นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 14 พ.ค. 2024 10:39 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 25 มิ.ย. 2015 1:44 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4558
จงพยายามหาที่พึ่งให้ตนเอง
คนที่หาพึ่งแต่คนอื่น จะพบแต่ความหลอกลวง
เดี๋ยวนี้คนทั้งหลายคิดหาพึ่งคนอื่น ซึ่งผิดหลักความจริง
จงสร้างสมรรถภาพของตัวเองให้มีจิตใจเข้มแข็ง


จิตใจของคนเราจะมีความเข้มแข็งก็ด้วยการฝึก
ฝึกนี่คือหัดให้มีสติ มีสมาธิมั่นคง
จิตหรือใจของเรามีธรรมะ เป็นอาหาร
กายของเราเป็นวัตถุธรรม ก็มีวัตถุเป็นอาหาร
เราต้องรับประทาน เราต้องดื่ม และก็ต้องหายใจ
เมื่อเราขาดสิ่งดังกล่าว เราก็ดำรงชีพอยู่ไม่ได้
แต่ถ้าหากเราจะมาบำรุงแต่ร่างกายให้มีกำลังเข็มแข็ง
แต่ปล่อยให้สมรรถภาพทางจิตอ่อนแอ
ความเข้มแข็งของร่างกายก็ไม่มีความหมาย
ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องฝึกจิตให้มีพลัง
พลังที่สำคัญ ก็คือความมั่นคง ได้แก่สมาธิ
รองลงมาก็คือสติสัมปชัญญะ คือความระลึกรู้พร้อม
ได้แก่ความรู้สึกสำนึกผิดชอบชั่วดี
เมื่อจิตใจของเรามีความรู้สึกสำนึกผิดชอบชั่วดี
เราเห็นผลแห่งความดีที่เราปฏิบัติธรรม
ใจของเราก็มีความปราโมทย์บันเทิงอยู่กับคุณธรรม
แสดงว่าเราไม่ได้ให้อาหารบำรุงเฉพาะร่างกายอย่างเดียว
เรายังหาคุณธรรมมาเป็นเครื่องบำรุงเลี้ยงจิตใจของเรา
ให้มีความสมบูรณ์ มีพลังงาน

จุดยืนของชาวพุทธ โดย
พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา




วิธีใช้หนี้พ่อแม่ ๑๐ วิธี โดย หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
๑. จงสร้างความดีให้กับตัวเอง และนี่ก็เป็นการใช้หนี้ตัวเอง ตัวเราพ่อให้หัวใจ แม่ให้น้ำเลือดน้ำเหลืองอยู่ในตัวแล้ว จะไปแสวงหาพ่อที่ไหน จะไปแสวงหาแม่ที่ไหน บางคนรังเกียจแม่ ว่าแก่เฒ่าไม่สวยไม่งาม พอตัวเองแก่ก็เลยถูกลูกหลานรังเกียจ จึงเป็นกงกรรมกงเกวียนยืดเยื้อกันต่อไปอีก


๒. ใครที่คุณแม่ล่วงลับไปแล้ว ก็ให้หมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่าน และถ้าจะทำบุญด้วยการเจริญกรรมฐาน แล้วอุทิศส่วนกุศลไป การทำเช่นนี้ถือว่าได้บุญมากที่สุด ทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ

๓. ผู้ใดก็ตาม ที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้กลับไปหาแม่ ไปกราบเท้าขอพรจากท่าน จะได้มั่งมีศรีสุข ส่วนคนที่เคยทำไม่ดีไว้กับท่าน ก็นำเทียนแพไปกราบขออโหสิกรรม ล้างเท้าให้ท่านด้วย เป็นการขอขมาลาโทษ

๔. ขอฝากท่านไว้ไปสอนลูกหลาน อย่าคิดไม่ดีกับพ่อแม่เลย ไม่ต้องถึงกับฆ่าหรอก แค่คิดว่าพ่อแม่เราไม่ดี จะทำมาหากินไม่ขึ้น เจ๊ง ท่านต้องแก้ปัญหาก่อนคือ ถอนคำพูด ไปขอขมาลาโทษเสีย แล้วมาเจริญกรรมฐาน รับรองสำเร็จแน่ มรรคผลเกิดแน่

๕. บางคนลืมพ่อลืมแม่ อย่าลืมนะการเถียงพ่อเถียงแม่ไม่ดี ขอบิณฑบาต สอนลูกหลานอย่าเถียงพ่อเถียงแม่ อย่าคิดไม่ดีกับพ่อกับแม่ ไม่อย่างนั้นจะก้าวหน้าได้อย่างไร ก้าวถอยหลังดำน้ำไม่โผล่

๖. คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้..คนไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรม ฯขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆ น้องๆ จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือรดเท้า
นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย เป็นหนี้บุญคุณพ่อแม่มากมาย ยังจะไปทวงนาทวงไร่ ทวงตึก มาเป็นของเราอีกหรือ ตัวเองก็พึ่งตัวเองไม่ได้ สอนตัวเองไม่ได้ เป็นคนอัปรีย์จัญไรในโลกมนุษย์ไปทวงหนี้พ่อแม่ พ่อแม่ให้แล้ว (ให้ชีวิต ให้…ให้… ให้….ฯลฯ) เรียนสำเร็จแล้ว ยังช่วยตัวเองไม่ได้ มีหนี้ติดค้าง รับรองทำมาหากินไม่ขึ้น
หนี้บุญคุณอันยิ่งใหญ่ เหลือจะนับประมาณ นั่นคือหนี้บุญคุณของบิดามารดา
ตัวอย่าง “หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง” เด็กประถม ๔ พ่อเมาเหล้า เมากัญชาเล่นการพนัน แม่เล่นหวย ปัจจุบันเป็นดอกเตอร์อยู่อเมริกา หลวงพ่อสอนครั้งเดียวจำได้ บอกวันเกิด หนูซื้อขนม ๒ ห่อ เรียกพ่อแม่มานั่งคู่กัน แล้วกราบนะลูกนะ แล้วก็บอกพ่อแม่ว่า ความผิดอันใดที่ลูกพลั้งเผลอ ด้วยกาย วาจา ใจ ที่คิดไม่ดีต่อคุณพ่อคุณแม่ ขอให้คุณพ่อคุณแม่อโหสิกรรมให้ แล้วล้างเท้าให้พ่อแม่ ลูกไม่มีสตางค์ ลูกซื้อขนมมา ๒ ห่อ ให้แม่ก่อน ๑ ห่อ เพราะอุ้มท้องมา แล้วจึงให้พ่ออีก ๑ ห่อ ลูกขอปฏิญาณตนว่า ลูกขอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ แล้วจะเป็นศิษย์ที่ดีของครูบาอาจารย์ ลูกจะไม่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง…พ่อฟังแล้วน้ำตาร่วงสร่างเมา ส่วนแม่ก็ร้องไห้เลย พ่อแม่ก็ให้สัญญากับลูกเลิกอบายมุขทั้งหมด

๗. ลูกหลานโปรดจำไว้ เมื่อแยกครอบครัวไปมีสามีภรรยาแล้ว อย่าลืมไปหาพ่อแม่ ถึงวันว่างเมื่อไรต้องไปหาพ่อแม่ ถึงวันเกิดของลูกหลาน อย่าลืมเอาของไปให้พ่อแม่รับประทาน อย่ากินเหล้า เข้าโฮเต็ล

๘. ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้เป็นมงคลนาม ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะชื่อเป็นเพียงนามสมมุติแทนตัวเรา อย่างหลวงพ่อชื่อจรัญ ปู่ตั้งให้ หมอดูบอกเป็นกาลกิณี แต่ทำไมเจริญรุ่งเรือง ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าทำดีได้ดี

๙. ของดี ของ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่าไปทำลายเลย ของพ่อแม่อย่าไปทำลายนะ หนีได้แน่นอน โยมมีกรรมฐาน มีทรัพย์ มีชื่อเสียง ความรัก บูชาทรัพย์ บูชาชื่อเสียง ความรักของพ่อแม่ได้ เงินจะไหลนองทองจะไหลมา..พ่อแม่ให้อะไรเอาไว้ก่อน อย่าไปทำลายเสีย ถึงจะเป็นถ้วยพ่อแม่ให้มา ก็ไว้เป็นที่ระลึกก็ยังดีอย่าเอาไปทิ้งขว้าง

๑๐. ถ้าต้องการเจริญก้าวหน้าขอฝากไว้ด้วย คนเรามี ๒ ก้าว จะก้าวขึ้นหรือก้าวลงดำน้ำไม่โผล่ ก้าวลงมันง่ายดี ก้าวขึ้นมันต้องยาก ของชั่วมันง่าย หลั่งไหลไปตามที่ต่ำ นี่บอกสอนลูกหลาน ต้องการจะบรรจุงานไม่ต้องไปวิ่งเต้น ดูลูกเสียก่อน กุศลเพียงพอหรือเปล่า ต้องเพิ่มกุศล ตัวอย่างเรียนจบครู สวดมนตร์เข้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นครู ทำงานธนาคารก็ได้ บริษัทก็ได้เดี๋ยวมีคนรับ บางรายทั้งสอบทั้งสมัครหลายแห่งไม่เคยเรียกเลย อาตมาให้นั่งกรรมฐาน พอ ๗ วันผ่านไปพวกมาตามให้เข้าไปทำงานแล้ว



การปฏิบัติธรรม
ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไหน
ในเมื่อกายยาว ๑ วา หนา ๑ คืบ นี้แล
เป็นตัวธรรม เป็นตัวโลก
เป็นที่เกิดแห่งธรรม
เป็นที่ดับแห่งธรรม
เป็นที่ที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ได้อาศัยบัญญัติไว้ซึ่งธรรมทั้งปวง
แม้ใครใคร่จะปฏิบัติธรรม
ก็ต้องปฏิบัติที่กายและใจนี้
หาได้ปฏิบัติที่อื่นไม่
ดังนั้น ถ้าตั้งใจจริงแล้ว
นั่งอยู่ที่ไหน ธรรมก็เกิดที่ตรงนั้น
นอนอยู่ที่ไหน
ยืนอยู่ที่ไหน
เดินอยู่ที่ไหน
ธรรมก็เกิดที่ตรงนั้น


หลวงปู่ดูลย์ อตุโล




จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้ง เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิต เป็นนิโรธ


จิตปรุงกิเลส คือ การที่จิตบังคับให้กาย วาจา ใจ กระทําสิ่งภายนอก ให้มี ให้เป็น ให้เลว ให้เกิดวิบากได้ แล้วยึดติดอยู่ว่า นั่นเป็นตัว นั่นเป็นตน ของเรา ของเขา, กิเลสปรุงจิต คือการที่สิ่งภายนอกเข้ามาทําให้จิตเป็นไปตามอํานาจของมัน แล้วยึดว่ามีตัว มีตนอยู่ สําคัญผิดจากความเป็นจริงอยู่รํ่าไป...

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล




...ถ้าเรารู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไรนะ...
...คือจุดตั้งต้นเลย...
เรามีความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธเจ้า
รู้สึกคำสอนของท่านสมบูรณ์ด้วยเหตุผล
สำนวนบาลีบอกว่าบริบูรณ์ด้วยอรรถะและพยัญชนะ
อรรถะคือเนื้อหา
พยัญชนะคือถ้อยคำที่ถ่ายทอดสมบูรณ์
เราเห็นด้วยตัวเอง
ธรรมะของท่านไม่มีอะไรต้าน
ธรรมะของพระพุทธเจ้า
มีแต่คำว่า..เหตุกับผล..
..เหตุกับผล..
มีเหตุอย่างนี้ มีผลอย่างนี้
มีเหตุอย่างนี้ มีผลอย่างนี้
มีตัณหา ก็มีผลเป็นความทุกข์
เหตุอย่างนี้ คือตัณหา
มีผลอย่างนี้ คือความทุกข์
การเจริญมรรค มีผลอย่างนี้
...คืออริยผล...
มีเหตุ มีผล
มีเหตุ มีผล
ทั้งฝ่ายที่อยู่กับโลก
ทั้งฝ่ายที่จะพ้นจากโลก
เมื่อเข้าใจในธรรมจักร
เข้าใจในอริยสัจแล้ว
มันไม่หมุนกลับ
คือไม่หมุนกลับไปเป็นมิจฉาทิฏิฐิอีก
งั้นท่านจะมีสำนวน
เมื่อพระพุทธเจ้าท่านหมุนกงล้อธรรมจักรแล้วเนี่ย
...ไม่มีใครต้านทานได้...
ต้านทานไม่ได้คือ คนที่เห็นธรรมจักรต้านทานไม่ได้
คือมอบกายถวายชีวิตให้พระพุทธเจ้าได้จริง ๆ
รู้ว่าพระพุทธเจ้ามีจริง
พระธรรมเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้นมีจริง
พระอริยสงฆ์มีจริง
...ไม่ต้องฝัน ไม่ต้องคิด...


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
พระธรรมเทศนาก่อนฉันเช้า
๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๗
ณ สวนสันติธรรม



ละความเพลิน จิตหลุดพ้น
สมฺมา ปสฺสํ นิพฺพินฺทติ
เมื่อเห็นอยู่โดยถูกต้อง ย่อมเบื่อหน่าย
นนฺทิกฺขยา ราคกฺขโย
เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิ จึงมีความสิ้นไปแห่งราคะ
ราคกฺขยา นนฺทิกฺขโย
เพราะความสิ้นไปแห่งราคะ จึงมีความสิ้นไปแห่งนันทิ
นนฺทิราคกฺขยา จิตฺตํ สุวิมุตฺตนฺติ วุจฺจตีติ
เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิและราคะ
กล่าวได้ว่า “จิตหลุดพ้นแล้วด้วยดี” ดังนี้.
สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๙/๒๔๕-๖.


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO