นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 4:27 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ทำดีไม่ต้องกลัว
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 17 ธ.ค. 2016 9:08 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
ไม่ต้องกลัวตาย
ความตายไม่มีสิ่งใดน่ากลัว
ตายดีแล้ว
ความตายเป็นทิพย์โอสถ
เพราะมีตายจึงหมดทุกข์โศกโรคภัยได้
หมั่นบำเพ็ญ ทาน ศลี ภาวนาไว้ให้มาก
เกิดจะได้เกิดเป็นผู้มีบุญญาธิการมาช่วยโลก

หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป





ทุกข์กายกับทุกข์ใจ
เกี่ยวเนื่องเหมือนพ่อแม่ลูก
นายกับลูกน้อง
สมภารกับลูกวัด
ทุกส่วนเป็นอวัยวะเดียวกัน
สุขทุกข์เป็นอวัยวะเดียวกัน
แต่พ่อแม่-นาย- สมภาร
ได้รับความสะเทือนใจสองเท่า

หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป






เราต้องมาถามตนเองว่า
คุณงามความดีคืออาวุธที่จะต่อสู้กับมฤตยู
คือความตายนั้นมีพอแล้วหรือยัง
อาวุธที่เราจะใช้ต่อสู้
ก็คือเหตุความดี มี ทาน ศีล ภาวนา

หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป





ความรักกับความร้ายอยู่ใกล้กัน
เหมือนหน้ามือกับหลังมือ
รักร้อยแต่ชังพัน
หลวงปู่จันทร์ศรี จันททีโป





ความหนักที่สุดก็คือก็คือใจ
ความเบาที่สุดก็คือใจ
ความหยาบที่สุดก็คือใจ
ความละเอียดที่สุดก็คือใจ
หรืออัศจรรย์อย่างยิ่งก็คือใจ
อยู่ที่ใจนี้ทั้งสิ้น

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน






ให้พากันภาวนานะ อยู่ข้างในน่ะ ดูหัวใจเจ้าของ
หัวใจดวงนี้ไม่เคยมีใครเหลียวแล มีพุทธศาสนาเท่านั้น
สอนจี้ลงไปจุดมหาภัย คือใจดวงนี้ พาเกิดพาตาย
...แบกหามกองทุกข์ทั้งหลายใจดวงนี้
กิเลสตัวพิษมันแทรกอยู่ภายใน
มีพุทธศาสนาเท่านั้นสอนจี้ลงที่ใจ นอกนั้นไม่เห็นมี
สอนไปนู้นไปนี้ กิเลสมันก็หัวเราะละซี
...พระพุทธเจ้าจี้เข้ามาตรงนี้
ผู้ปฏิบัติตามนี้คือว่าตามร่องรอยของวัฏทุกข์
ตามไป ๆ เห็นไป ๆ รู้ไป ๆ ถึงขั้นสุดยอด
ฟาดขาดสะบั้นลงไปแล้วทุกข์ที่ไหนไม่มี

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๓





"คนเราส่วนมาก มักไม่เข้าใจในการนับถือพระรัตนตรัย บางคนยังพูดว่า ถือพระรัตนตรัยแล้ว
ผียังมาทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยอีก ดังนี้ก็มี
เพราะความไม่เข้าใจนั้นแหละ ผีจึงมาทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยได้ ตามความเป็นจริง การนับถือคุณพระไตรสรณคมม์ ท่านกราบไหว้แต่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้าเท่านั้น ท่านไม่ให้ไปกราบไหว้สิ่งอื่นๆ ใดอีกดังนี้แล "

หลวงปู่พัน ฐิตธัมโม





เราไม่เชื่อพระพุทธศาสนา
บุญวาสนาของเราก็ไม่มี
ถ้าเราไม่เชื่อพระพุทธศาสนา
ก็ให้ตีความว่า เราเป็นผู้บาปหนาสาโหด
แม้พระพุทธศาสนาไม่ข่มเหงให้ใครเชื่อก็จริง
แต่ว่ามันมีเครื่องตัดสินอยู่ในตัว
ถ้าเราไม่เชื่อคำสอนพุทธศาสนา
ก็เท่ากับว่าบารมีของเราต่ำต้อยมาก
ถ้าเราเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
ก็เรียกว่า บารมีเราสูงแล้ว
ผู้มีปัญญาย่อมยินดีในสิ่งที่ควรยินดี
ย่อมไม่ยินดีในสิ่งที่ไม่ควรยินดี
ย่อมสรรเสริญในสิ่งที่ควรสรรเสริญ
ย่อมไม่สรรเสริญในสิ่งที่ไม่ควรสรรเสริญ
พูดกับพวกกับหมู่ก็พูดมาก
เวลาภาวนามีแต่ตนคนเดียว
ก็ไม่เอามากหรอก เอานิดเดียวเท่านั้นละ
อันนี้โวหารก็ต้องหารลง
โวหารก็ให้หารลงที่ใจ
หารลงถึงหนึ่งโวหารกับโวหอนก็อันเดียวกัน

กราบสาธุธรรมคำสอน
องค์หลวงปู่หล้า เขมปัตโต







" คิดแบบไม่มีปัญญา คิดไปตามอารมณ์
ตามความชอบใจ เอามาคิด เอามาปรุงแต่ง
เป็นประโยชน์ไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่ว่า
ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ "

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ






บุคคลไม่นับว่าผู้ทรงธรรม
ด้วยเหตุเพียงพูดมาก
ส่วนผู้ใดถึงได้สดับตรับฟังน้อย
แต่เห็นธรรมด้วยใจ
ไม่ประมาทในธรรม
ผู้นั้นแล เรียกว่าผู้ทรงธรรม
#พุทธพจน์#





หลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านเล่า
ในพรรษาที่ท่านพักบนภูถ้ำค้อนั้น
หลวงปู่มั่นท่านมาเตือนเสมอๆ
หลวงปู่ เล่าว่า
เพียงท่านนอนตื่นผิดเวลาเล็กน้อย
ท่านพระอาจารย์มั่นยังมาเตือนว่า
"อย่าเชื่อตัวเองยิ่งกว่าธรรม"





มันกะเบื่อมันกะหน่ายคลายเมาแบบเย็นแหล๋ว.
บ่แม่นเบื่อหน่ายคลายเมาแบบไปผูกคอตายเด้.
ไปผูกคอตายหยัง ผูกความหลงนั่นให้มันตายอ่ะ.
ความหลงมันตายไปเมิดแหล่วเมื่อความฉลาดมา.
มันตายไปเองมัน มันบ่ขบถคืน.
คั่นมันยังขบถคืนอยู่เรียกว่ามันรู้บ่ชัด.
ตอนใด๋มันรู้ชัดแล้วจ้างมันกะบ่ขถคืน."

หลวงปู่หล้า เขมปัตโต




ลมนี้หากมันมาคือวันนั้น ต้นไม้ขาดหมด บ่มีตัวแต่เอาต้นไม้ขาด
อันใจนี้คือกันบ่มีตัว แต่หากว่ามีฤทธิ์มีเดช
แนวมีตัวคือพวกเขาได้ยินแต่นิทาน เรื่องพระปิณโฑฯ
ที่ได้ยินพวกเดียรถีย์ดูถูกศาสนา เขาว่าบ่มีดอกพระอรหันต์เหาะได้ เว่ากันไปซื่อๆ ดอก เพราะเดียรถีย์มาแสดงฤทธิ์แข่งกับพระพุทธเจ้า พระปิณโฑฯ ไปบิณบาตเหาะรอบเมืองราชคฤห์ เอาตีนคีบภูเขา
คนย่านภูเขาหล่นใส่หัว นี้เป็นหยังจั่งเว่าถึงนี้
เว่าถึงฤทธิ์ของใจ มันเก่งปานนั้น ใจ พวกเราก็มีใจคือกัน
เฮ็ดให้มันสะอาด จึงมีฤทธิ์มีเดชขึ้นคือกัน มีอภินิหารคือกัน
ของไผมันก็ดีได้ คำของพระพุทธเจ้าดี หากฝืนคำเพิ่นก็ทำลายเจ้าของเอง ใจมันก็มืดบอด บ่เห็นหยังล่ะ
หากชำระสะสางก็ค่อยรู้ไปดอก
มีหลักฐานพอได้เห็นเชื่อแน่นเข้าเรื่อย
หนักแน่นเข้าเรื่อย หากบ่ได้เห็น ได้ยินข่าวก็พอปานลมมาพัด
หากได้รู้เห็นด้วยเจ้าของเอง ได้สัมผัสเรื่องธรรมนี้ มีฤทธิ์มีเดช
บ่แม่นฤทธิ์เดชแนวอื่นดอก เพิ่นว่า รสแห่งธรรม ชนะรสทั้งปวง
ความรู้สึกที่มันเย็นอิหยังที่ประณีตที่สุดนั้น สุข แต่ธรรมมวลนี้
มีเกิดมีดับ คือมันเป็นบางคราวแล้วก็หายไป
มันบ่คือพระนิพพานที่มันจ้าอยู่ตลอด เด่นอยู่ตลอด บ่เปลี่ยน
***********************
หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ







"ของเก่าปกปิดความจริง"

การพิจารณาต้องน้อมเข้ามาสู่ภายใน พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริง เมื่อรู้แจ้งเห็นจริงแล้ว มัน ก็วางเอง หลวงปู่มั่น ท่านว่า "เหตุก็ของเก่านี้แหละ แต่ไม่รู้ว่าของเก่า" ของเก่านี่แหละมันบังของ จริงอยู่นี่ มันจึงไม่รู้ ถ้ารู้ว่าเป็นของเก่า มันก็ไม่ต้องไปคุย มีแต่ของเก่าทั้งนั้นตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็ของเก่า

เวลามาปฏิบัติภาวนา ก็พิจารณาอันนี้แหละ ให้มันรู้แจ้งเห็นจริง ให้มันรู้แจ้งออกมาจาก ภายใน มันจึงไปนิพพานได้ นิพพานมันหมักอยู่ในของสกปรกนี่ มันจึงไม่เห็น พลิกของสกปรกออก ดูให้เห็นแจ้ง
นักปราชญ์ท่านไม่ละความเพียร เอาอยู่อย่างนั้นแหละ เอาจนรู้จริงรู้แจ้ง ทีนี้มันไม่มาเล่น กับก้อนสกปรกนี้อีก พิจารณาไป พิจารณาเอาให้นิพพานใสอยู่ในภายในนี่ ให้มันอ้อ นี่เอง ถ้ามันไม่ อ้อหนา เอาให้มันถึงอ้อ จึงใช้ได้

ครั้นถึงอ้อแล้วสติก็ดี ถ้ามันยังไม่ถึงแล้ว เต็มที่สังขารตัวนี้ พิจารณาให้มันรู้แจ้งเห็นจริงใน ของสกปรกเหล่านี้แหละ ครั้นรู้แจ้งเข้า รู้แจ้งเข้า มันก็เป็นผู้รู้พระนิพพานเท่านั้น

"พระอาจารย์แหวน สุจิณโณ"
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่






ส่วนสุขที่เฮาเคยได้ที่เฮาภาวนา มันมีเป็นบางครั้ง บางคราวก็หายไป คือจั่งเวทนา สุขเวทนา มันมีได้ ไผภาวนาก็ต้องเคยได้เจอ
อย่างน้อยก็พอรู้จักเรื่องขันธ์๕ หากแม่นตั้งใจทำอีหลี
นอกจากเฮ็ดพอปานได๋ เฮ็ดนำเพิ่นซื่อๆ บ่รู้จักเรื่อง
ไผมีความเห็น มีอิสระของตัวบุคคล
เฮ็ดตามความเห็นเจ้าของ เป็นเอกราชได้

พระพุทธเจ้า เพิ่นบ่ได้สอนให้เป็นน้อยตลอด
เพิ่นสอนให้เบิ่งตัวเอง เป็นอิสระได้
เบื้องต้นก็ พุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นที่พึ่ง
ต่อไปก็ อัตตาหิ อัตตโน นาโถ จึงเป็นตัวของตัวขึ้นมา
หากยังพึ่งเพิ่น หากยังน้อยพรรษา ยังเป็นนวกะภิกษุ เป็นผู้น้อยอยู่ เป็นผู้ถือนิสัยอยู่ คือผู้กิเลสบ่พ้น เว่าจั่งซั่นซะ
ผู้กิเลสบ่พ้นนี่แม่นจะจับใส่ผ้าสังฆาฏิของพระพุทธองค์อยู่
ก็ถือว่าไกลร้อยโยชน์
ผู้ที่บรรลุธรรมแม่นอยู่คนละทวีป
ก็ถือว่าติดชายสังฆาฏิของพระองค์อยู่
เพิ่นเว่ามีความหมายอย่างได๋ ให้คิดเรื่องพวกนี้
คือมันอันเดียวกัน ผู้รู้ธรรมอันเดียวกัน อยู่ไกลปานได๋ ก็อันเดียวกัน
ผู้บ่แม่นอันเดียว อยู่นำกัน กินข้าวกล่องเดียวกัน
ก็เป็นข้างแดงกับข้าวดำ ข้าวขาว คนละอันจั่งซั่นล่ะ
อุปมาจั่งซั่น เพิ่นเว่าจั่งซี้ล่ะ ความหมายตัวนี้เป็นจั่งซั่น
***********************
หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ







แม้เข้าห้องน้ำก็ต้องภาวนา ไม่บาป ธรรมะ เป็นอกาลิโก

บางคนก็จะไปข้องใจว่า ภาวนาพุทโธ ในห้องน้ำห้องส้วม มันจะไม่บาปหรือ ไม่บาป ธรรมะเป็นอกาลิโก ไม่เลือกกาล เลือกเวลา พระองค์เทศน์สอนไว้แล้ว ถ้ายิ่งเข้าในห้องน้ำ ห้องส้วมน่ะ ยิ่งภาวนาดี เพราะมันมีสิ่งประกอบ สิ่งที่จะทำให้เรามองเห็นสิ่งปฏิกูล น่าเกลียด โสโครก มันก็แสดงออกมาให้เราเห็น แล้วเราภาวนา พุทโธ พุทโธ แปลว่ารู้ รู้ในสิ่งที่เราทำอะไรอยู่ในขณะนั้น
.
ถ้าหากว่าท่านผู้ใดเชื่อในคำแนะนำของหลวงปู่ท่าน ไปภาวนาพุทโธอย่างเอาจริงเอาจัง ส่วนใหญ่จะไม่เกิน ๗ วัน บางคนเพียงครั้งเดียวจิตสงบ สว่าง รู้ ตื่น เบิกบานขึ้นมา ทีนี้เมื่อภาวนาจิตเป็นสมาธิเวลามาถามท่าน ภาวนาพุทโธแล้ว จิตของฉันนี่ตอนแรก ๆ มันมีอาการเคลิ้ม ๆ เหมือนกับจะง่วงนอน ทีนี้มันสะลึมสะลือ เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น
.
พอเผลอ ๆ จิตมันวูบลงไปสว่างตูมขึ้นมา เหมือนกับมันมองเห็นทั่วหมดในห้อง จนตกใจว่า แสงอะไรมันมาสว่างไสว พอตกใจแล้ว สมาธิถอน ลืมตาแล้วความมืดมันก็มาแทนที่ อันนี้เป็นจุดสำคัญ คือถ้าจิตของเราได้สัมผัสกับสิ่งแปลกใหม่ มันจะเกิดความตื่นตกใจหรือเกิดเอะใจขึ้นมา แต่ถ้าหากว่าเราไม่เกิดการตื่นใจหรือเกิดตกใจเกิดเอะใจ จิตของเราสามารถมีสติประคับประคองรู้อยู่โดยธรรมชาติจิตมันก็สงบนิ่ง สว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน มีปีติ มีความสุข
.
หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO