นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 06 พ.ค. 2024 3:32 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: นึก พุทโธ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 03 ต.ค. 2016 12:46 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4550
ในกุฏิของท่านธมมวิตกโก นอกจากจะมีหีบศพแล้ว
ยังมีโครงกระดูกแขวนอยู่ เป็นโครงกระดูกเต็มตัวร้อยไว้อย่างดี
ท่านเคยชี้ให้ดูและบอกว่า เป็นโครงกระดูกผู้หญิง
ท่านว่าเป็นคุณหญิงของท่าน

ท่านชมว่าดีแท้ๆ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยทะเลาะกันเลย
ไม่เคยบ่น ไม่เคยทำให้กลุ้มใจ
มีแต่ให้ประโยชน์ให้สติ ให้รู้ว่าจะต้องตายเช่นนั้น

วันหนึ่งก็จะเหลือแต่โครงกระดูกเช่นนี้ ได้พิจารณาทุกวัน
แล้วท่านก็บอกว่าเมื่อมีเนื้อหนังหุ้มโครงกระดูก ก็นิยมกันว่าสวย
รักกันอยู่ด้วยกันความหลงแท้ๆ

หลงว่าจะเป็นอย่างที่เห็นอยู่ตลอดไป ไม่ได้มองลึกลงไป
ไม่ได้เห็นแก่นแท้ว่ามีแต่กระดูก ไม่น่าอภิรมย์แต่อย่างใด
ทำไมจึงยังหลงไหลมัวเมากันอยู่ได้
แล้วท่านก็จะสรุปว่า

“บ่อน้อยเท่ารอยโคหรือจะโผข้ามพ้น
เป็นมหาบาเรียนยังเวียนไปหาก้น”

เจ้าคุณนรรัตนราชมานิต





คราวหนึ่งท่านได้เคยพูดกับนายอธึก สวัสดิมงคล
นายกยุวพุทธิกสมาคมชลบุรี
ภายหลังจากถวายของให้ท่านอธิษฐานจิตแล้ว เป็นคติน่าฟังมาก

“ทั้งหมดนี่” ท่านกล่าวขึ้น พร้อมกับชี้มือ
ไปยังหีบพระเครื่องต่างๆ ที่ท่านอธิษฐานจิตแล้ว “สู้ธรรมะไม่ได้”

แสดงว่าท่านยกย่องการประพฤติปฏิบัติ
ตามหลักธรรมของสมเด็จพระบรมศาสดานั้นว่า
มีความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
สำคัญยิ่งกว่าการมีพระเครื่องไว้ประจำตัว

อีกคราวหนึ่งในปี 2513 หลังจากพิธีสวดอธิษฐานจิต
เมื่อวันเสาร์ห้าผ่านไปเพียงเล็กน้อย
นายแพทย์สุพจน์ ศิริรัตน์ ได้นำพระเครื่องพิมพ์นาคปรก
เนื้อนวโลหะที่ท่านเจ้าคุณอุดมฯ
สร้างเพื่อจำหน่ายหารายได้สมทบทุน
สร้างโรงเรียนนวมราชานุสรณ์ นครนายกนั้น
ราว 4-5 องค์ไปถวายให้ท่านอธิษฐานจิตซ้ำอีก
ก่อนที่ท่านจะยินยอมอธิษฐานจิตให้
ได้ถูกท่านเทศนาสั่งสอนอย่างเจ็บๆ อยู่นานร่วม 1 ชั่วโมง

“หมอนี่เรียนมาเสียเปล่า มาหลงงมงายอะไรกับเรื่องพรรค์นี้ !”

ท่านได้ว่ากล่าวสั่งสอน มิให้ลุ่มหลงมัวเมา
อยู่กับเรื่องของขลังและอภินิหาร
เพราะอภินิหารต่างๆ นั้น
มิได้ช่วยให้ทุกคนรอดพ้นจากภัยอันตรายได้ทุกครั้งอยู่เสมอไป
ตลอดเวลาที่ท่านเทศนาว่ากล่าวอยู่นานโขนั้น
นายแพทย์สุพจน์ ได้โต้แย้งท่านอยู่ไม่หยุดเช่นกัน
โดยปกตินั้นท่านชอบคนโต้เถียงท่านด้วยเหตุผลอยู่เหมือนกัน

การที่นายแพทย์สุพจน์โต้เถียงท่านในเรื่องอภินิหารนั้น
ก็เป็นด้วยนายแพทย์ผู้นี้ได้ เคยเอาพระเครื่องกรุเก่า
มาทดลองยิงด้วยปืนพกด้วยมือของตนเองมาหลายครั้งหลายหน
จนกระสุนหมดไปหลายกล่อง
ปรากฏผลเป็นที่น่าทึ่งมาก
โดยใช้วิธีอาราธนาพระไว้ที่ตัวปลาหมอ
ในระยะที่ยิงได้แม่นยำอย่างสบาย
แล้วก็ระเบิดกระสุนใส่เข้าไป !

ผลของการทดลอง ปรากฏว่าจากการยิงพระนางพญากรุพิษณุโลก
ราว 7-8 องค์ ส่วนใหญ่ยิงถูกแต่ไม่เข้า (คงกระพัน)
บางองค์ยิงไม่ถูก (แคล้วคลาด)
มีอยู่องค์หนึ่งยิงไม่ออก (มหาอุด)
และพระปิดทวารของหลวงปู่เอี่ยมวัดหนัง พิมพ์ใหญ่ชนิดสองหน้า
ที่เรียกกันว่าพิมพ์พระประกับนั้น
ยิงไม่ออก เป็นยอดมหาอุดจริงๆ

จากประสบการณ์ดังกล่าวนี้เอง ทำให้นายแพทย์สุพจน์ ศิริรัตน์
เชื่อมั่นในอภินิหารของพระเครื่องเป็นยิ่งนัก
และเอาเรื่องนี้มาโต้แย้งกับท่านธมมวิตกโก
ที่ท่านกล่าวหาว่ามาหลงงมงายอยู่กับอภินิหารไม่เข้าเรื่อง !

“เรื่องอภินิหาร พระเดชพระคุณว่ามีจริงไหม ?”
นายแพทย์สุพจน์ เอ่ยขึ้นตอนหนึ่ง

“จริง” ท่านตอบ จากนั้นท่านกล่าวสืบต่อไปว่า

“หมอเคยเห็นเคยได้ยินข่าวเรื่องโจรผู้ร้ายที่แขวนพระไว้เต็มคอ
แต่แล้วก็กลับถูกตำรวจยิงตาย หรือไม่ก็ถูกจับได้
ต้องติดคุกไปบ้างไหม ?
ถึงแม้จะมีพระอยู่เต็มคอก็ช่วยอะไรไม่ได้ใช่ไหม ?”

แล้วท่านกล่าวสำทับในที่สุดว่า
“อภินิหารนั้นหนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น”

เมื่อถูกท่านขนาบด้วย “ไม้ตาย” เช่นนี้
ก็ทำเอานายแพทย์สุพจน์ ต้องนิ่งงันสงบปาก
ไม่อาจจะกล่าวโต้แย้งในเรื่องอภินิหารใดๆ กับท่านได้อีกต่อไป

ตามที่กล่าวมานี้ จะเป็นที่เห็นได้ชัดว่า
แม้ท่านธมมวิตกโกจะตั้งใจอธิษฐานจิตและแผ่เมตตาลงในพระเครื่อง
ด้วยความเชื่อมั่นว่า มีความศักดิ์สิทธิ์
สามารถปกป้องคุ้มครองผู้สักการะบูชาได้ก็จริง
แต่ผู้มีพระเครื่องไว้คุ้มครองนั้น
ก็จะต้องประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอน
ของสมเด็จพระบรมศาสดา เจ้าของที่มาแห่งองค์พระปฏิมานั้นด้วย

ท่านเจ้าคุณนรฯ (เจ้าคุณนรรัตนราชมานิต)





" ถ้าเรานึกว่า พุทโธ อยู่อย่างเดียว โดยไม่กำหนดลม
ตามกำกับเข้าไปด้วยพร้อมกับการนึก ก็ยังใช้ไม่ได้
เพราะการนึกเฉยๆ ย่อมเบาไป จึงยังไม่ถูกต้องกับองค์ภาวนา
จิตยังไม่เหนียวแน่น พอที่จะตั้งอยู่กับ ความสงบได้ ก็จะมี
อาการไหวไปมา ดังนี้ จึงต้องหาวัตถุ สิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เป็น
เครื่องปะทะ หรือเป็นเครื่องยึดไว้ เหมือนตะปูที่เราตอก
ไปบนแผ่นกระดาน ย่อมจะยึดกระดานไว้
ให้ติดกับเสา ไม่ให้เคลื่อนที่ได้ จิตที่ไม่มีเครื่องยึด
ย่อมไม่ค่อยแนบเนียน แน่นเหนียว เพราะฉะนั้น
จึงให้นึกถึงลมหายใจ ซึ่งเป็น รูป เข้าไปในการหายใจ
เข้าออกด้วย เช่น ให้นึก พุท ตามเข้าไป
ในขณะที่หายใจเข้า และนึก โธ ให้ตามออกมาขณะที่หายใจออก "
(โอวาทธรรม ท่านพ่อลี ธมฺมธโร)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO