นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 28 เม.ย. 2024 6:26 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: การพ้นทุกข์
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 04 ต.ค. 2015 8:10 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4542
เมตตาธรรมจากหลวงพ่อทุกความสอนของท่าน
จะเน้นเรื่อง"หนทางแห่งการพ้นทุกข์"
"จริงอยู่!!ทำดีก็ตาย ทำชั่วก็ตาย
ตายเหมือนกัน แต่เราควรเลือกตายไปกับความดี หรือความชั่ว
"อย่ามัวแต่ชื่นชมยินดี ที่เห็นผู้อื่นพ้นทุกข์
ตัวเราเองนี้ เมื่อไหร่จะพ้นกับเขาบ้าง"

"อัตภาพที่เป็นคนและเทวดาเท่านั้น ที่จะทำตนให้พ้นทุกข์ด้วยความเพียรได้ ภพภูมินอกจากนี้ ทำไม่ได้ ใครไม่ทำ...เสียดายที่เกิดมาเป็นคน





"รักษาศีล ๘ แต่ต้องแต่งตัวแต่งหน้าไปทำงาน
รักษาศีล ๘ อย่างไรดี"

โยม : หลวงปู่เจ้าขา ในพรรษานี้ ลูกอยากมาถือศีลแปดทุกวันพระ ติดที่ว่า ลูกต้องไปทำงานทุกวัน มาถือศีลไม่ได้เจ้าค่ะ ควรทำอย่างไร
เจ้าคะ

หลวงปู่ : ศีลของคุณอยู่ไหนล่ะ ถ้าคุณถือศีลที่วัด คุณก็ไม่ต้องมา
ถ้าคุณถือศีลที่ใจ ปฏิบัติส่วนตัวเอง คุณก็มาถือสิ

โยม : ศีล โยมถือที่ใจเจ้าค่ะ

หลวงปู่ : เออ คุณถือที่ใจ ใคร ๆ ก็ถือที่ใจ ถ้าคุณถือศีลที่วัด คุณก็ต้องอยู่วัด ถ้าคุณถือศีลที่ใจ จะไปไหน ๆ คุณก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีศีล

มันเป็นเรื่องของใครของมัน เป็นกิจภายในเรา จะต้องห่วงอะไร
คุณก็เอาศีลไปทำงานด้วยสิ

โยม : แต่ถ้าโยมถือศีลแปด แล้วไปทำงาน โยมก็แต่งตัว ทาแป้ง
ทาลิปไม่ได้นี่สิเจ้าคะ

หลวงปู่ : บ่ะ ไหนคุณว่า คุณถือศีลที่ใจเด้ คุณเอ้ย... ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๒๒๗ (สำหรับพระภิกษุ) ศีล ๓๑๑ (สำหรับพระภิกษุณี) ศีลแปดโกฏิสี่กือ (เป็นคำอุปมาว่า มากมายเหลือเกิน) ไม่มีดอก

ศีลมีข้อเดียว คือ ข้อใจ ข้อเจตนา ศาสนานี้เอาเจตนาเป็นใหญ่

ส่วนจำนวนพวกนั้น เป็นชื่อของความเลว เป็นชื่อของความชั่วพระพุทธเจ้าเอาเจตนาเป็นใหญ่ ถ้าเจตนาอย่างไร ผลก็ไปตามนั้น เจตนาเป็นตัวชี้กรรม ชี้วิบาก

คุณเอ้ย... คนมีธรรม คือ คนเข้าใจธรรมชาติ คนที่ผิดธรรมชาติกระทำผิดธรรมชาติ อันนั้นไม่เรียกว่าธรรม ทาโลดทาลิป ทาแป้งนั้นทาโลด คุณทาเพื่อเข้าสังคม ทำตัวให้เป็นปกติในสังคม

วันดีคืนดีมาเข้าวัดรับศีล ไปทำงานหน้าดำปากขาว ปานผีหลอก คนเห็นเข้าจะว่าคุณบ้า เขาจะว่า ผีหลอก เขาจะตำหนิว่า คนเข้าวัดบ้า ๆ บอ ๆ

ให้ฉลาดนะ คนปฏิบัติธรรมให้ฉลาดนะ เราแต่งหน้าถือศีลแปด เรารู้ว่า เราแต่งตัวเพื่อไม่แปลกจากสังคม

"..ไม่ใช่ ทาเพื่อยึด เพื่อติด เพื่อสวย เพื่องาม เอาใจเอาเจตนาเป็นสำคัญนะ.."

ทำใจแบบนี้ คุณจะถือศีลแปดไปทำงานได้หรือไม่ล่ะ

โยม : รักษาศีลแปด ก็ไปทำงานได้เจ้าค่ะ

หลวงปู่ : เออ คนมีธรรมอย่าโง่นะ อย่าแปลกสังคม ธรรมะคือ
อยู่กับสังคม ไม่แปลกสังคม เข้าใจนะ

หลวงปู่ไดโนเสาร์ (หลวงปู่หา สุภโร)
จากหนังสือ ตามรอยหลวงปู่ภูกุ้มข้าว
(ฉบับปฐมบท) หน้า ๑๑๑ – ๑๑๒




"บุคคลผู้ประสงค์จะ"แก้บาป"นั้น
นอกจากการ"นั่งสมาธิภาวนา"แล้ว
ไม่มีวิธีอย่างอื่นที่จะแก้ได้ เพราะมีอานิสงส์มาก
เป็นวิธี"แก้จิต"ที่เป็น"บาป"ให้กลับมาเป็น"บุญ"ได้
"แก้จิต"ที่เป็น"โลกีย์"ให้เป็น"โลกุตระ"ได้
เมื่อแก้จิตให้บริสุทธิ์ดีแล้ว บาปอกุศล
ก็หลุดหายไปเอง พึงเห็นองคุลิมาลเป็นตัวอย่าง"

_/|\_พระอริยะเจ้าหลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม_/|\_
วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา





โอกาสนี้เป็นการสร้างบุญบารมีประจำวัน ด้วยการนั่งกรรมฐาน แต่ไม่ใช่เข้าใจว่า ที่ผ่านๆมาไม่เป็นบุญเป็นบารมี บิณฑบาตร กวาดลานวัด ทำความสะอาดบริเวณสถานที่ ทำอะไรก็ตามที่เป็นส่วนร่วมในวัดนี่ ถือว่าเป็นบารมีทั้งนั้นแหละ เป็นการสร้างบารมีส่วนตนเองด้วย

"เจริญภาวนา ฟังธรรมกรรมฐาน ให้ทาน รักษาศีล นี่คือส่วนที่ทำให้ตัวเอง" ในส่วนที่ทำให้ผู้อื่นก็เป็นบุญบารมีด้วย สงเคราะห์หมู่คณะ เอื้อเฟื้อหมู่คณะ เราทำทาน สร้างบำเพ็ญทานให้เขาโดย ทำทานด้วยแรง ใช้หยาดเหงื่อแรงกายด้วยความเต็มอกเต็มใจ เป็นบุญเป็นกุศลเป็นทานอย่างยิ่ง ให้เมตตา ให้ความกรุณา ให้มุทิตา และอุเบกขา ให้พรหมวิหาร4 ก็เป็นการสร้างบุญบารมีของเราอีกแบบ

"ให้จิตอยู่กับตัว"ถ้าใครทำจนเป็นนิสัย
บุคคลผู้นั้นเท่ากับทำบุญทำกุศล อยู่ตลอดเวลา"
เดี๋ยวจะมาหาว่าบุญคือกรรมฐานอย่างเดียว
พากันคิดว่ามานั่งที่นี่ฟังธรรมเท่านั้น
"ไม่ใช่หรอกเข้าใจใหม่นะ"

-ผู้ที่ให้ทาน รักษาศีลทุกข้อ ตามสมณสารูป หรือว่า
อุโบสภศีล นั่นก็ถือว่า บำเพ็ญ"ศีลบารมี"

"ซึ่งตัวเรา นั้นอยู่กับบารมีอยู่แล้วตลอดเวลา สร้างขึ้นมาได้"

-การอุทิศส่วนบุญ นั่นก็เป็น"เมตตาบารมี"
-เมื่อตั้งใจได้ยินได้ฟังธรรม นั่นก็เป็น"ปัญญาบารมี"
-มานั่งฟังธรรม ขณะนั่งมีปวดมีเมื่อย นั่นก็เป็น"ขันติบารมี"คือความอดทน
-ขยันหมั่นเพียรไม่ให้ขาดข้อวัตร ข้อปฏิบัติ นั่นก็เป็น"วิริยะบารมี"

ข้อวัตรข้อปฏิบัติมีไว้วัดบารมีเท่านั้นแหละ ให้จดบันทึกของตัวเองดูก็ได้ เรื่องทำวัตรเช้า เรื่องทำวัตรเย็น เรื่องบิณฑบาตร เรื่องกวาดทำความสะอาดวัด วันไหนขาดก็กากบาทผิดไว้ วันไหนถูกก็กากบาทถูกไว้
เป็นตารางกรรมดี กรรมชั่ว ให้ทำเองจดเอง ไม่ใช่เป็นการจับผิด แต่ให้เขาได้ละอายที่หากทำผิดบ่อยๆ

อย่าคิดแบบทางโลก คือทำเพราะกลัวจะถูกประจาน กลัวถูกตำหนิติเตียนจากหมู่คณะ นั่นมันไม่เต็มใจ เขาไม่เรียกว่าเป็น"บุญ"จากที่จะได้เต็มร้อย ก็ได้แค่สิบ ทำด้วยความไม่บริสุทธิ์ใจ ทำก็ทำแบบถูกบังคับเกรงกลัวกติกาของโลก

แต่ทางธรรม ต้องการความบริสุทธิ์ ไอ้ที่มาวัดน้อยๆ นั่นแหละเต็มใจทั้งนั้น บริสุทธิ์ทุกรูป ทุกคน เพราะมาด้วยความตั้งใจเจตนา ดีกว่าประเภท เต็มศาลาเอี๊ยด แต่โดนกติกาโลกบังคับมา ใครไม่มาอาจถูกประนาม เช่นว่า แกไม่เห็นไปวัดเหมือนคนอื่นเขาเรยว่ะ ใครไปก็ได้บุญหมด แกไม่ไปแกไม่ได้นะ (มันกลัวโลกติเตียนเลยจำใจไป ไปเพื่อเอาไว้คุยว่า ฉันไปแล้วนะแก ฉันก็ได้ทำบุญแล้วล่ะ)

ทางโลกเอาปริมาณ แต่ทางธรรมเอาคุณภาพ 100คนไม่บริสุทธิ์ สู้1คนบริสุทธิ์ไม่ได้ ร้อยคนยกวัด หมื่นคน แสนล้านโกฐคน หากไม่บริสุทธิ์ ไม่เต็มใจ สู้คนๆเดียวบริสุทธิ์ก็ไม่ได้อยู่ดี อันนี้เป็นทางธรรม

"เพราะฉะนั้นอย่าได้ไปสนใจปริมาณที่เขาไม่มาสนใจใส่ใจในธรรมปฎิบัติธรรม แต่ให้ใส่ใจคนที่เต็มใจมา เต็มใจฟังเรา นั่นแหละคนบุญที่เราควรสนใจ"

พระอริยะเจ้าหลวงพ่อเฉลิมโชค ฉฺนทชาโต


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO