นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 29 เม.ย. 2024 9:00 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 08 ม.ค. 2017 5:02 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
ร่างกายเปรียบเหมือนบ้านหลังหนึ่งๆ เท่านั้น
ส่วนใจเปรียบเหมือนเจ้าของบ้าน
กายแตกสลายเปรียบเหมือนบ้านปรักหักพัง
เจ้าของบ้านคือใจ ก็ออกจากร่างไปก่อร่างใหม่
ซึ่งเทียบกับเจ้าของบ้านไปปลูกสร้างบ้านหลังใหม่
ถ้าเจ้าของบ้านฉลาดและมีทรัพย์มาก
ก็ปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ได้อย่างมั่นคงและสวยงาม
ถ้าไม่มีทรัพย์มากพอจะปลูกได้ตามใจหวัง
ก็เป็นหน้าที่ของตัวจะตะเกียกตะกายหาที่อยู่อาศัยใหม่
ตามกฎของความจำเป็นบังคับ
ถ้าหาไม่ก็ย่อมทนทุกข์ลำบากเองไม่มีใครช่วยได้
จิตที่ออกจากร่างเก่าไปสู่ร่างใหม่ ก็ขึ้นอยู่กับทรัพย์ภายใน
คือบุญกุศล ถ้าบุญกุศลมีมาก ร่างที่จิตไปก่อภพใหม่ก็สดสวยงดงาม
อายุก็ยืนนาน ความสุขเป็นเครื่องเสวยก็มีไม่อับจนในภพชาตินั้นๆ
ถ้าหาไม่ก็ลดภพชาติและฐานะให้ต่ำลงมาตามลำดับ
และอาจลดลงมาเป็นภพ-ชาติแห่งสัตว์ตัวอาภัพก็ได้ ไม่มีประมาณ
ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าขยาดอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์ผู้มีวิจารณญาณ
จึงไม่ควรนอนใจ เมื่ออยู่ในฐานะที่ยังพอแก้ไขได้อยู่ ยังไม่สายเกินไป

........................................................................

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน

เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๑





"คุณสมบัติของผู้ที่จะบรรลุธรรม"

ถ้ามีปัญญาที่สามารถตัดกิเลสได้ก็บรรลุได้ ถ้าขจัดความอยากต่างๆ ให้หมดไปจากใจได้ก็บรรลุธรรมได้ แต่ส่วนใหญ่มันจะตัดไม่ได้ถ้าไม่มีสมาธิ เพราะถ้าไม่มีสมาธิ ใจจะไม่มีกำลังที่จะไปตัดกิเลส ถึงแม้จะมีมีดแต่ไม่มีกำลังไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงก็ตัดไม่ได้ แต่ถ้ามีเรี่ยวมีแรงแล้วมีมีดก็จะสามารถฟันกิเลสฆ่ากิเลสให้ตายได้ ตอนนี้เรามีปัญญาที่เกิดจากการฟังธรรม แต่ใจของเรานี้อ่อนปวกเปียกเหมือนเด็กทารก ไม่มีกำลังที่จะเอาปัญญาเอามีดของพระพุทธเจ้านี้ไปฆ่ากิเลสได้ เราจึงต้องมาฝึกสมาธิกัน เพื่อทำให้จิตนี้แข็งแรงเหมือนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ใช่เป็นเด็กทารก คนที่ไม่มีสมาธินี้ก็เป็นเหมือนเด็กทารก ใจจะอ่อนปวกเปียก จะโลเล จะไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ แต่ถ้ามีสมาธิแล้วจะเป็นคนหนักแน่น มีหลักมีเกณฑ์ มีพลังที่จะทำอะไรต่างๆได้

ดังนั้น การฟังเทศน์ฟังธรรมอย่างเดียวถ้าไม่มีสมาธินี้ยากที่จะบรรลุได้ ผู้ที่บรรลุจากการฟังเทศน์ฟังธรรมนั้นส่วนใหญ่เขามีสมาธิกันแล้ว เช่นในครั้งพุทธกาล ครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมให้กับบรรดานักบวชทั้งหลาย พวกนี้เขามีฌานมีสมาธิกันแล้ว แต่เขาไม่มีปัญญา พอเขาได้ปัญญาจากพระพุทธเจ้า เขาก็เอาปัญญานั้นมาฆ่ากิเลสได้ทันทีเลย บรรลุธรรมได้ในขณะที่ฟังเพราะเขามีสมาธิแล้ว เขามีกำลังที่จะเอามีดที่พระพุทธเจ้าหยิบยื่นให้ไปฆ่ากิเลสของเขา แต่พวกเรานี้ตรงกันข้าม พวกเรามีมีด เราฟังเทศน์ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า เรารู้ว่ากิเลสคืออะไร แต่เราไม่มีกำลังที่จะไปฆ่ามัน

ดังนั้น เราต้องมาฝึกสมาธิกันก่อน คือถ้าเราฟังเทศน์แล้วไม่บรรลุ เรายังตัดกิเลสไม่ได้ ก็แสดงว่าเราไม่มีกำลังไม่มีสมาธิ เราก็ต้องมาฝึกสมาธิกัน ถ้าเรามีสมาธิแล้วเราอยากเอาธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนให้เราเอามาใช้ เราก็จะสามารถเอามาฆ่ากิเลสตัณหาต่างๆให้หมดไปจากใจได้ เราก็จะสามารถบรรลุธรรมขั้นต่างๆ ได้.

"หนังสือสติธรรม"

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต






“...อดทนเรียนเพียรทำไปเถอะ นับแต่แม่บวชมา สิ่งหนึ่งที่ยังละทิ้งมิได้ และยังไม่เคยละไม่เคยทิ้งก็คือ การชำระล้างเครื่องมลทินกากห่อหุ้มใจ เพราะแม่รู้ตัวเสมอว่า ใจดวงใหม่นี้มันต้องการของมันในการขัดเกลาใจเดิมแท้ ให้ผ่องใสให้ได้

ที่แม่ทำมาตลอด มันมิใช่ของง่ายเป็นของยากลำบากยิ่งนัก มันจะเร็วจะช้ามันขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีธรรมของตน ว่าได้สะสมมาในอดีตจนพอจนพร้อมหรือยัง หรือว่าตัวเองได้ทำขณะนี้มากหรือน้อยเท่าใด ให้เดินจงกรม ให้ภาวนา สวดมนต์ไหว้พระ อย่าให้บาปเข้ามา แต่ให้เป็นบุญอยู่เสมอ

ทำให้มาก เจริญให้มาก ทำไว้ได้มากเท่าใด สติย่อมชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ความรู้ตัวรู้ทั่วรู้กัน รู้เท่าทันในอารมณ์ฝ่ายใด ๆ มันก็จะเกิดขึ้นในตัวเองนี้ อันนี้อย่างนี้ต่อไปมันก็สิ้นสุดจุดจบ

แต่หากไม่คอยใช้สติปัญญาของตน คอยดูคอยรู้ให้มันทัน หรือไม่คอยกีดกันขัดขวางมันไว้ มันก็จะก่อตัวขยายตัวจนสุดท้ายท่วมทับหัวใจ หาความสิ้นสุดไม่พบไม่เจอ...”

โอวาทธรรมคำสอน..
คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ




“..ครูอาจารย์ดีๆ แม้จะมีอยู่มาก แต่สำคัญที่ตัวแก ต้องปฏิบัติให้จริง สอนตัวเองให้มากนั่นแหละจึงจะดี..”
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ




หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต ตอบปัญหาธรรมเรื่องการภาวนา

โยมถาม : การกำหนดเวลานั่งภาวนาให้สติตามดูจิตเท่านั้น หรือว่าต้องทำอย่างไรครับ?

หลวงปู่หล้าตอบ : " เราต้องดูนิสัยของเราก่อน นิสัยของเราเป็นคนมักลืมหลงหรือยังไง ถ้านิสัยของเราเป็นคนมักลืมๆ หลงๆ เราก็ต้องเจริญอานาปานสติ ลมหายใจเข้า-ออก

ถ้าหากว่านิสัยของเราชอบโกรธง่าย อะไรๆ ก็ต้องโกรธง่าย เราก็ต้องแผ่เมตตาตนเสียก่อน ตนไม่ชอบทุกข์ สัตว์ทั้งหลายก็ไม่ชอบทุกข์ แผ่เมตตาตน อะหัง สุขิโต โหมิ นั่น ขอเราจงเป็นสุข อย่ามีเวรมีภัยกับสิ่งอันใดในไตรโลกธาตุ ทุกข์ก็เหมือนกัน อะไรก็เหมือนกัน เราไม่ชอบ เอาตนเป็นพยานแล้ว ก็แผ่เมตตาไป ทั่วทุกหนทุกแห่งบอกว่าสัตว์ทั้งหลาย

คำว่า ทุกข์ๆ ไม่ชอบ คำว่าสุขๆ ได้ยินว่าสุขๆ ก็ต้องชอบ มนุษย์ทั้งหลาย คำว่าทุกข์ๆ ถึงจะไม่รู้ทุกข์ก็ตาม ถึงจะไม่รู้ว่าเหตุเกิดทุกข์เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ก็ตาม แต่ก็ชอบสุข เราจึงแผ่เมตตาไป ถ้าเราไม่แผ่เมตตาเอาตนเป็นพยานก่อน มันก็เป็นพายเรือโต้น้ำ มันไม่ค่อยอยากไป ไม่สนิท

ถ้าหากว่าจิตใจของเรารักสวยรักงามเป็นเจ้าของหัวใจ มองไปทางไหนๆ ก็ชอบแต่จะรัก ในรูปในโฉมของเพศตรงข้าม ได้ระวังอยู่เสมอๆ อันนี้เราก็ต้องพิจารณาอสุภะ จะหนีไม่ได้ ในสกลกายของเราที่ไหนมันสกปรกโสมม เราก็ต้องพิจารณาอันนั้นมากกว่าเพื่อน สิ่งอื่นที่ไม่เห็น มันก็เห็นไปเอง

ถ้าเห็นอันหนึ่งเป็นปฏิกูลชัดในสกลกายนี่ สิ่งอื่นๆ มันก็เสมอภาคกันไปหมด หรือจะพิจารณาแต่ผมลงมาหาฝ่าเท้า จะพิจารณาแต่ฝ่าเท้าขึ้นไปหาผม ปลายผม ดูลักษณะของมัน มันอยู่ยังไง มันมีกลิ่นยังไง

พระอาทิตย์หรือพระจันทร์ก็ตามเราอย่าไปมุ่งมั่น ถ้าเรามุ่ง มันไม่ถูก เพราะกรรมฐานก็เคลื่อนไป นิมิตทั้งหลายนี่ สำหรับอาตมาไม่สงสัยเพราะผ่านมาแล้วแต่ ๒๔๘๘ บางทีเหาะเหินเดินอากาศ บางทีตีลังกาบนอากาศ ปลิ้นคว่ำ ปลิ้นหงาย บางทีก็เหาะไปในทางนอนทะลุภูเขาเลย บางทีก็เดินจงกรมในทางอากาศ บางทีก็ขัดสมาธิไป

เรื่องเหล่านี้มันเป็นอุปจารสมาธิ หมดกำลังก็ถอนออกมาเท่านั้น ที่หมดกำลังถอนออกมาคืออะไร? ก็คืออนิจจังนั่นเอง นั่น สมาธิถึงขนาดนั้นแล้ว ก็ยังอยู่ใต้อำนาจ อนิจจัง

เหตุฉะนั้น พระบรมศาสดาจึงไม่สอนให้ติดอยู่ ถ้าติดอยู่ในเพียงสมาธิเพียงแค่นั้น ถ้าตายเวลานั้น ก็ไปพรหมโลก พรหมปาริสัชชา หมดอายุขัยก็ลงมาอีกเหมือนกัน เพราะมีภพเป็นที่เกิดของสัตว์อยู่ ภะโว ภะวะ ปัจจะโย ภะโว ภะวะ แปลว่าภพเป็นที่เกิดของสัตว์ "

วิสัจฉนาธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) จ.มุกดาหาร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO