นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 30 เม.ย. 2024 1:58 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: การปล่อยวาง
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 03 ก.ค. 2016 7:04 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
การปล่อยวางความยึดมั่นในวัตถุและอารมณ์ต่างๆ เป็นจุดมุ่งหมายของศาสนธรรมโดยแท้ แม้ธาตุขันธ์ยังต้องอาศัยสิ่งเหล่านั้นอยู่ ก็ไม่จำเป็นต้องยึดถือแบกหามเสียจนหนักอึ้งตลอดเวลา จนหาอิสระทางจิตใจไม่ได้

คนเราย่อมเป็นทุกข์กันตรงนี้ มิได้เป็นทุกข์เพราะความไม่มีกิน ไม่มีใช้ แต่เป็นทุกข์เพราะมีมากน้อยเท่าไร ก็ยึดมั่นเหนียวแน่นต่างหาก ลูกศิษย์พระพุทธเจ้ามีทางรู้ และปล่อยวางภาระ คือความยึดถือเหล่านี้ได้โดยลำดับ และได้โดยเด็ดขาด..
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน..





ธรรมะก่อนนิทรา : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
คืนที่ ๙๘๓ บารมีและอาสวะ : พลังของบารมีที่สั่งสม (๒)
ทั้งนี้ก็ต้องเกิดจากการที่ปฏิบัติบ่อยๆ ทำบ่อยๆ โดยที่ฉวยโอกาสจากเหตุการณ์ทั้งหลายอันบังเกิดขึ้นแก่ตนเองนี่แหละ โดยรอบในวันหนึ่งๆ มาอบรมให้เป็นบารมีขึ้นมา ให้เป็นทานขึ้นมาเป็นศีลขึ้นมา เป็นเนกขัมมะขึ้นมา เป็นปัญญาขึ้นมาเป็นต้นในเรื่องนั้นๆ สุดแต่ว่าเมื่อเรื่องใดบังเกิดขึ้น ข้อใดอันเหมาะสมที่จะนำมาใช้ ก็นำมาใช้ หรือหลายข้อด้วยกันดั่งนี้ ก็จะเจริญกุศลกรรม เจริญบุญเจริญบารมี
แต่ถ้าหากว่าไม่ใช้ดั่งนี้แล้ว ก็จะเจริญบาปเจริญอกุศล นั้นตรงกันข้ามเป็นการเจริญอาสวะ คนโดยมากนั้นมักจะไม่ได้คิดดั่งนี้
เพราะฉะนั้น จึงชอบที่จะปฏิบัติเป็นการเจริญอาสวะกันเสียโดยมาก โดยที่น่าคิดว่าขาดปัญญาในตัวเองที่เป็นพื้นฐาน และแม้มีปัญญาเป็นพื้นฐานมาแล้ว ก็ประมาทปัญญานั้น ไม่นำปัญญานั้นมาใช้ให้บังเกิดเป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้น หากไม่ประมาทปัญญาที่มีเป็นพื้นฐาน นำปัญญานั้นมาใช้และเพิ่มพูนให้มากขึ้น ก็จะเป็นเหตุให้ได้บำเพ็ญบารมี คือความดีเพิ่มขึ้นทุกวัน แทนที่จะเพิ่มบาป เพิ่มอกุศล เพิ่มอาสวะทั้งหลาย ดั่งนี้คือการปฏิบัติธรรม.



"บัณฑิตผู้มีความฉลาด
ย่อมไม่ดูหมิ่นบาปบุญ แม้เพียงเล็กน้อย
บาปนิดหน่อยก็ไม่ทำ บุญนิดหน่อยก็ย่อมทำ"
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย





"หวังผลไกล"

เมื่อมีแขกหรืออุบาสกอุบาสิกาไปกราบนมัสการหลวงปู่ แต่หลวงปู่มีปรกติไม่เคยถามถึงเรื่องอื่นไกล มักถามว่า ญาติโยมเคยภาวนาบ้างไหม? บางคนตอบว่าไม่เคย

ในจำนวนนั้นมีคนหนึ่งฉะฉานกว่าใคร เขากล่าวว่า ดิฉันเห็นว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องมาวิปัสสนาอะไรให้มันลำบากลำบนนัก เพราะปีหนึ่งๆ ดิฉันฟังเทศน์มหาชาติจบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ตั้งหลายวัน ท่านว่าอานิสงส์การฟังเทศน์มหาชาติจะได้ถึงศาสนาพระศรีอาริย์ ก็จะพบแต่ความสุขความสบายอยู่แล้ว ต้องมาทรมานให้ลำบากทำไม..

หลวงปู่ท่านจึงสอนว่า

"..สิ่งอันประเสริฐที่มีอยู่เฉพาะหน้าแล้วไม่สนใจ กลับไปหวังไกลถึงสิ่งที่เป็นแต่เพียงการกล่าวถึง เป็นลักษณะของคนไม่เอาไหนเลย ก็ในเมื่อมรรคผลนิพพานในศาสนาสมณโคดมในปัจจุบันนี้ยังมีอยู่อย่างสมบูรณ์ กลับเหลวไหลไม่สนใจ เมื่อถึงศาสนาพระศรีอาริย์ ก็ยิ่งเหลวไหลมากกว่านี้อีก.."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงปู่ดุลย์ อตุโล


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO