นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 06 พ.ค. 2024 3:13 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ทำอย่างไรจึงพ้นทุกข์
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 17 พ.ย. 2016 5:41 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4550
" ทำอย่างไรให้พ้นจากทุกข์เพราะรัก "
ปุจฉา~นานแล้วตั้งแต่...ผมมากราบปู่แล้วก็ไม่ได้มาอีกเลย
ผมตั้งใจว่าจะมาวันที่...ทีเดียว
ปู่ครับ ปู่ป่วยเป็นโรคไส้เลื่อนหายหรือยังครับ ผมรู้สึกเป็นห่วงอาการ
ปู่ทำไมไม่ผ่าตัดละครับ จะได้หายดีนะปู่

สำหรับผมนั้นก่อนหน้านี้ก็นั่งภาวนาจนจิตสงบเยือกเย็นและชุ่มชื่นเป็นลำดับ
การทำมาหากินก็เริ่มดีขึ้น เงินทองก็พอมีเก็บมีเล็ม คิดว่าจะเก็บเงินไว้สร้างฐานะ คงจะไม่เดือดร้อน แต่ไม่รู้ว่าเป็นกรรมหรือเวรอะไรของผม
เมื่อไม่นานมานี้ได้รู้จักกับผู้หญิงทำงานอยู่โรงพยาบาล เกิดรักผู้หญิงคนนั้นจับจิตจับใจ อยากเห็นหน้าทุกลมหายใจ อยากได้เขามาเป็นลูกเป็นเมีย
แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเวลานี้ผมแทบหมดเนื้อหมดตัว
เหล้าไม่เคยกินก็กิน เงินทองมีเท่าไรก็ทุ่มเทให้เขา ผลลัพธ์ไม่มีอะไรดีขึ้น
บางวันคิดไปคิดมาก็อยากตาย การสวดมนต์ไหว้พระและนั่งภาวนาก็ขาดวรรคขาดตอน ถึงนั่งก็ไม่สงบเหมือนแต่ก่อน มีแต่ความฟุ้งซ่าน จิตไม่เคยสงบอยู่กับที่ มีแต่เพ้อฝัน บางวันนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว เพราะห่วงหาอาทรเขามาก ทั้งๆ ที่พิจารณาแล้วว่าผู้หญิงที่สวยงามมันก็คือสิ่งโสโครกปฏิกูล
เป็นโครงกระดูกเดินได้ แต่ก็ยังรักยังฝังใจอยู่เหมือนเดิม
ปู่ครับ ผมขออุบายธรรมจากปู่ด้วยครับว่า..ทำแบบไหนจิตผมถึงจะคลายออกจากผู้หญิงคนนี้ ให้สงบเหมือนเก่า

วิสัชนา~เรื่องการผ่าตัดของหลวงปู่ เพราะว่าหลวงปู่ได้สมาทาน
ไว้แน่นหนาแล้วว่า จะไม่ผ่าตัดใดๆ ทั้งสิ้นและแก่เกินกำหนดผ่าแล้ว
จะอย่างไรก็ไม่พ้นตายอยู่ตามบุญกรรม ภาวนาไปดีกว่า
อนึ่ง เรื่องลูกๆ รักเขา สิ่งไหนที่ถูกรักมากเวลาถูกศอกกลับหลัง
ของธรรมดาสิ่งนั้นก็จะถูกรังเกียจมาก เพราะเหตุใด
เพราะเหตุว่ากิเลสรักนั่นเอง มันจะพาให้โกรธแค้นในเมื่อเวลาไม่สมหวัง
อะไรบ้างที่สมหวังในโลก หลวงปู่ตอบว่าไม่มีอะไรเลย
เพราะมันฝืนความรักไปทุกๆ อย่าง เพราะมันอยู่ใต้อำนาจอนิจจัง
ที่เรารักไม่มีสถานีจบก็เพราะเราอยู่ใต้อำนาจกิเลสแห่งราคะมาก
เราไม่ยอมต่อสู้มันด้วยปัญญาพิจารณาสิ่งปฏิกูลโสโครก
และไม่แยกลงไปเป็นดินน้ำลมไฟ เรารักและกำหนัด ให้มันชนะกำหนัด มันก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ คล้ายๆ กับทิ้งฟืนใส่ไฟ ให้ชนะไฟย่อมเป็นไปไม่ได้ อันนี้เป็นด้านปัญญาอันคมกล้า เราจะเอาสมาธิล้วนๆ ปราบมันไม่ได้ดอก เราต้องเอาปัญญาปราบความหลงของตน
ข้ออื่นยังมีอยู่อีก เราเอาสุราเป็นสรณังคัจฉามิ เราไม่เอาการเว้นเป็นสรณังคัจฉามิ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันไม่เกิดจากดินฟ้าอากาศภายนอก
มันเกิดขึ้นจากจิตใจของเราพิจารณาไม่เป็นธรรม และขอให้เข้าใจว่าสมบัติของใจไม่มีแต่ทุกข์หน้าเดียว จะเอาสุขมาเป็นอาหารก็พอจะได้ เพราะฐานะของใจเป็นฐานะที่ชอบสุข ถ้าใจฉลาดจะเอาทุกข์มาใส่ตัวทำไมเล่า สุขทุกข์ไม่เกิดจากดินฟ้าอากาศ เกิดมาจากจิตใจเราที่ปรุงไม่ถูก เราก็ต้องแก้ไขของเราซิ ใจพึ่งใจไม่ได้ก็เท่ากับว่าธรรมพึ่งธรรมไม่ได้ เราจะไปโทษของภายนอกซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่ มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ เราสำคัญว่าเราฉลาด ก็เราโง่แทบตายใช่หรือไม่ เหตุนั้นจึงทวนดูที่ใจ และคำว่าดีใจ ได้ใจดวงไหนมาจึงดีใจ ก็ใจดวงเก่าอยู่นั่นเอง ข้อนี้ควรพิจารณาทวนดูอย่างนี้จึงจะพ้นความเข้าใจผิด
ท้ายนี้ด้วยพระเดชพระคุณพระพุทธศาสนา
พวกเราทั้งหลายซึ่งทรงสร้างปัญญา จงข้ามใจอันทุกข์อยู่ทุกเมื่อเทอญ

โอวาทธรรม.....หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต





อาศัย “ซากศพ” เกาะข้ามแม่น้ำ

ถ้าหาก "ไม่มีซากศพ" เราจะข้ามไปโดยกำลังของตัว ก็กลัวจะข้ามไม่ได้ ก็อาศัย "เกาะซากศพเน่า" ไปอย่างนั้นแหละ พอไปถึงฝั่งเมื่อใด จะทิ้งเมื่อนั้น เพราะ "ซากศพ" เป็นของ "ปฏิกูล" อาศัย"ซากศพ" สร้างคุณงามความดีเท่านั้น มิใช่เราจะมา "หลงธาตุ หลงขันธ์ "

เราข้ามน้ำ "ถึงฝั่ง" เมื่อใด จึง "ปล่อยเรือ" ไปแต่ตัวของเรา เมื่อใด "จิตใจ" ของเรา "หลุดพ้น" ไปจาก “สมมุติ” เป็นอันหมด จบใน "ความอยาก" ทั่วไป ได้ชื่อว่าเรา "ปล่อยเรือ" เอาไว้อะไรที่เราเห็นชัดเจนแล้วต้องหายสงสัย ไม่มีการสงสัยอีก

การเกิดอีก จะเป็นกี่ภพกี่ชาติก็ตาม ถ้าหากเป็นธาตุเป็นขันธ์ จะต้อง "นำทุกข์" มาให้ “รู้ธาตุขันธ์ของตน ก็ไม่หลงธาตุขันธ์ของบุคคลอื่น” ให้ “ใจ” หลุดพ้นในชาตินี้ จะไม่ยอมเกิดอีกตายอีก

พระอาจารย์สิงห์ทอง ธัมมวโร
วัดป่าแก้วบ้านชุมพล อ. สว่างแดนดิน จ.สกลนคร






● โยม : บุคคลกลุ่มหนึ่งชอบกล่าวถึงว่าพระองค์นั้นองค์นี้เป็นพระอรหันต์ หลวงปู่เองก็มีผู้มีจดหมายถามว่า หลวงปู่เป็นพระอรหันต์หรือเปล่า และบางครั้งยกยอให้หลวงปู่เป็นพระอรหันต์ หลวงปู่ก็ได้เมตตาตอบจดหมายเขาเหล่านั้น

● หลวงปู่ : ขออภัยจากท่านผู้อ่านผู้ฟังมากๆ เพราะตอบจดหมายนี้ยังพร่องอยู่ที่ให้คะแนนหลวงปู่ว่าเป็นพระอรหันต์ แท้จริงแล้วหลวงปู่หาพระอรหันต์ในสกลกาย สกลวาจา สกลใจมาช้านานแล้วไม่พบเลย พบแต่กายสังขาร วจีสังขาร จิตสังขารเท่านั้น แม้จิตสังขารเล่าก็เกิดดับเร็วยิ่งกว่าพยับแดด ติดต่อกันเป็นรอบๆ เป็นพืดหาระหว่างมิได้ สกลกาย สกลวาจา สกลใจนี้เองที่รวมเรียกว่าขันธ์ 5 เกิดขึ้นแล้วก็แปรดับหาระหว่างมิได้

อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาก็เรียกคือผลรับ (ลัพธ์ตัวนี้ก็ว่าได้อีก) การปฏิบัติกาย วาจา ใจให้ถูกทางเป็นหนทางสู่พระอรหันต์เท่านั้น ไม่ใช่กาย วาจา ใจเป็นพระอรหันต์ ถ้าปฎิบัติผิดเล่าก็เป็นหนทางไปสู่ความเสื่อมจิปาถะ นรกก็ว่าเพราะมันรกอยู่ที่จิตใจรกเดือดร้อน ธรรมแท้ของพระอรหันต์แล้วไม่ได้ แอบกิน อยู่กับกาย วาจา ใจ และผู้รู้ใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งอดีต อนาคต ปัจจุบันด้วย จิตก็ว่าง ธรรมก็ว่าง จากผู้ไปยึดถือ เอาเป็นเจ้าของ สูญๆ สานๆ ก็ไม่มีใครไปยึดถือด้วย

เมื่อมีผู้สรรเสริญว่าหลวงปู่เป็น พระอรหันต์ หลวงปู่ก็เฉยเสียไม่รับ ไม่ปัด และคำว่าหลวงปู่ก็เป็นคำสมมติตามวัยของ โลกที่ใช้กัน หลวงปู่ หลวงทวดแท้ในทางปรมัตถ์ ก็คือคุณของพุทธ ธรรม สงฆ์อันทรงไว้ซึ่งพระนิพพาน หลวงตาแท้ หลวงพ่อแท้ หลวงปู่แท้คือพุทธ ธรรม สงฆ์ดังกล่าวแล้ว ต่ำกว่านั้นลงมาก็สมมติกันตามเป็นจริงของชาวโลก เพื่อให้มีต่ำมีสูง

จริงตามสมมติเป็นความหมายตื้น จริงตามปรมัตถ์เป็นธรรมอันลึกซึ้ง จะสมมติและปรมัตถ์ไปทุ่มเถียงกันก็แปลว่าไม่รู้สมมติตามเป็นจริงของสมมติ ไม่รู้ปรมัตถ์ตามเป็นจริงของปรมัตถ์ (ก็มัดให้ผู้ไม่รู้สงสัยซ้ำไปอีกเพราะใจมัดตน) ตามจดหมายก็ถามถึงสุขภาพของหลวงปู่ เออ...ก็พอประทังๆ ไปตามยถากรรมของคนแก่ แต่ก็ไม่พ้นคำว่าตายๆ ตามสมมติ แต่ความดีความชั่วที่สร้างไว้แล้ว ไม่ได้ตายไปจากใจ ติดตามไป เว้นพระอรหันต์เสียเพราะพระอรหันต์ทรงอยู่เหนือดีชั่วแล้ว เพราะดีก็ทำพอแล้วไม่มีการทำอีกชั่วก็เว้นพอแล้วไม่มีการเว้นอีกจึงเรียกได้ ว่าจบกิจธุระ

ในพระพุทธศาสนาไม่มีเจตนา หรือจิตอื่นเป็นเจ้าหัวใจ มีผู้ยกยอปอปั้นเราว่าเป็นพระอรหันต์ก็อย่าดีใจ เพราะพระวินัยทรงห้ามปรามไว้แจ่มแจ้งแล้ว พระอรหันต์ไม่มีในรูปกายนามกายคือขันธ์ห้า เพราะรูปกาย นามกาย ขันธ์ 5 เป็นขันธ์ มาร กิเลสมารก็เข้าไปสิงถือเอาเป็นตัวตน เรา เขา สัตว์บุคคลชนะกิเลสมารด้วยพระปัญญาญาณอันถ่องแท้

แน่ใจมารทั้งหลายก็หายหน้าไปพร้อมกันทันเวลาพริบตาเดียว รู้เท่าอันใด อันนั้นก็หายไป เพราะไม่ได้มาสงสัยอันนั้นอีก ใช่หรือไม่ ใจที่ฝึกฝนดีแล้วกลายเป็นทรงธรรมอันไม่ตาย ไม่ได้มาบัญญัติว่าใจอีกพระอรหันต์ที่มรณะภาพแล้วไม่ สมฐานะที่จะบัญญัติว่าใจ เป็นแต่เพียงบัญญัติว่าธรรมอันไม่ตาย ธรรมทรงธรรม นิพพานทรงนิพพาน

โอวาทธรรม.....หลวงปู่หล้า เขมปัตโต






"...ตามความเป็นจริงแล้ว โลกที่เราอยู่นี้ไม่มีอะไร ทำไม หรือใครเลย คือไม่มีอะไรที่จะเป็นวิตกวิจารณ์เลย ไม่มีอะไรที่น่าร้องไห้หรือหัวเราะ เพราะมันเป็นเรื่องอย่างนั้น ธรรมดาๆ

แต่นี่เราพูดว่าธรรมดาได้ แต่มองไม่เห็นธรรม แต่ถ้าเราได้รู้ธรรมสม่ำเสมอ รู้ว่ามันไม่มีอะไรเป็นอะไรแล้ว มันมีแต่เกิด-ดับของมันอยู่อย่างนั้น เราก็สงบ..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงพ่อชา สุภัทโท





".. คนเราถ้าทำดีแล้วติดดี ก็ไปไม่รอด

เมื่อใจยังมีติด ภพชาติยังมีอยู่ .."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก





"...เมื่อเวลาตนของตนตั้งสัตย์เอาไว้แล้ว ก็ต้องทำให้มันได้ตามสัตย์ที่ตั้งเอาไว้ ให้มันได้เสียก่อน ถึงแม้ว่าไม่ได้อย่างใดก็ตาม ขอให้มันได้ตามสัตย์ที่ตั้งเอาไว้ยังเป็นการดี ยังเป็นการชำระความชั่วออกประเภทหนึ่งได้เหมือนกัน..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่บุญจันทร์ กมโล





"... โลกคือ หมู่สัตว์ ถึงจะไปเกิดเป็นภพชาติใด ถ้ากิเลสกับกรรมนั้นครอบครองหัวใจแล้ว ก็จะชักพาหลอกลวงให้หลงติดยึดอยู่ในภพชาตินั้น ๆ ไม่รู้จักเบื่อหน่าย ดังนั้น กว่าจะเปลี่ยนชาติภพมาได้จึงนานแสนนาน ..."
โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่จันทา ถาวโร


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO