นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 28 เม.ย. 2024 11:53 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ตั้งจิตบริกรรม
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 21 ก.ย. 2015 4:19 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4542
เราอย่าหวังพึ่งอะไรจนเกินไปนะสิ่งเหล่านี้ เคยพูดแล้ว สิ่งเหล่านี้เราอาศัยเวลามีชีวิตอยู่เท่านั้นเอง ตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทาง สมบัติเงินทองข้าวของ เพื่อนฝูง ผลที่สุดแม้ในครัวเรือนเดียวกันก็ยังจะต้องแตกต้องแยกกันด้วยความล้มความตายนั้นแหละ เป็นสิ่งที่ใหญ่โตมาก ใครหลีกไม่ได้เลย เมื่อเป็นเช่นนั้นเราจึงแยกส่วนแบ่งส่วนให้ดี เวลาเราอยู่ในโลกนี้ต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้ ต้องขวนขวาย นี่เป็นพักหนึ่ง ทีนี้จิตใจเรียกร้องหาความช่วยเหลือจากเจ้าของอยู่ได้คิดหรือยัง ถ้าไม่ได้คิดให้คิด"
หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๕





คัดลอกบางส่วน จากบันทึกครูบากล้วย..

ภาวนากับ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ที่ บ้านดงคำโพธิ์ สกลนคร

๑๒ มีนาคม ๒๕๓๔ ที่ วัดป่าโพธิ์ศรีวารีราม บ.ดงคำโพธิ์ ต.ปลาโหล อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร..

ห้าทุ่มหลังเลิกไหว้พระสวดมนต์หลวงปู่ชอบท่านบอกคืนนี้ให้นั่งภาวนาอยู่ข้างๆท่าน หลวงปู่ชอบท่านบังคับเรานั่งภาวนาโดยท่านจับข้อมือซ้ายของเราเอาไว้ พอสติขาดจากคำบริกรรมหลวงปู่ชอบท่านจะกระตุกแขนเตือนสติ..

ท่านบอก “ ตั้งจิตใหม่บริกรรมให้ถี่ๆ เอาให้จิตมันมิดจั๊ดไปโลด ”..

เราเร่งคำบริกรรมถี่ยิบในใจจนจิตขาดปั๊ดกับภายนอก จิตลงวาบเป็นหนึ่งเดียว..

จิตทรงไว้ในอัปปณาจนถึงตีสองจึงคลายออกจากความสว่าง ช่วงถอยจิตออกจากอัปปณาเอาสติประคองจิตค่อยๆถอยออกมาดู วางจิตอยู่กึ่งกลางอัปปณาสมาธิ กับ อุปจารสมาธิ จิตในชั้นนี้เหมือนกับเราถูกปิดตาคล้ายกับสมาธิหัวตอ(จิตมืดดำตันตื้อไม่มีโอภาสแสดง) แต่จิตในชั้นนี้จะต่างกันกับสมาธิหัวตอตรงที่ความมั่นคงของสติ..

สมาธิหัวตอเหมือนพ่อค้าขายของได้เท่าทุน..

สมาธิในชั้นกึ่งกลางอัปปณา กับ อุปจาระ เหมือนพ่อค้าขายของแล้วได้กำไร..

จิตชั้นนี้ถ้าไปสัมผัสสิ่งใดตามนิสัยของจริต จิตจะดึงสิ่งนั้นเข้ามา ..

พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่ชอบบอกเรา จิตในชั้นนี้ถ้าหมุนเข้าข้างในพิจารณาในกายอันใดอันหนึ่ง มันจะเป็นวิปัสสนาภูมิ ถ้าหมุนออกนอกมันจะไปรับรู้เรื่องอื่น เราเป็นคนจริตโลดโผน เหมือนเด็กดื้อถ้าไม่เจ็บ ก็ไม่จำ..

เราหมุนจิตออกไปดูข้างนอกเห็นหลวงปู่ชอบท่านนั่งยิ้ม มีผู้หญิงแต่งกายชุดขาวกับผู้ชายร่างใหญ่สองคนแต่งชุดผ้าหม้อฮ่อมเข้ามาในที่พักหลวงปู่ชอบมณฑปบรรจุอัฐิธาตุของ องค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ วัดป่าดงคำโพธิ์ ผู้หญิงแต่งชุดขาวบอกเราเป็นภาษาอีสาน “ ญาคูท่านหลีกทางไห่หมู่ข้าน้อยเข่ามาแน่ ”..

เราถอนจิตออกจากสมาธิเปิดไฟฉายดูหลวงปู่ชอบ เห็นหลวงปู่ชอบท่านนั่งยิ้มอยู่ในอิริยาบถที่เราเห็นในสมาธิ เราถามพ่อแม่ครูอาจารย์เมือตะกี้มันมีอีหยัง..

หลวงปู่ชอบบอกเรา “ พญานาคน้ำอูนเขาพากันมาขอฟังธรรมกับเฮา ”..

เราถามท่านเขามาหลายบ้อข้าน้อย..

ท่านบอก “ เขาพากันมาสามร้อย ผู้พามาเป็นแม่หญิงแต่งชุดขาว ”..

เรียนพ่อแม่ครูอาจารย์จะให้ข้าน้อยปฏิบัติยังไง..

หลวงปู่ชอบท่านบอก “ ภาวนาต่อไปเฮาสิคุมให้เอง เห็นอีหยังกะให้จำไว้ ”..

จิตลงครั้งที่สองเห็นหลวงปู่ชอบท่านนั่งบนธรรมาสน์ทองคำประดับด้วยเพชรนิลจินดาทิพย์ องค์ท่านผ่องใสมีรัศมีประกายดุจทองคำ..

ปฏิบัติกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์มาหลายปีเราไม่เคยเห็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านเป็นแบบนี้มาก่อน รูปจิตขององค์ท่านงดงามจนเกินที่เราจะหาคำในโลกนี้มาอธิบาย จิตเราไม่เคยเห็นความพิสุทธิ์ผ่องใสของบุคคลใดเท่ากับจิตเรามองเห็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่ชอบในวันนี้..

กำหนดจิตตั้งตามท่านได้ยินหลวงปู่ชอบท่านตั้งนะโมสามจบ จากนั้นจิตเราไม่ได้ยินเสียงใดๆของท่านเลย จิตตนเองตามกำหนดจะฟังเสียงธรรมที่องค์ท่านแสดง จิตไล่ตามองค์ท่านไปเหมือนมีกำแพงกั้นให้จิตเราให้ตันตื้อ..

ได้ยินเสียงสาธุการของพญานาคน้ำอูน จิตเกิดสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหวขึ้นฟ้า..

พญานาคหมู่นี้ก่อนพากันกลับพวกเขาพากันเดินพนมมือเวียนรอบมณฑปขององค์ท่านหลวงปู่มั่นที่หลวงปู่ชอบท่านพักอยู่ แล้วค่อยๆจมตัวลงไปในน้ำเขื่อนน้ำอูน คล้ายกับเราหย่อนของหนักๆลงไปสู่น้ำ พวกเขาไม่ได้แสดงตัวตนให้เห็นเป็นรูปกายนาคา สิ่งที่พวกเขาแสดงทั้งหมดเป็นรูปมนุษย์ตั้งแต่เขาเข้ามาหาหลวงปู่ชอบ..

พอจิตถอนพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านบอก “ ฮู้แล้วบ้อจิตเป็นจั่งใด๋ ธรรมมันอยู่ในจิต มันบ่ได้อยู่กับคนคาบคัมภีร์เอามาเว้า ”..

ถาม พ่อแม่ครูจารย์เทศน์เรื่องอีหยัง ท่านบอก “ เฮาเทศน์เรื่องสรณะคะมะนังนิฐิตัง ”..

ถามองค์ท่านเรื่องนี้คือธรรมเรื่องอะไร ท่านบอก “ เรื่องที่พึ่งอันประเสริฐของจิต ”..

ถามท่านที่ข้าน้อยไม่ได้ยินพ่อแม่ครูบาอาจารย์แสดงธรรมเพราะอะไร..

ท่านบอก “ จิตท่านยังบ่เป็นสัพพัญญู ”..

ถามท่านสัพพัญญูคืออะไร..

หลวงปู่ชอบท่านบอก “ สัพพัญญูคือผู้รู้แจ้งในธรรม เป็นภูมิผู้สิ้นกิเลส ต่ำกว่านี้เป็นสัพพัญญู บ่ได้ ”..

ท่านบอก “ คนถือศาสนาถ้าจิตยังบ่สงบ ศรัทธากะเป็นศรัทธาซ่ำนั่น จิตของผู้สงบ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง ในจิตของคนสงบเป็นแล้วสิแน่นแฟ้นต่างกันกับพวกนี้ จิตบ่มีฌานยกจิตขึ้นวิปัสสนาภูมิบ่ได้ ฌานเป็นรากแก้วในการพิจารณาธรรม คนบ่มีฌานแยกสัญญา กับ ปัญญา บ่ออก ”..




ฟังเทศน์หลวงปู่เปลี่ยน.. ท่านว่าที่เห็นท่านยิ้ม.. ไปงานไหนก็ยิ้มมม ^^กับลูกศิษย์.. อย่างครูบาอาจารย์บางองค์ ท่านจะนั่งนิ่งหลับตา.. เหตุที่หลวงปู่ท่านยิ้มอย่างนั้น.. ก็เพราะว่าจิตท่านเร็วเหมือนจรวด.. ถ้าไม่ใช้ความเมตตาแบบนี้จิตมันจะไปไว.. บางครั้งห้ามไม่ทัน..

อย่างที่องค์หลวงปู่ชอบท่านกล่าวไว้ว่า.. (วีรศักดิ์ โพธิสัตย์)
“ ท่านเปลี่ยนเป็นลูกศิษย์เราที่มีความชำนาญในเรื่องกสิณไฟ เพราะวาสนาเก่าท่านเปลี่ยนเคยเป็นฤษีมาหลายชาติ จิตจึงมีความชำนาญในเรื่องนี้ จริตท่านเปลี่ยนโลดโผนออกรู้ออกเห็นในเรื่องลึกลับเสมอ สมัยท่านเปลี่ยนเป็นพระหนุ่มถ้าตกใจ หรือไม่พอใจขึ้นมา ถ้าเพ่งจิตใส่ใครแล้วผู้นั้นจะเป็นอันตรายได้เลย ท่านเปลี่ยนถามเราว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ยังไงดี เวลาเพ่งมองใครแล้วมันจะพุ่งออกมาจนห้ามจิตไม่ทัน ”..

“ เราก็ว่ามันเอาแต่กสิณนำหน้านี่ เอากสิณนำหน้ามันก็เป็นแบบนี้แหละ ให้ฝึกจิตมีเมตตามีความชำนาญในเมตตา เมตตาจะเป็นผู้ประคองจิตให้อ่อนโยน ถ้าไม่มีเมตตามาคุมจิตแล้วเวลากสิณพุ่งออกมา ผู้อื่นจะเป็นอันตรายได้ ตัวอย่างอาจารย์ฝั้น(อาจาโร)ท่านก็เคยเป็นมาก่อน นกเค้ามันร้องอยู่บนต้นไม้ขณะท่านกำลังเดินจงกรม ท่านหันขึ้นไปมองนกเค้าแค่นึกในใจของตนเองว่า โห้..นกเค้านี่ อำนาจกสิณของท่านพุ่งใส่นกเค้าจนตกต้นไม้ตาย อาจารย์ฝั้นเองท่านก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายนกเค้า แต่ท่านก็ไม่รู้วิธีควบจิตในตอนนั้น "..

" อาจารย์ใหญ่มั่นท่านจึงแก้ให้อาจารย์ฝั้นให้เจริญเมตตาให้มากๆ เพราะเมตตาจะเป็นตัวควบจิตไม่ให้แสดงฤทธิ์ออกมาโดยพละการ อาการจิตของท่านเปลี่ยนกับอาการจิตของท่านอาจารย์ฝั้นเป็นอาการเดียวกัน เราจึงให้อุบายธรรมไปเป็นยารักษา เราบอกท่านเปลี่ยนให้ใช้วิธีนี้แก้ไขควบคุมจิตของตนเอง ท่านเปลี่ยนจึงแก้ไขจิตตนเองได้ในเรื่องนี้ ”..


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO