นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 10:39 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: อย่าอ่อนแอ
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 20 พ.ย. 2016 6:02 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
"..อย่าอ่อนแอท้อแท้ในสิ่งที่ดี

อย่าเข้มแข็งในสิ่งที่ชั่ว

ให้พยายามดัดแปลงตนเอง

คนเราถ้าไม่มีการดัดแปลงเลย เป็นคนดีไม่ได้นะ.."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน






"...พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาว่า ความสุขไม่มีในโลกนี้ มีแต่ทุกข์เกิดขึ้นแล้วดับไป ทุกข์อันนี้เกิดขึ้นมาใหม่ แล้วทุกข์อันนั้นดับไป ทุกข์ใหม่เกิดขึ้นมาอีก

เมื่อเห็นตามเป็นจริงอย่างนี้แล้วก็หมดเรื่อง ไม่ต้องไปขอความสุขจากใคร..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี






"...กรรมดี กรรมชั่ว นั่นแหละ ที่ตกแต่งให้โลกได้แก่สัตว์ทั้งหลายนี้ไม่เหมือนกัน

ถ้ากรรมดีมีแล้ว ก็ได้ดั่งใจหมาย จะทำไร่ทำนาก็เจริญ ค้าขายก็เจริญ ศึกษาเล่าเรียนก็เจริญ ทันสมัยเขา เป็นเจ้าเป็นนาย ฉลาด มีสติปัญญาดี เพราะบุญเป็นเครื่องเสริมนั่นแหละ

ถ้าบุญไม่มีแล้ว จะทำอะไรก็ล้าสมัยเขา ผลสุดท้ายก็บ่าแบกหลังหนุน น้ำเหงื่อไหลไคลย้อย ทุกข์จนข้นแค้นแสนกันดาร ทำงานวันยันค่ำก็ไม่พอกิน..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่จันทา ถาวโร






".. จิตที่ส่งออกนอก เพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้น เป็นสมุทัย
(สนองอารมณ์เวทนา)

ผลอันเกิดจากจิตส่งออกนอก แล้วหวั่นไหว เป็นทุกข์
(หวั่นไหว-คิดปรุงแต่ง,ตัณหา)

จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
(สติเห็นจิตสังขารในขันธ์๕)

ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นนิโรธ .."

หลักธรรมคําสอน..
พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)





".. เราจะได้อะไรติดตัวเราไปล่ะ ? หาดู

ถ้าเห็นว่านั่นไม่ดี เราจะนำติดตัวเราไปเหรอ ?

เราก็เพียรละ เพียรทิ้งให้มันหมดแหละทีนี้ .."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่อว้าน เขมโก







"...ให้รักษาพระไตรสรณคมน์ให้แน่นหนา

รักษาพระไตรสรณคมน์ให้ตลอดชีวิต

รักษากาย วาจา ใจให้บริสุทธิ์

อย่าลืมตัว เอาใจนี้แหละเป็นผู้รู้..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่แหวน สุจิณโณ







"...จะเป็นพรหมหรือเทวดา มันต้องเป็นกันเสียแต่ตอนมีชีวิตอยู่นี่ ไม่ใช่หวังว่าตายแล้วจะได้ไปเป็นพรหมเป็นเทวดา

ใจที่เป็นพรหมเป็นเทวดาตอนมีชีวิตนี่ประเสริฐนัก ถ้าเห็นใน เทวธรรม ก็เท่ากับเรานั้นเป็นเทวดา..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก






ธรรมะของพระพุทธเจ้า เป็นของจริงนะ ท่านว่าไว้แล้วครอบคลุมหมด ว่านรกมี สวรรค์มี เทวะโลกมี พรหมโลกมี อรูปพรหมก็มี บรมสุขคือโลกุตรโลกคือพระนิพพาน ก็มี ไม่ใช่ท่านว่าเฉย ๆ นะ มันมีจริงนะ แล้วเราจะหาวิธีการแบบไหน ถึงจะเห็นของจริงเหล่านี้ ถ้าไม่เห็น ไม่เชื่อหรอกคนเรา เชื่อก็เชื่อพอเป็นพิธีไปเท่านั้นหละ ใจไม่เห็น ได้ยินแต่ชื่อ จำแต่สัญญาไว้ นรกก็ไม่กลัว เพราะยังไม่เห็นว่าสวรรค์เป็นของเลอเลิศ เป็นของมีความสุข ก็ไม่อยากไป ไม่รู้จัก ไม่เห็น ไม่รู้จักรสชาติของมันเสียก่อน

คล้ายกับสิ่งภายนอก ผลหมากรากไม้ ซึ่งส่งมาจากเมืองนอก เมืองนา มีรสชาติเอร็ดอร่อยดี แต่เราไม่ได้ลิ้มรส ก็ไม่รู้จักว่าดีไม่ดี นี้ฉันใดก็ดี พระพุทธเจ้า พระอริยะเจ้าหลาย ๆ พระองค์ หลายล้านหลายโกฏิพระองค์มาสอน สอนแบบเดียวกันหมด..

โอวาทธรรม....หลวงปู่ศรี มหาวีโร..






เมื่อเรามามีชีวิตนี่ ก็เรียกว่ามาใช้ชาติ อย่าถือว่าเรามาใช้ชาติ เกิดมาก็ตายไปเฉยๆ แต่ว่าเรามาได้สิ่งของที่ดี ที่จะติดตนตามตัวเราไป

เพราะว่าทานก็คือบุญ การรักษาศีลก็คือบุญ การภาวนาก็คือบุญ เมื่อเราทำได้อย่างนั้นแล้ว เราก็ถือว่า เป็นบุคคลที่มีความฉลาด รู้จักเก็บหอมรอมริบ เอาอริยทรัพย์ติดตนตามตัวเราไป..


โอวาทธรรม....หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร..







"ธรรมชาติของจิต จะไปหยุดนิ่งอยู่นานๆ ไม่ได้ เดี๋ยวมันก็คิด ในช่วงนั้นถ้าเกิดความคิดขึ้นมาปล่อยให้คิดไป แต่ให้มีสติตามรู้ สิ่งที่มันคิดนั้นจะเป็นอะไรก็ได้เรื่องครอบครัว เรื่องการเรื่องงาน เรื่องผู้เรื่องคน จิปาถะสารพัดที่จะคิดขึ้นมา เมื่อมันคิดขึ้นมาอย่างนั้น ปล่อยให้คิดไป แต่ให้มีสติกำหนดตามรู้ รู้ รู้ เป็นการส่งเสริมให้จิตของเรามีพลังเข้มแข้ง เพราะความคิดเป็นอาหารของจิต ความคิดเป็นการบริหารจิตให้เกิดสติปัญญา จินตามยปัญญา ปัญญาเกิดขึ้นได้จากความคิด เมื่อจิตมีความคิด สติสัมปชัญญะรู้พร้อมอยู่ทุกขณะจิต ความคิดสะเปะสะปะเหลวไหลนั่นแหละจะกลายเป็นปัญญาในสมาธิ เพราะจิตของเราคิดแล้วจะรู้สึกแต่เพียงสักแต่ว่าคิด คิดแล้วก็ปล่อยวางไปๆ เมื่อสติสัมปชัญญะมีพลังแก่กล้าขึ้นกลายเป็นปัญญา เมื่อมีปัญญาก็สามารถกำหนดหมายรู้ความคิดว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา แล้วก็รู้พระไตรลักษณ์ขึ้นมา ก็กลายเป็นปัญญาในขั้นวิปัสสนาเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น จะไปข้องใจสงสัยอยู่ทำไมหนอรีบเร่งบำเพ็ญภาวนาให้มากๆ ให้ได้สมาธิเป็นเบื้องต้น

ทีนี้ถ้าหากว่าท่านผู้ใดขี้เกียจ หรือไม่มีอะไรจะคิดก็ให้กำหนดจิตรู้ที่จิตเฉยๆ ถ้าจิตว่างรู้ที่ความว่าง ถ้าจิตคิดรู้ที่ความคิด ว่างรู้ที่ความว่าง คิดรู้ที่ความคิด ไล่ตามกันไปอย่างนี้ เมื่อเราฝึกหัดจนคล่องตัว จนชำนิชำนาญ ทีหลังเราอาจจะไม่ได้ตั้งใจกำหนดรู้อารมณ์จิตหรือความคิด สติก็ทำหน้าที่ตามรู้คอยควบคุม เมื่อมีสติสัมปชัญญะ จิตของเราก็รู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว อะไรผิด อะไรถูก มันจะรู้ของมันขึ้นมาเอง"

โอวาทธรรม....หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO