นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 29 เม.ย. 2024 4:04 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: พิจารณาจิต
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 05 พ.ค. 2016 5:06 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "อานนท์ ปฏิบัติให้มาก ทำให้มากแล้วจะสิ้นสงสัย" ความสงสัยจะไม่มีวันสิ้นไปได้ ด้วยการคิด ด้วยทฤษฎี ด้วยการคาดคะเน หรือด้วยการถกเถียงกัน หรือจะอยู่เฉยๆไม่ปฏิบัติภาวนาเลย ความสงสัยก็หายไปไม่ได้อีกเหมือนกัน กิเลสจะหายสิ้นไปได้ก็ด้วยการพัฒนาทางจิต ซึ่งจะเกิดได้ก็ด้วยการปฏิบัติที่ถูกต้องเท่านั้น

การปฏิบัติทางจิตที่พระพุทธเจ้าทรงสอนนั้น ตรงกันข้ามกับหนทางของโลกอย่างสิ้นเชิง คำสั่งสอนของพระองค์มาจากพระทัยอันบริสุทธิ์ ที่ไม่ข้องเกี่ยวกับกิเลสอาสวะทั้งหลาย นี่คือแนวทางของพระพุทธเจ้าและสาวกของพระองค์

เมื่อเราปฏิบัติธรรม เราต้องทำใจของเราให้เป็นธรรม ไม่ใช่เอาธรรมะมาตามใจเรา ถ้าปฏิบัติอย่างนี้ ทุกข์ก็จะเกิดขึ้น แต่ไม่มีใครสักคนหรอกที่จะพ้นจากทุกข์ไปได้ พอเริ่มปฏิบัติ ทุกข์ก็อยู่ตรงนั้นแล้ว หน้าที่ของผู้ปฏิบัตินั้นจะต้องมีสติ สำรวม และสันโดษ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราหยุด คือเลิกนิสัยความเคยชินที่เคยทำมาแต่เก่าก่อนทำไมถึงต้องทำอย่างนี้ ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ไม่ฝึกฝนอบรมใจตนเองแล้วมันก็จะคึกคะนอง วุ่นวายไปตามธรรมชาติของมัน

พระธรรมคำสอนของ หลวงปู่ชา สุภทฺโท
วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี







เมื่อพิจารณากาย ซ้ำๆซากๆ จนจิตถอนออกจากความหลงกายเรียบร้อยแล้ว
ให้พิจารณานามธรรม พิจารณาครอบจิตอีกทีหนึ่ง ตรงนี้นักปฏิบัติทำกันไม่ถึง
เพราะส่วนใหญ่ เมื่อถอนความหลงจากกายได้แล้ว มักจะหยุดที่ตรงนั้นกันเลย
และเหมาว่าบรรลุแล้ว จริงๆยังไม่บรรลุ เหมือนคนเราอยู่ในห้องว่าง
มองไปทางไหนก็ว่างไปหมด แต่ความจริง มันไม่ว่าง เพราะตัวเองนั้นแหละยังยืนอยู่
ห้องนั้นเลยไม่ว่าง เมื่อพิจารณากายซ้ำๆซากๆแล้ว ก็ต้องพลิก หันมาพิจารณาจิตครอบจิต
ครอบนามธรรมอีกทีหนึ่ง จรึงจะถูก เมื่อก่อนลำดับแรก พิจารณากายเป็นของไม่สะอาด
เป็นอสุภะ เป็นธาตุ เป็นของน่ารังเกียจ แต่เมื่อธรรมสูงขึ้นไปอีก จิตจะพลิก จิตจะทราบขึ้นมาทันทีว่า
กายไม่ไช่อสุภะหลอก จิตตังหากเป็นอสุภะ กายไม่ได้เป็นอสุภะหรอก จิตตังหาก ไปยึดกาย จิตนี้

โอวาทธรรม หลวงตามหาบัว







เมื่อครั้งมาอยู่วัดถ้ำกลองเพลใหม่ๆ คืนหนึ่งที่หลวงปู่ขาวนั่งทำสมาธิภาวนาอยู่ในถ้ำหน้าพระพุทธรูปที่เรียงรายกันอยู่ จิดเกิดความสงบอย่างมาก ใสสว่างเหมือนพระจันทร์วันเพ็ญ เหมือนแก้วมณีอันสว่างไสว ปราศจากซึ่งควัน หมอก และผงธุลี

ขณะนั้นก็เกิดแสงสว่างขึ้นตามบริเวณที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ ปรากฏในนิมิตนั้นว่า พระพุทธรูปแต่ละองค์พูดได้ บางองค์หัวเราะ บางองค์ยิ้ม ดูบรรยากาศช่างมีความสุข และชุ่มเย็นเป็นที่น่าอัศจรรย์ พระพุทธรูปองค์หนึ่ง ถามพระพุทธรูปอีกองค์ว่า

"ท่านบวชได้กี่พรรษาแล้ว"

บางองค์ก็ตอบว่า "ผมได้๑๐๐ พรรษาแล้ว"

อีกองค์หนึ่งตอบว่า "ผมได้ ๕๐๐ พรรษาแล้ว"

องค์ที่พรรษาสูงสุดพูดว่า

"พวกท่านยังอ่อนกว่าผมมากเลยทีเดียว ผมบวชได้ ๑๐๐๐ พรรษาแล้ว"

ในนิมิตแสดงอย่างแจ่มแจ้งมาก พระพุทธรูปทุกองค์ยิ้มแย้ม แจ่มใส อารมย์ดี มีเมตตาสูง แล้วยังแสดงธรรมให้หลวงปู่ฟังอย่างซาบซึ้งใจอีกด้วย

ลูกศิษย์ที่ได้ฟังต่างก็ตื่นเต้น และปลื่้มปิติไปตาม ๆ กัน

เมื่ออยากรู้ว่าพระพุทธรูปองค์ใดในถ้ำกลองเพลกี่พรรษา

หลวงปู่ก็กรุณาชี้บอกว่าองค์นั้นเท่านี้พรรษานะ องค์นั้นเท่านั้นพรรษานะ

หลวงปู่อธิบายบอกชนิดที่มีความคุ้นเคยกับพระพุทธรูปแต่ละองค์เป็นอย่างมาก ศิษย์รุ่นเก่าๆ จะทราบเรื่องเป็นอย่างดี

เมื่อศิษย์รุ่นหลังถามว่าทำอย่างไรพวกเขาจะได้รู้ได้เห็นเรื่องที่หลวงปู่เล่ามาได้บ้าง หลวงปู่ท่านตอบว่า

"ก็มานอนเหมือนคนตาย แล้วมันจะรู้ปราสาทวิมานอะไร อยากได้ อยากรู้ อยากเห็นต้องนั่งภาวนา จึงจะเห็นของพรรค์นี้ จะมาบอกเล่ากันทั้งหมดเดี๋ยวเขาจะหาว่าเราบ้า"

หลวงปู่ได้เมตตาสอนศิษย์่ต่อไปว่า

"ธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากล่าวไว้ดี ถ้าอยากรู้อยากเห็นมันต้องทำเอาเอง พระธรรม ดวงธรรม แสงสว่างทางแห่งความสุข วิมุตติ วิโมกข์ มันมีอยู่ในตัวเรา ขอจงลงมือทำ อย่ามัวแต่อยากเฉยๆ ไม่ประพฤติ ไม่ทำมันก็เหมือนคนตาบอดหลงทาง
พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ มีอยู่ทุกเมื่อ ใครกินผู้นั้นอิ่ม จะถามคนที่กินอาหารอิ่มว่ามันเป็นอย่างไร จะไปถามทำไม อาหารคือ ธรรมโอสถมีแล้ว เมื่อกิน คือลงมือปฏิบัติก็ไม่ต้่องถามดอก ถ้ามันถึงเมืองอ้อ เมืองพอ แล้วมันจะออกปากอุทานว่า ...อ๋อ!...เป็นอย่างนี้เอง!..."

หลวงปู่ขาว อนาลโย





ถึงจิตไม่สงบก็ไม่ควรปล่อยให้มันออกไปไกล ใช้สติระลึกไปแต่ในกายนี้ ดูให้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อสุภสัญญา หาสาระแก่นสารไม่ได้ เมื่อจิตมองเห็นชัดแล้ว จิตก็เกิดความสลดสังเวช เกิดนิพพิทา ความหน่าย คลายกําหนัด ย่อมตัดอุปาทานขันธ์ได้เช่นเดียวกัน"

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์





ดับทุกข์ที่ทุกข์ ดับไฟที่ไฟ อย่าเอาไปไว้ คนละแห่ง คนละชาติ คือ ทุกข์อยู่ในชาตินี้ แล้วจะดับทุกข์ หรือ นิพพาน ต่อชาติอื่น อีกหลายร้อย หลายพันชาติ จะดับไม่ได้ และมีแต่ การละเมอ เพ้อฝัน จะต้องดับที่ตัวมัน และให้ทันแก่เวลา เมื่อมีผัสสะเกิดขึ้น ก็มีสติ สัมปชัญญะ ทันควัน จัดการกับผัสสะ นั้นทันที จนทุกข์ ไม่อาจจะเกิดขึ้น หรือดับไป, เดี๋ยวนี้ มักจะเอา ทุกข์ กับ ดับทุกข์ ไว้คนละชาติ.

พุทธทาสภิกขุ







หลวงปู่จันทา ถาวโรถามปัญหาหลวงปู่ขาว

หลวงปู่จันทา ถาวโร : "การทำความเพียรที่จะนำจิตเข้าสู่ความสงบเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญาเป็นบุญกุศล เกิดขึ้นนั้นทำอย่างไร หนักเบาอย่างไร ขอหลวงปู่จงเมตตาเกล้ากระผมพอใจยอมตัวเป็นศิษยานุศิษย์ ประพฤติปฏิบัติตามแล้ว โดยไม่หวั่นไหว"

หลวงปู่ขาวก็ว่า : " วิธีการกระทำนั้น เจริญสมถกรรมฐาน เดิน ยืน นั่ง วิปัสสนากรรมฐาน พิจารณาค้นคว้า ในร่างกายนี้สู่ไตรลักษณ์ เห็นแจ้งประจักษ์ทุกเมื่อ

การที่จะทำจิตให้เกิดสมาธิ ผลเกิดขึ้นอันแน่นอนมั่นคงนั้น ศีลต้องบริสุทธิ์ ทำความเพียร อดนอน ผ่อนอาหาร อันนี้จะนำจิตเข้าสู่ความสงบได้เร็ว อย่างช้าเดือนหนึ่ง อย่างกลาง ๑๕ วัน อย่างเร็ว ๗ วัน เห็นผล นั่นแหละถ้าใครทำความเพียรอดนอนผ่อนอาหารได้ ก็จะเป็นไป"








...ความเบื่อ เป็นอาการของกิเลส ในเมื่อมันเกิด พิจารณาความเบื่อ เอาความเบื่อมาเป็นอารมณ์
ถามตัวเองว่า ทำไมมันจึงเบื่อ
เมื่อได้คำตอบนี้แล้ว ถามต่อไปอีกว่า ทำไมๆๆ เพราะอะไรๆๆ
ไล่มันไป จนมันจนมุม
เอาความเบื่อเป็นอารมณ์ เอาความเบื่อเป็นเครื่องรู้ เราก็พิจารณาหาเหตุผลความเบื่อให้ได้ การพิจารณาเช่นนี้ก็คือ การพิจารณาวิปัสสนากรรมฐาน
จิตเศร้าหมอง ก็พยายาม ภาวนาให้มากๆ พิจารณาให้มากๆ ในเมื่อจิตมันรู้แจ้งเห็นจริงแล้ว มันจะหายเบื่อ และจะหายเศร้าหมอง.

หลวงพ่อพุธ ฐานิโย


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO