นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 06 พ.ค. 2024 6:51 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ศีล สมาธิ ปัญญา
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 14 ก.ย. 2016 5:46 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
เมื่อเราเกิดมาแล้ว ก็คือเราตายแล้วนั่นเอง
ความเกิดกับความตายมันก็คืออันเดียวกันนั่นแหละ
เหมือนกับต้นไม้ อันหนึ่งต้น อันหนึ่งปลาย
เมื่อมีโคนมันก็มีปลาย
เมื่อมีปลายมันก็มีโคน
ไม่มีโคนปลายก็ไม่มี
มีปลายก็ต้องมีโคน
มีแต่ปลายโคนไม่มีก็ไม่ได้
มันเป็นอย่างนั้น

ถ้าพูดให้สั้นเข้ามา
ศีลก็ดี สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี มันก็เป็นอันเดียวกัน
ศีลก็คือ สมาธิ
สมาธิ ก็คือศีล
สมาธิก็คือ ปัญญา
ปัญญาก็คือสมาธิ
ก็เหมือนมะม่วงใบเดียวกัน
เมื่อมันเป็นดอกขึ้นมามันก็ดอกมะม่วง
เมื่อเป็นลูกเล็กก็เรียกว่าผลมะม่วง
เมื่อมันโตขึ้นมา ก็เรียกมะม่วงลูกโต
มันโตขึ้นไปอีกก็เรียกมะม่วงห่าม
เมื่อมันสุกก็คือมะม่วงสุก
มันก็มะม่วงลูกเดียวกันนั่นแหละ
มันเปลี่ยนไป
มันจะโตมันก็โตไปจากเล็ก
เมื่อมันเล็กมันก็เล็กไปหาโต

หลวงพ่อชา สุภัทโท





เราเห็นแล้วว่า ถ้วยใบนี้ เอาไว้ที่ไหน...มันก็ต้องแตก

จานนี่ เอาไว้ที่ไหน...ก็ต้องแตก

แต่เราก็ต้องสอนเด็กว่า ล้างให้มันสะอาด เก็บไว้ให้ดี

เราก็ต้องสอนเด็กอย่างนี้ ตามสมมุติอย่างนี้

เพื่อเราจะใช้ถ้วยนี้นานๆ

อันนี้เรารู้จักธรรมะ เอาธรรมะมาปฏิบัติ

ถ้าเห็นว่า อันนี้มันจะแตกอยู่แล้ว

เราบอก เออ ! ช่างมันเถอะลูก กินแล้วก็ไม่ต้องล้างมันหรอก

จะตกก็ช่างมันเถอะ ไม่ใช่ของเราหรอก

เอาทิ้งไว้ที่ไหนก็ได้ มันจะแตกอยู่แล้ว อย่างนี้ก็เป็นคนโง่ไป

ถ้าเราเป็น “ผู้รู้สมมุติ” อันนี้

เมื่อมันเจ็บไข้...ก็หาหยูกยาให้มันกิน

เมื่อมันร้อน...ก็อาบน้ำให้มัน

เมื่อมันเย็น...ก็หาความอบอุ่นให้มัน

เมื่อมันหิว...ก็หาข้าวให้มันกิน

แต่ให้เรารู้ว่า ให้ข้าวมันกิน...มันก็จะตายอยู่

แต่ในเวลานี้ ยังไม่ถึงคราวจะตาย

เหมือนถ้วยใบนี้...ยังไม่แตก

ก็รักษาถ้วยใบนี้...ให้มัน “เกิดประโยชน์” เสียก่อน

หลวงพ่อชา สุภัทโท







"รอยแตกบนแก้ว "

ธรรมะ จาก หลวงปู่ชา สุภัทโท เล่าโดย ท่านพรหมวังโส

หลวงพ่อชา ยกแก้ว แล้วถามอาจารย์พรหมว่า

“เธอเห็นรอยแตกในแก้วใบนี้ไม๊ พรหมวังโส?”

อาจารย์พรหมคิดว่า “แก้วก็ดูปรกติ ไม่มีร้อยราว”

หลวงพ่อชาพูดต่อว่า

“ดูให้ดีๆซิ มันมีรอยแตกเล็กๆบนแก้วใบนี้สักวันแก้วใบนี้มันต้องแตก ”

ในตัวเราทุกคน ล้วนแต่มีรอยแตกเล็กๆ

นับตั้งแต่เราเกิด มันบอกให้เรารู้ว่า

สักวัน ชีวิตของเราทุกคนต้องจบสิ้น มันจะจบแน่นอน

เรารู้ดี แต่เพราะเราโดน อวิชชาครอบงำเอาไว้ทำให้เราไม่ได้คิดถึงมัน

สักวันเราต้องจากกัน

ความจริงข้อนี้ที่พระบอกให้เราตระหนัก มิได้ให้เรากลัว

หรือ คิดว่าฉันจะไม่รักใครอีกแล้ว!!ฉันจะได้ไม่ต้องเสียใจ

ตอนฉันต้องสูญเสีย เขาหรือจากเขาไป แต่ท่านบอกเพื่อที่ว่า

เราจะได้รู้เท่าทันความเป็นจริงของโลกและชีวิตว่า

ทุกสิ่งที่อยู่ตอนนี้มันไม่เที่ยง

มันจะเปลี่ยนแปลง

เพราะฉะนั้น ถ้าเรารู้ว่าสิ่งที่เรามีเราอยู่

มันจะไม่อยู่กับเราชั่วนิรันดร์ เวลาของเรามีจำกัด

เราจะได้ มีท่าทีที่ถูกต้องกับสิ่งที่เรามีอยู่ ณ เวลานี้

เราจะมีเมตตาต่อคนที่อยู่ด้วยในทุกวันนี้มากขึ้น

เพราะเรารู้ว่าเราอยู่ด้วยกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ

เราจะหยุดความใจร้าย หยุดทำร้าย

หยุดความเอาชนะ หยุดการกดดัน

หรือบังคับให้ทุกอย่างเป็นดั่งใจของเรา เราจะผ่อนปรน

เราจะใจเย็นและรับฟังมากขึ้น

เราจะเห็นอกเห็นใจ เข้าใจ และ ให้อภัยมากขึ้น

เพราะเรารู้ว่าเวลาที่เราจะอยู่ด้วยกัน มันหมดลงไปทุกวัน

เวลาติดปีกบิน และพรุ่งนี้อาจจะไม่มีอีกแล้วสำหรับเรา

เมื่อถึงวันที่เราต้องจากกัน เราจะไม่ต้องเสียใจว่า

ทำไมเราถึงไม่ทำดีกับเขา

เราจะเก็บความทรงจำที่ดีต่อกันเหลือไว้ให้คิดถึง ยามเมื่อเขา

หรือ เรา ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้แล้ว

ในวันสุดท้าย เราจะเช็ดน้ำตา และพูดกับตัวเองว่า

“ฉันรู้อยู่แล้ว ว่าวันนี้ต้องมาถึง

เพราะฉันเห็นรอยแตกเล็กๆ ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว.....”


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO