นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 29 เม.ย. 2024 5:54 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: กิเลส 3 อย่าง
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 10 พ.ค. 2016 4:44 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
" ผลงานของกิเลส ก็คือ ความทุกข์
มรดกของกิเลส ก็คือ ความทุกข์
อยู่กับกิเลสอย่างหยาบ เหมือนถูกภูเขาทับ
อยู่กับกิเลสอย่างกลาง เหมือนถูกเสี้ยนหนามตำ
อยู่กับกิเลสอย่างละเอียด เหมือนผงเข้าตา"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน





"อย่าพากันเล่นมากนะ ครูบาอาจารย์เหลือน้อยลงทุกทีแล้วนะฝ่ายปฏิบัติ สักหน่อยมันก็จะเป็นทางโลกไปหมดแล้วนะ อย่างหลวงปู่มั่นท่านได้ทำนายไว้แล้วนะเรื่องศาสนาว่า “วัดป่ามันจะกลายเป็นวัดบ้าน วัดบ้านจะกลายเป็นคนตาย คนตายจะกลายเป็นบ้า” ท่านทำนายไว้หมดแล้วนะ เดี๋ยวนี้ดูสิโลกมันร้อนมากนะ พอได้เข้าหาพระหาเจ้า พอได้เห็นครูบาอาจารย์จิตใจมันก็สบาย ดูซิ คนได้เข้าหาครูบาอาจารย์ มันก็สบายเย็นใจ แค่เห็นวัดเท่านั้นแหละ เห็นกริยามารยาทของครูบาอาจารย์ จิตมันก็สงบสบาย ถ้าได้ออกไปทางโลก เดี๋ยวก็วิ่งกลับมาทางธรรมอีก เป็นอยู่อย่างนั้นสังเกตดูซิ ถ้าใจมันไม่ร้อน ไม่วิ่งกลับมาหรอก วุ่นวายมากนะสมัยนี้ ความเจริญกับความเสื่อมอยู่ด้วยกันนะ จะไปอะไรมากมาย แต่ขนาดครอบครัวก็แย่งชิงกันเป็นใหญ่ในบ้านแล้ว เรื่องเป็นเจ้าเป็นนายก็เหมือนกันนะ แย่งชิงเก้าอี้ เพื่อความเป็นใหญ่กันอยู่นั้นแหละ สักหน่อยก็ปลดออกจากตำแหน่ง สักหน่อยก็แต่งตั้งขึ้นใหม่อยู่อย่างนั้น โลกนี้คิดไปคิดมาแล้วที่ไหนมันมีความสุข ไม่เห็นมีความสุขนะ ถ้าคิดใคร่ครวญดูจริงๆ ให้ไปคิดอ่านใคร่ครวญ เข้าไปดูซิ"

...........................................................................................

หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดป่าภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
ขอบคุณภาพจาก คุณไชยรัตน์ ไทยวัชรามาศ





ผู้ให้ทาน ด้วยจิตเมตตาบริสุทธิ์
ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้บำรุงตน และผู้อื่น
ผู้รักษาศิล คือผู้ไม่สร้างบาปก่อเวรกรรมชั่ว
ย่อมได้ชื่อว่ารักษาตน และผู้อื่น
ผู้เจริญภาวนา ทำสมาธิ ก่อปัญญา
ย่อมระงับเหตุแห่งทุกข์ นำพาตนให้พบสุขได้.




พระสังฆราชองค์หนึ่ง เขาถวายถ้วยชาจากเมืองจีนโอย...พอถ้วยชาถึงมือปุ๊บมันทุกข์เลย จะวางตรงไหนหนอ จะเก็บตรงไหนหนอ กลัวมันจะแตก แต่ก่อนไม่มีถ้วยชาสบาย พอเขาให้ถ้วยชา พอเขาถวาย จับถ้วยชาทุกข์แล้วนะ แต่ก่อนมันยังไม่ทุกข์ ถ้วยชานี้แหละมันหนักเห็นไหม เณรเข้าไปใกล้ก็ว่า "ระวังให้ดีนะ" เป็นทุกข์ตลอดเวลาได้ถ้วยชาใบนั้นมามันเป็นทุกข์ทุกข์มันมากับถ้วยชาเพราะไปยึดมั่นถือมั่นเลยเป็นทุกข์ อีกวันหนึ่งสามเณรไปจับหลุดมือแตกเพี๊ยะเอ้อ...หมดทุกข์ไปซะทีโว๊ยมันทุกข์มาหลายปีแล้ว แน่ะ...เห็นไหม
ขันธ์ ๕ นี้ก็เหมือนกัน มันหนัก ให้ทิ้งของหนักเสีย ทิ้งรูป ทิ้งเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณนี้เสีย อย่าไปเข้าใจว่าตัวเราหรือของเรา มันสักแต่ว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เท่านั้น อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ถ้าเรารู้เช่นนี้มันก็เป็นวิมุตติขึ้นมา พ้นขึ้นมาแล้วแต่ก่อนมันติดสมมุติเมื่อเห็นเป็นสักว่ามันก็พลิกขึ้นมาเป็นวิมุตติพ้นจากสมมุติอันนั้นในขันธ์๕ สมัยก่อนไปยึดขันธ์ ๕ เมื่อมาปล่อยขันธ์ ๕ มันก็เบานี่ตัวอุปาทานความยึดมั่นถือมั่น ให้เข้าใจทุกคน
.
หลวงปู่ชา สุภัทโท





"พระโสดาจะเกิดตายๆ อยู่เพียง ๗ ชาติ อย่างกลาง ๓ ชาติ ก็พ้นทุกข์ไปได้โดยสิ้นเชิง อย่างอุกฤษฏ์เป็นที่หนึ่ง ก็คือมาเกิดเพียงชาติเดียว แล้วบรรลุธรรมถึงที่สุดวิมุตติพระนิพพานไปเพียงชาติเดียวเท่านั้น"
เทศน์หลวงตา ณ สวนแสงธรรม เช้าวันที่ ๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
"พระอริยบุคคลขั้นพระโสดา พอท่านสำเร็จเป็นขั้นพระโสดาแล้ว ตามธรรมดาจะเกิดไปอีกกี่กัปกี่กัลป์เหมือนดังที่เกิดมาแล้ว ตายมาแล้วนั้นแล แต่พอได้กระแสแห่งธรรมเข้าถึงใจแล้วเท่านั้น ตัดภพตัดชาติที่ยืดเยื้อให้ย่นเข้ามา ถึงอย่างมากพระโสดาจะไม่เลย ๗ ชาติ คือเกิดตายๆ อยู่เพียง ๗ ชาติ ใน ๗ ชาตินั้นก็ไม่ตกอบายภูมิ
คือนรกหนึ่ง เปรตหนึ่ง อสุรกายหนึ่ง สัตว์เดรัจฉานหนึ่ง ท่านเรียกว่าอบายภูมิ ๔ หาความสุขไม่ได้ ท่านผู้สำเร็จพระโสดานี้จะไม่มาเกิดในภูมิทั้งสี่นี้ มาเกิดแดนมนุษย์ แล้วก็มาสร้างคุณงามความดี พอพ้นจากนี้ก็ขึ้นไปแดนสวรรค์
พออายุแดนสวรรค์สิ้นลงแล้วลงมาเกิดเป็นมนุษย์อีก อย่างช้าที่สุดไม่เลย ๗ ชาติ อย่างกลางก็ ๓ ชาติ กลับไปกลับมาเกิดอยู่เพียง ๓ ชาติก็พ้นทุกข์ไปได้โดยสิ้นเชิง อย่างอุกฤษฏ์เป็นที่หนึ่ง ก็คือมาเกิดเพียงชาติเดียว แล้วบรรลุธรรมถึงที่สุดวิมุตติพระนิพพานไปเพียงชาติเดียวเท่านั้น
นี่ละผู้มีธรรมมีฝั่งมีฝา แต่ถ้าผู้ไม่มีธรรมเรื่องการเกิดการตายเราจะนับไม่ได้ตลอดไป เราเป็นนักเกิดนักตาย ท่านจึงสอนว่าจิตเป็นนักท่องเที่ยว มันท่องเที่ยวตลอดเวลาด้วยบุญด้วยกรรมสูงๆ ต่ำๆ เป็นอำนาจแห่งบุญแห่งกรรมของตน เพราะงั้นให้พากันรู้เนื้อรู้ตัว สร้างคุณงามความดี"






เราก็เกิดในโลกนี้ เพื่อมาสร้างบารมี
ไม่ใช่ว่า มาเกิดเล่น เกิดมาแสวงหาความสุข
สนุกชั่วคราว ไม่มีประโยชน์อะไร
ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ความตายเป็นของแน่นอน
โลกนี้ เป็นแต่ทางผ่าน เท่านั้นเองแหละ
เกิดมาเพื่อมา "สร้างบารมี" ... อาศัยบุญบารมี
นำดวงจิตนี้ ให้พ้นจากทุกข์ ไปตามลำดับนะ

(พระธรรมคำสอน...หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO