นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 30 เม.ย. 2024 2:29 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: จงรักษาใจ
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 23 ส.ค. 2016 5:46 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
"เหยียบย่ำผู้อื่น
ก็คือเหยียบย่ำตัวเอง
เหยียดหยามผู้อื่น
คือเหยียดหยามตัวเอง
ทำลายผู้อื่นคือทำลายตนเอง
หาทางเจริญได้ยาก
มิใช่ทางเจริญ
จงรักษาใจ สังวรระวังใจตน
ใจนั่นแลตัวสำคัญ

โอวาทธรรม"หลวงปู่สิม พุทธาจาโร"






เพราะฉะนั้น จึงปรากฏว่าทุกๆ คนนั้นก็บ่นกันว่า ทำสมาธิไม่ค่อยได้ ปฏิบัติในศีลไม่ค่อยได้ หรือปฏิบัติทางปัญญาก็ไม่ค่อยจะเห็นจริงอะไร ทั้งนี้ก็เพราะว่ากำลังของอารมณ์และกิเลสต่างๆ นั้นยังแรง แต่ว่ากำลังของศรัทธาความเพียรเป็นต้นยังอ่อนอยู่ ฉะนั้นจึงต้องอาศัยที่มีขันติความอดทน อดทนใจของตัวเองนี่แหละสำคัญ อดทนปฏิบัติในศีลในสมาธิในปัญญาไป

หากว่าจะเกิดมีความเบื่อหน่าย มีความอิดหนาระอาใจต่างๆ ก็ให้ทำความรู้สึกว่านั่นเป็นด้วยอำนาจของกิเลส กิเลสย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อธรรมปฏิบัติ เพราะธรรมปฏิบัตินั้นเป็นไปเพื่อข่มกิเลสเพื่อละกิเลส ในขณะที่กิเลสครองจิตอยู่ ก็ดึงเอาจิตไปเป็นฝ่ายกิเลส เมื่อดึงเอาจิตไปเป็นฝ่ายกิเลส จึงทำให้ไม่มองเห็นประโยชน์ในธรรมปฏิบัติ ให้เบื่อหน่ายในธรรมปฏิบัติ.

ธรรมะ : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช





หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต สอนเรื่องการกินเจ

"..คนเรามันไม่ได้วิเศษเพราะการกินผักกินเนื้อนะ แต่มันวิเศษด้วยการกินเพราะการพินิจพิจารณาโดยแยบคาย อันผักหญ้าเนื้อนั้นมันไม่ได้รู้เรื่องดี เรื่องชั่ว เหมือนคนเรา จิตเราดอก

พระธรรมคำสอนแง่หนักเบาต่างหาก ที่เรานำมาพินิจพิจารณา แล้วนำมาสอนตนจะทำให้เราดีขึ้นได้ เรื่องกิน อยู่หลับนอน อะไร ๆ พระพุทธเจ้าพระองค์ก็ทรงบัญญัติไว้หมดแล้ว ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรกับกินเจไม่กินเจ กินเนื้อ ไม่กินผัก กินแต่ผักไม่กินเนื้อ อันไหนกินได้ ฉันได้ ท่านก็บัญญัติไว้หมดแล้ว

ถ้าท่านคิดว่าการกินแต่ผักทำให้ท่านเลิศเลย เป็นผู้วิเศษขึ้นมาได้ อันนี้ผมก็สุดปัญญาที่จะสอนท่าน ถ้าการกินแต่ผักอย่างท่านว่า เป็นผู้บริสุทธิ์สิ้นกิเลส จบพรหมจรรย์ได้ มนุษย์ไม่ได้สิ้นกิเลสหรอก วัวควายเป็นต้นนั่นแหละมันจะสิ้นก่อน เพราะมันไม่ได้กินเนื้อ มันกินแต่ผักแต่หญ้า เต็มปากเต็มพุง มันกินแต่ผักแต่หญ้า ทำไมลูกมันถึงเต็มท้องไร่ทุ่งนา

ถ้าการกินแบบท่านว่าเป็นของเลิศ วัวควายมันเลิศก่อนแล้ว เพราะมันเกิดมามันก็กินแล้ว โดยไม่ต้องมีใครคอยสอน ถึงท่านกินยังไง มันก็ไม่เท่าวัวเท่าควายกินหรอก เพราะวัวควายมันปฏิเสธเนื้อโดยประการทั้งปวง กินแต่ผักแต่หญ้า

ถ้าจะกินเจ ฉันเจ กินผักไม่กินเนื้อ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่การไปหาตำหนิคนโน้นคนนี้ ว่ากินเนื้อเป็นเปรตเป็นผี มันไม่สมควร แล้วก็มาหลงตน ยกยอตนว่าเป็นผู้ประเสริฐกว่าคนอื่นเขา ท่านดูใจของท่านเองก็ได้นี่ ว่ามันประเสริฐตรงไหนหรือยัง ถ้ายังไม่ประเสริฐให้รีบแก้ ราคะ โทสะ โมหะ ที่เผาหัวอยู่นั่นล่ะ มันเป็นสิ่งที่ท่านต้องแก้เสียโดยเร็วพลัน ไม่ใช่วัน ๆ เที่ยวแต่ชวนหาคนมากินผัก ไอ้ผักนั้นผมก็กิน

คนเรามันประเสริฐเลิศได้ด้วยความประพฤติ มิใช่เพราะการกิน ส่วนเรื่องการกินเป็นเรื่องรอง ๆ อย่าเอามาเป็นเรื่องเอก ท่านจะกินก็กินเถอะเจ ผักของท่านนั้น ผมไม่เอาด้วยหรอก.."

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เทศน์สอนพระอาจารย์อุ่น กลฺยาณธมฺโม ซึ่งเป็นลูกศิษย์ผู้ใหญ่ของท่าน เมื่อท่านพูดจบลง คณะญาติโยมที่มาด้วยเงียบกริบ มองตากันปริบๆ ไม่มีใครกล้าพูดกล้าแสดงอะไรอีก บางคนคงจะรู้สึกว่า เหมือนฟ้ามันผ่าลงที่กบาลฤดูแล้ง บางคนก็คงจะเห็นเหตุผล ที่ท่านแสดงอย่างคมคาย แต่สำหรับบางคนที่จิตใจไม่ยอมรับความจริง ก็ถือว่าเป็นกรรมของสัตว์ไป




ความโลภ โกรธ หลง ของผู้ใด จะเกิดก็เพราะความคิดปรุงของผู้นั้น ความคิดปรุงที่มีอวิชชาตัณหาเป็นพลังสำคัญที่ส่งเสริม จึงจะทำให้ความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือ โลภะ โทสะ โมหะ เกิดได้ ความคิดปรุงที่ไม่มีอวิชชาตัณหาเป็นพลังประกอบ จะไม่ทำให้ความโลภ ความโกรธ ความหลง หรือโลภะ โทสะ โมหะ เกิด

ดังนั้น ความคิดปรุงจึงมีสองอย่าง อย่างหนึ่งประกอบด้วยกิเลส อย่างหนึ่งไม่ประกอบด้วยกิเลส และแม้จะมีกิเลสเป็นพื้นอยู่ที่จิตใจ แต่ถ้าไม่มีความคิดปรุงมากระตุ้นให้ปรากฏตัวแล้ว กิเลสก็จะสงบตัวอยู่เหมือนไม่มี ความคิดปรุงอันประกอบด้วยกิเลส ที่ทำให้โลภะ โทสะ โมหะ แสดงตัว ก็เป็นโลภะ โทสะ โมหะที่ใจตัวเอง ไม่ใช่โลภะ โทสะ โมหะของใครอื่น จึงเป็นความจริง เป็นสัจจะที่ควรพยายามให้รู้ ให้เห็น ตามที่พระพุทธเจ้ารับสั่งว่า โลภะ โทสะ โมหะ เกิดจากตัวเอง

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก






"การนินทาว่าร้าย - ใส่ร้ายป้ายสี - กลั่นแกล้งกัน"

มีลูกศิษย์เข้าไปกราบ "หลวงตามหาบัว" บ่นเรื่องการทำงานที่มี "การนินทาว่าร้าย - ใส่ร้ายป้ายสี - กลั่นแกล้งกัน" หลวงตาก็เลยถามว่า...

หลวงตา : "ไอ้ที่มานั่งว่าคนอื่นเขาอยู่นี่นะ ตัวเรานั้นดีแล้วหรือ?"

ลูกศิษย์ถึงกับอึ้ง!!!

หลวงตา : "อย่าไปว่าคนอื่นเขา ตัวเรานั้นดีแล้วหรือ? ไหนตอบมาซิ"

ลูกศิษย์ : "ก็คิดว่าตัวเราทำดีแล้ว แต่คนอื่นไม่เห็นดีกับเรา ทำไมเขาไม่รู้ไม่เข้าใจบ้าง"

หลวงตา : "ถ้าตัวเราดีแล้ว ไปยุ่งกับคนอื่นเขาทำไม? หา"

ลูกศิษย์ : "ก็คนอยู่ด้วยกันนี่คะท่านอาจารย์ เราดีกับเขา ไม่เห็นเขาดีกับเราเลย หน้าอย่างหลังอย่าง"

หลวงตา : "ถ้าเป็นคนดีพร้อมแล้วนะ นั่นแหละคือความดีของเราเอง เป็นบุญ เป็นกุศล เป็นความสุขความเจริญ คนอื่นไม่ดีก็ช่างเขาปะไร เราจะไปเดือดร้อนทำไมกับความไม่ดีของคนอื่น... ใครเขาจะมาว่าอะไร ตัวคำพูดนั้นออกจากปากใครก็เข้าหูคนพูดก่อน เราจะไปรับทำไม ถ้าเราเป็นคนดีแล้ว เราไม่ต้องไปรับรู้เจ็บร้อนอะไรใช่ไหมล่ะ รักษาความดีของเราไว้ให้สงบแน่วแน่มั่นคง น่านแหละเรียกว่าเราดี แน่จริงละ”

กราบนมัสการ "หลวงตามหาบัว"
ณ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี




“..ศีลนำความสุขมาให้ตราบเท่าชรา ศีลนำความสุขมาให้ตลอดชีวิต ศีลนำความสุขไปให้ตลอดและมีสุคติเป็นที่ไป

สีเลนะ โภคะสัมปะทา ผู้จักมั่งคั่งบริบูรณ์สมบูรณ์ ไม่อด ไม่อยาก ไม่ยากไม่จน ก็เพราะเป็นผู้รักษาศีลให้สมบูรณ์บริบูรณ์นี้แล..”

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ขาว อนาลโย







ในหมู่คนดี ย่อมมีคนไม่ดี
ปะปนอยู่ด้วยเป็นธรรมดา
จึงไม่ควรใส่ใจ
คนไหนดีเราก็สรรเสริญ
คนไหนไม่ดี
เราก็ออกห่างไม่ยกย่อง
จงรักคนทุกคน ไว้ใจบางคน
อย่าทำผิดต่อทุกคน
และจงดูตนเสมอ

โอวาทธรรม...หลวงปู่หลอด ปโมทิโต


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO