นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 30 เม.ย. 2024 1:32 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องภาวนามันสำคัญ
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 15 ก.ค. 2016 8:40 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
เรื่องภาวนามันสำคัญ อบรมบ่มอินทรีย์ อบรมกายนี่แหละ อบรมใจของตนนี่แหละ มันยากอยู่ ครั้นอบรมได้แล้วไม่มีความเดือดร้อน ใจเยือกเย็น ใจสบาย ไม่มีความหวั่นไหว อวิชชาคือใจดวงเดียวนั่นเรียกว่า อวิชชา คือ มันไม่รู้ต่อสิ่งทั้งปวง ไม่รู้ในกองสังขารแล้วหลงยึด ชอบเข้าก็หลงยึด ไม่ชอบก็ยึดเข้ามาเผาตน มันไม่รู้มันจึงหวั่นไหว
พวกเราพากันฝึกหัดใจของตนให้ดี พระพุทธเจ้าว่า ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นหัวหน้า มีใจถึงพร้อม มีใจเป็นใหญ่ มีใจประเสริฐสุด ถ้าไม่ทรมาน ไม่ฝึกฝนอบรมอันนี้มันจะทำพิษ เผาอยู่ทั้งกลางวันกลางคืน มันเป็นเพราะใจนี่แหละ

ธรรมโอวาท หลวงปู่ขาว อนาลโย





หลวงปู่แสดงฤทธิ์
เย็นวันหนึ่งมีโยมขึ้นไปหาหลวงปู่สิม พุทธาจโร ที่ถ้าผาปล่อง แล้วก็เอ่ยว่า
“หลวงปู่ หลวงปู่ต้องแสดงฤทธิ์ให้ผมดู ไม่อย่างนั้นผมจะไม่นับถือพระศาสนา”
“ได้!!!” หลวงปู่ตอบทันที “โยมนั่งๆ ไปเถอะ เดี๋ยวทนไม่ไหว หิวข้าวก็ลุกไปเอง…….นั่นล่ะหลวงปู่แสดงฤทธิ์แล้ว”
แต่โยมคนนั้นก็ยังไม่ยอม นั่งคาดคั้นอยู่เป็นชั่วโมงๆ จะให้หลวงปู่แสดงฤทธิ์ท่านั้นท่านี้ หลวงปู่เอาแต่หัวเราะลูกเดียว จนในที่สุดโยมทนฤทธิ์หลวงปู่ไม่ไหว (คงหิวข้าวด้วยนั้นล่ะ) ลุกกลับไป ฯลฯ
พอคล้อยหลังโยม พระอุปัฏฐากซึ่งคงอดกลั้นอยู่นานเต็มทีก็โพล่งออกมาว่า “โอ้ เจออย่างนี้บ่อยๆ น่าเบื่อแย่เลยน่ะครับ”
“จะไปทุกข์ร้อนทำไมกับคนใจต่ำ”หลวงปู่ตอบด้วยเสียงเรียบเย็น “ไม่ได้มาเอาธรรมคำสอน จะเอาแต่ฤทธิ์อย่างเดียว”
อีกโอกาสหนึ่งเมื่อพระอุปัฏฐากปรารภถึงเหตุผลที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติสิกขาบทห้ามพระแสดงฤทธิ์ เพราะในความเห็นของตนเอง น่าจะทรงอนุญาตบ้างเพื่อจูงใจให้คนที่ไม่มีศรัทธา หันมานับถือศาสนา……
หลวงปู่ตอบว่า “….. นั่นแหละคือความเสื่อมของพระพุทธศาสนาละ คือว่าบารมีของพระอรหันต์แต่ละองค์ไม่เท่ากัน พระอรหันต์ทั้งหมดมีกี่องค์ที่แสดงฤทธิ์ได้ พวกที่ได้โลกียฌานก็แสดงฤทธิ์ได้เหมือนกัน คนก็จะหลงผิดไปเลือกนับถือแต่ผู้มีฤทธิ์ ศาสนาก็เสื่อมล่ะทีนี้”

...หลวงปู่สิม พุทธาจาโร...



"...ปัญญาขั้นใดก็ตาม สติต้องติดแนบไปด้วยกัน สติ กับ ปัญญา เป็นคู่เคียงกันอย่างสนิท แยกกันไม่ออก เบื้องต้นสติต้องไปก่อน พอพยายามผลิตปัญญาขึ้นมาแล้ว สติเป็นพี่เลี้ยงปัญญาตามกันไป

พอถึงขั้นเต็มกำลังทั้งสติทั้งปัญญา ย่อมกล้าหาญชาญชัยต่อการทำหน้าที่ของตน ปราบกิเลสตัณหาอาสวะประเภทต่างๆ ไม่มีคำว่ากลัวว่าถอยนอกจากรุดหน้าท่าเดียว

สติปัญญาเป็นเหมือนเชือกที่ฟั่นกันเป็นเกลียวเดียว กลมกลืนกันไปเลย ไม่มีแยกกันเหมือนแต่ก่อน..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน





"..ถ้าไม่มีทุกข์ ก็ไม่ต้องปฏิบัติออกจากทุกข์
มันมีทุกข์ จึงปฏิบัติออกจากทุกข์
เราหนีทุกข์ หรือให้ทุกข์หนีจากเรา
เรารู้เท่าทุกข์ ทุกข์ก็หนีเอง
ถ้าเราไม่รู้เท่าทุกข์ ทุกข์ก็ไม่หนี..."

หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
สำนักสงฆ์สวนทิพย์ นนทบุรี





" สีเลนะ สุคะติง ยันติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา สิเลนะ นิพพุติง ยันติ ตัสมา สีลัง วิโสทะเย
หลายคนชอบไปหาของดีวัดโน้นวัดนี้ เที่ยวไปตามหาพระเกจิพระดังเพื่อเอาของดี แต่เราทุกคนลืมของดีที่มีอยู่มากับตัวแล้วคือ "ศีล" และลืมของดีที่อยู่ที่บ้านแล้วคือ "พ่อแม่" เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องไปหาของดีที่ไหน แค่เราดูแลรักษาของดี "ศีลและพ่อแม่" รักษาของสิ่งนี้ให้ดี นั้นแหละเป็นของดีที่ดีที่สุดแล้ว "

โอวาทธรรม
หลวงปู่ก้าน ฐิตธัมโม
วัดราชายตนบรรพต (เขาต้นเกตุ) อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 11 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO