นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 29 เม.ย. 2024 5:32 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: อย่าส่งจิตออกนอก
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 04 มี.ค. 2016 5:30 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
" อย่าส่งจิตออกนอก "

จิตตรงนี้สำคัญนะ ถ้าจิตยังไหลไปตามอารมณ์ วิปัสสนาจะไม่เกิด ทําให้ไม่เกิดปัญญาญาณอย่างแท้จริงได้ แต่ถ้าจิตเราตั้งมั่นขึ้นมา เป็นผู้รู้ผู้ดู เราจะเห็นเลยว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเรา เห็นเวทนานี้ไม่ใช่ตัวเรา เห็นสังขาร รัก โลภ โกรธ หลง อะไรพวกนี้ไม่ใช่ตัวเรา เห็นแยกออกจากตัวเราชัดเจน โดยไม่มีตัวเราไปยึดไปเกาะ ตัวเราเป็นเพียงผู้รู้ผู้ดู แล้วก็เห็นจิตเกิดดับทางทวารทั้ง ๖ นี้เป็นการเจริญปัญญา เพราะการเจริญปัญญาต้องเห็นไตรลักษณ์ในเบื้องปลายนะ ไม่ใช่เห็นอย่างอื่น



ทางบรรลุธรรม ความผิดพลาดแรกที่ทุกคนต้องผ่าน เพื่อสร้างรากฐานของวิปัสสนา

หลวงพ่อปราโมทย์ : แต่ถ้าเรามีตัวรู้แล้วเห็นขันธ์ทำงานได้นะ ถ้าสติปัญญายังไม่พออีก ไม่รู้หลักของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน จะเข้าไปแทรกแซงขันธ์แทรกแซงจิตนะ เช่น เห็นว่าจิตไหลเข้าไปเกาะกับอารมณ์ได้ ทำอย่างไรจิตจะแยกจากอารมณ์ ทำอย่างไรจะดึงจิตตั้งมั่นเด่นดวงอยู่ได้ทั้งวันทั้งคืน คิดแต่ว่าคำว่าจะทำยังไง

พวกเราเวลาคิดถึงการปฏิบัติ ในใจลึกมีมั้ยคำว่าจะทำยังไง มันคิดตลอดนะ คิดทุกคนแหละ จะทำยังไงๆ ห้ามมันไม่ได้หรอก มันจะคิดน่ะ เพราะมันอยากทำ มันคิดว่าทำแล้วถึงจะได้ ยังปลอบใจตัวเองอีกนะ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น พยายามจะทำอยู่อย่างนั้น พยายามจนสุดสติสุดปัญญานะ ถึงตรงนั้นล่ะถึงจะได้ของจริง

แต่อาศัยที่เคยพยายามปฏิบัตินะ มันเป็นการพัฒนาสติให้เร็วขึ้น พัฒนาสมาธิให้ตั้งมั่นมากขึ้น ปัญญาก็มีสะสมไปนะ เห็นรูปธรรมนามธรรมเขาทำงานได้เอง

ตรงที่เราจงใจปฎิบัติ จงใจอยากทำนั่นแหละ มันค่อยๆฝึกฝน สติ สมาธิ ปัญญา ให้เข้มแข็งมากขึ้นๆนะ ถึงจุดหนึ่ง สติ สมาธิ ปัญญา แก่กล้าขึ้นมา จนเป็นอัตโนมัติละ ร่างกายพลิกนะ พลิกตัวเนีย รู้สึกเองเลย ไม่ต้องเจตนารู้สึก ความสุขความทุกข์ กุศล-อกุศล อะไรเกิดขึ้นที่จิตนะ รู้เองเลยโดยไม่เจตนาจะรู้ มันสารพัดจะเกิด มันจะรู้ได้เอง นี่สติเป็นอัตโนมัติขึ้นมาแล้ว ไม่ได้จงใจ

แต่ก่อนที่จะอัตโนมัติก็ต้องจงใจมาก่อน เพราะฉะนั้นการที่เราคิดอยู่นะ ทำอย่างไรจะดี ทำอย่างไรจะดี แล้วพยายามทำนะ มันได้พัฒนา สติ สมาธิ ปัญญา ขึ้นมา ทำไปเรื่อยๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช



"คำสอนทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์นั้น เป็นเพียงอุบายให้คนทั้งหลายหันมาดูจิตนั่นเอง คำสอนของพรพุทธองค์มีมากมายก็เพราะกิเลสมีมากมาย แต่ทางที่ดับทุกข์ได้มีทางเดียว พระนิพพาน การที่เรามีโอกาสปฏิบัติธรรมที่ถูกทางเช่นนี้มีน้อยนักหากปล่อยโอกาสให้ผ่านไปเราจะหมดโอกาสพ้นทุกข์ได้ทันในชาตินี้ แล้วจะต้องหลงอยู่ในความเห็นผิดอีกนานแสนนาน เพื่อจะพบธรรมอันเดียวกันนี้ ดังนั้นเมื่อเราเกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้ว รีบปฏิบัติให้หลุดพ้นเสีย มิฉะนั้นจะเสียโอกาสอันดีนี้ไป เพราะเมื่อสัจจธรรมถูกลืม ความมืดมนย่อมครอบงำปวงสัตว์ให้อยู่ในกองทุกข์สิ้นกาลนาน"
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล



ปัญญาวิมุติ และเจโตวิมุติ..

..ผู้มีนิสัยเจโตวิมุติจะมีความโดดเด่นในวิธีทำสมาธิความสงบ และชำนาญในการเข้าฌานสมาบัติแต่ในขั้นตอนสุดท้าย ก็ต้องมาทำสมาธิตั้งใจมั่นอันประกอบด้วยปัญญาอยู่นั่นเอง ไม่มีคำสอนของพระพุทธเจ้าตรัสไว้ในที่ไหนว่า เมื่อจิตลงสู่สมาธิความสงบแล้วให้ใช้ปัญญาพิจารณา การสอนอย่างนี้ผิดจากคำสอนของพระพุทธเจ้าตรัสไว้เป็นอย่างมาก

..หลักเดิม พระพุทธเจ้าสอนว่า เมื่อจิตเป็นสมาธิความสงบแล้ว ให้จิตอยู่ในความสงบจนอิ่มตัว อย่าไปบังคับให้ถอนอย่าไปทำความกดดัน เมื่อความสงบอิ่มตัวแล้วก็จะค่อยๆถอนตัวออกมาเอง ให้มีสติรู้ว่าสมาธิกำลังถอนตัว มีสติยับยั้งเอาไว้ในขั้นอุปจาระสมาธิ เรียกว่าสมาธิตั้งใจมั่น แล้วน้อมเข้าสู่ปัญญาหรือเจริญวิปัสนาต่อไป นี้เป็นหลักเดิมที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ ขอให้ท่านทั้งหลายที่สนใจในวิธีทำสมาธิต้องเข้าใจตามนี้..ฯลฯ..

..ปัญญาวิมุติและเจโตวิมุติ มีอยู่ในคนเดียวกัน แต่ที่ต่างกันเป็นเพราะนิสัยที่ได้บำเพ็ญมาไม่เหมือนกัน ผู้มีนิสัยเจโตวิมุติ ได้แก่ ผู้ที่บำเพ็ญบารมีเหมือนพวกดาบสฤาษีที่ได้บำเพ็ญสมาธิความสงบ บำเพ็ญฌาณมาแล้วอย่างสมบูรณ์ เมื่อท่านเหล่านี้ได้มาเกิดในชาตินี้ การปฏิบัติก็ต้องเริ่มตันจากการบำเพ็ญฌาณทำสมาธิให้มีความสงบไปก่อน เมื่อจิตมีความสงบแล้ว จะถอนตัวออกมาอยู่ในขั้นอุปจารสมาธิ ที่เรียกว่า สมาธิความตั้งใจมั่น แล้วน้อมไปสู่ปัญญา พิจารณาในสัจจธรรมตามความเป็นจริง เมื่อรู้แจ้งเห็นจริงตามความเป็นจริงแล้ว ก็จะได้สำเร็จเป็นพระอริยเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่งตามบารมีที่ตัวเองได้บำเพ็ญมา ถ้าเป็นในลักษณะนี้ จึงได้ชื่อว่าผู้มีนิสัยเจโตวิมุติ

..ผู้มีนิสัยในปัญญาวิมุติ ในชาติก่อนเคยได้บำเพ็ญในทางปัญญาบารมีมาแล้ว เมื่อมาเกิดใหม่ ได้ปฏิบัติภาวนา จะทำได้เพียงสมาธิความตั้งใจมั่นเท่านั้น แต่จะมีความโดดเด่นในทางปัญญาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อสมาธิความตั้งใจมั่นจับคู่กับปัญญามีความสมบูรณ์พร้อมแล้ว หากพิจารณาในสัจธรรมใด ก็จะมีความรู้แจ้งเห็นจริงตามความเป็นจริงในสัจธรรมนั้น และได้สำเร็จเป็นพระอริยเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่งตามบารมีที่ตัวเองได้บำเพ็ญมา ถ้าเป็นในลักษณะนี้จึงเรียกว่า ผู้เป็นปัญญาวิมุติ ขอให้ท่านทั้งหลายได้เข้าใจตามนี้ ..ฯลฯ..เพราะในยุคนี้มีผู้ตีความในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแตกต่างกันไป แต่ใครจะตีความในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ถูกต้องที่สุดนั้น ก็เป็นความเห็นของท่านผู้นั้น

..ผู้มีนิสัยปัญญาวิมุติ เมื่อศึกษารู้วิธีแล้วนำมาปฏิบัติ จะเป็นของง่ายสำหรับท่านผู้นั้น อุบายในการปฏิบัติไม่มีความสลับซับซ้อนที่ยุ่งยาก ในสมัยครั้งพุทธกาล ผู้มีนิสัยเป็นปัญญาวิมุติ ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า หรือได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าทั้งหลาย สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าขั้นใดขั้นหนึ่งในขณะนั้นเป็นจำนวนมาก หรือยังไม่สำเร็จเป็นพระอริยเจ้าในขณะนั้น แต่ได้นำเอาอุบายธรรมที่ได้รู้อยู่แล้วไปปฏิบัติ ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าได้เช่นกัน จะไปถามท่านเหล่านั้นว่าสมาธิความสงบเป็นอย่างไร ฌานนั้นฌานนี้ เป็นอย่างไร ท่านเหล่านั้นจะไม่รู้ เพราะท่านเหล่านั้นเป็นนิสัยปัญญาวิมุติ เพียงทำสมาธิตั้งใจมั่นได้แล้ว ใช้ปัญญาพิจารณาสัจธรรม มีความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมก็ได้บรรลุเป็นพระอริยเจ้าเท่านั้น

..ผู้มีนิสัยปัญญาวิมุติในสมัยครั้งพุทธกาลมีจำนวนมากถึง ๗๐ เปอร์เซ็นต์ การปฏิบัติของผู้มีปัญญาวิมุติ ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก ไม่มีพิธี ไม่มีรูปแบบที่ตายตัว อยู่ในที่ไหนก็ใช้ปัญญาพิจารณาในสัจธรรมได้ จะ ยืน เดิน นั่ง นอน ทุกอิริยาบท ก็จะใช้ปัญญาพิจารณาได้ทุกเมื่อ แม้ทำงานอะไรอยู่ ก็น้อมเอางานที่เราทำ มาเป็นอุบายในทางปัญญาได้ อุบายธรรมที่จะนำมาเป็นองค์ประกอบทางปัญญามีมากมาย ถ้าเราเข้าใจในหลักของไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในทุกสถานที่ มีสัจธรรมเต็มไปหมด ไม่ว่าจะอยู่ในน้ำ บนบก หรือสถานที่แห่งใดในโลกนี้ แม้เอาปลายเข็มเจาะแทงลงไปที่ไหน จะถูกสัจธรรมความจริงในที่แห่งนั้น

..ธุระของผู้ปฏิบัติมี ๒ อย่าง คือ
..๑. คันถธุระ คือ ธุระในภาคการศึกษา
..๒. วิปัสสนาธุระ คือ ธุระในการใช้ปัญญาพิจารณา

..ธุระทั้งสองนี้ ผู้ปฏิบัติต้องศึกษาให้เข้าใจ แล้วใช้ปัญญามาพิจารณา ให้รู้แจ้งเห็นจริงตามความเป็นจริงในสิ่งนั้นๆ ภาคการศึกษาจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ไม่ว่างานทางโลก หรืองานทางธรรม ต้องศึกษาให้รู้ก่อนทั้งนั้น เพราะโลกกับธรรมอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ถ้าไม่รู้จักธรรมก็จะมองเป็นโลกไปเสียทั้งหมดถ้าผู้รู้จักธรรม ก็สามารถใช้ปัญญาพิจารณาโลกให้เป็นธรรมได้ และสามารถตีความหมายให้แยกธรรมออกจากโลกได้อย่างชัดเจน

..เปรียบได้กับน้ำฝน เป็นน้ำที่ใสสะอาดจืดสนิทโดยธรรมชาติ หากน้ำฝนนั้นตกลงสู่มหาสมุทร รวมอยู่ในน้ำทะเลก็จะเค็มไปด้วยกัน จะตักมาอม มาแตะปลายลิ้นเพื่อแยกแยะหาน้ำจืดนั้นจะไม่รู้เลย การแยกน้ำเค็มและน้ำจืดออกจากกันได้ ต้องมีเทคโนโลยีอันทันสมัยเข้าไปกลั่นกรอง จึงแยกน้ำจืดออกจากน้ำเค็มได้ นี้ฉันใด การปฏิบัติธรรมก็ฉันนั้น การจะแยกจิตอันบริสุทธิ์ออกจากกิเลสตัณหาอวิชชาได้ ไม่ใช่เพียงนั่งหลับตานั่งสมาธิให้ใจมีความสงบ หรือเข้าฌานนั้นฌานนี้ได้ กิเลสตัณหาอวิชชาจะเหือดแห้งไปด้วย วิธีเช่นนี้หาใช่ไม่ ดังคำบาลีที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า
ปัญญายะ ปริสุฌฺชติ (จิตจะมีความบริสุทธิ์ได้เพราะปัญญา)

..ไม่มีใครบรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าได้ เพราะสมาธิความสงบในฌานแต่อย่างใด ให้เราเปลี่ยนความเห็นเสียใหม่ ไม่เช่นนั้นจะไปหลงในสมาธิความสงบ หลงอยู่ในฌานตลอดไปชั่วกาลนาน..

หลวงพ่อทูล ขิปปปัญโญ..



สกิทาคามีโลกุตรภูมิ
สกิทาคามี = ผู้จะมาเกิดอีกครั้งเดียว เป็นพระอริยบุคคลชั้นที่สองในพระพุทธศาสนา ท่านจะกลับมาปฏิสนธิถือกำเนิดอีกเพียงชาติเดียวเท่านั้น ก็จะเป็นพระอรหันต์ดับขันธ์ปรินิพพาน ท่านผู้ที่จะบรรลุโลกุตรภูมิชั้นนี้ได้จะต้องบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐานผ่านโสดาบันโลกุตรภูมิมาแล้ว ปรารถนาจะบรรลุมรรคผลชั้นนี้จึงเจริญวิปัสสนาให้ยิ่งขึ้น เมื่ออินทรีย์ทั้ง 5 เสมอกันดีแล้วสภาวญาณก็จะเกิดขึ้นตั้งแต่อุทยัพพยญาณเป็นต้นไป (ญาณที่ 4) จนถึงสังขารุเปกขาญาณ (ญาณที่ 11) แต่ว่าญาณเหล่านี้จะชัดแจ้งและละเอียดกว่าญาณในพระโสดาบัน ต่อจากนั้นอนุโลมญาณ (ญาณที่ 12) ก็จะเกิดขึ้นตามติดมาด้วยโวทานะ (โวทานะนี้แทนโคตรภูญาณคือญาณที่ 13 เพราะท่านผู้นี้เป็นพระอริยบุคคลแล้ว ญาณที่ตัดโคตรปุถุชนจึงไม่เกิดขึ้นอีก) ครั้นแล้ว ทุติยมรรค หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พระสกิทาคามิมรรคญาณก็อุบัติขึ้น ติดตามด้วยพระสกิทาคามิผลญาณ เป็นการถึงพระนิพพานอีกครั้งหนึ่ง พระสกิทาคามิมรรคนี้ไม่มีอำนาจตัดสัญโญชน์อันหนึ่งอันใดได้เด็ดขาด ถึงกระนั้นก็มีอำนาจทำกิเลสทั้งหลายให้เป็น ตนุกร คือทำให้เบาบางลงไปยิ่งกว่าอำนาจของพระโสตาปัตติมรรคญาณซึ่งเป็นมรรคญาณชั้นแรกเป็นธรรมดา การไปเกิดของพระสกิทาคามีจะแบ่งตามประเภทได้เป็น 5 จำพวก ดังนี้คือ 1. บางท่านสำเร็จเป็นพระสกิทาคามีในมนุษยโลกนี้แล้ว จุติ (ตาย) ไปเกิดในเทวโลกแล้วจุติจากเทวโลกมาเกิดในมนุษยโลกนี้ แล้วบรรลุพระอรหัตผลสำเร็จเป็นอรหันต์อริยบุคคล แล้วดับขันธ์ปรินิพพานในมนุษยโลกนี่เอง 2. บางท่านสำเร็จเป็นพระสกิทาคามีบุคคลแล้ว ก็กระทำความเเพียรเจริญวิปัสนาจนบรรลุถึงพระอรหัตผลเป็นพระอรหันตอริยบุคคล แล้วดับขันธ์ปรินิพพานในมนุษยโลกนี้เอง 3. บางท่านสำเร็จเป็นพระสกิทาคามีแล้วจุติไปเกิดในเทวโลก แล้วได้บรรลุพระอรหัตผลสำเร็จเป็นพระอรหันต์อริยบุคคล แล้วดับขันธ์ปรินิพพานในเทวโลกนั่นเอง 4. บางท่านเป็นเทวดา สำเร็จเป็นพระสกิทาคามีบุคคลในเทวโลก แล้วบรรลุพระอรหัตผลสำเร็จเป็นพระอรหันต์อริยบุคคลในเทวโลกนั่นเอง 5. บางท่านเป็นเทวดา สำเร็จเป็นพระสกิทาคามีบุคคลในเทวโลก แล้วจุติมาปฏิสนธิในมนุษยโลก ได้บรรลุพระอรหัตผลสำเร็จเป็นพระอรหันต์อริยบุคคล และดับขันธ์ปรินิพพานในมนุษยโลกนี่เอง




เมื่อตาเห็นรูปแล้ว รู้ว่าสวยงาม
หรือรังเกียจ..อย่างไรแล้ว..ก็หยุดเพียงเท่านี้
เมื่อหูได้ยินเสียง รู้ว่าไพเราะ
หรือน่ารำคาญ..อย่างไรแล้ว..ก็หยุดเพียงเท่านี้
เมื่อลิ้นได้ลิ้มรส รู้ว่าอร่อยหรือไม่อร่อย
เปรี้ยวหวานมันเค็ม อย่างไรแล้ว..ก็หยุดเพียงเท่านี้
เมื่อจมูกได้กลิ่น หอมหรือเหม็นอย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้
เมื่อกายสัมผัสโผฎฐัพพะ รู้ว่าอ่อนแข็ง อย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้
ที่กล่าวมาท่านให้..พิจารณากามคุณ๕
ให้รู้เพียงเท่านี้..แล้วพึ่งละเสีย

หลวงปู่ดุลย์ อตุโล



“ สติเป็นเครื่องกำจัดภัย
ไม่มีสติไม่มีความเพียร
ต้องมีสติจึงมีความเพียร “
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน


อภัยทาน‬" เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ
โกรธแล้วหายโกรธเอง กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน โกรธแล้วหายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น
*อันใจนั้นฝึกได้ ไม่ใช่ฝึกไม่ได้ ฝึกอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น ฝึกให้ดีก็จะดี ฝึกให้ร้ายก็จะร้าย...
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก



พิจารณาอสุภะอสุภังให้มันเบื่อหน่าย‬ คลายกำหนัด ในความเกิด ความตายของตัวเอง ให้มันรู้มันเห็น
เห็นก็ให้เห็นในตัวของเรา ไม่ได้เห็นที่อื่นนะ เห็นในอาการ ๓๒ ของเรามันจึงถูก ดูน้ำเลือด น้ำหนอง เสลด น้ำลาย น้ำขี้ น้ำเยี่ยว ไส้ใหญ่ ไส้น้อย ตับ ไต ม้าม เอ็น กระดูก ถ้าดูแต่ลมเฉยๆ มันก็ไม่เห็นอะไร มันก็ไม่เบื่อ
หลวงปู่เพียร วิริโย



‎ท่านสอนเรื่อง‬ "ความไม่มีอะไร" ความไม่ได้อะไรจริงแท้แน่นอน ไม่รู้จะไปอวดอะไร มีนั่นมีนี่อวดกัน ไม่รู้ได้อะไรจากมันอวดกัน
ยิ่งฆราวาสอวดกันมีแต่กองทุกข์ ตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้ ไม่รู้จะหามาอวดกันเพื่ออะไร สู้เราทำความพากความเพียรไม่ได้
ละวาง ไม่สะสม ไม่เพิ่มพูน สำรวม.. ไม่ได้มันก็ยังดีกว่าส่งเสริมกิเลส สะสมความยึดมั่นถือมั่น
หลวงปู่เพียร วิริโย




" โลกนี้มันเป็นอย่างนี้แหละ
สิ่งไม่น่ายินดีมักหลบอยู่กับสิ่งที่น่ายินดี
สิ่งไม่น่ารักมักอยู่กับสิ่งน่ารัก
ทุกข์มักจะอยู่กับสุข
เหตุนี้เองล่ะที่คนประมาทมัวเมากันอยู่ "
หลวงปู่จาม มหาปุญโญ ( พระวิปัสสนาจารย์ )





พราหมณ์ ! ฉันใดก็ฉันนั้น,
ที่แห่งพระนิพพาน ก็ยังตั้งอยู่,
ทางเป็นเครื่องถึงพระนิพพาน ก็ยังตั้งอยู่,
เราผู้ชักชวน ก็ยังตั้งอยู่,
แต่สาวกของเรา แม้เรากล่าวสอน พร่ำสอน อยู่อย่างนี้
น้อยพวกได้บรรลุนิพพาน อันเป็นผลสำเร็จถึงที่สุดอย่างยิ่ง,
บางพวกไม่ได้บรรลุ.
พราหมณ์ ! ในเรื่องนี้ เราจักทำอย่างไรได้เล่า,
เพราะเราเป็นเพียงผู้บอกทางเท่าน้น.
อุปริ. ม. ๑๔/๘๕/๑๐๑




ชีวิตมนุษย์นั้น...
วนเวียนพานพบแต่การเกิดแก่เจ็บตายของบุคคลใกล้ชิด,ญาติหรือเพื่อนสนิทอันเป็นที่รัก อยู่เสมอ
จึงทำให้คิดว่า
มนุษย์นั้นหนีความตายไม่พ้นได้เลยสักคน พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า..

"วันคืนล่วงผ่านไปทุกวัน
บัดนี้พวกเรากำลังทำอะไรอยู่"

ไม่มีสิ่งใดติดตัวมนุษย์ไปได้เลยสักอย่าง
ต่อให้ร่ำรวยมีทรัพย์สมบัติลาภยศอำนาจชื่อเสียงเกียรติยศสักปานใดก็ตาม
มีแต่บุญหรือบาปเท่านั้นที่สามารถตามติดตัวของพวกเราไปได้

ดังนั้นพวกเราจึงควรหันมาทำแต่ความดี
อยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา กันดีกว่า การทำความดีนั้น อย่างน้อยที่สุดเราก็ปิติเบิกบานใจและมีแต่ความสบายใจ




ขออนุญาติบอกบุญ " เจาะน้ำบาดาล"
หลวงปู่ทองสุข ฐิตปุญโญ วัดป่าวุฑฒาราม จ.หนองบัวลำภู เมตตาให้มีการเจาะน้ำบาดาล จากบ่อเก่าที่ตัน เพื่อให้เพียงพอในการอุปโภค-บริโภค ซึ่งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานประมาณ 200,000 บาท
https://www.facebook.com/Neverdie.xoxo/ ... 6070832750



ร่วมบุญในการสร้างวิหารทาน
เป็นเจ้าภาพซื้อดิน เพื่อใช้ในการถมที่สร้างวัด
ณ.ที่พักสงฆ์ป่ามะม่วง(ธ)
ต.ปรือใหญ่ อ.ขุขันธ์
จังหวัด ศรีสะเกษ
https://www.facebook.com/54762388194715 ... 15/?type=3



6 มี.ค 59 พิธีเททองหล่อพระประธานอุโบสถ หลวงพ่อโสธร 129 นิ้ว วัดสามกอ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เวลา 20.19 น.
https://www.facebook.com/54762388194715 ... 34/?type=3



4 มี.ค 59 ขอเชิญร่วมหล่อพระสมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก 4 ศอก (เทปูน) ปิดทองติดเพชร พระประธานวิหาร ที่พุทธอาศรมคงคนนครพิทักษ์ (ป่าหนองแสง) อ.คง จ.นครราชสีมา
https://www.facebook.com/54762388194715 ... 45/?type=3



ขอเชิญร่วมเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ทางพระพุทธศาสนาครั้งสำคัญพิธีเททองหล่อพระพุทธเจ้าเหนือพรหม หลวงปู่ทวด หลวงปู่โต
หลวงปู่ดู่ "พระโพธิสัตว์ใหญ่แห่งไตรสรณคมณ์"
ณ.มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันศุกร์ ที่ 29 เมษายน และวันเสาร์ ที่ 30 เมษายน พ.ศ.2559
https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... 983&type=3




กำหนดการรับสังฆทานของพระอาจารย์เล็ก ณ บ้านวิริยบารมี
ประจำเดือนมีนาคม 2559
(ฝากทุก ๆ ท่านช่วยประชาสัมพันธ์ด้วย)
เดือน มี.ค. 59 (วันศุกร์ที่ 4 มี.ค. 59 - วันอาทิตย์ที่ 6 มี.ค. 59)
https://www.facebook.com/54762388194715 ... 02/?type=3



ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือ "ภาษาอังกฤษสำหรับสอนกรรมฐาน". เล่มที่ ๒. จัดพิมพ์จำนวน. ๓,๐๐๐. เล่มๆ. ละ ๔๙ บาท
https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... 304&type=3





พระมหา ดร.ฐานันดร ฐานวโร อาศรมดอกแดง ต.บ่อสลี อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ จากรายการทางสู่พระนิพพาน แจ้งข่าวงานบุญในรายการดังนี้
1. เจ้าภาพบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ในพื้นที่ดอยสูง และห่างไกลตัวเมือง รูปละ 1,000 บาท
2. เจ้าภาพภัตตาหาร น้ำปานะ เพื่อจัดให้สามเณรขณะบรรพชาภาคฤดูร้อน ระหว่างวันที่ 1 - 15 เม.ย. 2559
2.1 ภัตตาหาร วันละ 2,500 บาท
2.2 น้ำปานะ วันละ 1,000 บาท

3. เจ้าภาพกองทุนเผยแผ่ธรรมะบนดอยสูง และพื้นที่ห่างไกลในเขตภาคเหนือ ตามกำลังศรัทธา
ร่วมบุญกับพระมหา ดร.ฐานันดร ฐานวโร
โทร 084-924-5473




ขอเชิญร่วมบุญเททองหล่อพระพุทธเจ้าปางประสูติ 3เมษายน2559
และร่วมเป็นเจ้าภาพบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน 88รูป
ณ สำนักวิปัสสนาพุทธภาวนา(วัดสร้างใหม่) ในหมู่บ้านพฤษา3 อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี สอบถาม0836058391
https://www.facebook.com/54762388194715 ... 50/?type=3





พระมหา ดร.ฐานันดร ฐานวโร อาศรมดอกแดง ต.บ่อสลี อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ จากรายการทางสู่พระนิพพาน แจ้งข่าวงานบุญในรายการดังนี้
1. เจ้าภาพบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน ในพื้นที่ดอยสูง และห่างไกลตัวเมือง รูปละ 1,000 บาท
2. เจ้าภาพภัตตาหาร น้ำปานะ เพื่อจัดให้สามเณรขณะบรรพชาภาคฤดูร้อน ระหว่างวันที่ 1 - 15 เม.ย. 2559
2.1 ภัตตาหาร วันละ 2,500 บาท
2.2 น้ำปานะ วันละ 1,000 บาท
3. เจ้าภาพกองทุนเผยแผ่ธรรมะบนดอยสูง และพื้นที่ห่างไกลในเขตภาคเหนือ ตามกำลังศรัทธา
ร่วมบุญกับพระมหา ดร.ฐานันดร ฐานวโร
โทร 084-924-5473



ท่านใดมีความประสงค์อยากร่วมทำบุญถวายใบเสมา‬#
จะนำไปถวายที่ ‪#‎วัดผาขวาง‬ อ.เมืองน่าน จ.น่าน
สนใจสอบถาม ‪#‎พระอาจารย์ประเสริฐ‬ ชินฺนวํโส(ครูบาตั้ม) วัดบรมนิวาสฯ กรุงเทพฯ โทร097-0345222



ขอเชิญร่วมบุญเททองหล่อพระพุทธเจ้าปางประสูติ 3เมษายน2559 และร่วมเป็นเจ้าภาพบรรพชาสามเณรภาคฤดูร้อน 88รูป ณ สำนักวิปัสสนาพุทธภาวนา(วัดสร้างใหม่) ในหมู่บ้านพฤษา3 อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี สอบถาม0836058391 ร่วมบุญผ่านบัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ บัญชีออมทรัพย์ 149-204241-0 ชื่อบัญชี พระบุญมี วิงวรณ์




ท่านสามารถทำบุญถวายปัจจัยองค์หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต ได้ที่บัญชีออมทรัพย์ ดังต่อไปนี้

ค่ารักษาหลวงปู่
ชื่อบัญชี บัญชีร่วมค่ารักษาพยาบาลถวายพระคุณเจ้าหลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น
หมายเลขบัญชี 471-1-07291-4

สร้างเจดีย์
ชื่อบัญชี โรงทานของหลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโด
ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด สาขาโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น
หมายเลขเลขที่ 471-1-06146-8

บำรุงซ่อมแซมเสนาสนะ
ชื่อบัญชี บำรุงซ่อมแซมเสนาสนะ ที่พักสงฆ์สวนทิพย์
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ประชาชื่น
หมายเลขบัญชี 471-1-07092-0

ปัจจัยภัตตาหาร
ชื่อบัญชี ทุนปัจจัยภัตตาหาร ถวายหลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น
หมายเลขบัญชี 471-1-04950-4


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 7 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO