นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 4:00 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 12 ก.ค. 2013 4:57 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4546
อภิวาทนสีลิสฺส นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน
จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ ฯ

แปลโดยพยัญชนะ
ธมฺมา อ.ธรรม ท. จตฺตาโร สี่ อายุ อ.อายุ วณฺโณ อ.วรรณะ สุขํ อ.ความสุข พลํ อ.กำลัง วฑฺฒนฺติ ย่อมเจริญ (ปุคฺคลสฺส) แก่บุคคล อภิวาทนสีลิสฺส ผู้กราบไหว้เป็นปกติ วุฑฺฒาปจายิโน ผู้อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ นิฺจจํ เป็นนิตย์ ฯ


จิตที่คิดจะให้มันจะเบา
จิตที่คิดจะเอามันจะหนัก
ทำดีกับใครจงลืม
ใครทำดีกับเราจงจำ
เมื่อมีจิตใจดีแผ่เมตตาให้คนอื่น
ความมีความสุขไม่ต้องรอให้ใครแผ่เมตตาให้เรา เพราะความสุขเริ่มจากตัวเรา
จิตเราก่อน

ธรรมมะที่ หลวงพ่อโอภาสี แนะนำสั่งสอน ท่านจะเน้นให้ตัดทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ปล่อยวาง อย่ายึดถือ โดยเฉพาะศัตรูสำคัญคือขันธ์ ๕ ให้พิจารณาแยกออกเป็นธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้เห็นแจ้งชัด ละอุปาทานที่มีอยู่ เมื่อพิจารณาเห็นจริงดังกล่าวแล้ว ความโลภ ความโกรธ ความหลง ที่มีอยู่จะเบาบางไป สัจจะคือความจริง ได้แก่อนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความเป็นทุกข์ และอนัตตา ความไม่มีตัวตนก็จะปรากฏขึ้น หลวงปู่จึงสอนศิษย์ยานุศิษย์ จะต้องปฏิบัติตนให้อยู่ในศีล ในธรรม โดยเฉพาะศีล 5 นั้น... ต้องถือให้ได้ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ”
และให้รู้จักเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม



เรานี่ก็หลงกันเพียงเปลือกหนังที่ห่อหุ้มเท่­านั้นเอง เหมือนขยะเน่าเสียในบ้านเราใส่ถุงดำก็ไม่ช­อบ ใส่ถุงขาวลายดอกไม้ ลายคิกขุ ก็หลงชอบโดยไม่เห็นสาระแท้ๆของมันว่าไม่ได­้มีอะไรเลย เสื่อมสลายไปตามกาลเวลาเป็นอนิจจัง
(การหึงหวงก็ทำให้เป็นทุกข์)
ทุกข์เพราะอยากให้เขารักเราคนเดียว
ทุกข์เพราะกลัวเขานอกใจไปรักคนอื่น
ทุกข์เพราะเราไปยึดว่าเขาต้องเป็นของเรา
ทั้งๆที่ตัวเราของเรายังไม่ใช่ของเราเลย
นับประสาอะไรกับคนอื่น.........


"อนิจจา กรรมบินมา เหมือนมีปีก
กรรมเก่าหลีก กรรมใหม่ผลัด ผลัดเปลี่ยนผล
กรรมเก่าให้ ได้รับสุข ทุกข์ระคน
ทุกๆคน หนีไม่พ้น ผลกรรมเอย



“ลีลาวดี ดอกนี้ ช่างหอมนัก
บัวเก็บรัก ที่ระทม และขมขื่น
แล้วสลัด ทิ้งลั่นทม เพื่อชมชื่น
ตื่นรู้ตื่น เบิกบาน ในสารธรรม”


เราจะฝึกเป็นนักพายเรือที่เก่ง
เราจะไปโทษว่าคลื่นมันใหญ่ไม่ได้ โทษว่าคลื่นมัน
ใหญ่จึงทำให้เรือเราคว่ำ ถ้าโทษอย่างนั้นเราจะ
เป็นนักพายเรือที่เก่งไม่ได้ เราอยาก
เป็นนักปฏิบัติธรรมที่เก่ง เลิกดูว่าข้างนอกผิด
เลิกคิดว่าคนอื่นผิด เลิกคิดว่าสภาพแว...ดล้อม
ทั้งหลายผิด ต้องคิดว่าเราผิด เราผิดที่ทนไม่ได้
อย่าไปโทษว่าคลื่นมันใหญ่
ต้องโทษว่าเราคัดท้ายไม่เก่ง อันนี้เราถึงจะ
เป็นนักพายเรือที่เก่งได้
ถ้ามัวแต่ไปโทษข้างนอกจะไม่เก่ง
โทษฟ้าโทษดินไปเรื่อยจะไม่พัฒนา

อย่ายึดมั่นอะไรเป็นจริงเป็นจัง เพราะโลกนี้
ไม่มีอะไรจริงจัง สักแต่ว่าดูมัน เกิดเกิด ดับดับ


ความทุกข์หรือความเครียดของคนเราไม่
ใช่น้อยที่เกิดจากความยึดมั่นถือมั่น บางคนแม้
จะตายแล้ว ก็ยังไม่ยอมปล่อยวาง
ชีวิตมีแต่หนักอึ้ง เพราะแบกแต่ภาระการงาน
และยึดมั่นเอาไว้



คนสมัยนี้คิดเก่ง แต่หยุดความคิดไม่ได้ อยู่ท่ามกลางคนหมู่มากอาจจะรู้สึกวุ่นวาย ครั้งมาอยู่กับตัวเองก็อยู่ไม่ได้ เพราะใจฟุ้งมาก, ถ้าเราสามารถเข้าถึงความสงบภายในใจ จากการที่จิตมีสมาธิรู้จักปล่อยวางความคิด เราก็จะอยู่กับตัวเองได้ จะเป็นมิตรกับตัวเองได้
อยู่นิ่ง ๆ ก็มีความสุข เพราะเราสามารถพบความสุขภายใน !

" การปฏิบัติให้มุ่งปฏิบัติเพื่อสํารวม
เพื่อความละ เพื่อคลายความกําหนัดยินดี
เพื่อความดับทุกข์ ไม่ใช่เพื่อเห็นสวรรค์วิมาน
หรือแม้พระนิพพานก็ไม่ต้องตั้งเป้า
เพื่อจะเห็นทั้งนั้นให้ปฏิบัติไปเรื่อยๆ
ไม่ต้องอยากเห็นอะไรเพราะนิพพานมันเป็นของว่าง
... ไม่มีตัวไม่มีตน หาที่ตั้งไม่มีหาที่เปรียบไม่ได้
ปฏิบัติไปจึงรู้เอง"


สักแต่ว่าอาศัยกายนี้ประกอบกิจต่างๆ
ไปเท่านั้น ไม่ยินดียินร้าย ตื่นเต้นลิงโลด
ดีใจเสียใจ ไปกับความเปลี่ยนแปลงขึ้นลง
เจริญเสื่อม ของกายเลยแม้แต่น้อย

แม้แต่กายเราเองก็ยังต้องละ กายคนอื่นไม่
ต้องพูดถึงแล้ว


ความเจริญก้าวหน้าของการปฏิบัตินั้น
ผู้ปฏิบัติควรมีเป้าหมายที่ความหลุดพ้น (จาก
ความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง) แต่
ในขณะเดียวกัน ก็จะต้องไม่มีความยึดมั่นถือมั่น
ในเป้าหมายนั้นด้วย มีเพียงความรู้สึกที่
เป็นกลางๆ อยู่เท่านั้น (ซึ่งเป็นความรู้...สึกที่ทำ
ได้ยาก)

ถ้าจะให้ง่ายกว่านั้น ก็ไม่ต้องตั้งเป้าหมายใดๆ
เลย
เพียงแต่ทำวิปัสสนาเพื่อศึกษาธรรมชาติที่แท้จริงของรูปนาม
หรือของร่างกายจิตใจเท่านั้น แล้วหลังจาก
นั้นอะไรจะเกิดขึ้น ก็ปล่อยให้
เป็นไปตามธรรมชาติของมัน ซึ่งทุกอย่างจะ
เป็นไปโดยอัตโนมัติ ตามความเหมาะสมของ
ความรู้และปัญญาที่เกิดขึ้น

การละบาปก็ด้วยการเลิกทำบาป แต่การละบุญ
นั้นต้องให้ความเต็มรอบของสติเป็นตัวละ ไม่
ใช่ละบุญด้วยการเลิกทำบุญ


ธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ คือ ปฏิจจสมุปบาท
และ นิพพาน ซึ่งพระองค์ทรงสั่งสอนหมู่สัตว์
ในรูปของอริยสัจ ๔ เพื่อให้ง่ายต่อการทำความ
เข้าใจ ต่อการนำไปปฏิบัติ)

ดังจะขอยกมาบันทึกไว้ดังต่อไปนี้
... “ ความเปลี่ยนแปลงไปนี้ของชีวิต
ของทุกๆสิ่งมีอยู่ตลอด เหมือนอย่างกาลเวลานี้
เปลี่ยนแปลงไปอยู่ทุกขณะ ไม่มีหยุด กาลเวลา
ไม่มีหยุดที่จะล่วงไปๆ ต้องเปลี่ยนแปลงไป
สังขารชีวิตร่างกายทุกๆสิ่งในโลกก็ไม่มีหยุด
ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไป
เพราะฉะนั้น เมื่อกำหนด
ให้รู้จักสังขาร จึงต้องกำหนดให้รู้จัก วิปริณามะ
อันเป็นลักษณะของสังขาร อันได้แก่
ความแปรปรวนเปลี่ยนแปลง นี่เป็นวิธีพิจารณา

เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึง
ได้ทรงสอนวิธีกำหนดให้รู้จักทุกข์ไว้ ๓ อย่าง
ข้อหนึ่ง ก็คือ ทุกขทุกขะ
ให้รู้จักทุกข์ว่าเป็นตัวทุกข์
ข้อสอง สังขารทุกขะ
ให้รู้จักว่าทุกข์ก็คือสังขาร สิ่งที่ผสมปรุงแต่ง
ทั้งหมด
ข้อสาม วิปริณามทุกขะ
ให้รู้จักวิปริณามทุกข์ ทุกข์ก็คือ
ความแปรปรวนเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เกิดจนถึงดับ
มีเกิดเบื้องต้น มีดับเป็นที่สุดดั่งนี้

ธรรมจักษุ ดวงตาเห็นธรรม เพราะฉะนั้น ท่านที่ได้ดวงตาเห็นธรรม เมื่อฟังเทศนาของพระพุทธเจ้า ดังท่านพระอัญญาโกณฑัญญะ เมื่อฟังปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้าที่ตรัสแสดงอริยสัจ ท่านฟังแล้วท่าน เข้าใจ จับประเด็นสำคัญได้
คือ ท่านเห็นทุกข์ เห็นทุกขทุกขะ ตัวทุกข์ว่า
เป็นตัวทุกข์ เห็นสังขารทุกขะ ทุกข์คือสังขาร
สิ่งผสมปรุงแต่ง เห็นวิปริณามทุกขะ ทุกข์คือ
ความแปรปรวน เปลี่ยนแปลง ต้องเกิดต้องดับ
ธรรมจักษุ ดวงตาเห็นธรรม ของท่านจึงแสดง
ไว้ว่า ท่านเห็นว่า

ยงฺกิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สิ่ง
ใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา

สพฺพนฺตํ นิโรธธมฺมํ สิ่งนั้น
ทั้งหมดมีความดับไปเป็นธรรมดา ดั่งนี้

คือ ท่านเห็นทุกขทุกขะ
เห็นสังขารทุกขะ เห็นวิปริณามทุกขะ ทุกๆสิ่ง
เป็นสังขาร สิ่งผสมปรุงแต่งเป้นตัวทุกข์
เป็นตัวสังขาร และเป็นสิ่งที่ต้องเกิดต้องดับ
ทั้งสิ้น อันนี้แหละเป็นธรรมจักษุดวงตาเห็นธรรม”


ปัญหา คนเราที่ไม่รู้ความจริงแท้ ย่อมมีความเห็นแตกต่างกัน
และทะเลาะวิวาททุ่มเถียงกัน
มีคนประเภทใดบ้างที่ไม่ทุ่มเถียงกับใคร ๆ ?

พุทธดำรัส ตอบ “อัคคิเวสสนะเวทนา ๓ อย่างนี้คือ สุขเวทนา๑ ทุกขเวทนา๑ อทุกขมสุขเวทนา๑
อัคคิเวสสนะสมัยใดได้เสวยสุขเวท...นาในสมัยนั้น
ไม่ได้เสวยทุกขเวทนา ไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา
ได้เสวยแต่สุขเวทนาเท่านั้น ในสมัยใดได้เสวยทุกขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา ไม่ได้เสวยไม่ได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา เท่านั้น
ในสมัยใดได้เสวยอทุกขมสุขเวทนา ในสมัยนั้นไม่ได้เสวยสุขเวทนา
ไม่ได้เสวยแต่ทุกขเวทนา ได้เสวย อทุกขมสุขเวทนา

“อัคคิเวสสนะ สุขเวทนา......
ทุกขเวทนา....... อทุกขมสุขเวทนา.....
ไม่เที่ยงอันปัจจัยปรุงแต่งขึ้นอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น
มีความสิ้นไป เสื่อมไป คล้ายไปดับไปเป็นธรรมดา

“อัคคิเวสสนะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว
เมื่อเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมหน่ายทั้งใน ทั้งสุขเวทนา ทั้งทุกขเวทนา ทั้งอทุกขมสุขเวทนา เมื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัดย่อมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ก็มีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว
พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
อัคคิเวสสนะ ภิกษุผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วอย่างนี้แล
ย่อมไม่วิวาทแก่งแย่งกับใคร ๆโวหารใดที่ชาวโลกพูด
กันก็พูดไปตามโวหารนั้น แต่ไม่ยึดมั่นด้วยทิฐิ”




รู้ได้ จึงละได้ ละได้ จึงรู้ได้ ถ้ารู้แล้วยัง
ไม่ละก็แสดงว่ายังไม่รู้ ถ้าละแล้วยัง
ไม่รู้ก็แสดงว่ายังไม่ละ

ถ้าเห็นโทษแล้วแต่ยังละไม่ได้ ก็แสดงว่ายัง
ไม่เห็นโทษ



ครูอาจารย์ดีๆ มีอยู่มากก็จริง
แต่สำคัญที่เราต้องปฏิบัติให้จริง
สอนตัวเองให้มากนั่นแหละจึงจะดี

การปฏิบัติถ้าหยิบตำราโน้นนี้มาสงสัยถามมักจะ
โต้เถียงกันเปล่า โดยมากชอบเอาจากอาจารย์โน่นนี่ ว่าอย่างนั้นอย่างนี้มา…การจะปฏิบัติให้รู้ธรรมเห็นธรรม...ต้องทำจริงจะได้อยู่ที่ทำจริงเอาให้จริงให้รู้ถ้าไปเรียนกับครูอาจารย์อื่นโดยยังไม่ทำให้จริงให้รู้ก็เหมือนดูถูกดูหมิ่นครูบาอาจารย์






เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 12 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO