นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 06 พ.ค. 2024 11:58 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ให้ทาน ศีล ภาวนา
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 27 ก.ย. 2016 5:12 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4550
"...พากันระลึก “พุทโธ” ติดตัวมา ไปในรถก็ “พุทโธ” ให้ติดตัวไป กลับไปก็ให้มี “พุทโธ” ติดตัวไป รถบรรทุกผู้มีธรรมทั้งหลายมีอานิสงส์มาก ผู้ที่ภาวนา “พุทโธ” มีอานิสงส์มาก ผู้ขับรถให้ก็มีอานิสงส์มาก บรรทุกแต่คนไปเฉยๆ ไม่ดี..."

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






" อย่าลืมศีล ลืมทาน อย่าลืมการ
กุศล ตายแล้วจะไปเป็นเปรตเป็น
ผีนรกอเวจี เพราะความเชื่อกิเลส
ตัณหาใช้ไม่ได้นะ ต้องเชื่ออรรถ
เชื่อธรรม เป็นลูกศิษย์ตถาคตเชื่อ
พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
ให้เสาะแสวงหาการทำบุญให้ทาน"

พระธรรมวิสุทธิมงคล
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน

ฝึกทรงอารมณ์ทั้งวัน - อย่ารอเวลาสงัด
แต่อย่าลืมนะ รักษากำลังใจตามที่กล่าวมา ภาพพระพุทธรุปก็ดี ภาพพระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี พยายามทรงเวลาให้มันทรงตัว จับให้ชัดเจนแจ่มใสไว้ อย่าลืม ฝึกกำลังใจให้เห็นชัดทุกวัน ทุกเวลาที่เราต้องการ
ยามว่างเกิดขึ้นเมื่อไรใช้กำลังใจจับพระรูปพระโฉมทันที หรือว่าจับภาพพระพุทธรูปแก้วใสที่เราใช้เป็นนิมิตให้ติดตาติดใจไว้ตลอดเวลา มาบอกว่าไม่มีเวลาจะทำ โถ.. ไม้ต้องออกแรง ไม่ต้องใช้เวลามาก นึกเมื่อไรเห็นปั๊บทันที ยามปกติของผม สมัยที่ผมฝึก ผมเห็นของผมได้ตลอดวันตลอดคืน เว้นไว้แต่หลับ ถ้าเห็นภาพพระในอก เห็นภาพพระคลุมตัวผม ผมจะชื่นใจ จิตมีความสุข และการภาวนานี่ ผมก็แปลกกว่าคนอื่นเขา อาจจะมีคนดีกว่าผมก็มาก นั่นคือเวลาเดินบิณฑบาตแทนที่ผมจะว่า พุทโธ สัมมาอรหัง เป็นต้น ผมก็ว่า อิติปิ โส ทั้งบท ว่าทั้งบทนี่เราไม่ลืม ต้องพยายามนึกในใจเราเบา ๆ ช้า ๆ ให้เคลื่อนไปจนกว่าจะจบ ตลอดเวลาที่เดินไปบิณฑบาตจนกว่าจะกลับ จนกว่าจะเลิกกลับมาถึงที่ นั่นแหละผมถึงจะเลิกภาวนาอิติปิ โส ทำอย่างนี้จิตใจชุ่มชื่นมีอารมณ์ทรงตัว
เมื่อใช้บทยาว ๆ ภาวนา ธุระที่จะคุยมันก็คุยไม่ได้ ถ้าคุยแล้วภาวนาจะขาด เราก็เลยไม่อยากจะคุย ในเมื่อไม่คุย จิตจะคุมอารมณ์ ผลต่าง ๆ ก็เกิดตามมาหมด ญาณต่าง ๆ ก็เกิดขึ้น และการจะใช้อารมณ์เข้าคุยกับเทวดาหรือพรหม หรือใครก็ตาม จะใช้เวลาได้แบบสบาย ๆ นี่การนึกถึง อิติปิ โส กว่าจะไปบิณฑบาตกลับมันไม่ใช่เวลาเล็กน้อย นั่นหมายความว่า หัดทรงสมาธิทั้ง ๆ ที่มีงาน อันนี้มีความสำคัญมาก นักเจริญสมาธิเฉพาะเวลาสงัดใช้ไม่ได้
ต่อไปเป็น ปัจจุปปันนังสญาณ มีประโยชน์ในการที่เราจะรู้ว่า ปัจจุบันใครอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่ มีชีวิตอยู่ หรือว่าตายไปแล้ว มีความสุขหรือว่ามีความทุกข์ ผลงานที่เราสั่งงานไว้ที่โน่นที่นี่ เขาทำดีตามที่เราสั่งไหม หรือว่ามีการบิดพลิ้วเป็นประการใด อันนี้มีความจำเป็นบรรดาท่านพุทธบริษัท จำเป็นจะต้องรู้และก็จำเป็นจะต้องทำเพื่อความสุขของเรา
ยถากรรมมุตาญาณ เป็นญาณเครื่องบอกให้รู้ว่า ความสุขก็ดี ความทุกข์ก็ดี ความเสียหายก็ดี การได้กำไรก็ดี ที่ปรากฏขึ้นมาเวลานี้เป็นผลของความดีมาจากไหน นั่นก็หมายความว่า ถ้าเรารวยขึ้นมาแล้วมีลาภสักการะมาก ลาภเกิดจากผลของอะไร ผลความดีในชาติปัจจุบันหรือผลความดีในชาติที่เป็นอดีต
ชาติในอดีตชาติไหน เราทำอะไรไว้ ภาพนั้นจะปรากฏ ถ้าผลงานมันขาดทุน เราก็ทราบอีกเหมือนกันว่า ขาดทุนเพราะกรรมอะไร เราทำพลาดเพราะใช้ปัญญาน้อยไป ใช้ความละเอียดลออน้อยไป หรือว่ากรรมอะไรที่เราเคยรบกวนเขาไว้ เข้ามาสั่งสม มาทำลาย มาสนองเรา ความจริงยถากรรมมุตาญาณมีประโยชน์ โดยเฉพาะเรื่องการป่วยไข้ไม่สบาย ยถากรรมมุตาญาณก็บอกเหมือนกัน เราทราบว่าการป่วยไข้ไม่สบายนี้เราไม่ชอบ มันเสียเงินเสียทอง เสียเวลา เสียทรัพย์สิน เสียความสุข แม้เราไม่ชอบแต่เราก็ต้องดู อย่าไปนั่งบน อย่าไปนั่งว่า ทั้งนี้เพราะอะไร ก็เพราะว่ากรรมเก่า ๆ หรือกรรมใหม่ที่เราทำไว้

จากหนังสือ คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๓ หน้าที่ ๙๕ โดย หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี






นิสัยของสัตว์โลก จะให้เหมือนกันมันไม่เหมือนกันหรอก บางท่านเป็นผู้มีตาทิพย์ ดูพรหมโลกได้ ดูนรกได้ ดูเทวดาได้ อย่างพระโมคคัลลานะ หรือพระอนุรุทธะ ตอนพระพุทธเจ้าจะเสด็จปรินิพพาน องค์อื่นจำต้องคอยถามท่านพระอนุรุทธะ ท่านมีทิพยจักษุเป็นเลิศที่สุดในบรรดาสาวก องค์อื่นไม่เทียบเท่ากับท่าน ดูแต่พระอรหันต์ยังไม่เหมือนกัน พวกเราก็ไม่ต่างกันกับท่าน บางคนจิตหยาบ บางคนละเอียด ที่เขาละเอียดเขามีพื้นฐานดีแล้ว พอเขาเจริญภาวนาเขาก็ได้เลย ตัดไปเลย

พวกเราก็ต้องพยายามบำเพ็ญความเพียรกันไป อย่าทอดทิ้งความเพียร วันหนึ่งผลสำเร็จก็ต้องเป็นของเรา ถึงจะไม่ถึงที่สุดในชาตินี้ แต่ก็จะเป็นนิสัยปัจจัยติดตัวเราไปในชาติหน้าภพหน้า ขอให้บำเพ็ญต่อไปเถอะ

หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ






"เกิดแล้วต้องตาย
จะช้าหรือเร็วไม่สำคัญ
สำคัญอยู่ตรงที่ว่า
เราจะตายแบบผู้มีกิเลสหนา
หรือจะตายแบบ
ผู้ที่เอาชนะกิเลส"

#หลวงปู่มั่น


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO