นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 29 เม.ย. 2024 6:16 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: บัญญัติ
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 28 มี.ค. 2016 11:11 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
อาตมาเคยเล่าให้ฟังครั้งหนึ่งว่า คนสี่คนเดินเข้าไปในป่า ได้ยินเสียงไก่ขัน “เอ๊ก อี้เอ้ก เอ้ก” ต่อกันไป คนหนึ่งก็เกิดปัญญาขึ้นมา ว่า เสียงขันนี้ใครว่าไก่ตัวผู้หรือว่าไก่ตัวเมีย สามคนรวมหัวกันว่าไก่ตัวเมีย ส่วนคนเดียวนั้นก็ว่าไก่ตัวผู้ขัน เถียงกันไปอยู่อย่างนี้แหละ ไม่หยุด สามคนว่าไก่ตัวเมียขัน คนเดียวว่าไก่ตัวผู้ขัน “ไก่ตัวเมียจะขันได้อย่างไร?” “ก็มันมีปากนี่” สามคนตอบ คนคนเดียวนั้นเถียงจนร้องไห้ ความจริงแล้วไก่ตัวผู้นั่นแหละขันจริงๆ ตามสมมุติของเขา แต่สาม คนนั้นว่าไม่ใช่ ว่าเป็นไก่ตัวเมีย เถียงกันไปจนร้องไห้ เสียอกเสียใจมาก

ผลที่สุดแล้ว มันก็ผิดหมดทุกคนนั่นแหละ ที่ว่า ไก่ตัวผู้ ไก่ตัวเมีย ก็เป็นสมมุติเหมือนกัน

ถ้าไปถามไก่ว่า “เป็นตัวผู้หรือ” มันก็ไม่ตอบ “เป็นไก่ตัวเมีย หรือ” มันก็ไม่ให้เหตุผลว่าอย่างไร

แต่แรกเคยสมมุติบัญญัติว่ารูป ลักษณะอย่างนี้เป็นไก่ตัวผู้ รูปลักษณะอย่างนั้นเป็นไก่ตัวเมีย รูป ลักษณะอย่างนี้เป็นไก่ตัวผู้มันต้องขันอย่างนี้ ตัวเมียต้องขันอย่างนั้น อันนี้มันเป็นสมมุติติดอยู่ในโลกเรานี้

ความเป็นจริงของมัน มันไม่มีไก่ตัวผู้ตัวเมียหรอก

ถ้าพูดตามความสมมุติในโลกก็ถูกตามคนเดียวนั้น แต่เพื่อนสามคนไม่เห็นด้วย เขาว่าไม่ใช่ เถียงกันไปจนร้องไห้ มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร มันก็เรื่องเพียงเท่านี้

หลวงพ่อชา สุภัทโท





ถ้าเราทำความคิดไว้ในใจ ให้ได้ดังนี้
เห็นรูปก็ว่า รูปไม่มี
ได้ยินเสียงก็ว่า เสียงไม่มี
ได้กลิ่นก็ว่า กลิ่นไม่มี
ลิ้มรสก็ว่า รสไม่มี

มันก็หมด

ที่เห็นรูปนั้น ก็เป็นเพียงความรู้สึก
ได้ยินเสียง ก็สักแต่ว่าความรู้สึก
ที่มีกลิ่น ก็สักแต่ว่ามีกลิ่น เป็นเพียงความรู้สึก
รสก็เป็นแต่เพียงความรู้สึก แล้วก็หายไปตาม

ความเป็นจริง ก็ไม่มี

รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ นี้เป็นโลกีย์

ถ้าเป็นโลกุตตระแล้ว
รูปไม่มี เสียงไม่มี กลิ่นไม่มี รสไม่มี โผฏฐัพพะไม่มี ธรรมารมณ์ไม่มี เป็นแต่ความรู้สึกเกิดขึ้นเท่านั้น แล้วก็หายไป ไม่มีอะไร เมื่อไม่มีอะไร ตัวเราก็ไม่มี ตัวเขาก็ไม่มี

เมื่อตัวเราไม่มี ของเราก็ไม่มี ตัวเขาไม่มี ของเขาก็ไม่มี ความดับทุกข์นั้นเป็นไปในทำนองนี้

คือไม่มีใครจะไปรับเอาทุกข์ แล้วใครจะเป็นทุกข์ ไม่มีใครไปรับเอาสุข แล้วใครจะเป็นสุข

หลวงพ่อชา สุภัทโท




การปฏิบัติธรรม‬ นั้น นอกจากการตั้ง ‪#‎สติ‬ แล้ว ไม่มีอย่างอื่นยิ่งไปกว่า ไม่ว่ายืน เดิน นั่ง นอน ก็มีสติระลึกได้ ถ้าเดินนึก เดินคิด นั่งนึก นั่งคิด นอนนึก นอนคิด ไม่ชื่อว่าปฏิบัติธรรม เขาเรียกกันว่าฟุ้งซ่านไปตามสัญญาอารมณ์ ถ้ามีสติระลึกได้ทุกเมื่อมีสัมปชัญญะประกอบด้วยยิ่งดีใหญ่เป็นการปฏิบัติธรรมโดยแท้
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร




“...คนไม่มีศีล ๕ แต่ไปให้ศีล ๕ คนอื่น
อย่างนี้ ย่อมไม่มีอำนาจ ไม่ศักดิ์สิทธิ์
แนะนำคนอื่นให้ทำดี แต่ตัวเองไม่ทำดี
อย่างนี้ คนถูกสอนก็อ่อนใจ
หมดกำลังใจ หมดศรัทธา...”
โอวาทธรรม...
หลวงพ่อลี ธัมมธโร




"ใครทำบุญให้ทานมากน้อย นี่ละคือเบิกทางเข้ามา จะดึงตัวเองออกจากขอบวัฏจักร แต่กิเลสมันไม่ยอมนะ คำนี้จำให้ดี พอเราจะแย็บทางความดีที่ไหน กิเลสจะกั้นปุ๊บ ๆ เพราะเราทำความดีคือเราจะออกจากอำนาจของมัน มันไม่ยอมให้ออก ก็คิดดูซิอย่างพระโคธิกะ เราพูดย่อ ๆ เลย พอท่านตรัสรู้ปึ๋งท่านก็นิพพาน พญามารมาคุ้ยเขี่ยขุดค้นหาจิตวิญญาณของพระโคธิกะ จนมืดฟ้ามัวดิน ไม่ทราบว่าควันอะไรต่ออะไรมืดไปหมดเลย พระพุทธเจ้าตวาดลงมา พญามาร ถ้าเป็นภาษาของหลวงตาบัว แต่นี้เขาแยกออกมาพูดเฉย ๆ พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาทำไมจะพูดอย่างหลวงตาบัวไม่ได้ ดีไม่ดียิ่งกว่านี้อีก

หลวงตาบัวพูดว่ายังไง พญามาร เธอจะมาหาค้นคว้าอะไรเพียงเธอคนเดียว ให้ไปยกโคตรของเธอมาค้นก็ไม่เห็นวิญญาณของพระโคธิกะซึ่งเป็นลูกตถาคต ท่านว่าอย่างนั้นนะ พระโคธิกะนิพพานไปแล้ว สิ้นกิเลสเรียบร้อยแล้ว ไม่อยู่ใต้อำนาจของเธอแล้ว เธอจะค้นเท่าไร ไปเอาโคตรเอาแซ่มาค้นก็ไม่พบ ตายจมไปเหมือนเก่านั้นแหละ ความหมายก็ว่างั้น นี่เห็นไหมล่ะ อันนี้พญามาร อำนาจแห่งกิเลสตัณหาเป็นหัวหน้าพญามารคุ้ยเขี่ยขุดค้นหาจิตวิญญาณของพระโคธิกะไม่พบ นั่นเห็นไหมล่ะ เวลาออกแล้ว นี่ละมันกุมอำนาจไว้เข้าใจไหม ค้นหาให้อยู่ในอำนาจของมัน นี่จิตพอพ้นปึ๋งออกไปแล้วก็แบบเดียวกัน"

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๕





"สัญญา กับปัญญาไม่เหมือนกัน"

" .. สัญญาเป็นความจำ ปัญญาเป็นความรู้เท่าทัน
มันไม่เหมือนกันมันต่างกัน บางคนจำสัญญาเป็นปัญญา
ถ้าปัญญาแล้ว ไม่สุขกับใคร ไม่ทุกข์กับใคร
ไม่เดือดร้อนกับใคร ไม่เป็นทุกข์
เป็นร้อนกับจิตที่มันสงบหรือไม่สงบ

ถ้าสัญญา ไม่ใช่อย่างนั้นนะ มันเกิดความยึดมั่นถือมั่น
เป็นทุกข์เป็นร้อนไปตามอารมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น .. "

หลวงปู่ชา สุภัทโท





"พิจารณาให้เห็นความทุกข์"

ความแก่ ความทรุดโทรมของร่างกายนี่มันก็ทำให้ลำบากลำบน จิตใจที่มันอาศัยอยู่ในร่างกายอันนี้เมื่อมันทรุดโทรมไปแล้วนี่นะแล้วก็บางทีก็เผชิญหน้ากับโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนเอาก็ต้องเป็นทุกข์ ทนทรมาน อย่างนี้แหละที่ว่า ตกอยู่ในห้วงแห่งกองทุกข์น่ะ

นอกจากความทุกข์อันธรรมชาติอย่างนี้แล้ว มันก็ทุกข์จากกิเลสมันแผดเผาเอา ราคะ โทสะ โมหะ มันแผดมันเผาเอา ก็เดือดร้อนกันไป ผู้ใดไม่เพียรพยายามละกิเลสมันใจมันสร้างมาแต่ก่อนนู้นก็มี มาสร้างเอาใหม่มันก็มี สมทบกันเข้ามันก็มีกำลัง เผาจิตใจนี้ให้เร่าร้อน มันเป็นอย่างนั้น

นี่แหละความทุกข์ ต้องให้รู้ ไม่ใช่ว่าอยู่ทุกวันนี้ไม่มีความทุกข์อะไร เพราะมันขาดปัญญา เมื่อขาดปัญญามันก็ไม่รู้จักว่ามันเป็นทุกข์อย่างไรแหละ ถ้าใช้สมาธิอบรมจิตให้เป็นสมาธิแล้วก็มาเพ่งพิจารณาดูแล้วก็เห็นแหละ เห็นความทุกข์ จะไม่ทุกข์อย่างไรเล่า เอ้าพอตื่นนอนมา เอ๊..วันนี้จะเอาอะไรมากินหนอ กับข้าวมีหรือไม่หนอ จะไปหาเงินยังไงสำหรับผู้ครองเรือนน่ะ เป็นนักบวชก็เอา ตื่นนอนมา ก็ต้องทำกิจวัตรต่างๆเสร็จแล้วก็บิณฑบาต เออ อย่างนี้แหละ ถ้าไม่ไปบิณฑบาตก็ไม่ได้ฉัน อันหมู่นี้มันก็ล้วนตั้งแต่ความทุกข์ทั้งนั้นแหละ มันความทนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่หาอะไรมาปรนปรือมัน มันก็อยู่ไม่ได้ร่างกายอันนี้นะ นี่มันก็ทรุดโทรมไป มันเป็นอย่างนั้น

"พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ"
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"ความทุกข์ในชีวิตมีมากมาย"





หลักการที่สำคัญมากในการดูจิตที่ขอย้ำ
ก็คือ ให้ รู้ อารมณ์เฉยๆ
อย่าไปพยายาม ละ อารมณ์นั้นเด็ดขาด
จะเดินทางผิดทันที เพราะอารมณ์ทั้งปวงนั้น
เป็นตัวขันธ์ เป็นตัวทุกข์
ผู้ปฏิบัติมีหน้าที่รู้เท่านั้น
อย่าอยาก (มีตัณหา) ที่จะไปละมันเข้า
(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม สุรินทร์)





"ขอเชิญพุทธศาสนิกชน
ผู้มีจิตศรัทธาและเมตตาทุกท่าน
ร่วมเป็นเจ้าภาพบริจาคปัจจัยตามกำลัง
เพื่อไถ่ชีวิตโคจากโรงฆ่าสัตว์
ให้รอดพ้นจากความตาย
อันแสนเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... 741&type=3




ขอเชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพจัดซื้อ พรมปูพื้นอุโบสถ
วัดปางค่า ตำบลไชยสถาน อำเถอเมือง จังหวัดน่าน
https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... 632&type=3




ขอเรียนเชิญกัลยาณมิตรทุกท่านที่มีจิตอันเป็นกุศลร่วมจัดทำโครงการธรรมทาน จัดพิมพ์หนังสือ"พ่อสอนลูก" เล่ม 1 ถวายวัดท่าซุง 2,000 เล่ม หนาประมาณ 500 กว่าหน้า
https://www.facebook.com/nirvanaculmina ... 3430684185





ขออนุญาติ เชิญชวนท่านทั้งหลายผู้มีจิต
ศรัทธา มาร่วมเป็นเจ้าภาพบูรณะเจดีย์ พร้อม
ทั้งทำสีพระอีก 7 องค์ กับ " คณะโยคาวจร "
ณ. วัดป่าแมว อ.ศรีธาตุ จ.อุดรธานี
https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... 533&type=3



ร่วมสร้างพระวิหาร พระฝนแสนห่า วัดบ้านดง ต.วังทรายคำ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง
https://www.facebook.com/permalink.php? ... 8702655238




ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ร่วมสร้างพระประจำซุ้มบริเวณ เจดีย์เมตตาหลวง
โดยมีพุทธลักษณะเป็น พระพุทธรูปปางมารวิชัย ทรงเครื่องจักรพรรดิ ศิลปะล้านช้าง ขนาดกว้าง 28 นิ้ว (รวมฐาน) คล้ายรูปตัวอย่าง หล่อด้วยทองเหลือง กำหนดเททองหล่อ ในวันที่ 20 พ.ค 59 (วันวิสาขบูชา) ณ วัดป่าเมตตาวนาราม อ.พาน จ.เชียงราย
https://www.facebook.com/permalink.php? ... 1748274850





ขอเชิญร่วมบุญเททองหล่อพระพุทธเจ้าปางประสูติ
3เมษายน2559
และร่วมเป็นเจ้าภาพบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน 88รูป ณ สำนักวิปัสสนาพุทธภาวนา(วัดสร้างใหม่) ในหมู่บ้านพฤษา3 อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
สอบถาม0836058391
https://www.facebook.com/17273572292658 ... 40/?type=3


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO