นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 29 เม.ย. 2024 8:54 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: สติเป็นข้อตั้ง
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 05 มี.ค. 2016 1:58 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
สติ‬ เป็นข้อตั้งสำหรับรับทราบสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับตนคือใจ ถ้า สติมีอยู่นั้นแล้วมันก็ทราบ ๆ ถ้าไม่มีแล้วมันจะคิดอะไร เผาจนกระทั่งนอนไม่หลับ บางรายเป็นบ้าไปเลย เพราะความยุ่งมากคิดมากจากความผลักดันของ ‪#‎กิเลส‬ มันออกรุนแรง คนนั้นก็ดีดดิ้นตามมันอย่างรุนแรง ถึงขนาดนอนไม่หลับ จากนั้นก็เป็นบ้าไปก็มี สติสตังไม่มี ถูกกิเลสเอาแหลก ๆ เลยไม่ทราบว่าผิดว่าถูก นี่ละถ้าสติไม่มีก็ไม่ทราบว่าผิดหรือถูก มันก็หมุนไปตามสิ่งที่ผลักดันนั้นแหละ ไปเรื่อย ๆ แล้วผลของมันก็คือ ‪#‎ความทุกข์‬ ‪‎ความลำบาก‬"
‪‎หลวงตาพระมหาบัว‬ ญาณสัมปันโน
เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕



ครูอาจารย์ขาวว่า “ครูอาจารย์ผู้แนะนำมีเป็นยุคเป็นสมัย แต่ ‪#‎นิสสัยวาสนา‬ ไปกับตัวเราอยู่ตลอด ‪#‎ผู้ได้ธรรมะเร็ว‬, ผู้ได้ธรรมะช้า, ผู้รู้ได้เร็วผู้รู้ได้ช้า.. ก็มีเหตุมาแต่การสะสมทำมา ปฏิบัติมาทั้งหมด
ผมเองก็เหมือนกันนะท่านจาม ถูกอาจารย์ใหญ่ตีหน้าผากจนสู้หน้าเพิ่นไม่ได้ไปหลายวัน กับเรื่องมัวเมาแต่สงสัยอยู่ในภายนอก
“มันบ่ย้อนกลับหาเจ้าของตากับใจ ไปอยู่แต่กับสิ่งภายนอกและผู้อื่นคนอื่น นักปฏิบัติเขาไม่ทำกันอย่างนั้นดอก” นี่ผมก็ถูกอาจารย์ใหญ่ตีหน้าผมอย่างนี้
ธรรมประวัติ: องค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ผู้มากมีบุญ




พราหมณ์ ! ฉันใดก็ฉันนั้น,
ที่แห่งพระนิพพาน ก็ยังตั้งอยู่,
ทางเป็นเครื่องถึงพระนิพพาน ก็ยังตั้งอยู่,
เราผู้ชักชวน ก็ยังตั้งอยู่,
แต่สาวกของเรา แม้เรากล่าวสอน พร่ำสอน อยู่อย่างนี้
น้อยพวกได้บรรลุนิพพาน อันเป็นผลสำเร็จถึงที่สุดอย่างยิ่ง,
บางพวกไม่ได้บรรลุ.
พราหมณ์ ! ในเรื่องนี้ เราจักทำอย่างไรได้เล่า,
เพราะเราเป็นเพียงผู้บอกทางเท่าน้น.
อุปริ. ม. ๑๔/๘๕/๑๐๑


" ธรรมพระพุทธเจ้า กระเทือนโลกมา
๒๕๐๐ กว่าปีนี้แล้ว สอนใจมนุษย์แท้ๆ
ไม่ได้สอนอะไรที่ไหน ให้ผิดจากหลักธรรม
และวิธีการสั่งสอน เอาไปพินิจพิจารณาดูซิ
ให้เกิดผลเกิดประโยชน์ อะไรจะเลิศยิ่งกว่า
มนุษย์เราในโลกนี้ฝึก อยากดีต้องฝึก
ควรหนักต้องหนัก ควรเบาต้องเบา
เราเป็นคนฉลาดคนหนึ่ง จะให้กิเลสมันเหยียบ
หัวเราอยู่ทำไมนักหนา กิเลสมันฉลาด
ก็รู้ว่ามันฉลาดอยู่แล้ว ธรรมยังฉลาด
เหนือกิเลสอีกนี่ เอามาเหยียบหัวมัน
ให้แหลกลงไปซิ กิเลสแตกจากหัวใจแล้ว
อยู่ไหนอยู่เถอะ สบายทั้งนั้นมนุษย์เรา "
(โอวาทธรรม หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)



ถาม : เป็นไปได้ไหมคะ ที่คนโมทนาบุญจะได้อานิสงส์ก่อน

ตอบ : เป็นไปไม่ได้ โมทนาได้เท่าเขายังไม่ได้เลย เพราะว่าไม่ได้ลงทุนด้วยกายวาจาใจของตัวเอง ใช้แต่ใจอย่างเดียว แต่ว่าในส่วนที่จะพึงได้นั้น ถามว่าได้เหมือนเจ้าของไหม....เหมือน แต่ว่าได้ทีหลัง ผลต้องเกิดจากเจ้าของบุญก่อน
หลวงพ่อเล็กเล็ก สุธัมมปัญโญ
วัดท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี




หากทำความเข้าใจว่า
ชีวิตของแต่ละคน
มิได้เกิดมาเพื่อใคร
แต่เป็นการเกิดมาเพื่อพบเจอ
แล้วก็ทำหน้าที่ร่วมกัน
ตามสมมุติของโลก

สุดท้าย
สิ่งที่ได้มาพบเจอ
สิ่งที่เราถูกสมมติให้เป็น
ก็มิอาจคงอยู่กับเราตลอดไป

ทุกอย่างเพียงชั่วคราว
มีความเปลี่ยนแปลง
จงหมั่นฝึกใจตนให้ละ
ความยึดติดทั้งหลายให้ได้
เพราะหนทางสายนี้
เรามาคนเดียว... ไปคนเดียว..

‪ณสติจับใจ


ความสงบของใจเป็นทางมาแห่งความสุข
ที่มนุษย์ทุกคนต่างก็ปรารถนา ซึ่งเราต้อง
สร้างให้เกิดขึ้นกับตัวของเรา โดยไม่ต้อง
ไปอิงอาศัยวัตถุภายนอก เพราะความสุข
ที่แท้จริงนั้น เริ่มต้นที่จิตใจ เมื่อใจเราสงบ
ความสุขจะพรั่งพรูขึ้นมา ยิ่งทำใจให้สงบ
ได้มากและนานเท่าไร ความสุขสมหวังใน
ชีวิต ก็จะยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นไปเท่านั้น แล้ว
ความสุขจะนำพาเรา ให้เข้าไปถึงพระรัตน
ตรัยภายใน ถึงตอนนั้น เราจะมีความสุข
อย่างเต็มที่ สุขอย่างสมบูรณ์แท้จริง จะอยู่
ในอิริยาบถไหน หรือปฏิบัติภารกิจอันใด
ก็จะมีความสุขเป็นพื้นฐาน เพราะฉะนั้นให้
หมั่นฝึกใจให้หยุดนิ่งกัน



เอาอย่างพระเรวัต

ความรักระหว่างคนที่จะแต่งงานกันมักจะเพ่งกันอยู่เฉพาะในวัยที่มีความผ่องใสแข็งแรงกระปรี้กระเปร่า แต่ว่าสภาพของคู่แต่งงานทั้งคู่จะทรงสภาพอยู่อย่างนั้นเป็นปกติหรือว่าเสื่อมลงไป สิ่งที่เรามองเห็นได้ง่าย คนที่เขาแต่งงานมาก่อนอย่างบิดามารดาปู่ย่าตายายของเราน่ะ ท่านก็เป็นหนุ่มสาวกันมาก่อน

แล้วเวลาที่เราจะเริ่มมีสภาวะพอจะแต่งงานกับเขาได้นี่ ท่านทั้งหลายเหล่านั้นยังหนุ่มสาวหรือเปล่า หรือว่าแก่ไปเสียแล้ว บางรายเราก็เห็นหง่อม ต้องเอาวิสัยของพระเรวัตมาใช้ ที่พระเรวัตที่บรรดาญาติฝ่ายหญิงซึ่งมีอายุ ๑๒๐ ปี หนังตกกระ หลังงอ ผมหงอก ตาฝ้า หูฟาง มารดน้ำสังข์ บรรดาญาติทั้งหลายก็บอกว่า

“...ขอเธอทั้งหลายจงครองคู่อยู่กันไปจนกระทั่งแก่เฒ่า ถือไม้เท้ายอดทอง เหมือนกับคุณยายของฝ่าเจ้าสาว...”
พระเรวัตมองดูแล้วก็ใจหาย ถามว่า “...ต่อไปเจ้าสาวของผมจะมีสภาพอย่างนี้ไหม...”
คนทั้งหลายก็บอกว่า “...ถ้ามีอายุยืนอย่างนี้ ก็มีสภาพอย่างนี้เหมือนกัน...”

พระเรวัตก็เลยตัดสินใจว่า เจ้าสาวของเราเวลานี้กระปรี้กระเปร่า ผิวพรรณผ่องใส แต่ต่อไปข้างหน้าต้องแก่อย่างนี้ก็ไม่เอาแล้ว ขอบอกศาลา เลยหนีบวช บวชแล้วก็เป็นพระอรหันต์ นี่เราควรจะมีความเมตตา คือความรัก กรุณา ความสงสารตัวเอง ว่า เราจะแบกกายแบกใจของเราไปรับความทุกข์เรื่องการแต่งงานเพื่ออะไร เพราะการแต่งงาน การมีสามี การมีภรรยา มีบุตรธิดามันเป็นปัจจัยของความทุกข์ เราจะแบกความทุกข์หาที่สุดมิได้จนกว่าจะตาย

คัดลอกมาจากหนังสือคำสอน "ทางสายเอก" โดย..หลวงพ่อพระราชพรหมยาน


ถ้ามีสติอย่างเดียว แต่ขาดสัมมาสมาธิ จะไม่เกิดปัญญา และไม่มีกำลังที่จะเกิดอริยมรรค

หลวงพ่อปราโมทย์ : เครื่องมือในการเจริญสติ เครื่องมือหลักๆ ก็คือสติ สัมมาสมาธิ คือเครื่องมือหลักๆ ผลผลิตของมันก็เป็นปัญญา พอปัญญาเกิดขึ้น ปัญญาทำหน้าที่ประหารกิเลส ทำลาย ตัดกิเลส ตัดสังโยชน์ ถ้าตัดสังโยชน์นี่เรียกว่าเป็นปัญญาในระดับอริยมรรค เพราะฉะนั้นต้องเรียนมากๆ เรื่องสติ กับสัมมาสมาธิ ต้องเรียนสองอันนี้เยอะๆ หน่อย ถ้ามีสติอย่างเดียวนะ ขาดสัมมาสมาธินี่ มันไม่มีกำลังที่จะตัดสินความรู้ สัมมาสมาธิเป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดปัญญา สัมมาสมาธิคือความตั้งมั่น ความตั้งมั่นของจิต เราจะรู้สึกว่าพอจิตมันถึงฐานของมันจริงๆ นะ มันรู้สึกเลย จิตใจตั้งมั่น จะสามารถสักว่ารู้สักว่าดูอะไรได้หมด นี้ส่วนใหญ่พวกเราจิตใจไม่ตั้งมั่น สมาธิที่พวกเรารู้จักนี่มันเป็นมิจฉาสมาธิ จิตมันชอบเข้าไปตั้งแช่ในอารมณ์ ยกตัวอย่างเวลาเรารู้ลมหายใจเข้าหายใจออก ใจเราชอบไหลเข้าไปอยู่ที่ลม พอรู้ลมนี่ใจก็ไหลไปอยู่ที่ลม เราไปดูท้องพองยุบ ใจไหลไปอยู่ที่ท้อง เราเดินจงกรมยกเท้าย่างเท้า ใจไหลไปอยู่ที่เท้า

บางสำนัก สายหลวงพ่อเทียนท่านขยับมือ ขยับมือ ลูกศิษย์จำนวนมากเลย ใจไหลเข้าไปอยู่ในมือ ใจไหลเข้าไปอยู่ในมือ กับไหลเข้าไปอยู่ที่ท้อง ไหลไปอยู่ที่เท้า ไหลไปอยู่ในลมหายใจ มันก็ไหลเหมือนกัน ใจไม่ตั้งมั่น พอใจไม่ตั้งมั่นนะ ปัญญาจะเกิดไม่ได้จริงหรอก ได้แต่เพ่ง ใจจะเข้าไปแนบ อยู่ในอารมณ์อันเดียว อย่างต่อเนื่อง สงบ ดีแล้วเกิดปีติ ขนลุกขนพอง ตัวลอย ตัวเบา ตัวโพรง ตัวใหญ่ ตัวหนัก มีสารพัด อาการที่แปลกๆ กว่าปกติทั้งหลาย เป็นอาการของปีติ ขนลุกขนพอง วูบๆ วาบๆ นะ เหมือนฟ้าแลบแปล๊บๆ ปล๊าบๆ อะไรอย่างนี้ มันเป็นอาการที่ใจมันทำสมถะ เข้าไปแช่ในอารมณ์นานๆ แล้วจิตใต้สำนึกก็ทำงานปรุงอะไรต่ออะไรขึ้นมา แล้วแต่มันจะชอบ บางคนปรุงเห็นผีเห็นสางอะไรก็ได้นะ บอกว่าผีหลอก จริงๆ หลอกตัวเอง

ค่อยๆ สังเกตไปใจที่ตั้งมั่นกับใจที่ไหลไป วิธีหัดง่ายๆ เลย หัดสังเกตจิตใจของเรา อย่างนั่งฟังหลวงพ่อพูดนะ เดี๋ยวใจก็ไหลไปคิด เดี๋ยวก็ตั้งใจฟัง ฟังแล้วก็ไหลไปคิด ดูออกมั้ย คุณนี่ ฟังไปแล้วก็คิดไป สลับ ดูออกมั้ย แต่เราไม่เคยเห็นจิตที่ไหลไป เพราะฉะนั้นจิตเราไม่ได้ตั้งมั่นจริง คุณลองดูท้องพองยุบซิ ลองเคยทำดูพองยุบมั้ย เคยใช่มั้ย ลองทำเหมือนที่เคยปฏิบัติ ลองเลย ทำจริงๆ ลืมหลวงพ่อซะ นี่รู้สึกมั้ย ใจเรารวมไปอยู่ที่ท้อง ใจเราเคลื่อนไปอยู่ที่ท้อง นึกออกมั้ย นี่แหละคือการทำสมถะล่ะ นะ แล้วพวกเราชอบคิดว่าวิปัสสนา ไม่ใช่วิปัสสนา จิตไม่ตั้งมั่น จิตไหลไปแล้ว ไหลไป งั้นวิธีการที่ง่ายๆ นะ ที่คุณจะดูก็คือ จิตเราไหลไปเรารู้ทันว่าไหล อย่าดึงนะ อย่าออกแรงดึงนะ ถ้าเราเห็นไหลไปแล้วเราดึงนี่ จะแน่นขึ้นมา นี่ส่งใจไปดูอีกแล้วรู้สึกมั้ย ใจเราเคลื่อนไปดู ให้รู้ว่าเราหลงไปดูแล้ว มันคล้ายๆ เราดูโทรทัศน์น่ะ หรือเราจ้องจอคอมพิวเตอร์ ในนี้เหมือนมีจอคอมพิวเตอร์อันนึง เราจ้องไปที่จอ รู้สึกมั้ยเราถลำไปที่จอ ใช้ไม่ได้นะ ที่นักปฏิบัติเกือบร้อยละร้อยพลาด ก็พลาดตรงนี้เอง จิตไม่ตั้งมั่น กับจิตตั้งแช่ เข้าไปแช่นิ่งๆ อยู่ที่ท้อง เข้าไปแช่อยู่ที่ลม เข้าไปแช่อยู่ที่เท้า ตราบใดจิตตั้งแช่ มันก็ได้แต่สมถะ สงบไปเฉยๆ แหละ แต่ถ้าจิตตั้งมั่นนะ มันจะเห็นเลย จิตอยู่ต่างหากนะ ความคิดก็ส่วนความคิด จิตส่วนจิต รูปส่วนรูป นามส่วนนาม ไม่ก้าวก่ายกันหรอก จิตหลุดออกจากโลกของความคิดเลย แล้วก็ไม่ได้เพ่งกายไม่ได้เพ่งใจนะ แต่รู้กายรู้ใจ

รู้กายรู้ใจกับเพ่งกายเพ่งใจไม่เหมือนกัน เวลาเราเพ่งกายเพ่งใจนะ เบื้องต้นเราเกิดอยากก่อน อยากปฏิบัติ พออยากปฏิบัติเราก็จงใจกำหนดรูปกำหนดนาม เราคิดว่าถ้าเอาสติไปกำหนด สติมีหน้าที่กำหนด ถ้าเรียนอภิธรรมอย่าง อาจารย์อนัตตาจะทราบ สติไม่ได้แปลว่ากำหนด สติแปลว่าความไม่ประมาท ความไม่หลงลืม ความไม่เลื่อนลอยๆ แต่จิตใจของเราชอบเลื่อยลอย รู้สึกมั้ยลอยไปลอยมา ตอนเนี้ยลอยไปคิดแล้ว นึกออกมั้ย จิตเราลอยไปคิด เวลาที่เราไม่ได้นึกเรื่องปฏิบัติจิตเราก็ลอยไปคิด เค้าเรียกว่าขาดสติ เวลาเรานึกถึงการปฏิบัติเราก็ไปเพ่งใส่ลงไป จิตเราเคลื่อนไป จ่อนิ่งๆ ไว้ อันนั้นไม่ใช่การรู้รูปนาม แต่เป็นการเพ่ง เพ่งรูปเพ่งนาม เพ่งรูปเพ่งนามเป็นสมถะนะ หลายคนเข้าใจว่า ถ้ารู้รูปนามแล้วก็ ถ้ามีอารมณ์รูปนามแล้วต้องเป็นวิปัสสนา ไม่จำเป็นนะ ทำวิปัสสนานี่ต้องใช้อารมณ์รูปนาม ต้องรู้ อารมณ์รูปนาม อันนี้แน่นอน จะไปรู้อารมณ์บัญญัติหรือไปรู้อารมณ์นิพพานไม่ได้ ไม่ใช่วิปัสสนา แต่สมถะนี่ใช้อารมณ์บัญญัติก็ได้ อารมณ์รูปนามก็ได้ กระทั่งอารมณ์นิพพานก็ใช้ทำสมถะได้ พระอริยะเจ้าทำสมถะโดยใช้อารมณ์รูปนามก็ได้ ใช้บัญญัติก็ได้ ใช้อารมณ์นิพพานก็ได้ คนทั่วๆ ไปทำสมถะได้โดยใช้อารมณ์บัญญัติคือเรื่องราวที่คิด กับรูปนาม เพ่งรูปเพ่งนาม เป็นสมถะ งั้นอย่างที่เราเดินจงกรมแล้วใจเราไปแนบเข้าไปที่เท้านี่นะ ทำสมถะอยู่ แต่ถ้าใจของเราตั้งมั่น มันจะเห็นเลย ตัวที่เดินนี้ไม่ใช่ตัวเรา เห็นทันทีนะ นี่เราเริ่มเห็นไตรลักษณ์ ร่างกายที่เคลื่อนไหวอยู่นี่ สักแต่ว่าเคลื่อนไหว สักแต่ว่าเป็นธาตุ มันรู้ด้วยใจ รู้สึกเอา ไม่ใช่คิดนะ ถ้าคิดใช้ไม่ได้ มันรู้สึกเอาถึงความเป็นธาตุของร่างกาย รู้สึกเอาถึงความไหวของร่างกาย จะไม่รู้สึกว่าเราไหว หรือว่าธาตุนี้เป็นตัวเรา เพราะว่าเราหลุดออกจากโลกของความคิดได้แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องบริกรรมนะ ไม่ต้องบริกรรม เมื่อไรบริกรรมเมื่อนั้นตกจากวิปัสสนาทันทีเลย อย่างเรามีสตินะ สมมติเราใจลอยไป เรามีสติระลึกได้ว่าใจลอย นี่ระลึกได้แล้ว ใช้ได้ นี่มีสติ ถ้ามีปัญญาก็จะต่อตามมาอีก เห็นเลย จิตจะใจลอยห้ามมันไม่ได้ จิตจะรู้สึกตัวสั่งไม่ได้ นี่แสดงความไม่เที่ยง แสดงอนัตตาได้ แต่ถ้าใจลอยไป รู้ว่าใจลอยปุ๊ป ดึงไว้ปั๊ป นี่เป็นสมถะนะ ใจลอยแล้วใจของเราก็ลอยตามมันไปด้วยเลย หลงไป เนี้ยหลงไป

ค่อยๆ ดูสภาวะนะ มาเรียนที่หลวงพ่อไม่ใช่เรียนปริยัตินะ หลายคนไปคุยกันบอกหลวงพ่อปราโมทย์สอนอภิธรรม หลวงพ่อปราโมทย์ไม่ได้เรียนอภิธรรมนะ แต่หลวงพ่อพูดเรื่องสภาวะล้วนๆ เลย อภิธรรมมันเป็นเรื่องของสภาวะล้วนๆ ต่างหากล่ะ งั้นไม่ใช่หลวงพ่อสอนอภิธรรมนะ หลวงพ่อสอนแต่เรื่องสภาวะ แต่บังเอิญๆ อภิธรรมมันคือสภาวะนั่นเอง เนี้ยสภาวะที่เราเห็นด้วยการปฏิบัตินะ กับสภาวะในตำรา อันเดียวกันน่ะ แต่สภาวะในตำราจะหยาบๆ นะ หยาบๆ อย่างโทสะนี่แยกได้ไม่กี่อย่าง พวกเราแยกได้เยอะเลย ขัดใจนิดหน่อยใช่มั้ย โมโหจนเห็นช้างเท่าหมู มีดีกรีด้วย ดีใจเสียใจ นี่แต่ละอันมันกระจายออกไป โอ้ยมีเยอะแยะ เยอะแยะเลย

หัดรู้สภาวะเรื่อยๆ แล้วสติจะเกิด หัดรู้ทันจิตที่ไม่ตั้งมั่น แล้วจิตจะตั้งมั่น ฉะนั้นหัดสองอันเนี้ย หัดรู้สภาวะไป เช่นใจเราลอยไปเรารู้ ใจเราไปคิดเรารู้ ใจเราไปเพ่งเรารู้ นะ ใจหนีไปคิดอีกแล้วทราบมั้ย นี่หลวงพ่อบอกแล้วนึกออกมั้ย คอยดูไปเรื่อยๆ นะพอใจเราไหลไป อย่าไปตั้งใจดูนะ ห้ามไปจ้องไว้ก่อน ต้องตามดู ต้องตามดูนะ ตรงนี้ก็เป็นหลักการสำคัญ



"คำสอนทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์นั้น เป็นเพียงอุบายให้คนทั้งหลายหันมาดูจิตนั่นเอง คำสอนของพรพุทธองค์มีมากมายก็เพราะกิเลสมีมากมาย แต่ทางที่ดับทุกข์ได้มีทางเดียว พระนิพพาน การที่เรามีโอกาสปฏิบัติธรรมที่ถูกทางเช่นนี้มีน้อยนักหากปล่อยโอกาสให้ผ่านไปเราจะหมดโอกาสพ้นทุกข์ได้ทันในชาตินี้ แล้วจะต้องหลงอยู่ในความเห็นผิดอีกนานแสนนาน เพื่อจะพบธรรมอันเดียวกันนี้ ดังนั้นเมื่อเราเกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้ว รีบปฏิบัติให้หลุดพ้นเสีย มิฉะนั้นจะเสียโอกาสอันดีนี้ไป เพราะเมื่อสัจจธรรมถูกลืม ความมืดมนย่อมครอบงำปวงสัตว์ให้อยู่ในกองทุกข์สิ้นกาลนาน"
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล





"ใจทรงมรรคผลแล้วแสดงเรื่องมรรคผลได้เต็มภูมิ"

เมื่อกิเลสบรรลัยไปเสียเท่านั้น ไม่มีอะไรที่จะเวิ้งว้างยิ่งกว่าจิต
ที่เป็นอิสระเสรีเต็มที่ ไม่มีอะไรมาบังคับกีดขวางได้อีก
นี่ล่ะเหตุที่พระพุทธเจ้าจะทรงทราบได้ชัด
ถึงเรื่องบาปก็ดี บุญก็ดี นรกก็ดี สวรรค์ก็ดี
และทราบกลมายาของกิเลสที่เคยหลอกลวงโลกมานาน
มีอุบายเหล่านี้..อย่างประจักษ์พระทัย
จึงได้รื้อฟื้นความจริงเหล่านี้ขึ้นมา

ในขณะเดียวกันก็เหมือนกับว่า
ประจานหน้าของกิเลสตัวต้นสิงหลอกลวงสัตว์โลกนี้
ให้โลกทั้งหลายได้เห็น รู้..แสดงว่า บาปมีหนา บุญมีหนา
นรกมี สวรรค์มี นิพพานมี ให้ละบาปหนา ให้บำเพ็ญบุญหนา
ให้บำเพ็ญคุณงามความดีให้เต็มเม็ดเต็มหน่วยถ้าอยากหลุดพ้นจากทุกข์
ถึงพระนิพพาน ประกาศให้โลกได้รู้ได้เห็นด้วยประจักษ์พยาน
เห็นอย่างแท้จริง ไม่ได้ด้นเดาในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้

นี่ล่ะใจที่ทรงมรรคทรงผลแล้ว แสดงเรื่องมรรคเรื่องผลทำไมจะแสดงไม่ได้
ใจที่เคยจมอยู่กับกิเลสและถอนออกจากกิเลสแล้ว
ทำไมจะแสดงเรื่องของกิเลสไม่ได้ ต้องแสดงได้อย่างเต็มภูมิ
ใจที่ทรงอรรถทรงธรรมเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว
ทำไมจะไม่แสดงเรื่องมรรคเรื่องผลเรื่องอรรถเรื่องธรรมได้
เต็มหัวใจละ ก็รู้ด้วยตัวเอง เห็นด้วยตัวเองทั้งกิเลสบาปธรรมต่างๆ
ทั้งมรรคผลนิพพานประจักษ์ใจอยู่แล้ว

คลังนี้ทั้งเป็นคลังกิเลสด้วย
จะแสดงเรื่องของกิเลสประเภทต่างๆไม่ได้อย่างไร
จิตนี้ได้กลายมาเป็นคลังแห่งธรรมโดยสมบูรณ์แล้ว
จะไม่ให้แสดงเรื่องอรรถเรื่องธรรมให้ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยได้อย่างไร
ต้องแสดงได้อย่างเต็มภูมิไม่สงสัย นี่ถึงว่า ธรรมสดๆร้อนๆ

"พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน"
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี


"ให้ท่องอยู่ในใจเสมอว่า เรามีความแก่เจ็บตายอยู่ประจำตัวทั่วหน้ากัน ป่าช้าอันเป็นที่เผาศพภายนอก และป่าช้าที่เผาศพภายในคือตัวเราเอง เป็นป่าช้าร้อยแปดพันเก้าแห่งศพที่นำมาฝังหรือบรรจุอยู่ในตัวเราตลอดเวลา ทั้งศพเก่าศพใหม่ทุกวัน"
...เถระธรรมพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถระ



ข้อคิด สะกิดใจ
การเลือกคบคน

นิโครธมิคชาดก
การเลือกคบคน
สมัยพุทธกาล ณ นครราชคฤห์ ธิดาเศรษฐีผู้หนึ่งเป็นผู้มีรูปร่างงดงาม แต่กลับไม่ยินดีในความงามนั้น เฝ้าขอบิดามารดาบวชเป็นภิกษุณีเสมอแต่ไม่ได้รับอนุญาต เมื่อเจริญวัยบิดามารดาจึงให้แต่งงานกับบุตรเศรษฐี
วันหนึ่งที่เมืองมีงานนักขัตกฤษ์ ชาวเมืองต่างแต่งกายสวยงาม แต่ธิดาเศรษฐีกลับแต่งกายเรียบๆ บอกเหตุกับสามีว่า เพราะมองเห็นความไม่งามของร่างกาย สามีจึงกล่าวว่า ทำไมเธอจึงไม่บวชเสียเล่า? นางได้ฟังก็ยินดี สามีจึงพาไปบวชเป็นพระภิกษุณีในสำนักของพระเทวทัต เมื่อบวชแล้วนางได้บำเพ็ญกิจของภิกษุณีอย่างเคร่งครัด โดยไม่รู้ตัวว่านางมีครรภ์ก่อนที่จะบวช เมื่อครรภ์ของนางโตขึ้น พระเทวทัตเกรงว่าตนจะเสื่อมเสียชื่อเสียงจึงสั่งให้นางสึก
นางคิดว่าตนบวชเพื่อถวายชีวิตแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มิใช่มาบวชเพื่อพระเทวทัต จึงเดินทางไปยังเชตวันมหาวิหารเพื่อเฝ้าพระบรมศาสดา พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยญาณว่า นางเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ แต่เพื่อคนทั่วไปได้ประจักษ์ จึงโปรดให้ตั้งกรรมการขึ้นพิจารณา นางวิสาขามหาอุบาสิกาได้ตรวจร่างกายและสอบสวนวัน เดือน ปีที่นางออกบวช ได้ความจริงว่า นางตั้งครรภ์ก่อนออกบวช นางจึงพ้นความผิด
ต่อมานางคลอดบุตรเป็นชายมีผิวพรรณผุดผ่อง พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงรับไปเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม ให้ชื่อว่า พระกุมารกัสสปะ ครั้นอายุได้ ๗ ขวบ ทราบชาติกำเนิดของตนเกิดความสลดใจ จึงออกบวช ตั้งใจปฏิบัติธรรมจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ผู้เลิศในการแสดงธรรมอันวิจิตร
นางภิกษุณีผู้เป็นมารดา นับแต่ลูกจากไปก็ได้แต่ร้องให้คิดถึงลูกจนไม่มีใจปฏิบัติธรรม เช้าวันหนึ่งบังเอิญได้พบพระกุมารกัสสป จึงร้องเรียกชื่อพระลูกชาย พระกุมารกัสสปเถระทราบว่า ถ้าหากท่านพูดด้วยถ้อยคำอันไพเราะ มารดาจะตัดความอาลัยไม่ขาด จึงพูดให้สติว่า “ท่านเที่ยวทำอะไรอยู่นะ! เวลาผ่านมาตั้งนานแล้ว ความอาลัยอาวรณ์แค่นี้ก็ยังตัดไม่ได้” นางได้ยินก็เสียใจ คิดตัดอาลัย จึงตั้งใจปฏิบัติธรรม จนบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ … พระภิกษุได้สนทนาถึงเหตุนี้ พระบรมศาสดาทรงทราบจึงตรัสเรื่อง นิโครธมิคชาดก ดังนี้
เนื้อหาชาดก
ณ ป่าใหญ่ มีกวาง ๒ ฝูง พญากวางฝูงหนึ่งชื่อ นิโครธ อีกฝูงพญากวางชื่อ สาขะ มีบริวารฝูงละ ๕๐๐ ตัว ในครั้งนั้น พระราชาจะเสด็จไปยิงกวางเสมอๆ วันหนึ่งทอดพระเนตรเห็นพญากวางทองทั้งสอง จึงมีพระทัยเมตตารับสั่งไม่ฆ่าพญากวางทั้งสองนี้ แต่ยังคงล่ากวางอื่นๆ พญากวางจึงปรึกษากันว่า เพื่อไม่ต้องระแวงภัย แต่ละฝูงจะผลัดกันส่งกวางให้ฆ่าวันละ ๑ ตัว อยู่มาวันหนึ่ง ถึงเวรของนางกวางท้องแก่ในฝูงของพญาสาขะ นางขอร้องพญาสาขะว่า ขอให้นางคลอดลูกก่อนแล้วจะเอาตัวเองไปให้ฆ่าแทน แต่พญาสาขะไม่ยอม นางกวางจึงไปหาพญานิโครธ เพื่อขอความช่วยเหลือ
เมื่อพญานิโครธได้ฟังแล้ว ยอมเสียสละชีวิตตนเองแทน จึงเดินไปที่โรงครัว เอาหัววางบนเขียง เมื่อพ่อครัวมาเห็นจึงรีบกราบทูลพระราชา พระราชาทราบความจากพญานิโครธเกิดสลดพระทัย ดำริว่า แม้สัตว์เดรัจฉานยังมีความเมตตากรุณา จึงประกาศพระราชทานอภัยชีวิตแก่สัตว์ในป่าทั้งหลาย และตั้งอยู่ในศีลธรรมอันดีงามนับแต่นั้นมา
ประชุมชาดก
เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาจบแล้ว ชนทั้งหลายต่างบรรลุธรรมตามลำดับชั้น พระพุทธองค์ทรงประชุมชาดกว่า
พญากวางสาขะ ได้มาเป็น พระเทวทัต
แม่กวาง ภิกษุณีรูปนี้
พระราชา พระอานนท์
พญากวางนิโครธ พระองค์เอง
ข้อคิดจากชาดก
๑. ผู้ที่มีบุญ ย่อมมีปัญญามองเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง มองเห็นโทษของวัฏสงสารว่าเป็นทุกข์ แล้วหาทางที่จะออกจากทุกข์นั้น
๒. ผู้ที่มีความตั้งใจจะสร้างบุญบารมี ควรจะตัดความห่วงใยอาลัยรักทั้งหลายให้ได้ ถ้าตัดไม่ได้ จิตใจจะกังวล ไม่อาจบรรลุธรรมขั้นสูงได้
๓. บุตรควรมีความกตัญญูกตเวที คือ รู้คุณ และตอบแทนคุณ บิดามารดา
๔. ผู้นำที่ควรแก่การเคารพสรรเสริญนั้น นอกจากจะต้องมีความสามารถแล้ว ยังต้องมีคุณธรรมอีกด้วย
๕. ผู้ที่ถูกกล่าวหาจะต้องทำใจให้หนักแน่น ยึดมั่นในคุณความดี และอดทนเพื่อรอโอกาสพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน ถือเสียว่า “มือไม่มีแผล ย่อมไม่กลัวพิษงู ทองบริสุทธิ์อยู่ ย่อมไม่กลัวไฟลน” .....



“หลักธรรมที่แท้จริงก็คือ จิต นั่นเอง ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้ว ก็ไม่มีหลักธรรมใดๆ จิต นั่นแหละคือหลักธรรม ซึ่งถ้านอกไปจากนั้นแล้ว มันก็ไม่ใช่จิต จิต นั้นโดยตัวมันเอง ก็ไม่ใช่ "จิต" แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังไม่ใช่ "มิใช่จิต" การที่กล่าวว่า จิตนั้นมิใช่จิต ดังนี้นั้นแหละ ย่อมหมายถึงบางสิ่งบางอย่างที่มีอยู่จริง สิ่งนี้มันอยู่เหนือคำพูด ขอจงเลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้น เมื่อนั้น เราอาจกล่าวว่า คลองแห่งคำพูดก็ได้ถูกตัดขาดไปแล้ว และพฤติของจิตก็ได้ถูกเพิกถอนโดยสิ้นเชิงแล้ว”
“พระพุทธเจ้าทั้งปวง และสัตว์โลกทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากเป็นเพียง จิตหนึ่ง นอกจากจิตหนึ่งแล้ว มิได้มีอะไรตั้งอยู่เลย จิตหนึ่ง ซึ่งปราศจากการตั้งต้นนี้ เป็นสิ่งที่มิได้เกิดขึ้น และไม่อาจถูกทำลายได้เลย”

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์



อานนท์ ! ภิกษุ มีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ
ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ, มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็น
สรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะนั้น เป็นอย่างไรเล่า ?
อานนท์ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้
พิจารณาเห็นกายในกายเนือง ๆ อยู่,
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งหลายเนือง ๆ อยู่,
พิจารณาเห็นจิตในจิตเนือง ๆ อยู่,
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งหลายเนือง ๆ อยู่;
มีเพียรเผากิเลส มีความรู้สึกตัวทั่วพร้อม
มีสติ พึงกำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้.

อานนท์ ! ภิกษุอย่างนี้แล ชื่อว่ามีตนเป็นประทีป
มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ; มีธรรมเป็น
ประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นอยู่.

มหาวาร .สํ. ๑๙/๒๑๖/๗๓๖.




ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาทุกท่าน ร่วมสร้างพระพุทธเมตตาหลวง (หน้าตัก 5 นิ้ว) เพื่อบรรจุภายในเจดีย์เมตตาหลวง จำนวน 108 องค์ โดยสามารถร่วมทำบุญสร้างพระ องค์ละ 2,000 บาท


ขณะนี้หลวงปู่สำลี กำลังสร้างเจดีย์จันทสาโรนุสรณ์ เพื่อบรรจุพระบรมสาริกธาตุ พระอรหันตธาตุ ซึ่งดำเนินการมากว่า 70% แล้ว ท่านผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมต่อยอดบุญได้ที่
บัญชีวัดถ้ำคูหาวารี ตำบลโคกขมิ้น
ธนาคารกรุงไทย สาขาวังสะพุง
เลขที่ 981-4-47750-8
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างเจดีย์
https://www.facebook.com/boktorboon/pho ... 30/?type=3


ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญทอดผ้าป่าวิสาขบูชามหากุศล
เพื่อสบทบทุนจัดสร้างอุโบสถ 3 ชั้น วัดภัททันตะอาสภาราม บ้านบึง ชลบุรี



ขอเชิญร่วมหล่อพระ
https://www.facebook.com/54762388194715 ... 11/?type=3




ขออนุญาตบอกบุญ
งานบรรพชาสามเณรชาวเขาภาคฤดูร้อนเฉลิมพระเกียรติฯ
และทำบุญถวายอุโบสถ กำแพงวัดม่อนป่าสัก จังหวัดพะเยา
วันที่ ๗ - ๘ เดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๙
ติดต่อสอบถามได้ที่
พระครูศรีรัตนโสภณ เจ้าคณะตำบลดงเจน เจ้าอาวาสวัดม่อนป่าสัก
(พระมหาคุณาสาฬห์ สุคุณโสภี)
โทร. 0869146548, 0979941691




ท่านเจ้าคุณพระโสภณธรรมวาที (หลวงพ่อภิรมย์) วัดยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร จากรายการจุดเทียนส่องธรรม และแสงสว่างทางธรรม แจ้งข่าวงานบุญในรายการดังนี้
1. เจ้าภาพบูรณะศาลาการเปรียญ ณ วัดมงคลเกษม อ.หางดง จ.เชียงใหม่
1.1 เจ้าภาพบูรณะ ทุนละ 1,000 บาท
1.2 เจ้าภาพแผ่นกระเบื้องลอนเล็ก แผ่นละ 100 บาท
2. เจ้าภาพสร้างห้องน้ำ จำนวน 2 ห้อง ณ วัดทรายมูล อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ห้องละ 20,000 บาท พร้อมจารึกชื่อ-สกุล หรือร่วมเป็นกองทุนสามัคคี กองทุนละ 1,000 บาท
3. เจ้าภาพสร้างกำแพงแก้วรอบวัดศรีล้อม อ.หางดง จ.เชียงใหม่ จำนวน 20 ช่อง ช่องละ 10,000 บาท พร้อมจารึกชื่อ-สกุล
4. กองทุนบูชาธรรม เพื่อเป็นค่าเช่าเวลาสถานีวิทยุในการออกอากาศเผยแผ่ธรรม ทุนละ 1,000 บาท
ร่วมบุญกับท่านเจ้าคุณพระโสภณธรรมวาที
โทร 02-675-7895



ขอเรียนเชิญร่วมบุญสร้างหลังคามุงบันไดทางเดินขึ้นภูกุ้มข้าวถวายหลวงปู่หา สุภโร (หลวงปู่ไดโนเสาร์) วัดสักกะวัน อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์



ขอเชิญพี่น้องร่วมบุญบัญชีทองคำ สร้างสมเด็จองค์ปฐม ปางประนิพพาน ประดับเพชรเต็มองค์ทั้งหน้าและหลัง ราคา 120,000 บาท (ในภาพแค่ประดับเพชรแบบปกติ)
https://www.facebook.com/panchitasi/pos ... 0764423603


ขอเชิญร่วมบุญถวายไฟฟ้าให้แก่สำนักสงฆ์พระพุทธบาทห้วยฝ้า บ้านเสด็จ อ.เมือง จ.ลำปาง
https://www.facebook.com/54762388194715 ... 21/?type=3


ร่วมกันสร้าง "พระมหาอุณาโลม" ของสมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก 4 ศอก ปิดทองประดับเพชร ซึ่งทุกอย่างที่สร้างจะทำตามแบบฉบับวัดท่าซุง แทบจะ 100% เลยก็ว่าได้ พระมหาอุณาโลมองค์นี้จะสร้าง จาก เพชรเขาพระงาม 500 กระรัตเป็นองค์กลาง
https://www.facebook.com/viratchai/post ... 9265560313



บุญปล่อยปลา‬ ครั้งที่ 35/100 ตามสัจจะวาจาอธิษฐานขอช่วยเหลือสรรพสัตว์(ปลา)ให้ครบ100ครั้ง
https://www.facebook.com/54762388194715 ... 60/?type=3



เรียนเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพ** ‪#‎ชุดสังฆทาน‬ บรรจุในถุงผ้าอย่างดีเพื่อถวายแด่พระสงฆ์อาราธนามารับสังฆทานและถวายภัตตาหารเพล และเจริญพุทธมนต์ประกอบพิธีเททองหล่อพระประธาน ‪#‎สมเด็จองค์ปฐมบรมจักรพรรดิ‬” ปางเปิดโลก สูง 3 เมตร พร้อมรัตนะบัลลังก์และร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี สมทบทุนสร้างพระเจดีย์พุทธสิกขีทศพล(สมเด็จองค์ปฐม)สูงรวม 24เมตร ประจำปี 2559
ในวันที่ 27มีนาคม 2559.
ณ สวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่ บ้านหัวถนน ซอย 21 ถ.โพธิ์พระยาสายเก่า ต.สนามชัย อ.เมือง สุพรรณบุรี




ขอเชิญญาติธรรมทุกท่านร่วมบุญเป็นเจ้าภาพซื้อทองคำแท้หล่อสมเด็จองค์ปฐมบรมจักรพรรดิ ปางเปิดโลกสูง3เมตร..
และหล่อหัวใจหลวงปู่ทวด หลวงปู่โต พรหมรังสี ที่จะมีการเทหล่อทองเหลืองในวันที่ 27 มีนาคม นี้ ที่สวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่ สุพรรณบุรี
https://www.facebook.com/54762388194715 ... 75/?type=3


ขอเชิญร่วมทำบุญโครงการทำบุญวันละบาท ปีที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๕๙)
https://www.facebook.com/54762388194715 ... 26/?type=3


ขอเชิญร่วมบุญถวายสังฆทาน
https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... 063&type=3


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO