นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 12:39 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความคิดภายนอก ภายใน
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 22 เม.ย. 2017 5:13 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4548
ไม่ใช้ความคิดภายนอกภายใน นั่งอยู่ก็อมลิ้นอมฟันอยู่เฉยๆ สัปหงกงกงัน สติสตังไม่อยู่กับจิต เลื่อนลอย ยืนเดินนั่งนอนมีแต่ความเลื่อนลอยๆ ใช้ไม่ได้ แม้ขณะภาวนาก็ยังเลื่อนลอยอยู่เราจะหามรรคผลนิพพานที่ไหน มรรคผลนิพพานไม่อยู่สถานที่เลื่อนลอย ไม่ใช่ธรรมเลื่อนลอย เข้ากันได้เหรอ

คิดถึงเรื่องพุทธกาลซิ นั่นละเป็นเครื่องทำใจของเราให้กล้าหาญชาญชัยให้ดูดดื่ม พระพุทธเจ้าเป็นพระองค์แรกทรงฝ่าอุปสรรคนานาประการ เกือบเป็นเกือบตายพูดง่ายๆ ถึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าขึ้นมา ให้ถือท่านเป็นตัวอย่าง ถือท่านเป็นเนติแบบฉบับ อย่าถือผู้ใดที่มีกิเลสให้มากยิ่งกว่าถือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อย่างใกล้ชิดสนิทกับใจ

พระสงฆ์สาวกเราก็เห็น อ่านในประวัติของสาวก ไม่ว่าองค์ใดมาจากสกุลใดไม่เอาเรื่องเอาราวจริตนิสัยของสกุลนั้นๆ มาใช้ ท่านเอาหลักธรรมหลักวินัยเป็นคติตัวอย่าง เป็นจริตนิสัยไปเลย ถ่ายเทออกหมดจริตนิสัยที่เคยเป็นมาจากฆราวาส ที่เกี่ยวกับเรื่องสมบัติพัสถาน ความเป็นผู้ใหญ่ผู้น้อย เป็นผู้มีอำนาจอะไรๆ นี้ ตัดออกหมดไม่เยื่อใย มาสร้างเอาใหม่ซึ่งเป็นจริตนิสัยที่กลมกลืนกันด้วยธรรม

พระมหากษัตริย์ที่ออกบวชแต่ครั้งพุทธกาลมีไม่น้อย เศรษฐี กุฎุมพี พ่อค้าประชาชน จนกระทั่งคนทุกข์ไร้เข็ญใจ พระพุทธเจ้าทรงรับเป็นลูกศิษย์ตถาคตหมด ไม่เห็นแก่ว่าคนนั้นมั่งมี คนนี้ทุกข์จน พระองค์ไม่เป็นอย่างนั้น เพราะธรรมให้ความเสมอภาคให้ความร่มเย็นแก่ทุกหัวใจ ไม่ได้ให้ความร่มเย็นเฉพาะคนมั่งมีซึ่งอาศัยวัตถุเป็นที่ตั้ง ธรรมไม่ใช่วัตถุ ธรรมเพื่อจิตใจ ถ้าจิตใจดีทุกสิ่งทุกอย่างก็ดี

พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่ใหญ่พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมพระ ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑
กิเลสกลัวสติปัญญา





"เวลาตายแล้ว เราจะเอาอะไร
ติดเนื้อติดตัวไป ไม่เห็นมีอะไร
นอกจากบุญ กับบาป
ก็พยายามคัดเลือกตัวเอง
สร้างแต่สิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ไม่ดี
ก็ปัดออกๆ เพราะเป็นภัยแก่ตัวเอง"

-:-หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน-:-





“มีเมตตาต่อเขาผู้เป็นทุกข์นั้นดีนัก
แต่อย่าลืมเมตตาตนเอง
ไม่ปล่อยให้ใจตัวเองเป็นทุกข์เพราะเมตตาเขา
ไม่มีอำนาจใดจะไปสู้กับอำนาจกรรของใครได้”

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19






ความชั่วทุกอย่าง แม้ไม่มีใครเห็นก็ชั่ว
เพียงแต่จะชั่วเร็วหรือชั่วช้า
หากมีคนเห็นก็ชั่วเร็ว
แต่ถ้ายังไม่มีคนเห็นก็ชั่วช้า

หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป
วัดโพธิสมภรณ์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี






หลวงปู่ กับพวงหรีด

....เมื่อหลายปีก่อน ผู้เขียนมีโอกาสได้เดินทางไปกับหลวงปู่ เพื่อไปงานศพ คุณแม่สาคร มุสิกเทพ โยมอุปฐากเก่าแก่ของวัด เมื่อไปถึง หลวงปู่ก็มอบผ้าไตรและปัจจัย อุทิศส่วนกุศลถึงคุณแม่ จากนั้นท่านก็โอภาปราศัย กับคณะลูกหลานของคุณแม่ เมื่อได้เวลาพอสมควรท่านก็เดินทางกลับ

แต่ตาเจ้ากรรมของผู้เขียน กลับมองไปเจอพวงหรีดดอกไม้สด ที่เขามาเคารพศพแล้วห้อยไว้ประดับงาน จิตจึงไปผูกกับพวงหรีดนั้น เดินตามท่านมาก็คิดมาเรื่อย จนขึ้นรถกลับ

ในใจก็ยังคิดว่า “ประเทศเรา โดยเฉพาะสังคมชาวพุทธ ควรจะยกเลิกการวางพวงหรีดด้วยดอกไม้สดเสียที เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไร” วางไว้เมื่อสิ้นงานก็เหี่ยวแห้งไป พระไม่ได้ประโยชน์ โยมไม่ได้ประโยชน์หรือแม้แต่ผู้ตายก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ขึ้นมาเลย ขณะที่ส่งจิตออกไปคิดเพลินๆอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกระแอมขององค์ท่าน

หลวงปู่ ; อะแฮ่ม คุณเอ้ย คุณอย่ากินข้าวนะ

ผู้เขียน ; ขอโอกาส ทำไมหล่ะครับ

หลวงปู่ ; ก็คุณกินแล้วก็ขี้ออกมา มันไม่มีประโยชน์อะไร

ผู้เขียน ; ขอโอกาสครับผม เกล้าไม่เข้าใจ การกินข้าวมันก็มีประโยชน์ ต่อตัวเกล้านี้ไงครับผม

หลวงปู่ ; เออ พวงหรีดดอกไม้สด มันก็มีประโยชน์กับคนปลูกเขาไง ใช้ไปเถอะพวงหรีดดอกไม้สดหน่ะ คนปลูกเขาจะได้มีรายได้ คนปลูกมีรายได้ คนขนส่งก็มีรายได้ คนจัดดอกไม้ก็มีรายได้ ร้านขายดอกไม้ก็มีรายได้ มันจะไม่มีประโยชน์ได้ยังไง

คุณเอ้ย! ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ไม่อาศัยอะไร ไม่มีอะไรที่ไม่พึ่งพาอะไร ทุกอย่างล้วนแต่มีประโยชน์ในตัวของมันเอง แล้วแต่ว่าเราจะเอาไปใช้อะไร เราจะมองส่วนใดมุมใด อย่าไปตีเหมา ว่ามันไร้ประโยชน์ไปหมด พระบรมศาสดาท่านว่า ธรรมใดเกิดขึ้น ธรรมนั้นก็ดับ มันจะดับได้อย่างไร ถ้ามันไม่เกิด

อย่าไปมองแต่ส่วนดับ ส่วนผลมันสิ มองหาส่วนเกิด ส่วนเหตุมันด้วย คนเราชอบมองในสิ่งที่ตนถูกใจ พอเห็นสิ่งที่ไม่ถูกใจ ก็ไม่อยากมอง ทั้งๆที่เราต้องเห็น ทั้งสิ่งที่อยากมอง ทั้งสิ่งที่ไม่อยากมอง

คนไม่มีสติ เมื่อมองสิ่งที่ถูกใจก็เสียสติเพราะชอบ เพราะเพลินกับการมองนั้น พอมองเห็นสิ่งที่ไม่ถูกใจ ก็เสียสติเพราะไม่ชอบเพราะเกลียด เพราะชังกับการมองนั้น

คนปล่อยให้อารมณ์ เข้ามามีอิทธิพลกับใจในการมองการเห็น เป็นคนกำลังประมาท กำลังขาดสติ เป็นคนพาลคนโง่นะ! เมื่อไม่มีสติกำกับ การมองการเห็น มีผลก็คือทุกข์ ทุกข์มันเป็นผล คุณอย่าแก้ที่ผล ให้แก้ที่เหตุมัน จะว่าพวงหรีดไม่มีประโยชน์นั้น คุณดูแต่ผล ให้ดูเหตุมันด้วย เห็นที่เหตุ แก้ที่เหตุ ละที่เหตุ อย่าไปแก้ไปละที่ผล มันไม่ทัน เข้าใจนะ.

โอวาทธรรมคำสอน..
พระญาณวิสาลเถร(หา สุภโร) หรือหลวงปู่ไดโนเสาร์





“...เอาความอดทนเป็นแนวหน้าในการที่กระทำทุกอย่าง ไม่ว่าในการประพฤติปฏิบัติใดๆ แม้แต่การงานในทางโลก จะต้องอาศัยความอดทน

ถ้าหากเราไม่มีความอดทน จะทำการงานใดๆ ไปไม่ได้แดดมากไป ร้อนไป หนาวเกินไป เดี๋ยวก็หาว่าเช้า ว่าสาย ว่าบ่าย ว่าเที่ยง อยู่นั้นแหละ อ้างกาล อ้างเวลา หาทางออกอยู่ร่ำไป ทำอะไรก็ไม่ได้ ไม่กล้าทำทั้งนั้น อันเป็นลักษณะของคนเกียจคร้านโลเล และก็เลยทำอะไรไม่ได้...”

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ศรี มหาวีโร





"...ขอให้ท่านทั้งหลายสำรวจดูความสุขว่า ตรงไหนที่ตนเห็นว่ามันสุขที่สุดในชีวิต ครั้นสำรวจดูแล้ว มันก็แค่นั้นแหละ แค่ที่เราเคยพบมาแล้วนั่นเอง ทำไมจึงไม่มากกว่านั้น มากกว่านั้นไม่มี โลกนี้มีอยู่แค่นั้นเอง แล้วก็ซ้ำๆ ซากๆ อยู่แค่นั้น เกิด แก่ เจ็บ ตาย อยู่ร่ำไป

มันจึงน่าจะมีความสุขชนิดพิเศษกว่า ประเสริฐกว่านั้น ปลอดภัยกว่านั้น พระอริยเจ้าทั้งหลายท่านจึงสละสุขส่วนน้อยนั้นเสีย เพื่อแสวงหาสุขอันเกิดจากความสงบกาย สงบจิต สงบกิเลส เป็นความสุขที่ปลอดภัย หาสิ่งใดเปรียบมิได้เลย..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ดูลย์ อตุโล


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO