นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 29 เม.ย. 2024 6:09 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: สิ่งที่เป็นบุญ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 23 พ.ค. 2016 5:18 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
ทุกครั้งที่เราสร้างคุณงามความดี
เช่นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ หรือสัตว์ก็ตาม
เราจะรู้สึกเป็นสุข อิ่มอกอิ่มใจ ปลื้มใจ
คิดถึงเมื่อไหร่ ก็มีความสุขเมื่อนั้น
สิ่งนี้แหละ...ที่เรียกว่า "บุญ"





โลกนี้ มีแต่ทุกข์ทั้งหมด หาใช่สุขไม่
จงมาเห็นความจริง กันเสียเถิด
อย่าได้หลงเกิด ให้ทุกข์อีกต่อไป
มองดูท้องฟ้า เห็นดวงดาวเต็มไปหมด
การเกิด การตาย ไม่รู้ว่าอีกเท่าไหร่
เกิดแล้วตาย เกิดแล้วตาย

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ




ศีลไม่บริสุทธิ์มันเกี่ยวกับจิตใจนะ จิตใจมันสำคัญที่สุดนะ คิดอิจฉาผู้อื่นเบียดเบียนผู้อื่น อยากทำลายคนนั้น ผูกอาฆาตจองเวร คิดอยู่อย่างนั้น นี่ตัวสำคัญ ศีลบริสุทธิ์ นั้นพร้อมด้วยสติปัญญานะ ให้แก้ไขพิจารณาไป
หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
คัดจากหนังสือ "กุสลมณี ๙๒ โอวาทธรรมคำสอน หลวงปู่ลี กุสลธโร"





"คนฉลาดต้องรีบเร่งศึกษาธรรม ท่านทั้งหลายเป็นนักศึกษา ศึกษาทางโลกมากแล้ว มาศึกษาธรรมะเสียบ้างเป็นการดี ถูกต้อง
ขั้นแรกคือศีล ศีลห้านั่นแหละพอแล้ว ถือให้มันดีๆ ให้มั่นคง ให้บริสุทธิ์ พอแล้ว ท่านว่าถือตามฐานะ พวกท่านเป็นนักศึกษา ศีลห้าก็ดีแล้ว ถ้าใครถึงศีลแปด ก็ยิ่งดี ถ้าทำได้
ศีลเป็นเครื่องระงับสงบกายวาจา กายวาจาสงบ จิตก็สงบ เมื่อจิตสงบ ก็ตั้งมั่น เกิดเป็นสมาธิ จิตมีอำนาจ มีกำลัง เมื่อจิตตั้งมั่นแท้แล้ว อยากรู้อะไรก็รู้ได้ เกิดปัญญาเห็นแจ้ง
เมื่อมีปัญญาแล้วก็ไม่หลงอะไรอีกต่อไป ไม่ทำอะไรผิด
มีสติ รู้เท่าทัน อะไรถูกอะไรผิด
"เมื่อไม่ทำอะไรผิด ความทุกข์ก็ไม่มี"
มีปัญญารู้ตามความเป็นจริง ความเศร้าโศกเสียใจอะไรก็ไม่มี เพราะรู้แล้วว่ามันเป็นอย่างนั้นเอง
"ความพลัดพรากจากของรัก
ความไม่ได้สิ่งที่อยากได้
ความไม่ได้สิ่งที่อยากเป็น
เหล่านี้เป็นของธรรมดา
ไม่ใช่เรื่องสำหรับเศร้าโศกเสียใจ"

มีปัญญาเห็นจริงย่างนี้แล้ว คิดอะไรก็ดี ทำอะไรก็ดี พูดอะไรก็ดี ดีทั้งนั้น
ท่านทั้งหลายควรศึกษาเรื่องเหล่านี้ไป
พร้อมๆ กับศึกษาวิชา แล้วกาลภายหน้าก็
จะแจ่มใส เอาเท่านี้ละนะ "

หลวงปู่ขาว อนาลาโย







...ถ้าจิตได้รับการชำระ
ได้รับการกำจัด โลภะ โทสะ โมหะ
กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา อวิชชา
ให้หมดไปจากจิตจากใจแล้ว
จิตใจก็จะ..ไม่ไปเกิด เพราะไม่มีเชื้อพาไป..
...เหมือนกับรถยนต์ที่ เมื่อน้ำมันหมดแล้ว
ก็จะไม่สามารถวิ่งไปไหนมาไหนได้อีกต่อไป
...ฉันใด จิตใจ
ถ้าไม่มีน้ำมันของภพชาติคือ..กิเลสตัณหา
ความโลภความโกรธความหลง
ความอยากในรูปเสียงกลิ่นรส
ความอยากมีอยากเป็น
ความอยากไม่มีอยากไม่เป็น
"จิตใจก็จะสะอาด บริสุทธิ์
...จิตใจก็จะ..ไม่ไปเกิดแก่เจ็บตายอีกต่อไป
จิตใจที่สะอาดบริสุทธฺ์นี้เราเรียกว่า "นิพพาน"
..................................................................
คัดลอกการแสดงธรรม
ธรรมะบนเขา 22/5/2559
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี






"หลวงตามหาบัวเคยเล่าให้หลวงตาพุธ ฟังครั้งหนึ่งว่า....
แต่ก่อนนั้น หลวงตาอยากเป็นพระ เมื่อได้บวช ก็เป็นพระสมใจแล้ว ต่อมา หลวงตาอยากเป็นพระมหา สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ก็ได้ชื่อว่า"มหาบัว"
สมดังปรารถนาแล้ว ต่อมาอีก หลวงตาอยากเป็นพระนักปฏิบัติ ก็ออกธุดงค์วัตรปฏิบัติธรรม ก็ได้ชื่อว่าเป็นพระนักปฏิบัติแล้ว ครั้นสุดท้าย หลวงตาอยากสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ก็ตั้งใจปฏิบัติธรรมอย่างเต็มกำลัง แต่...คราวนี้ "ความอยากเป็นพระอรหันต์" ไม่รู้หายไปไหนหมดแล้ว...
"หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ก็สรุปในตอนสุดท้ายว่า "นี่แหละ ท่านผู้เป็นพระอรหันต์ หมดอาสวกิเลสแล้วอย่างแท้จริง ย่อมเป็นอย่างนี้นี่"
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา






เวลาสวดมนต์ไหว้พระ อย่าพากันทำเป็นเล่นเห็นเป็นของสนุกคะนองปาก ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นของสูงควรค่าต่อการเคารพเป็นอย่างยิ่ง หากพากันเห็นเป็นของเล่นแล้ว ก็จะเป็นบาปเป็นกรรมกับตัวเอง นักปราชญ์ได้ยินท่านก็ตำหนิ เทวดาเขาก็พากันตำหนิ เวลาไหว้พระสวดมนต์ ให้พากันตั้งใจสวดจริงๆ เวลาสวดก็ให้มีสมาธิจดจ่อลงไปในบทหรือสูตรนั้นๆ มันถึงจะมีอานิสงส์เกิดขึ้นกับตัวเจ้าของ ( ตัวเราเอง ) การสวดมนต์ไหว้พระเป็นการทำสมาธิไปในตัว บางทีข้ออรรถธรรมต่างๆ มันก็จะผุดขึ้นมาในขณะที่สวดมนต์ก็มี เทวดาทั้งหลายนั้น เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกับพวกเรามาก่อน มีจิตใจฝักใฝ่ในบุญกุศล พอตายทำลายขันธ์จากโลกนี้ไปแล้ว ก็ได้ไปจุติในสวรรค์ชั้นต่างๆ สูงบ้างต่ำบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับบุญกุศลที่ตนเองได้สั่งสมมาในตอนเป็นมนุษย์ ถึงแม้ว่าจะเป็นเทวดาอยู่ก็ตาม จิตของพวกเขายังฝังไว้ในบุญกุศล พอได้ยินหรือได้เห็นผู้ใดเขาทำคุณงามความดี พวกเขาก็จะพากันมาร่วมอนุโมทนาด้วย หากว่าเรามีจิตที่ละเอียดเป็นสมาธิบ้าง เราก็จะเห็นเขามาร่วมอนุโมทนากับเราด้วย อย่างหยาบๆที่พวกเราจะรับทราบได้ ก็คือ ขนพองสยองเกล้าเป็นต้น "
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม






" ถ้าความอยากมันเกิดขึ้น
ให้เอาจิตเพ่งความอยาก
แต่อย่าถือว่าเป็นจิตของเรา
ให้กำหนดรู้ว่า...
ความอยากเป็นเพียงอาการของใจ
ความอยากเป็นความนึกคิดของใจเท่านั้น"

หลวงปู่คำดี ปภาโส






"ถ้ามาพูดความจริงของสภาวธรรมแล้ว
กายนี้เป็นก้อนทุกข์ก้อนธรรมทั้งหมด
ตั้งแต่หัวจรดเท้า หาช่องสุขในระหว่างกลาง
มิได้เลยแม้แต่น้อยนิด จึงเรียกว่า กองทุกข์"

หลวงปู่ขาว อนาลาโย





มีปัญญารู้ตามความเป็นจริง ความเศร้าโศกเสียใจอะไรก็ไม่มี เพราะรู้แล้วว่ามันเป็นอย่างนั้นเอง
"ความพลัดพรากจากของรัก
ความไม่ได้สิ่งที่อยากได้
ความไม่ได้สิ่งที่อยากเป็น
เหล่านี้เป็นของธรรมดา
ไม่ใช่เรื่องสำหรับเศร้าโศกเสียใจ"

หลวงปู่ขาว อนาลาโย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO