นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 06 พ.ค. 2024 2:02 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: การให้ทาน
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 06 ก.ค. 2015 11:52 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
''' การให้ทาน คนมีทานคือคนมีความชุ่มเย็นภายในใจ มีที่รับรองภพชาติของตน ทั้งปัจจุบันก็อบอุ่นเย็นใจ ในอนาคตชีวิตจิตใจจะล้มจะตายไปเหมือนโลกทั่วๆไป แต่สถานที่คือความดีทั้งหลายที่กลายเป็นแก้วสารพัดนึกเป็นของทิพย์นั้น จะรอรับเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ปัจจุบันที่มีชีวิตอยู่นี้จนกระทั้งชีวิตหาไม่แล้ว บุญกุศลผลงานอันเลิศเลอของเรานี้ จะตามสนับสนุนเราไปในภพชาติต่างๆ '''
''' คติธรรม ''' ::: องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน :::



“ภาวนาอยู่ถ้ำผาบิ้งนั่นล่ะ ไปอยู่ได้ ๓ คืน พอคืนที่ ๔ เรากำหนดลมหายใจเข้าออกรู้อยู่จนลมแผ่วเบาลมดับไปเหลือแต่ผู้รู้ ขณะเหลือแต่ผู้รู้นั้นก็เกิดแสงสว่างจุดเล็กๆ แล้วก็ขยายวงกว้างขึ้นๆ จนเต็มโลกมองไปทางไหนไกลขนาดไหนรู้จักได้ เห็นได้หมด


มันเหมือนกันกับจุดเทียน แสงสว่างเริ่มขึ้นขยายขึ้นเรื่อย ๆ มันแจ้งไปหมด แต่มันแจ้งในสัตว์โลก แล้วก็ตั้งความสว่างอยู่อย่างนั้น เราก็พิจารณาดูอยู่อย่างนั้น นานประมาณ ๒๐ นาที

แสงสว่างก็ค่อยๆ ลดลงลดลง จนเหลือจุดเล็กแล้วดับไป เราก็รู้ตัวอยู่พอแสงนั้นดับไปแล้ว เราก็ถอนจิตออกมา

นั่งพิจารณาวิจารอยู่ว่าอย่างนี้เราจะเรียกว่าเป็นอย่างใด
พิจารณาอยู่นานหรืออย่างนี้หรือที่เรียกว่า อาโลกกสิณ
พอพิจารณาได้อย่างนั้น จิตใจก็ปลอดโปร่งดี

สักพักหนึ่งก็มีหมู่เทวดา ๓ หมื่นมาหา
“ มาทำไม ” “ มาตามแสงสว่างนี้ ”
“ เหตุผลอันใด ”
“ ก็เพราะพระผู้เป็นเจ้า เคยเป็นญาติสายโลหิต เคยเป็นผู้ทำความดีมานานหลายภพหลายชาติ”
“ อยู่ที่ไหน”
“ อยู่เพชรบูรณ์”
“ ยุคสมัยใด”
“ ยุคสมัยที่เป็นพระเจ้าจักพรรดิ์ อยู่ ๗ ชาติ”

เวลาเขามาแล้วก็เข้ามาหากราบไหว้คนที่ร้องห่มร้องไห้ บ่นว่าคิดถึงนานแล้ว ไม่เห็นมาสักที เขาก็เรียกเราต่างๆกัน บางคนก็เรียกว่า เจ้าพี่, เจ้าน้อง, พระองค์เจ้า, บางคนก็จะเข้ามากอดรัดคลอเคลียแข้งขา ผู้เป็นหัวหน้าก็ห้ามไว้ว่า

“ ชีวิตนี้เป็นนักบวชเป็นศิษย์ของพระองค์พุทธเจ้าแห่งเรา อย่าได้แตะเนื้อต้องกายของท่านนะ”
เราก็พูดคุยเขาอยู่นาน แล้วเขาก็ลากลับไป

วันใหม่ก็มาอีก วันมากวันน้อย หลายแสนหลายล้านอยู่กันเต็มไปหมด มาจากเพชรบูรณ์บ้าง ผาม่านบ้าง ภูกระดึงบ้าง เมืองราดบ้าง นครศรีเทพบ้าง เอราวัณบ้าง นาแห้ว ด่านซ้าย มากัน เราก็บอกสอนให้ระลึกถึงในคุณงามความดีของตน อันตนทำไว้แล้ว เป็นอยู่อย่างนั้น ๑๕ คืน จึงหมดไม่มาหาอีก

หมู่พระที่อยู่ด้วยกัน เขาว่า “ ท่านจามเป็นบ้าไปแล้ว พูดอยู่ได้คนเดียวดึกดื่นค่อนคืน” ยิ่งพระสิงห์ คนกันทรวิชัย ยิ่งว่าให้เราหนักฯ หาว่า “ ธรรมแตก” “ ประสาทกินหัวขมอง ” “ พระผีบ้า”

เราก็เฉยอยู่เพราะเขาไม่ได้ยินด้วยไม่ได้เห็นด้วยกับเรา หากจะอธิบายอย่างไรเขาก็คงไม่เชื่อได้

พระสิงห์ รูปนี้อยู่ด้วยกันก็ปรามาสเจ้าถิ่นเจ้าที่ว่า “ไหนเขาว่าถ้ำผาบิ้งศักดิ์สิทธิ์ มาอยู่แล้วไม่เห็นมีอะไร” เราก็ห้ามอย่าไปว่าอย่างนั้นเรานักบวชมาอยู่มาอาศัยก็ขออยู่ไปวันๆ เท่านั้น บอกว่าอย่างใดก็ไม่เชื่อเรา เพราะถือว่า บวชก่อนพรรษามากกว่าเรา สุดท้ายก็เฉยไม่ว่าไม่กล่าวอันใด

หลังจากหมดภาระในการต้อนรับพวกหมู่เทวดาที่เคยเป็นญาติพี่น้องนั้นแล้ว เราก็ตั้งใจภาวนา เพราะบอกพวกเขาไม่ให้มาหาอีก ขอให้อยู่เป็นสุขตามภูมิสถานของตน

เราก็ตั้งใจภาวนา เพราะภาวนาสบาย สงบง่าย คล่องทุกอย่าง เพราะได้สัปปายะดี

จนวันสุดท้ายก่อนจะเดินทางต่อ กำหนดภาวนาจึงรู้ได้ว่า “ ถ้ำผาบิ้งนี้เคยเป็นโรงอุโบสถสังฆกรรมมาก่อนของยุคหลังพุทธะ และเป็นที่นิพพานดับรูปขันธ์ของพระอุบาลีเถรเจ้า เมื่อครั้ง พ.ศ. ๔

ก่อนไปเราก็ขอขมาในเขตสงฆ์แต่โบราณและเขตสงฆ์ในยุคต่อๆ มาจนปัจจุบัน

หลวงพ่อเฒ่าผู้ใหญ่บ้านบ้านนาแกที่บวชอยู่ไม่ต้องการให้ไปหนีจาก เราก็อธิบายให้คนเฒ่าฟัง จนคนเฒ่ายอมก็เป็นอันว่าไปต่อเดินทางต่อ ค่ำไหนนอนนั่น”

ธรรมะประวัติหลวงปู่จาม มหาปุญโญ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO