นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 29 เม.ย. 2024 3:38 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ความหมายของสังฆทาน
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 23 ม.ค. 2017 5:26 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4542
"ความหมายของสังฆทาน"

ถาม : การบูชาชุดสังฆทานผ้าไตรจีวรจากวัดด้วยเงินสด แล้วนำมาถวายซ้ำได้หรือไม่ครับ สมควรหรือไม่ครับ

พระอาจารย์ : อันนี้มันก็แล้วแต่จะว่ากัน (หัวเราะ) คือยุคนี้บางคนก็ขี้เกียจ ก็เลยเอาง่ายๆ อยากถวายสังฆทานและก็เข้าใจคำว่าสังฆทานผิดไป คิดว่าคำว่าสังฆทานมันคือของที่ใส่กระแป๋งเหลืองๆ อย่างนี้ แล้วก็ถวายพระก็เรียกว่าเป็นสังฆทาน อันนี้ก็ไม่ใช่แล้ว

ความหมายของสังฆทานก็คือ ถวายของให้กับส่วนกลางส่วนรวม ไม่ได้ถวายให้กับบุคคลหนึ่งบุคคลใด ของที่จะถวายเป็นสังฆทานนี้เทียนเล่มหนึ่งก็ถวายได้ ผ้าจีวรผืนหนึ่งก็ถวายได้ หรือเงินทองก็ถวายได้เลย ไม่ต้องไปซื้อกระแป๋งมาเวียนกันให้มันเป็นเหมือนกับการเล่นลิเกไป ถวายเงินให้เป็นส่วนกลางของวัดไปเพื่อปฏิสังขรณ์ เพื่อจ่ายค่าน้ำค่าไฟ หรืออะไรต่างๆ นาๆ ก็เรียกว่าเป็นสังฆทานแล้ว คือเป็นการให้แก่ส่วนรวม ถ้าให้แก่บุคคลนี้ เรียกว่าบุคลิกทาน ที่พระพุทธเจ้าท่านเน้นว่าการถวายสังฆทานมีประโยชน์กว่าการถวายแก่บุคคล เพราะบุคคลนี้มีอายุสั้นไม่เกิน ๘๐~๙๐ ปีก็ตาย แต่ส่วนรวมนี้มันจะมีตัวตายตัวแทนกัน มีพระมาบวชกันอยู่เรื่อยๆ พระแก่ตายไปพระหนุ่มก็มีบวชเข้ามาใหม่ ก็ยังจะมีวัดมีสงฆ์อยู่เรื่อยๆให้มาทำหน้าที่ เป็นที่พึ่งของศรัทธาญาติโยมทั้งหลาย ถ้าเราไปพึ่งหลวงพ่อหลวงตาองค์เดียว เดี๋ยวท่านตายไปเราก็ไม่มีที่พึ่ง อย่างพระพุทธเจ้า นี้แม่ของพระพุทธเจ้าก็อยากถวายจีวรให้กับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็บอกไปถวายเป็นสังฆทาน อย่ามาถวายเราพยายามสามครั้งพระพุทธเจ้าก็บอกสามครั้ง แล้วก็บอกเหตุผลว่าถวายให้เป็นสังฆทานจะทำให้ศาสนาอยู่ได้ถึงห้าพันปี ถ้าถวายให้เราคนเดียวนี้ อยู่ได้ ๘๐ ปีก็หมด เพราะถ้าเราตายศาสนาก็หมด เพราะถ้าถวายให้เราคนเดียวพระรูปอื่นไม่มีอะไรถวายเขาก็ไม่มาบวชกัน บวชแล้วมันไม่มีจีวรใส่ไม่มีอาหารกินก็อยู่ไม่ได้

ฉะนั้น เราต้องทำนุบำรุงส่วนรวม อย่าไปเจาะจงแต่เฉพาะบุคคล เพราะว่าบุคคลพออายุหมดเขาก็หมดไป ถ้าเราทำนุบำรุงส่วนรวม นี้ก็จะมีตัวตายตัวแทนมาเติมมาเพิ่มอยู่เรื่อยๆ สงฆ์ก็จะอยู่ต่อไปเรื่อยๆ มีการบวชพระอยู่เรื่อยๆ พระเก่าพระแก่ก็ตายไป พระบวชใหม่ก็เจริญเติบโตขึ้นมาเป็นพระเก่าพระแก่ต่อไปมันก็มีการสืบทอดกันไปเรื่อยๆ ฉะนั้น การถวายของให้แก่ส่วนรวมที่เรียกว่าสังฆทาน อันนี้จึงเป็นประโยชน์มากกว่าการถวายให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง

ดังนั้น การถวายสังฆทานอันนี้ไม่ได้อยู่ที่ของที่อยู่ในกระแป๋งสีเหลือง ของอะไรก็ได้ที่เป็นของสมควรแก่สมณะบริโภค นี้ถวายได้เป็นสังฆทานได้หมด เช่นศาลาหลังนี้ก็สร้างเสร็จ ก็ถวายให้เป็นของสังฆทานไป ไม่ได้เป็นของพระรูปใดรูปหนึ่ง มีไว้สำหรับทุกคนที่อยู่ในวัดนี้มาใช้ทำกิจกรรมร่วมกันได้ โบสถ์ เจดีย์ กุฎินี้ก็เป็นสังฆทานทั้งนั้น ฉะนั้น ของที่เราอยากจะถวายสังฆทาน เราก็แจ้งไปกับทางวัดว่า ขอถวายเป็นส่วนกลางไป ส่วนรวมไป ไม่ได้ถวายให้กับรูปใดรูปหนึ่ง อันนี้ก็จะไปเป็นของส่วนกลางไป ถ้าถวายให้เป็นของรูปใดรูปหนึ่งท่านก็จะเอาไปใช้ตามอัธยาศัยของท่านได้ อันนี้ก็แล้วแต่ศรัทธา จะถวายเป็นสองรูปแบบก็ได้ ส่วนหนึ่งก็ให้กับบุคคล อีกส่วนหนึ่งก็ให้กับส่วนรวมก็ได้

นี่คือความหมายของสังฆทาน จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปเอาเงินซื้อสังฆทานจากวัดแล้วก็เอามาถวายวัดอีกที มันก็อัฐยาย ซื้อขนมยาย ขายขนมยาย นี่แหละ มันก็วนไปเล่นยี่เกกันไปอย่างเดียว ก็เอาเงินใส่ซองไปแล้วเขียนว่าขอถวายเป็นสังฆทานก็จบ แล้วมันก็ได้เหมือนกัน
แต่สังฆทานที่ส่วนใหญ่เราถวายกับพระนี้มันไม่ได้เป็นสังฆทานหรอก เพราะว่าพระรูปไหนมารับก็เป็นของพระรูปนั้นไป เห็นไหม มันก็ไม่ได้เป็นสังฆทาน ถึงแม้มันจะเป็นกระแป๋งสีเหลืองๆ ที่เราเรียกว่ากระแป๋งสังฆทาน แต่ถวายจริงๆ มันก็เป็นของพระรูปนั้นไป แต่ถ้าตอนเช้าที่เรามาศาลาวัดญาณฯ แล้วเราเอากับข้าวกับปลาอาหารมาถวายนี้ มันเป็นสังฆทาน เพราะพระจะเก็บไว้กินคนเดียวไม่ได้ รับแล้วก็ตักแบ่งกัน องค์แรกตักหน่อยแล้วก็ส่งให้องค์ที่สอง องค์ที่สองก็ตักหน่อยแล้วก็เลื่อนไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหละเรียกว่าสังฆทาน
สังฆทานนี้จะเป็นอาหารสดอาหารแห้งก็ได้ ส่วนใหญ่ควรจะเป็นอาหารสดจะดีกว่าเพราะอาหารแห้งพระก็จะฉันไม่ได้ ก็ต้องไปจ้างให้เขามาทำอีก รอให้ญาติโยมมาทำให้ ถ้าจะถวายอาหารให้ถวายอาหารสด อย่าไปเอามาม่าปลากระป๋องเลย เต็มไปหมดในวัดมีแต่มาม่า ปลากระป๋อง (หัวเราะ) ผ้าก็ผืนนิดเดียวจะนุ่งจะห่มก็ไม่ได้ เพราะถ้าผืนใหญ่มันแพง จะประหยัดจะถวายให้ครบชุดมีทั้งผ้า มีทั้งอาหาร มีปัจจัยสี่ครบหมด ก็เลยอย่างละนิดอย่างละหน่อย ใช้อะไรก็ไม่ได้สักอย่างเลย ซื้อเอาอย่างใดอย่างหนึ่งดีกว่า ถ้าอยากจะถวายผ้าก็ซื้อผ้าไตรไปชุดหนึ่งเลย อย่างอื่นไว้วันหลังก็ได้ เอาทีละอย่าง ถ้ามีทรัพย์น้อย วิธีที่จะมีทรัพย์มากก็หัดทำบุญทุกวัน วิธีทำบุญทุกวันก็คือ เอาเงินใส่กระปุกเงินทำบุญวันที่เราไม่ได้มาวัด เราก็เอาเงินใส่กระปุกเงิน ที่เราจะใส่บาตรแต่ไม่มีพระมาบิณฑบาตนี้เราก็ใส่กระปุกไว้ แล้วพอถึงเวลาจะมาวัด โห!! มีเงินมาทำบุญเยอะ จะซื้ออะไรก็ได้เยอะแยะเลย แต่ถ้าไม่เก็บไว้เลยไม่ใส่กระปุกเลย เอาไปเที่ยวหมดเอาไปกินหมด พอถึงเวลาจะมาทำบุญก็ทำได้นิดเดียว.

ธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๖๐

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต




อดีตที่ล่วงผ่านมาแล้ว อย่าไปคำนึงถึงเลย มันก็ออกไปจากปัจจุบันนี้แหละ
อนาคตก็เหมือนกัน มันก็ออกไปจากปัจจุบันนี้แหละ อย่าไปคำนึงถึงเลย
คุมมันเข้า ให้ดูหัวใจตัวเอง อย่าไปดูหัวใจคนอื่น เรื่องของเขา เรามีหน้าที่ของเรา
นักปฏิบัติต้องตัดอย่างนั้นนะ ถ้าไม่ตัดออกอย่างนั้น ก็จะโลเลอยู่อย่างนั้นแหละ
เดี๋ยวก็วิ่งไปนั่น ไปนี่ ไม่ว่าจะทำอะไร ก็จะต้องให้ถูกใจตัวเองหมด
อยู่อย่างนั้นเป็นอย่างนั้นก่อนที่จะเป็นบ้านะ มันบ้าตัวนี้แหละ
.
หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี





"...การแก้ปัญหาของคนเรา ถ้าไม่ป้องกันไว้ก่อนจักแก้ไม่ทัน การแก้ปัญหา เมื่อยังเล็กน้อยจะง่ายกว่า เหมือนอย่างดับไฟกองเล็ก ง่ายกว่าดับไฟกองโต ถ้าเป็นผู้ที่สนใจธรรมะบ้าง ก็จะหาหนทางปฏิบัติได้ถูกต้อง

ดังที่พระพุทธเจ้ายกขึ้นแสดงว่า ธรรมะนั้นเกี่ยวข้องกับตัวเราทุกๆ คน ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ผู้ชายหรือผู้หญิง ถ้าตั้งใจมั่นในการประพฤติธรรม ให้พอเหมาะแก่ภาวะของตนเอง ก็จะทำตนให้พ้นจากความทุกข์ภัยพิบัติได้

ถ้าไม่ปฏิบัติ ก็อาจจะเผลอพลั้งพลาด และถ้าไม่รู้วิธีแก้ปัญหาด้วยธรรมะ ก็อาจจะทำให้หลุดพ้นจากบ่วงปัญหาได้ยาก ฉะนั้น ถ้าสนใจพระธรรมบ้าง ก็จะมีเครื่องป้องกันแก้ไขให้พ้นจากความทุกข์ ดังคำกล่าวที่ว่า พระธรรมคุ้มครอง..."

พระโอวาทธรรมคำสอน..
องค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวัฑฺฒโน)






"...ถ้าผู้ใดเจริญจนถึงมรณกรรมฐานแล้ว อะไรๆเลิกได้หมด ละได้หมด เพราะว่าความตายนั้น เมื่อมาถึงบุคคลใด บุคคลผู้นั้นจะละทิ้งสิ่งทั้งหลายหมด เอาอะไรไปไม่ได้ ไม่ว่าพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ถ้าหากว่านึกมรณภัยกรรมฐานนี้ได้ จิตมันจะถอนได้หมด

ถ้าเอาความตายมาตัดแล้วตัดได้หมด เพราะว่าคนผู้ที่เขาตายไป เขาไม่ได้อะไรแม้แต่สตางค์แดงเดียวก็เอาไปไม่ได้ บางคนเขายังทดลองดูว่ามันจะเอาไปได้ถึงเมืองผีได้ไหม เอาเงินบาท เงินเหรียญยัดใส่ปากให้ พอไปถึงป่าช้าเผาไฟแล้ว ก็ไปเห็นอยู่ที่กองฟอนกองไฟนั้นแหละ บาทเดียวก็เอาไปไม่ได้..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่สิม พุทธาจาโร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO