นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน จันทร์ 29 เม.ย. 2024 6:48 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: วัจนะ
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 18 ก.ย. 2013 6:53 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4543
พุทธวจนะ หมายถึง พระดำรัส(คำพูด)ของพระพุทธเจ้า เมื่อกล่าวโดยประมวลแล้ว

พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงทั้งหมดตลอด ๔๕ พรรษา เป็นพระพุทธพจน์ ซึ่งเมื่อ

รวบรวมประมวลแล้ว ก็อยู่ในพระไตรปิฎก คือ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระ

อภิธรรมปิฎก เมื่อกล่าวให้ย่อที่สุดแล้ว เป็นพระธรรมวินัย ส่วนพระธรรมเทศนา ที่

แสดงถึงอดีตประวัติของพระองค์และพระสาวกทั้งหลาย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงใน

อดีต อยู่ในส่วนของพระสุตตันตปิฎก


มฤตยู ย่อมพานรชน ผู้มัวเมาในบุตร

และสัตว์เลี้ยง มีใจฟุ้งซ่านไป เหมือนกระแสน้ำ

หลากขนาดใหญ่ พัดพาชาวบ้านที่มัวหลับใหลไปฉะนั้น.

" น้ำในมหาสมุทร ทั้ง ๔ มีประมาณน้อย น้ำตาของสัตว์

ผู้ถูกทุกข์ครอบงำ แล้วเศร้าโศก มีมิใช่น้อย มากกว่าน้ำในมหาสมุทรนั้น

เพราะเหตุใดเล่าเธอจึงประมาทอยู่."

พระกีสาโคตมีเถรี กล่าวว่า

เฉพาะโลก พระมุนี ทรงสรรเสริญความเป็น

ผู้มี กัลยาณมิตร คนเมื่อคบกัลยาณมิตร แม้เป็นพาล ก็

พึงเป็นบัณฑิตได้บ้าง.

ควรคบแต่สัตบุรุษคนดี คนคบสัตบุรุษ ปัญญา

ย่อมเจริญได้เหมือนกัน คนคบสัตบุรุษจะพึงพ้นจากทุกข์

ได้ทุกอย่าง.

บุคคลพึงรู้จักอริยสัจจ์แม้ทั้ง ๔ คือ ทุกข์ ทุกข-

สมุทัย ทุกขนิโรธ และมรรคมีองค์ ๘.



ยักษิณีตนหนึ่ง กล่าวตำหนิความเป็นหญิงไว้ว่า

พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงฝึกคนที่ควรฝึก ตรัส

ว่าความเป็นหญิง เป็นทุกข์ แม้การเป็นหญิงร่วมสามี

ก็เป็นทุกข์ หญิงบางพวกย่อมคลอดครั้งเดียว บางพวก

ก็เชือดคอตนเอง บางพวกที่เป็นสุขุมาลชาติละเอียด

อ่อน ทนทุกข์ไม่ได้ก็กินยาพิษ สัตว์ในครรภ์และหญิง

ผู้มีครรภ์ ย่อมประสบความพินาศย่อยยับทั้งสองคน



พระปฏาจาราเถรี กล่าวว่า

ข้าพเจ้า มีครรภ์แก่ใกล้คลอด เดินทางไปยังไม่

ทันถึงเรือนตน ก็คลอดบุตรที่ระหว่างทาง พบสามีตาย

บุตรทั้งสองก็ตาย สามีก็ตายเสียที่ทางเปลี่ยว ข้าพเจ้า

กลายเป็นคนยากไร้ มารดาบิดาและพี่ชาย ถูกเผาบน

เชิงตะกอนเดียวกัน



พระกีสาโคตมีเถรี กล่าวว่า

เจ้า เมื่อตระกูลเสื่อมแล้ว ตกเป็นคนยาก

ไร้ ต้องเสวยทุกข์หาประมาณมิได้ น้ำตาของเจ้าไหล

ตลอดมาหลายพันชาติ.

ข้าพเจ้า เห็นเจ้าอยู่ท่ามกลางป่าช้า แม้

เนื้อบุตรก็ต้องเคี้ยวกิน ข้าพเจ้ามีตระกูลเสื่อมแล้ว สามี

ก็ตายแล้ว ถูกคนทั้งปวงติเตียนแล้ว ก็ได้บรรลุอมต-

ธรรม.
อริยมรรคมีองค์ ๘ อันให้ถึงอมตธรรม

ข้าพเจ้าก็อบรมแล้ว แม้พระนิพพานก็กระทำให้แจ้งแล้ว

ข้าพเจ้าได้พบกระจกธรรมแล้ว.

ข้าพเจ้า ตัดความโศกศัลย์ได้แล้ว ปลง

ภาระแล้ว กระทำกรณียะเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าชื่อกิสาโคตมี

เถรี ผู้มีจิตหลุดพ้นแล้ว กล่าวคำนี้ไว้.

ใน เอกาทสนิบาต คาถาว่า กลฺยาณมิตฺตตา เป็นต้น เป็น

คาถาของ พระกีสาโคตมีเถรี มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้. -

ได้ยินว่า พระเถรีรูปนี้ ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า

ปทุมุตตระ ก็บังเกิดในเรือนสกุลกรุงหังสวดี รู้เดียงสาแล้ว วันหนึ่ง

ฟังธรรมในสำนักพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูป

หนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นเลิศของเหล่าภิกษุณีผู้ทรงจีวรเศร้า-

หมอง ก็สร้างสมกุศลให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น. นางท่อง

เที่ยวอยู่ในเทวดาและมนุษย์ถึงแสนกัปป์ ในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็บังเกิด

ในสกุลเข็ญใจ ในกรุงสาวัตถี ชื่อของนางมีว่า โคตมี

แต่เพราะตัวผอม เขาจึงเรียกว่า กีสาโคตมี. นางไปมีสามี

บิดามารดาและญาติดูหมิ่นว่า เป็นลูกสาวของสกุลเข็ญใจ นางคลอด

ลูกชายออกมาคนหนึ่ง เพราะได้ลูกชาย บิดามารดาและญาติ ก็

ทำสัมมานะยกย่องนาง แต่ลูกชายของนางก็ตายเสียขณะที่วิ่งเล่น

ได้ ด้วยเหตุนั้น นางจึงเกิดบ้าเพราะความเศร้าโศก.

นางคิดว่า เมื่อก่อนเราถูกดูหมิ่น นับตั้งแต่ลูกชายเราเกิดก็

ได้รับยกย่อง คนเหล่านี้พยายามจะทิ้งลูกชายเราไว้ข้างนอก จึงอุ้มร่าง

ลูกชายที่ตายแล้วไป โดยความบ้า เพราะความเศร้าโศก ตระเวนไป

ในนคร ตามลำดับประตูเรือน โดยกล่าวขอร้องว่า ขอท่านโปรด

ให้ยาแก่ลูกชายของฉันด้วยเถิด

ผู้คนทั้งหลายบริภาษด่าว่า จะเอายาแก้ตายมาแต่ไหน นาง

ก็ไม่เชื่อคำของคนเหล่านั้น, ครั้งนั้น ชายบัณฑิตผู้หนึ่ง คิดว่า หญิง

คนนี้จิตฟุ้งซ่านเป็นบ้า เพราะโศกเศร้าถึงลูกชาย

พระทศพลเท่านั้นคงจักทรงรู้จักยาสำหรับหญิงคนนี้ จึงกล่าว

ว่า แม่คุณ ไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วทูลถามถึงยาสำหรับลูก

ชายของเธอดูสิ, นางไปพระวิหาร ในเวลาเป็นที่แสดงธรรมของพระ

ศาสดา

กราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระองค์โปรดทรง

ประทานยาสำหรับ ลูกชายของข้าพระองค์ด้วยเถิด. พระศาสดาทรง

เห็นอุปนิสัยของนาง จึงตรัสว่า ไปสิ เธอเข้าไปยังพระนคร เรือน

หลังใดไม่เคยมีคนตาย จงนำเมล็ดผักกาดจากเรือนหลังนั้นมา. นาง

รับพระพุทธดำรัสว่า ดีละ พระเจ้าข้า ดีใจก็เข้าพระนครไปในเรือนหลัง

แรก พูดว่า พระศาสดาโปรดให้ฉันนำเมล็ดผักกาดไปเพื่อทำยาสำหรับ

ลูกชายของฉัน ถ้าในเรือนหลังนี้ ไม่เคยมีใครๆ ตาย โปรดให้เมล็ด

ผักกาดแก่ฉันด้วยเถิด.

คนในเรือนหลังนั้น กล่าวว่า ใครเล่าจะสามารถนับคนที่ตาย

ไปแล้ว ในเรือนหลังนี้ได้.

นางไปเรือนหลังที่สอง ที่สาม ด้วยพุทธานุภาพ ก็หายบ้า

อยู่ในปกติจิต จึงคิดว่า จะประโยชน์อะไร ด้วยเมล็ดผักกาดนั้น พอ

กันที สำหรับเมล็ดผักกาดในที่นี้. นางคิดว่า ธรรมเนียมนี้นี่แหละ คง

จักมีทั่วพระนคร ความจริงนี้ คงจักเป็นข้อที่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรง

อนุเคราะห์ด้วยหวังดี ทรงเห็นแล้ว ก็ได้ความสลดใจจากที่นั้น ก็ออก

ไปข้างนอก ทิ้งลูกชายที่ป่าช้าผีดิบ กล่าวคาถานี้ว่า



ธรรม คือ อนิจจตา ความไม่เที่ยง มิใช่เป็นธรรม

ของชาวบ้าน มิใช่ของชาวนิคมและมิใช่ของตระ-

กูลหนึ่ง หากแต่เป็นธรรมของชาวโลกทั้งหมด

รวมทั้งเทวโลกด้วย.



ก็แลนางครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว ก็ไปเฝ้าพระศาสดา. พระ

ศาสดาตรัสถามนางว่า โคตมี เธอได้เมล็ดผักกาดมาแล้วหรือ.

นางกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กิจด้วยเมล็ดผักกาด

เสร็จแล้ว พระเจ้าข้า ขอพระองค์ ทรงโปรดเป็นที่พึ่งของข้าพระองค์

ด้วยเถิด. ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสพระคาถาแก่นางว่า



มฤตยู ย่อมพานรชน ผู้มัวเมาในบุตร

และสัตว์เลี้ยง มีใจฟุ้งซ่านไป เหมือนกระแสน้ำ

หลากขนาดใหญ่ พัดพาชาวบ้านที่มัวหลับใหลไป

ฉะนั้น.



จบพระคาถา นางก็ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล ตามอาการที่ยืน

อยู่ ทูลขอบรรพชากะพระศาสดา.

พระศาสดาทรงอนุญาตให้บรรพชาในสำนักของภิกษุณี นาง

ถวายบังคมพระศาสดา ทำประทักษิณเวียนขวา ๓ รอบ แล้วไปสำนัก

ภิกษุณี บรรพชาอุปสมบทแล้ว ไม่นานนัก ทำโยนิโสมนสิการ เจริญ

วิปัสสนา ครั้งนั้น พระศาสดาตรัสพระคาถาประกอบด้วยโอภาสแก่

นางดังนี้ว่า



ผู้เห็นอมตบท มีชีวิตอยู่วันเดียว ยัง

ประเสริฐกว่าผู้ไม่เห็นอมตบท มีชีวิตอยู่ถึง ๑๐๐ ปี.



จบพระคาถา นางก็บรรลุพระอรหัต ในการใช้สอยบริขารก็อุกฤษฏ์

อย่างยิ่ง ครองแต่จีวรที่ประกอบด้วยความเศร้าหมอง ๓ อย่าง. ครั้ง

นั้น พระศาสดาประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร กำลังทรงสถาปนา

พระภิกษุณีทั้งหลายไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะตามลำดับ ก็ทรงสถาปนา

พระเถรีไว้ ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศของเหล่าภิกษุณีผู้ทรงจีวร

เศร้าหมอง.

พระเถรีนั้นพิจารณาการปฏิบัติของตน คิดว่า เราอาศัยพระ

ศาสดาจึงให้คุณวิเศษนี้ ได้กล่าวคาถาเหล่านั้นโดยมุข คือ การสรร-

เสริญกัลยาณมิตรว่า



เฉพาะโลก พระมุนี ทรงสรรเสริญความเป็น

ผู้มีกัลยาณมิตร คนเมื่อคบกัลยาณมิตร แม้เป็น

พาลก็พึงเป็นบัณฑิตได้บ้าง.

ควรคบแต่สัตบุรุษคนดี คนคบสัตบุรุษ

ปัญญาย่อมเจริญได้เหมือนกัน คนคบสัตบุรุษจะ

พึงพ้นจากทุกข์ได้ทุกอย่าง.

บุคคลพึงรู้จักอริยสัจจ์ แม้ทั้ง ๔ คือ ทุกข์

ทุกขสมุทัย ทุกขนิโรธ และมรรคมีองค์ ๘.





ยักษิณีตนหนึ่งกล่าวตำหนิความเป็นหญิงไว้ว่า

พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ทรงฝึกคนที่ควรฝึก

ตรัสว่า ความเป็นหญิง เป็นทุกข์ แม้การเป็นหญิง

ร่วมสามี ก็เป็นทุกข์ หญิงบางพวกย่อมคลอดครั้ง

เดียว บางพวกก็เชือดคอตนเอง บางพวกที่เป็น

สุขุมาลชาติละเอียดอ่อน ทนทุกข์ไม่ได้ก็กินยาพิษ

สัตว์ในครรภ์และหญิงผู้มีครรภ์ ย่อมประสบความ

พินาศย่อยยับทั้งสองคน



พระปฏาจาราเถรี กล่าวว่า

ข้าพเจ้า มีครรภ์แก่ใกล้คลอด เดินทาง

ไปยังไม่ทันถึงเรือนตน ก็คลอดบุตรที่ระหว่างทาง

พบสามีตาย บุตรทั้งสองก็ตาย สามีก็ตายเสียที่

ทางเปลี่ยว ข้าพเจ้ากลายเป็นคนยากไร้ มารดา

บิดาและพี่ชาย ถูกเผาบนเชิงตะกอนเดียวกัน



พระกีสาโคตมีเถรี กล่าวว่า

เจ้า เมื่อตระกูลเสื่อมแล้ว ตกเป็น

คนยากไร้ ต้องเสวยทุกข์หาประมาณมิได้ น้ำตา

ของเจ้าไหลตลอดมาหลายพันชาติ.

ข้าพเจ้า เห็นเจ้าอยู่ท่ามกลางป่าช้า

แม้เนื้อบุตรก็ต้องกิน ข้าพเจ้ามีตระกูลเสื่อมแล้ว

สามีตายแล้ว ถูกคนทั้งปวงติเตียนแล้ว ก็ได้บรรลุ

อมตธรรม. อริยมรรคมีองค์ ๘ อันให้ถึงอมต-

ธรรม ข้าพเจ้าก็อบรมแล้ว แม้พระนิพพานก็

กระทำให้แจ้งแล้ว ข้าพเจ้าได้พบกระจกธรรมแล้ว

.......ฯลฯ.....




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO