นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 9:19 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: ให้นึกถึงองค์ภาวนา
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 28 ก.ค. 2015 3:37 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
ท่านพ่อลี ธัมมธโร
----------------------------------------
๑. เวลาที่เรานั่งภาวนา ให้นึกว่าร่างกายเรานี้เปรียบเหมือนกับบ้าน
การที่เราภาวนา “พุทโธ” เข้าไป มันก็เปรียบกับว่า เรานิมนต์พระเข้าไปในบ้านของเรา
การนิมนต์พระเข้าไปในบ้านนั้นก็ให้นกึถึงมรรยาทของโลกว่า เขาจะต้องทำอย่างไรกันบ้าง
๑.๑ เขาจะต้องปูอาสนะไว้สำหรับท่าน
๑.๒ หาน้ำดื่มหรืออาหารที่ดีๆ มาถวาย
๑.๓ ต้องสนทนาปราศรัยกับท่าน
(หมายเหตุ : หัวข้อ ๑.๓ ยังไม่ได้นำเสนอรายละเอียดไว้ในบทความนี้)


๒. “การปูอาสนะ” นั้นก็ได้แก่การที่เรานึก “พุท” ให้ติดเข้าไปกับลม
นึก “โธ” ให้ติดออกมากับลม เมือ่เราตั้งสติคอยนึกกำหนดอยู่เช่นนี้
“พุทโธ” ก็จะแนบกับลมหายใจของเราอยู่เสมอ
ถ้าการนึกของเราพลาดไปจากลมขณะใดแล้วก็เท่ากับอาสนะของเราขาด

และการปูอาสนะนั้น เขาจะต้องมีการปัดกวาดสถานที่ให้สะอาดเสียก่อน
ก็คือ ในชั้นแรกให้เราสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ และแรงๆ
ปล่อยกลับออกมาก็เช่นเดียวกันสัก ๒-๓ ครั้ง
แล้วจึงค่อยๆผ่อนลมหายใจให้เบาลงทีละน้อยๆจนพอดีที่เราจะจำได้
แต่อย่าให้เกินพอดีไปหรือน้อยกว่าพอดี ต่อจากนี้เราก็กำหนดลมหายใจ
พร้อมกับคำภาวนาว่า “พุทโธๆ” พระท่านก็จะเดินเข้าไปในบ้านของเรา
ถ้าใจของเราไปอยู่กับอารมณ์ภายนอก คือ สัญญา อดีต อนาคต อันใดอันหนึ่งแล้ว
ก็เท่ากับหนีพระออกไปจากบ้านของเรา อย่างนี้ย่อมเป็นการผิดมรรยาท...ใช้ไม่ได้

๓. เมื่อพระท่านเข้ามาในบ้านของเราเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องจัดหาน้ำหรืออาหารดีๆมาถวาย
และสนทนากับท่านด้วยเรื่องที่ดีๆ เรียกว่า “ธรรมปฏิสันถาร”
ส่วนอาหารที่ดี ก็ได้แก่ มโนสัญเจตนาหาร ผัสสาหาร
และวิญญาณาหาร นี่เป็น “อามิสปฏิสันถาร”

อามิสปฏิสันถารนี้ คือ การปรับปรุงลมหายใจให้เป็นที่สบายของกายและจิต
เช่น สังเกตดูว่าลมอย่างไหนเป็นคุณแก่ร่างกาย ลมอย่างไหนเป็นโทษแก่ร่างกาย
หายใจเข้าอย่างใดสะดวก หายใจออกอย่างใดสะดวก หายใจเข้าเร็วออกเร็วสบายไหม ?
หายใจเข้าช้าออกช้าสบายไหม ? เราจะต้องทดลองชิมดูให้ดี นี่ก็เท่ากับว่า เป็นอาหารชนิดหนึ่ง

เพราะเหตุนี้การที่เรามาตั้งใจกำหนดอยู่ในลมหายใจ จึงเรียกว่า “มโนสัญเจตนาหาร”
แล้วเราก็ปรับปรุงลมหายใจจนรู้สึกว่า ลมนั้นเรียบร้อยสะดวกสบาย
เมื่อสะดวกสบายอย่างนี้แล้วก็ย่อมจะเกิดคุณธรรมขึ้นในตนอย่างนี้
จึงจะเรียกว่า เราต้อนรับท่านด้วยการบริโภคที่ดี
เมื่อท่านฉันอิ่มแล้วท่านก็จะต้องให้ศีลให้พรเราให้มีความสุข ให้หายไปจากความทุกข์

เช่นที่ท่านแสดงว่า “พระพุทธเจ้ากำจัดทุกข์ได้จริง” นั้นก็คือ
ความทุกข์กายของเราก็จะหายไป ถึงจะมีบ้างก็นิดหน่อย ไม่มาก
ส่วนความทุกข์ใจก็จะหายไป ใจของเราก็จะเย็น

เมื่อใจเย็นเป็นสุข ใจก็สงบเบิกบาน สว่างไสว ที่เรียกว่า “พระธรรมกำจัดภัยได้จริง”
นั่นก็คือ มารต่างๆ ซึ่งเป็นเครื่องรบกวนร่างกาย
เช่น “ขันธมาร” ความเจ็บปวดเมื่อย ฯลฯ เหล่านี้ก็จะหายไป
ใจนั้นก็จะอยู่โดยปราศจากทุกข์โทษภัยเวร นี่ก็เท่ากับพรของพระที่ท่านให้แก่เรา




ท่านพ่อลี ธัมมธโร
----------------------------------------
“ความตั้งใจ” เมื่อเรามีเจตนาตั้งใจจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด เราจะต้องทำให้เป็นไปตามความตั้งใจนั้น ให้รักษาเจตนาของตนไว้มั่นคง อย่าทำลาย

การฟังธรรมนั้น...ถึงแม้จะไม่เข้าใจ แต่ถ้าตั้งใจฟังแล้วย่อมเกิดประโยชน์


“ยาพิษ” ไม่ได้เป็นโทษอยู่ที่ยา
มันเป็นโทษที่ตัวเราเองหรือผู้ที่กินเข้าไป เพราะ “ความโง่” คือ อวิชชา ไม่รู้จักพิจารณาว่า สิ่งใดดีหรือชั่ว คือไม่รู้เท่าทันในอารมณ์ ๕

“อินทรีย์สังวร” ก็คือ ให้ระวังอารมณ์ ๕ ที่ผ่านเข้ามา ผู้ไม่ระวังรักษาในอารมณ์ ๕ เรียกว่า ศีลไม่บริสุทธิ์ นี่เป็นศีลของผู้มีจิตชั้นสูง ส่วนศีล ๕ นั้น คนพาลหรือบัณฑิตก็ทำได้




ท่านพ่อลี ธัมมธโร
----------------------------------------
อาหารทุกอย่างมันก็ดีแต่ร้อนๆ เท่านั้น ถ้าทิ้งไว้นานหน่อยมันก็บูดเน่าหนอนขึ้น ลาภ ยศสรรเสริญ สุข ก็เช่นเดียวกัน ไม่มีสาระแก่นสาร เป็นของลมๆ แล้งๆ ของที่คนอื่นนำมาให้มันไม่วิเศษวิโสอะไรเหมือนกับของที่มีขึ้นในตัวของเราเอง

ใครไปยินดีหลงเพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านี้ก็จะมีแต่โทษกับทุกข์เท่านั้น เราเองไม่เคยสนใจกับสิ่งเหล่านี้ ใครจะนั่งสรรเสริญหรือนินทาอยู่ ๑๐ วัน ๑๐ คืนก็ไม่เห็นแปลกอะไร




ท่านพ่อลี ธัมมธโร
----------------------------------------
ถ้าเชื่อพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ต้องไปซื้อลอตเตอรี่ ถ้าเชื่อความดีแล้วไม่ต้องกลัวจน เชื่ออาจารย์แล้วก็ทำตามอาจารย์สิ (พูดกับคนที่มาขอให้ท่านบอกลอตเตอรี่ให้)
--------------------------------------
“สมบัติ” ข้าวของของคนไม่ดีนั้น ไม่มีใครปรารถนาอยากได้ แต่ถ้าเป็นของคนดีแล้ว แม้แต่อะไรๆ ก็มีคนอยากได้ถึงแย่งกัน


(ท่านเล่าเรื่องเศรษฐีทำมหาทาน ๕ วัน กับสองตายายผู้ยากจนนำของมาใส่บาตรพระพุทธเจ้าพระพุทธเจ้าไม่ฉันของใคร จะคอยอาหารทิพย์ของเทวบุตรเทวดา สมมติตายายเป็นเทวดาโดยคุณธรรม พระองค์ถือเอาความบริสุทธิ์ของผู้ให้ ไม่ใช่วัตถุข้าวของ)

ทรัพย์ นั้น อาตมาก็อยากได้เหมือนกัน.. แต่ต้องเอาอย่างนี้นะ “ชี้นิ้วมือพับให้ภูเขาลูกนี้เป็นทองมาทันที” นั่นแหล่ะถึงจะเอา

ถ้าเชื่อพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ต้องไปซื้อลอตเตอรี่ ถ้าเชื่อความดีแล้วไม่ต้องกลัวจน เชื่ออาจารย์แล้วก็ทำตามอาจารย์สิ (พูดกับคนที่มาขอให้ท่านบอกลอตเตอรี่ให้)

ขึ้นชื่อว่า “อามิส” แล้ว อาตมาระวังที่สุดที่จะไม่ให้มาแตะต้องจิตใจได้เป็นอันขาด

เมื่อตอนสงคราม ผ้าแพง อาตมาไปอยู่ที่เชียงใหม่ มีตายายสองคนมาใส่บาตรทุกวัน แกคงจะยากจนจริงๆ เห็นมีแต่ผ้าเก่าๆ ขาดๆ นุ่งอยู่ผืนเดียวไม่เคยเปลี่ยนสักที ก็เลยให้ผ้าอาบไป ๒ ผืน บอกว่าให้ไปทำเป็นผ้านุ่ง

ตายายนั่นไม่กล้าเอาไปนุ่งเพราะกลัวจะบาป ก็เลยบอกกับแกว่า “ไม่ต้องกลัวบาปดอก ฉันสละออกจากตัวแล้ว มันไม่ใช่ของๆ ฉันแล้ว เอาไปใช้นุ่งเถิด ข้าวสุกของโยมที่มาใส่บาตรฉันก้อนเดียวนั้น มันมีค่ากว่าผ้านี้มากนัก”



หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
---------------------------------------
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์เดียวกำลังคลอนแคลน เพราะชาวพุทธปันใจให้กับภูตผีปีศาจ และผู้วิเศษอื่นๆ ทำให้จิตใจของชาวพุทธไม่มั่นคงต่อพระพุทธองค์ ซึ่งเคยเป็นที่พึ่งมาก่อน

ดังนั้นชาวพุทธควรจะได้กลับใจมายึดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้มั่นคงตามเดิมเสียก่อนที่ทุกอย่าจะสายเกินไป .....พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย).....


" ท่านพ่อลีมีศักดิ์เป็นปู่ " ท่านเป็นพี่น้องทางฝ่ายพ่อ ท่านมีชาติกำเนิดที่อุบลฯเหมือนกัน ท่านใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า "ปู่" ถ้าพบหลวงพ่อทีไรท่านจะไม่พูดพร่ำทำเพลงกับหลวงพ่อ พอเจอหน้ากันปั๊บสั่งแล้ว "นั่งสมาธิ" ท่านจะคุยอยู่กับใครก็ตาม ท่านจะชี้หน้าหลวงพ่อ "อ้าวนั่งสมาธิ" พอนั่งไปสักพักหนึ่งท่านก็บอกว่า "เป็นไงนั่งสมาธิ " ..... "ก็นั่งสมาธิ ก็ได้สมาธิ" ท่านไม่เคยอธิบายอะไรกว้างขวางพิสดาร แต่ท่านจะว่าให้ปฏิบัติธรรมให้ต่อเนื่อง อย่าไปทำๆ หยุดๆ แต่ละครั้งที่เรานั่งสมาธิ จิตจะสงบหรือไม่สงบอย่าไปท้อถอย ถ้าเวลาจะสงบมันจะสงบเอง ความสงบมันเป็นผลงานเราแต่งเอาเองไม่ได้.............

จากหนังสือ " ฐานิยตฺเถรวตฺถุ หน้า๒๕๓ "


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO