นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 29 เม.ย. 2024 11:54 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: คิหิสุข
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 18 ธ.ค. 2013 4:36 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
ยถา วาริวหา ปูรา ปริปูเรนฺติ สาครํ
เอวเมว อิโต ทินฺนํ เปตานํ อุปกปฺปติ.
ห้วงน้ำที่เต็ม ย่อมยังสาครให้เต็มได้ฉันใด, ทานที่ให้แต่โลกนี้
ย่อมสำเร็จแก่ผู้ละไปแล้วฉันนั้น.


อานิสงค์ของการสวดมนต์ (ประโยชน์ของการสวดมนต์)
๑. ตัดความเห็นแก่ตัว เพราะขณะสวดมนต์จิตจะจดจ่ออยู่กับการสวดมนต์ ไม่ได้คิดถึงตัวเอง ดังนั้น กิเลส โลภ โกรธ หลง และความเห็นแก่ตัว จะไม่เข้ามารบกวนจิต
๒. ได้ปัญญา เมื่อสวดมนต์และแปลความหมายของบทสวดมนต์นั้นทำให้เราได้ทราบความหมาย ดังนั้นจึงเกิดปัญญา
๓. จิตเป็นสมาธิ ผู้สวดจะต้องสำรวมใจให้แน่วแน่ เมื่อจิตสงบเป็นสมาธิความสงบเยือกเย็นในจิตจะเกิดขึ้น
๔. ขจัดความเกียจคร้าน ขณะที่สวดมนต์ จิตใจของผู้สวดจะสดใส เบิกบาน ความเกียจคร้านเชื่องซึมจะหายไป
๕. เป็นการปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้า ด้วยความระลึกถึงพระคุณความดีของพระพุทธองค์ ด้วยศีล สมาธิ ปัญญาอย่างแท้จริง

สุขกามานิ ภูตานิ โย ทณฺเฑน วิหึสติ
อตฺตโน สุขเมสาโน เปจฺจ โส น ลภเต สุขํ.
สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการความสุข ผุ้ใดแสวงหาสุขเพื่อตน เบียด
เบียนเขาด้วยอาชญา ผู้นั้นละไปแล้ว ย่อมไม่ได้สุข.


อกุศลมูล คือรากเหง้าของความชั่วทั้งปวง
1.โลภะ ความอยากได้
2.โทสะ ความคิดประทุษร้าย
3.โมหะ ความหลงไม่รู้จริง
คือ มูลเหตุอันสำคัญแห่งประพฤติกรรมชั่ว
หรือ รากเหง้าของบาปทุจริต 3 อย่างคือ
1 โลภะ อยากได้ เห็นแก่ตัว รู้อำนาจ ดินรนเพื่อมีสิทธิเหนือสิ่งของผู้อื่น
2 โทสะ คิดประทุษร้ายเขา จิตเดือดพล่าน โหดร้าย
..หมายประหารผู้อื่นให้ถึงเจ็บและตาย
3 โมหะ หลงไม่รู้จริง หลงผิด ไม่รู้แจ้งเห็นจริงตามข้อมูลและข้อเท็จ


คิดสิ่งใดก็ไม่คิด เพื่อที่จะเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
เขียนสิ่งใดก็ไม่เขียน เพื่อที่จะเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
พูดสิ่งใดก็ไม่พูด เพื่อที่จะเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
ทำสิ่งใดก็ไม่ทำ เพื่อที่จะเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
รู้ใหม..กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ธรรมฝ่ายอกุศล....
รูปภาพ : คิดสิ่งใดก็ไม่คิด เพื่อที่จะเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
เขียนสิ่งใดก็ไม่เขียน เพื่อที่จะเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
พูดสิ่งใดก็ไม่พูด เพื่อที่จะเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
ทำสิ่งใดก็ไม่ทำ เพื่อที่จะเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
รู้ใหม..กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ธรรมฝ่ายอกุศล.


คิหิสุขคืออะไร
คิหิสุข คือ ความสุขของคฤหัสถ์ หรือชาวบ้านผู้มีครอบครัว เกิดจากกรรมฝ่ายกุศล และจัดอยู่ใน นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ) เช่นเดียวกับสุข ๒ ที่ได้เรียนมาแล้วข้างต้น แต่คิหิสุข มีความหมายแคบกว่าสุข ๒ กล่าวคือ คิหิสุข เป็นความสุขของผู้ครองเรือน เป็นเครื่องวัดความสำเร็จในการครองเรือน ความน่าเคารพนับถือ เป็นแบบฉบับของผู้มีครอบครัวที่ดำเนินชีวิตตามแนวพุทธจนได้รับความสำเร็จ ส่วนสุข ๒ เป็นความสุขกาย สุขใจของบุคคลทั่วไปผู้ดำเนินชีวิตตามหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

คิหิสุข ๔ คือ
อัตถิสุข “ความสุขเกิดจากการมีทรัพย์” เป็นอย่างไร ความสุขเกิดจากการมีทรัพย์ คือ ความภูมิใจ ความเอิบอิ่มใจว่าตนมีโภคทรัพย์ที่ได้มาโดยชอบธรรม ด้วยน้ำพักน้ำแรง ด้วยความขยันหมั่นเพียรของตนเอง และมีความอุ่นใจว่า จะไม่ขาดแคลนสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิต
โภคสุข “ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์” เป็นอย่างไร ความสุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์ คือความภูมิใจ เอิบอิ่มใจว่าตนได้ใช้ทรัพย์ที่หามาโดยชอบนั้นให้เป็นไปในทางที่ชอบที่ควร คือ ใช้เลี้ยงตัว เลี้ยงครอบครัว เลี้ยงผู้ที่ควรเลี้ยง และได้บำเพ็ญคุณประโยชน์
อนณสุข “ความสุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้” เป็นอย่างไร ความสุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจว่าตนเป็นไท ไม่มีหนี้สินติดค้างใคร
อนวัชชสุข “ความสุขเกิดจากความประพฤติไม่มีโทษ” เป็นอย่างไร ความสุขเกิดจากความประพฤติไม่มีโทษ คือ ความภูมิใจ เอิบอิ่มใจว่าตนมีความประพฤติสุจริต ไม่บกพร่องเสียหายทั้งทางกาย วาจา และใจ



ความสุขคืออะไร
ความสุข คือ ความสบายกายสบายใจ เป็นสิ่งที่คนเราต้องการมากที่สุด ตรงกันข้ามกับความทุกข์ที่ไม่มีใครต้องการ แต่ทำไมคนเราจึงยังมีทั้งความสุขและความทุกข์ คือ มีสุขบ้าง ทุกข์บ้างคละเคล้ากันไป ต่างแต่บางคนมีสุขมากกว่าทุกข์ บางคนมีทุกข์มากกว่าสุข ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักสุขและทุกข์ และเหตุเกิดแห่งสุขและทุกข์ได้เป็นอย่างดี ก็จะตอบคำถามนี้ได้อย่างมีเหตุผล
ก่อนอื่น ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า ตามหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา ความสุขและความทุกข์ของมนุษย์ เกิดจากการกระทำของมนุษย์เอง ที่เรียกว่าเป็น กรรมลิขิต คือ เป็นไปตามกรรมของแต่ละคน ไม่ใช่เกิดจากการอ้อนวอน หรือ การบันดาลของเทพเจ้าที่เรียกว่า พรหมลิขิต
ความสุข เกิดจากกรรมฝ่ายกุศล ตรงข้ามกับความทุกข์ที่เกิดจากกรรมฝ่ายอกุศล เช่น อบายมุข ๖ ที่กล่าวมาแล้ว ความสุขจัดอยู่ใน นิโรธ (ธรรมที่ควรบรรลุ) ส่วนความทุกข์จัดอยู่ใน ทุกข์ (ธรรมที่ควรรู้) ในอริยสัจ ๔ การเรียนรู้เรื่องทุกข์ ก็เพื่อให้รู้จักตัวทุกข์และเหตุเกิดแห่งทุกข์ ซึ่งได้แก่ ตัณหา (ความอยาก) และละที่ต้นเหตุนั้นให้ได้ ในทำนองเดียวกัน การเรียนรู้เรื่องสุขและเหตุเกิดแห่งสุข ก็เพื่อให้รู้จักตัวสุข และเหตุเกิดแห่งสุข แล้วนำมาปฏิบัติเพื่อให้ได้สุขนั้นมา



..ดูก่อนสุชาดา ภรรยาของบุรุษ ๗ จำพวกนี้... คือ ภรรยาเสมอด้วยเพชฌฆาต ๑ ภรรยาเสมอด้วยโจร ๑ ภรรยาเสมอด้วยนาย ๑ ภรรยาเสมอด้วยแม่ ๑ ภรรยาเสมอด้วยพี่สาวน้องสาว ๑ ภรรยาเสมอด้วยเพื่อน ๑ ภรรยาเสมอด้วยทาสี ๑

ปัญหา ที่ว่าภรรยาเสมอด้วยเพชฌฆาตนั้น เป็นอย่างไร?
พุทธดำรัสตอบ “.....ภรรยาผู้มีจิตประทุษร้าย ไม่อนุเคราะห์ด้วยประโยชน์เกื้อกูล ยินดีในชายอื่น ดูหมิ่นสามี เป็นผู้อันเขาซื้อมาด้วยทรัพย์ พยายามจะฆ่าผัว ภรรยาของบุรุษเห็นปานนี้เรียกว่าวธกาภริยา ภรรยาผู้เสมอด้วยเพชฌฆาต”

ปัญหา ที่ว่าภรรยาเสมอด้วยโจร นั้น มีลักษณะอย่างไร?
พุทธดำรัสตอบ “.....สามีของหญิงประกอบด้วยศิลปกรรม พาณิชยกรรม และกสิกรรม ได้ทรัพย์ใดมา ภรรยาปรารถนาจะยักยอกทรัพย์แม้มีอยู่น้อยนั้นเสีย ภรรยาของบุรุษเห็นปานนี้เรียกว่าโจรภริยา ภรรยาผู้เสมอด้วยโจร”

ปัญหา ที่ว่าภรรยาเสมอด้วยนายนั้น มีลักษณะอย่างไร?
พุทธดำรัสตอบ “.....ภรรยาที่ไม่สนใจการงาน เกียจร้าน กินมาก ปากร้าย ปากกล้า ร้ายกาจ กล่าวคำหยาบข่มขี่สามีผู้ขยันขันแข็ง ภรรยาของบุรุษเห็นปานนี้เรียกว่าอัยยภริยา ภรรยาผู้เสมอด้วยนาย”

ปัญหา ที่ว่าภรรยาเสมอด้วยแม่นั้น มีลักษณะอย่างไร?
พุทธดำรัสตอบ “.....ภรรยาใดอนุเคราะห์ด้วยประโยชน์เกื้อกูลทุกเมื่อ ตามรักษาสามีเหมือนมารดารักษาบุตร รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ไว้ ภรรยาของบุรุษเห็นปานนี้เรียกว่ามาตาภริยา ภรรยาผู้เสมอด้วยแม่”

ปัญหา ที่ว่าภรรยาเสมอด้วยพี่สาวน้องสาวนั้น มีลักษณะอย่างไร ?
พุทธดำรัสตอบ “.....ภรรยาที่เป็นเหมือนพี่สาวน้องสาว มีความเคารพในสามีของตน เป็นคนละอายาบาป เป็นไปตามอำนาจสามี ภรรยาของบุรุษเห็นปานนี้เรียกว่าภคินีภริยา ภรรยาผู้เสมอด้วยพี่สาวน้องสาว”

ปัญหา ที่ว่าภรรยาเสมอด้วยเพื่อนนั้น มีลักษณะอย่างไร?
พุทธดำรัสตอบ “.....ภรรยาใดในโลกนี้ เห็นสามีและชื่นชมยินดีเหมือนเพื่อนผู้จากไปนานแล้วกลับมา เป็นหญิงมีตระกูล มีศีล มีวัตร ปฏิบัติสามี ภรรยาของบุรุษเห็นปานนี้เรียกว่าสขีภริยา ภรรยาผู้เสมอด้วยเพื่อน”

ปัญหา ที่ว่าภรรยาเสมอด้วยทาสีนั้น มีลักษณะอย่างไร?
พุทธดำรัสตอบ “.....ภรรยาสามีเฆี่ยนตี ขู่ตะคอก ก็ไม่โกรธ ไม่คิดพิโรธโกรธตอบสามี อดทนได้ เป็นไปตามอำนาจสามี ภรรยาของบุรุษเห็นปานนี้เรียกว่าทาสีภริยา ภรรยาผู้เสมอด้วยทาสี”





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


มูลนิธิโพธิวัณณา ขอเชิญทอดผ้าป่าไฟฟ้าครั้งที่ 2 และร่วมสร้างอาคารปฏิบัติธรรม
083-028-5767


ขอเชิญร่วมหล่อพระ ณ วัดหัวไผ่ ต.บางพลวง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ในวันที่ 28-31 ธ.ค.56


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO