก็มีฟอสซิล มีโครงกระดูก มีนักวิชาการรับรองว่าไดโนเสาร์มีจริงเป็นสัตว์ที่เคยมีชีวิตอยู่ในโลกนี่ครับ มีการพิสูจน์มีเอกสารรับรอง

หลวงปู่ : ถ้าคุณว่าอย่างนั้นพระพุทธเจ้าก็ทรงมีจริง พระธาตุหรือกระดูกของพระองค์ยังอยู่ พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงก็ยังอยู่ พระอรหันต์พระอริยะเจ้าที่ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ก็ยังพ้นทุกข์อยู่ ท่านเหล่านั้นก็ยืนยันว่าพระธรรมของพระองค์ปฏิบัติได้จริงและพิสูจน์แล้วเห็นผลจริง พวกเราผู้เกิดไม่ทันก็อาศัยพระธรรมคำสั่งสอนนั้น ปฏิบัติตามและก็เห็นผลตามนั้น ถ้ามีครูบาอาจารย์องค์ใดองค์หนึ่งแต่งพระไตรปิฏกมาหลวงปู่ก็ถือว่าท่านเป็นพระพุทธเจ้าเพราะภูมิธรรมในชั้นพระไตรปิฏกเป็นธรรมชั้นพระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทรงแสดงได้ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้เป็นพระอรหันต์พระอริยะเจ้าทั้งหลาย ผู้ประพฤติปฏิบัติตาม ล้วนแต่เคารพในพระพุทธเจ้าและพระธรรมคำสั่งสอนนั้น พระพุทธเจ้ามีจริง พระธรรมปฏิบัติได้จริงเห็นผลจริง พระพุทธเจ้าไม่ได้หลอกเรา พ่อแม่ครูบาอาจารย์ก้ไม่หลอกเรา เพราะพระไตรปิฏกนั้นก็เป็นเครื่องรับรองความมีอยู่ของพระพุทธเจ้านั้นไงเล่า

โยม : อย่างนั้นผมจะเคารพต่อครูบาอาจารย์และปฏิบัติตามพระไตรปิฏกจะสามารถพ้นทุกข์และเข้าสู่พระนิพพานเป็นพระอริยะเจ้าได้ใช่ไหมครับหลวงปู่

หลวงปู่ : ไม่ได้ บางคนหลงหนังสือหลงพระไตรปิฏกจนลืมพระธรรม บางคนหลงครูบาอาจารย์เที่ยวกราบเที่ยวเฝ้าเที่ยวแหนครูบาอาจารย์ จนลืมการปฏิบัติ อะไรที่สอนเราได้ที่เราพิจารณาเพื่อลดความอยากละกิเลสตัณหาได้ อันนั้นก็พระธรรม เราอาศัยพระไตรปิฏกและครูบาอาจารย์เป็นแนวทางเป็นหลักยึดเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน แต่การหลงยึดหลงติดในพระไตรปิฏกหลงติดในครูบาอาจารย์ก็เป็นเครื่องขวางกั้นพระนิพพานได้เหมือนกัน หลงมันก็คือหลง จะให้เดินตามทางที่ถูกต้องไม่หลง เข้าใจนะ

_____________________

คติธรรม คำสอน โดย พระญาณวิสาลเถร (หลวงปู่หา สุภโร) หรือ หลวงปู่ไดโนเสาร์ วัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์






"...ความอดทนเป็นตะปะอันยิ่งใหญ่ เพราะเหตุที่นิสัยจิตใจของคนมันมีต่างกัน ท่านจึงสอนให้มีความอดทน แต่อยู่ด้วยกันแล้วจงหาความดีต่อกัน ไม่อิจฉาพยาบาทไม่จองล้างจองผลาญ ไม่โกรธเกลียดกัน ไม่มีทิฏฐิมานะ มีอะไรก็ควรที่จะปรึกษาหารือเข้าหากันได้ การมุ่งหน้าเข้าหากันได้เป็นการดีมาก..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี





คำเขาด่า เขาว่าเสียดสีใดๆ มันไหลเข้าหูใด ให้ไหลออกหูนั้น ท่านจะไม่ทุกข์ใจ เมื่อไม่เก็บมันไว้ ถ่านไม่มีไฟ ความร้อนมันก็หาย
หลวงปู่สาย เขมธมฺโม





อย่าเห็นปลาไหลว่าเป็นงู
อย่าเห็นงูว่าเป็นปลาไหล
อย่าเห็นสามรัตนตรัยว่าเป็นของเล่น
ยอดของดีร้อยเปอร์เซ็นไม่รู้หรือ
ให้นับถือ ให้นอบน้อม ให้ยอมกราบวันทา
ยอดบูชารู้หรือไม่ ไม่ใช่ของต่ำเลย

หลวงปู่สาย เขมธัมโม




ตายแล้วก็สิ้นหวัง ฝังแล้วก็สิ้นเรื่อง
ไม่มีใครรื้อบ้านรื้อเมืองไปได้สักคน
หลวงปู่สาย เขมธัมโม






คำสอนพ่อ
อารมณ์พระนิพพาน

มันไม่มีอารมณ์อะไรนี่
อารมณ์อย่างเทวดาก็ไม่มี
อารมณ์อย่างพรหมก็ไม่มี
จะมานั่งห่วงว่าคนนั้นจะแก่ก็ไม่มี
ห่วงว่าคนนั้นจะป่วยมันก็ไม่มี
ห่วงว่าคนนั้นจะหิวมันก็ไม่มี
ห่วงว่าคนนั้นจะเหนื่อยมันก็ไม่มี
มันไม่มีอะไรจะห่วงทั้งหมด อารมณ์มันเฉย ๆ
ถึงจะเป็นลูก เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นสามี เป็นภรรยา อารมณ์เดิมมันก็ไม่มี
แต่ความเนื่องถึงกันในอดีตนั่นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ขึ้นมาบนนี้อารมณ์มันปล่อยหมด
แต่ทว่า คำว่า พันธะ ยังมีอยู่นิดนึงคือ ห่วงพวกที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ แต่ห่วงแล้วจิตมันก็ไม่เป็นทุกข์หรอก
มีกังวลอยู่นิดเดียวว่า ทำอย่างไรเขาจึงจะเป็น พระอรหันต์
จะหาวิธีใดที่จะให้เขามานิพพานได้
พระองค์อธิบายว่า ขณะที่ทรงขันธ์ 5 อยู่ ให้ทำจิตเหมือนกับอยู่ที่นิพพาน
แต่ทว่ากิจที่จะต้องทำก็คือภาระเกี่ยวกับขันธ์ 5
ถือว่าเราทำเพื่อมันทรงอยู่ เพราะมันยังไม่ดับ แต่อย่ามีอารมณ์กังวล มันอยากกินก็ให้มันกิน
มันอยากขี้ก็ให้มันขี้
มันอยากนอนก็ให้มันนอน
ทำสภาวะเหมือนกับว่า
ร่างกายเป็นเสือตัวร้ายที่เราเลี้ยงไว้
แต่เรากำลังจะกระโดดหนีเสือ แต่มันยังไปไม่ได้ เมื่อเราอยู่กับเสือก็มีความรังเกียจเสือ
เราให้มันกินเฉพาะความจำใจ
แต่เนื้อแท้จริง ๆ เราไม่ต้องการมันเลย
แล้วพระพุทธองค์ทรงสรุปอีกว่า
"ให้พยายามรักษากำลังใจว่า ที่เราทรงขันธ์อยู่ให้เหมือนกับว่าเราละขันธ์ 5 ไปอยู่ที่นิพพาน
คืออย่าให้มีอารมณ์ยุ่งหน้าที่ ก็ให้มันเป็นหน้าที่ จิตจงอย่ายุ่ง
ทำทุกอย่างเพื่อเราละโลกนี้ เทวโลก พรหมโลก
ซึ่งเหมือนพยัคฆ์ร้ายที่คอยทำอันตรายเรา
เราต้องการอย่างเดียวคือ "พระนิพพาน"

คัดมาจาก : พ่อรักลูก เล่ม 1
เนื่องในวาระครบรอบ 6 ปีการมรณภาพ ของ
พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน






คำสอนหลวงพ่อเรื่อง "ความสำคัญอยู่ที่ความเข้าใจ"

.. การปฏิบัติพระกรรมฐานของ
บรรดาท่านพุทธบริษัท อันดับแรก
ทุกคนให้มีความรู้สึกไว้เป็นประจำใจ
ทุกลมหายใจเข้าออก มีความรู้สึก
อยู่เสมอว่า "ชีวิตที่เราทรงอยู่นี้
มันจะต้องตาย ไม่มีใครที่จะทรงอยู่
ตลอดกาล ตลอดสมัย"

ฉะนั้นในเมื่อมันจะตายจาก
ความเป็นคน เราจะไม่ยอมขาดทุน
นั่นคือเราจะไม่ยอมย้อนลงอบายภูมิ
ที่เกิดเป็นสัตว์นรกเปรต อสุรกาย
สัตว์เดรัจฉาน ความจริงถ้าเรากลับ
มาเกิดเป็นคนใหม่ก็ถือว่าขาดทุน
เหมือนกัน

ทางที่ดีก็ควรจะคิดว่า ถ้า
อย่างเลวที่สุดเมื่อตายจากความ
เป็นคน เราควรจะเป็นเทวดาหรือ
พรหม ถ้าดีที่สุดนั่นก็คือว่าเราจะไป
พระนิพพาน "การเจริญพระกรรมฐาน
ความสำคัญที่สุดก็อยู่ที่ความเข้าใจ"
ถ้าหากว่าเราเข้าใจเสียแล้ว ผลใน
การปฏิบัติก็มีผล

ทีนี้สำหรับส่วนใหญ่ การเจริญ
พระกรรมฐานนี่ ไม่ค่อยจะสร้างความ
เข้าใจกัน จึงไม่มีผล มักจะถือเอา
เวลาหลับตาภาวนาเป็นสำคัญ เรา
จะเห็นได้ว่า ในสมัยเมื่อองค์สมเด็จ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชีวิตอยู่
เวลานั้น

องค์สมเด็จพระบรมครู เวลา
เทศน์จบปรากฏว่ามีท่านส่วนใหญ่
ได้บรรลุมรรคผล แล้วก็ยังไม่ปรากฏ
ว่าในสถานที่ใดที่รับฟังจากคำสอน
ขององค์สมเด็จพระจอมไตรแล้ว
ก็ไปขะมักเขม้น เรื่องการหลับตา
มากกว่าการคิด

"ความจริงธรรมะขององค์สมเด็จ
พระธรรมสามิสรจะมีผลจริงๆ อยู่ที่
ความเข้าใจ" เมื่อท่านทั้งหลายเหล่า
นั้นฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า "ฟังแล้ว
ท่านก็คิดตาม ใช้ปัญญาพิจารณาไป
ด้วย เมื่อความเข้าใจเกิดขึ้น จิตก็
ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน"

เวลาปฏิบัติพระกรรมฐานให้
มีความรู้สึกอยู่เสมอว่า "เราฝึกจิต
ไม่ใช่ฝึกกาย" ถ้าเอากายไปนั่งแข่ง
กันว่า ฉันนั่งได้นานกว่า ยืนได้นานกว่า
เดินได้นานกว่า นอนภาวนาได้นานกว่า
ตัวนี้ยิ่งเลวจัด มันเป็นมานะถือตัวถือตน
เป็นการโอ้อวด นำเอาอุปกิเลสเข้ามา
ใส่ใจ นี่เป็นอารมณ์เลว ไม่ใช่อารมณ์ดี

ไอ้คำว่านาน นี่ไม่ใช่ความประสงค์
ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ธรรมของเราไม่ใช่
ธรรมเป็นเครื่องเนิ่นช้า ต้องใช้การ
ปฏิบัติให้มีความรวดเร็ว แต่เร็วก็ไม่ใช่
นั่งเร็ว นอนเร็ว ยืนเร็ว เดินเร็ว แต่ว่า
เร็วนั้นก็คือ "ทำจิตให้มันเกิดความ
ฉลาด ให้จิตมันยอมรับนับถือกฎ
ของความเป็นจริง"

"ถ้าเราพิจารณาแต่รูปตัวเดียว
เราก็เป็นอรหันต์ได้" ท่านพาหิยะ
ท่านพิจารณาอะไรได้บ้าง ก็รูป
ตัวเดียวเท่านั้น ถ้าเราตัดรูปเสียได้
ตัวเดียว อะไรมันจะเหลือ รูป เสียง
กลิ่น รส สัมผัส ถ้าไม่มีรูป มันมีเสียง
ได้หรือเปล่า แล้วก็มันจะมีกลิ่นได้ไหม

ถ้ารูปมันไม่มีเสียอย่างเดียว
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
มันจะมีได้ที่ไหน เป็นอันว่า "เราก็
ตัดตัวเดียว ตัดที่รูป ชาติปิ ทุกขา
ความเกิดเป็นทุกข์" อะไรมันเกิด
รูปมันเกิด นี่เราพูดกันในแนวของ
อริยสัจ ..

(พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน)
ที่มาจาก.. โอวาทหลวงพ่อฯ เล่ม ๒


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO