นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน พฤหัสฯ. 02 พ.ค. 2024 9:16 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 06 ก.ค. 2013 8:01 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4546
ที่เรามาเจริญนี้ ด้วยกายกรรมก็ดี ด้วยวจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี กรรมปัจจุบันของเรานี้คือพ้นไปจากอกุศลกรรม พ้นจากกิเลส กรรม วิบากอย่างชั่วร้าย ที่มันเป็นอดีตก็ตามมาทำลายของเราปัจจุบันนี้ เมื่อเรามาเจริญวิริยบารมีในปัจจุบันนี้ ถ้าเรากันไม่ให้มันตามได้ อนาคต กิเลส กรรม วิบากอย่างหยาบก็ไม่ตาม

ธรรมดา เรายังเป็นหมู่มนุษยโลกอยู่ ต้องเจริญกรรมดี คือทาน ศีล ภาวนา ไหว้พระเช้าเย็น อย่างนี้ ฝ่ายปกครองทางฝ่ายบ้านเมืองก็ปกครองง่าย ผู้ที่มีทาน ศีล ภาวนา มาประชุมกันเจริญความดี คือเจริญคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เจริญบารมีสามสิบทัศ กายกรรมไม่มีผิดกฎหมาย ไม่มีผิดศีลธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า วจีกรรม มโนกรรมนี้บริสุทธิ์ในปัจจุบันนี้เป็นนิสัยปัจจัยให้ถึงมนุษยโลก สวรรคเทวโลก พรหมโลก จะได้เข้าสู่ในโลกุตตรธรรมในวันใดวันหนึ่งก็ได้

ถึงแม้เรายังไม่มีญาณรู้อดีต เรายังไม่มีญาณรู้อนาคต ขอให้เจริญญาณปัจจุบันไว้ ถ้าเราพบปะอาสวักขยญาณสิ้นไปแห่งกิเลส กรรม วิบาก ในปัจจุบันแล้ว อาสวักขยญาณนั่นเองจะบอกให้ว่า นี้มนุษย์เป็นผู้พ้นไปจากกรรมชั่วทั้งหลาย กิเลส กรรม วิบาก อย่างชั่วไม่มี ตลอดถึงเทวดาก็ต้องมีสัมมาทิฏฐิอย่างนี้เหมือนกัน เราจะพ้นได้ก็ต้องมาพบโลกุตตรธรรม สำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าและสำนักพระสาวกนั่นเอง

เขาจะรู้ได้ว่าอาสวะสิ้นไปอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด วิบากอย่างหยาบไม่ได้เสวยแล้ว เขาจะเสวยตั้งแต่มนุสสธรรมสัมมาทิฏฐิ เทวธรรมสัมมาทิฏฐิ พรหมธรรมสัมมาทิฏฐิ เขาจะได้ก้าวหน้าเข้าสู่ในอริยมรรคสี่ อริยผลสี่ในโลกุตตรภูมิ เขาจะได้รู้ว่าสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม สังโยชน์ห้า สังโยชน์สิบนั่นเอง เมื่ออวิชชาสิ้นไป เขาก็จะมีความสบายจิตใจ ทั้งหมู่มนุษย์และเทวดา พรหมทั้งหลาย


..........เมื่ออวิชชาสังโยชน์สิ้นไป เมื่ออวิชชานุสัยสิ้นไปแล้ว ตา หู จมูก ลิ้น กาย ของชาวมนุษย์และเทวดาและพรหมทั้งหลาย จะอยู่สบายเป็นสุข เพราะไม่มีกิเลส กรรม วิบากอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียดมาเสวยอีกแล้ว คือ ไม่มีอวิชชาสวะ ไม่มีอวิชชาสังโยชน์ ไม่มีอวิชชานุสัย ก็บริสุทธิ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศ วิญญาณ ก็บริสุทธิ์ไปด้วยกัน จะเป็นจักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณก็บริสุทธิ์

เขาบริสุทธิ์ที่ไม่มีกิเลส กรรม วิบาก นั่นเอง คือทุกข์ไม่มี ทุกข์เกิดขึ้นก็ไม่มี ทุกข์เจ็บไม่มี ทุกข์ตายไม่มี ธรรมะของพระผู้มีพระภาคเจ้านี่พ้นทุกข์ได้ นี่เป็นนิยยานิกธรรม ทำให้หมู่มนุษย์พ้นจากทุกข์ได้ ให้หมู่เทวดาพ้นจากทุกข์ได้ ทำให้พวกพรหมโลกพ้นทุกข์ได้ ให้พระโสดาพ้นไปจากสังโยชน์ และอนุสัยอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียดสิ้นไป จึงได้มีนิโรธธรรม นิพพานธรรม

คือพระอริยเจ้าทั้งหลาย ท่านย่อมรู้แจ้งทุกข์มีเกิดขึ้นกับจิตใจและดับไปได้ ทุกข์ก็มี สมุทัยก็มี มรรคก็มี เมื่ออริยมรรคเกิดขึ้นแล้ว มีญาณเห็นสมุทัยดับทุกข์ได้แล้ว มีญาณเห็นทุกข์ได้แล้ว มีญาณเห็นมรรคสัจ มีญาณเห็นอริยมรรคญาณ ญาณเห็นนิโรธธรรม เห็นนิพพานธรรม อริยมรรคสี่นี่แหละ อริยผลสี่นี่แหละ เห็นได้ทั้งหมู่มนุษย์และเทวดาและพรหมทั้งหลาย

ถ้าเข้าไปสู่ในมรรคจิตสี่ อริยผลจิตสี่ นี่นิโรธธรรม นิพพานธรรมเป็นที่พ้นทุกข์ได้จริง พ้นแล้วไม่มีใครเกิด ไม่มีใครแก่ ไม่มีใครเจ็บ ไม่มีใครตาย เรียกว่าสืบศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า

พระพุทธเจ้าทุกองค์พ้นจากความเกิดและความตาย หมู่มนุษยสัมมาทิฏฐิ เทวดาสัมมาทิฏฐิ พรหมสัมมาทิฏฐินี้จะไหลเข้าไปสู่โลกุตตรธรรม เข้าไปสู่ในศาสนาของพระผู้มีพระภาคเจ้า ให้พ้นจากเกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้เสวยแต่นิโรธธรรม นิพพานธรรม ด้วยความสวัสดี.


จะเป็นทศบารมีก็ตาม ทศอุปบารมีก็ตาม ทศปรมัตถบารมีก็ตาม นำจิตใจของชาวพุทธทั้งหลายเข้าสู่ในภูมิธรรม จะได้เจริญมนุษยธรรมทั้งภายในและภายนอก เจริญเทวธรรมทั้งภายในและภายนอก เจริญพรหมธรรมทั้งภายในและภายนอก เจริญทั้งโลกุตตรธรรมภายในและภายนอกควบคู่กันไป


..........ในสมัยอดีตก็ดี มนุษยโลกต้องมีคนสองจำพวก ในมนุษยโลกนี้จะเป็นสัตว์เหล่าใดก็ตาม ถ้าพวกสร้างบารมีต้องมีสัมมาทิฏฐิเกิดกับจิตของพวกมนุษยโลกนั่นเอง ถ้าสวรรคเทวโลกก็ต้องมีสองพวก มีสัมมาทิฏฐิเกิดกับจิตพวกสวรรคเทวโลก พวกพรหมโลกก็มีสองพวก นี่มีสัมมาทิฏฐินั่นเองจะเข้าสู่ภูมิธรรม คือไม่มีโทษมีแต่บุญกุศลนำไปสู่โลกุตตรภูมิ

ถ้าถึงโลกุตตรธรรมแล้วนำเข้าสู่ในอริยมรรคสี่ อริยผลสี่นั่นเองจึงพ้นโทษไป โทษราคะของมนุษย์ก็ดี ของสวรรคเทวโลกก็ดี ของพรหมโลกก็ดี พอไปถึงโลกุตตรภูมิแล้ว ราคะย่อมไม่มีอำนาจอะไร โทสะไม่มีอำนาจอะไร โมหะไม่มีอำนาจอะไรเลย

ส่วนมนุษยโลกก็รอดตัวได้เพราะสัมมาทิฏฐิ พ้นจากราคะโทสะและโมหะ ส่วนสวรรคเทวโลกก็พ้นรอดตัวได้ก็เพราะสัมมาทิฏฐิ ได้อธิษฐานบารมีธรรมให้พ้นจากราคะ โทสะ โมหะได้ พวกพรหมโลกเขาก็มีอธิษฐานบารมีให้พ้นจากราคะ โทสะ โมหะได้ เพราะว่าราคะก็ดี โทสะก็ดี โมหะก็ดี นำพวกมิจฉาทิฏฐิไปสู่อบายภูมิ ไปเกิดในยมโลกแล้วก็เสวยแต่ความทุกข์ทั้งนั้น เป็นทุวิชชาโนไม่ควรเจริญ

ส่วนมนุษยโลกที่ดี สวรรคโลก พรหมโลกที่ดี เจริญสัมมาทิฏฐิเป็นสุวิชชา สุวิชชานี้เป็นไปเพื่อทางสวรรค์ ทางนิพพาน เมื่อได้พบโลกุตตรธรรมของพระอริยเจ้าแล้ว ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าก็ดี จากพระสาวกก็ดี สัมมาทิฏฐิในอริยมรรคนั่นเองจึงทำให้พระอริยเจ้าพ้นจากราคะ โทสะ โมหะ สังโยชน์ขาดไปนั่นเอง อวิชชาสังโยชน์ อวิชชานุสัย อวิชชาสวะ ย่อมรบกวนพระอริยเจ้าไม่ได้

พระอริยเจ้ามีทั้งภิกษุ สามเณรที่ได้ผ่านไปแล้ว มีทั้งอุบาสก อุบาสิกาที่ผ่านไปแล้ว ที่ยังอยู่เจริญสัมมาทิฏฐิ สุวิชชา คือให้เว้นจากทุวิชชา จะเข้าสู่ในอริยมรรคหนึ่ง อริยผลหนึ่งแล้ว สังโยชน์ย่อมขาดไปสาม ถ้าเจริญต่อไป ราคะสังโยชน์ต้องขาด ปฏิฆะสังโยชน์ต้องขาด ยังเหลือแต่รูปฌานและอรูปฌาน มานะ อุทธัจจะ อวิชชายังเหลืออยู่ห้าตัว

ถ้าเจริญอริยมรรคขั้นที่สี่ให้สมบูรณ์แล้วย่อมหมดไป อวิชชาสวะ อวิชชาสังโยชน์ อวิชชานุสัยหมดแล้วไม่มี จิตก็ว่าง ว่างจากราคะ ว่างจากโทสะ ว่างจากโมหะ ว่างจากอาสวะด้วย สังโยชน์ด้วย อนุสัยด้วย ที่จิตอย่างเคยเป็นมนุษยโลกยังข้องอยู่ในบุญในกุศลก็ว่างไป ยังข้องอยู่ในสวรรคเทวโลกก็หมดไป ข้องอยู่ในพรหมโลกก็หมดไป ข้องอยู่ในอาสวะทั้งสี่ ข้องอยู่ในสังโยชน์ทั้งสิบ ข้องอยู่ในอนุสัยเจ็ด ย่อมหมดไปสิ้นไปทั้งราคะโทสะและโมหะ ทุวิชชาโนก็หมดไปสิ้นไป เหลือแต่สุวิชชา

ให้เจริญมรรคสี่ ผลสี่ ให้ถึงนิพพาน ถึงสังขตธรรม อสังขตธรรม วิราคธรรม โลกธรรมทั้งสอง คือไม่มีราคะไปหาจิตนั่นเอง เป็นวิราคะนั่นเอง เมื่อจิตว่างจากราคะ โทสะ โมหะแล้ว ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็ว่างตาม ชาวมนุษย์ที่ดีก็ต้องไปสู่โลกุตตระ ชาวสวรรค์ที่ดีก็ไปสู่โลกุตตระนั่นเอง ชาวสวรรค์พรหมโลกก็ไปสู่โลกุตตรธรรมนั่นเอง

จึงไม่ให้มีราคะมารบกวน โทสะมารบกวน โมหะมารบกวน พ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกข์เกิด แก่ เจ็บ ตาย มีอยู่ในมนุษยโลก สวรรคเทวโลก พรหมโลก ไปถึงโลกุตตระแล้วไม่มีความเกิด ไม่มีความแก่ ไม่มีความเจ็บ ไม่มีความตาย ได้เสวยแต่อสังขตธรรม วิราคธรรม


..........ขอให้ชาวพุทธทั้งหลายได้พ้นจากความทุกข์ทั้งปวง ทุกข์ทางตา ทางหู ทางจมูก ลิ้น กาย ใจ อย่าได้มี ทุกข์ด้วยรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ก็ไม่มี ไม่มีภายนอกหกก็ไม่มีความทุกข์ ภายในหกก็ไม่มีความทุกข์ พวกมนุษย์อดีตก็พ้นทุกข์แล้ว พวกมนุษย์ปัจจุบันก็พ้นทุกข์ไปแล้ว ยังแต่จะมาอนาคต

พระพุทธเจ้าที่จะมาอนาคตก็มาเห็นราคะนี่เองเป็นโทษ โทสะนี่เอง โมหะนี่เองเป็นโทษ ก็มาแสดงให้หมู่มนุษย์และเทวดาและพรหมทั้งหลาย ให้เสียสละราคะ โทสะ โมหะเสียแล้ว ได้เข้าสู่ในอริยมรรคสี่ อริยผลสี่ ได้เสวยสังขตธรรม อสังขตธรรม วิราคธรรม โลกธรรมทั้งสอง

ศาสนาของพระพุทธเจ้าอดีตก็ไม่ตาย ปัจจุบันก็ไม่ตาย อนาคตก็ไม่ตาย แต่สัตวโลกนั่นนะอดีตเขาก็เกิดตาย ปัจจุบันเขาก็เกิดตาย อนาคตเขาก็เกิดตาย เขาจึงได้เป็นทุกข์ ทุกข์เพราะความเกิด ทุกข์เพราะความตาย เพราะเกิดมามีราคะ โทสะ โมหะ จึงได้เป็นทุกข์ทั้งเกิดและตาย


..........ขอให้ชาวพุทธทั้งหลายเห็นโทษความเกิดความตายเป็นทุกข์ ให้เห็นโทษราคะ โทสะ โมหะ ให้เห็นคุณสังขตธรรม อสังขตธรรม ให้เห็นคุณวิราคธรรม ให้เห็นคุณของพระพุทธคุณพ้นทุกข์แล้ว คุณของพระธรรมพ้นทุกข์แล้ว คุณของพระสงฆ์พ้นทุกข์แล้ว ให้จิตใจของพี่น้องชาวพุทธได้เสวยพุทธคุณพ้นทุกข์ ธรรมคุณพ้นทุกข์ สังฆคุณพ้นทุกข์ ให้เจริญแต่มรรค ผล นิพพาน ให้เจริญแต่เพียงสังขตะ อสังขตะ และวิราคธรรมด้วยความสวัสดี




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO