นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 3:01 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 21 มิ.ย. 2013 7:18 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4546
นางไม้
ถาม : แล้วอย่างพวกนางไม้ละคะ ?
ตอบ : พวกนางไม้ ถ้าบารมีน้อยหน่อยบางทีเจอพระ เขาก็ขอมาทำบุญใส่บาตร อาตมาเองก็เคยเจอ ก่อนจะออกบิณฑบาตก็มักจะซ้อมมโนมยิทธิ กำหนดใจดูก่อนว่า คนที่จะใส่บาตรเราคนแรกวันนี้ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ใส่เสื้อผ้าสีอะไร เหล่านี้เป็นต้น แล้วพอไปถึงก็ตรวจสอบว่าตรงกับที่รู้มาไหม ?

วันนั้นก็กำหนดใจดูแล้วว่า เออ...คนแรกที่จะทำบุญให้ เขาใส่เสื้อแขนยาวสีฟ้าเก่า ๆ เป็นเสื้อแขนยาว...แบบเสื้อเชิ้ต แต่ว่าเขาเป็นผู้หญิง คราวนี้ ไปถึงพอเห็นก็ เออ..เรารู้ถูก ก้มหน้าลงเปิดบาตร ตอนก้มลงเปิดบาตรนั่นแหละ ความลับแตกคือเขาเองก็คงบังเราไม่หมด ชายผ้าที่แลบออกมาไม่ใช่สีฟ้าเก่า ๆ นะซิ..เป็นผ้าประดับทอง มีเพชรด้วย

เราก็ปิดบาตรโครม..ยังไม่ต้องใส่ ขอถามก่อนว่าเป็นใคร ?..(หัวเราะ)..เขาก็เลยต้องแสดงตัวจริงให้เห็น เป็นรุกขเทวดาที่อยู่ใกล้ ๆ เป็นผู้หญิงสวยมาก แต่ว่าเนื้อเขาคล้าย ๆ กับเนื้อเรา แสดงว่าบุญน้อยมาก เทวดายิ่งบุญสูงเท่าไร เนื้อของท่านจะใสมากเท่านั้น นี่เนื้อสีคล้าย ๆ เรา ก็แสดงว่าเป็นเทวดาที่จนหน่อย แต่ขนาดจน ๆ ยังคาดเข็มขัดทองเส้นเท่าฝ่ามือ..!

ถามว่าเขามาทำอะไร ? เขาบอกขอทำบุญหน่อยเถอะค่ะ อยากได้บุญ ก็เลยบอกเขาไปว่า ผลบุญใดที่เราทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ ขอให้เธอจงโมทนา เราจะได้รับประโยชน์ความสุขเท่าไร ขอให้เธอได้รับด้วย เขาก็โมทนากลายเป็นนางฟ้าสวยแพรวพราวแล้วก็ไปแนบ บาตรเบิดไม่ใส่เลย..(หัวเราะ).."อดแดก"... นี่จำจนขึ้นใจเลย ต่อไปต้องให้เขาใส่ก่อน..(หัวเราะ).. งวดนั้นเสียท่า รีบให้เขาไปหน่อย เขาได้แล้วเลยไม่ต้องใส่บาตร ไปดีกว่า..แหม..เสียท่า..

ถาม : บ้านพักที่โรงเรียนนะคะ มีอยู่ ๔ คืนด้วยกัน นอนตอนตี ๒ กำลังหลับเขามาเรียกชื่อก็สะดุ้ง เอ๊ะ..ผีหรือเปล่า ? แต่ไม่ได้ขานนะคะ พออยู่อีก ๒ คืนมาเรียกอีก เรียกอยู่ประมาณ ๔ คืน เอ๊ะ...ผีอะไร หนูสวดก็ "ยันทุน" ไล่ ...(หัวเราะ)...
ตอบ : ไม่ต้อง "ยันทุน" หรอก ยันจนหมดทุนเขาก็ไม่ไป เพราะว่าถ้าเป็นพวกเทวดาเขาไม่กลัวคาถา..!








บุญกับบารมี
ถาม : บุญ กับบารมีไม่เหมือนกัน ?
ตอบ: จริง ๆ การสร้างบุญคือการสร้างบารมี การที่เราได้ทำความดีหรือความชั่วก็ตาม จะส่งผลให้จิตใจของเราเข้มแข็งมั่นคงขึ้น คนชั่วก็มีบารมีของคนชั่ว คนดีก็มีบารมีของคนดี เกิดจากการสร้างสมมา

คราวนี้จะกล่าวไปแล้ว บุญกับบารมีแทบจะแยกกันไม่ออก คือเรายิ่งทำมากเท่าไร บารมีก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เพราะยิ่งทำมาก แปลว่าจิตเราที่จะสละออกเพื่อตัดความโลภก็ยิ่งมีมาก ในเมื่...อยิ่งมีมากก็แสดงว่าบารมีคือกำลังใจของเราก็ยิ่งสูงขึ้น เลยเกี่ยวกันจนแยกไม่ออก

ถาม : หมดบุญได้ แต่บารมีไม่ถอย
ตอบ: ไม่ถดถอย เขาหมดจากกำลังบุญส่วนนั้นก็จริง หมายถึงว่าคุณหาได้แค่นี้วันนี้ คุณกินไป..ใช่ไหม ? กินไปจนกระทั่งหมดแล้ว เราก็ต้องไปหาใหม่ แต่อายุของเราไม่ได้ลดลงนี่ เราก็แก่ไปเรื่อย ๆ อยู่ทุกวัน เงินเดือน เดือนนี้มาใช้หมดเกลี้ยงไปแล้ว ไม่ใช่เราจะกลับเป็นเด็กใหม่ เพราะยังแก่เหมือนเดิม บารมีคือกำลังใจ ตัวบุญคือสิ่งที่เราสร้างสมมา ยิ่งสร้างสมบุญมากเท่าไร บารมีด้านดีก็ยิ่งมากเท่านั้น

ถาม : บารมีด้านชั่วมีหรือ ?
ตอบ: คนทำชั่ว ลองไปยืนใกล้ ๆ บางทีเราขาสั่นนะ..กำลังใจของเขาที่ไปในด้านนั้น ใช้กำลังใจเหมือนกัน เพียงแต่ใช้ไปคนละทางเท่านั้นเอง

ถาม : กำลังใจ หรือบารมี มี ๒ อย่าง ด้านดีกับชั่ว
ตอบ: ประเภทกลาง ๆ ไม่มี กลาง ๆ จะมีตอนเข้านิพพานแล้ว

ถาม : ด้านชั่วกับด้านดีเท่า ๆ กัน ลักษณะคล้าย ๆ กันไหม ?
ตอบ: ก็คล้ายกัน คือ เป็นผู้นำก็มีความเด็ดขาด

ถาม : ในหลวงเคยถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า ทานบารมีตัวเดียวไปนิพพานได้ไหม ?
ตอบ: ทำไมจะไม่ได้ ได้อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าใครจะเริ่มด้านไหน พอเราเริ่มตัวหนึ่ง อีก ๙ ตัวได้ควบกันไปด้วย เราจะให้ทาน เราต้องรู้ว่าผลของการให้ดีอย่างไร ตัวนี้เป็นปัญญาบารมี คนจะให้ได้จิตต้องประกอบไปด้วยเมตตาเป็นปกติ ก็มีเมตตาบารมี คนที่มีเมตตาบารมี ศีลก็ทรงตัวเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะไม่คิดจะเบียดเบียนใคร ก็มีศีลบารมี ไล่ไปเถอะ ๑๐ ตัวอยู่ครบ ตัวเองเริ่มมาอย่างไรก็เอาตัวนั้นเป็นหลัก อย่างพวกเรามาด้านทานบารมี ก็มีหน้าที่อย่างเดียวคือ ตั้งหน้าตั้งตาให้ไปเรื่อย






ทำบุญแล้วอธิษฐานจัดว่าโลภหรือไม่ ?
ถาม : เวลาที่เราทำบุญแล้วอธิษฐานจิตว่า ขออย่างนั้นขออย่างนี้ กับการไม่อธิษฐานเลย การทำบุญแบบไหนดีกว่ากันคะ ?
ตอบ : แบบอธิษฐานถูกต้องดี แบบไม่อธิษฐานเลยอาจพลาดจากประโยชน์ใหญ่ไปได้ การทำบุญโดยอธิษฐานขอให้เป็...นนั่นเป็นนี่ เราจะขอหรือไม่ขอก็ตาม สิ่งที่เราทำทั้งดีและชั่วจะส่งผลกลับคืนมาอยู่แล้ว ถึงคุณต้องการหรือไม่ต้องการผลที่คุณกระทำคุณได้แน่

จึงจำเป็นที่จะต้องกำหนดเจาะจงไปเลยว่า ผลที่เราทำนั้นเราต้องการให้เป็นแบบไหน เป็นเมื่อไร ถ้าเราตั้งใจแบบนี้ก็เหมือนกับยิงปืนเล็งเป้า ก็สามารถที่จะยิงได้อย่างแม่นยำ แต่ถ้าหากไม่มีการเล็งเลย ไม่ได้กำหนดเลย เราหิวข้าวตอนนี้ แต่อีก ๓ วันข้าวค่อยมาถึง เป็นอย่างไร ...ไส้กิ่วเลย ดีไม่ดีอดตาย แบบอานันทเศรษฐี

อานันทเศรษฐีตอนเป็นเศรษฐี ถ้าฟังพระพุทธเจ้าเทศน์จะได้เป็นพระอนาคามี แต่ถ้าหากทรัพย์สินลดน้อยลงมาเป็นคหบดี ฟังพระพุทธเจ้าเทศน์จะได้เป็นพระโสดาบัน บังเอิญว่าเขารักษาทรัพย์สินไม่ได้ ทำให้ยากจนกลายเป็นขอทาน พระพุทธเจ้าบอกว่าเทศน์แล้วไม่มีผล เพราะจิตของเขากังวลอยู่ด้วยการทำมาหากิน ก็เลยเสื่อมจากมรรคผลไปอย่างน่าเสียดาย พระอานนท์ถามว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ใดมีวิสัยจะได้มรรคผล จะไม่เสื่อมจากวิสัยอันนั้น แล้วทำไมอานันทเศรษฐีถึงได้เสื่อม พระพุทธเจ้าตรัสว่าอานันทเศรษฐีขาดอธิษฐานบารมี

เพราะฉะนั้น..ใครที่บอกว่าทำบุญแล้วอธิษฐานเป็นการโลภนั้นอย่าไปฟัง เราต้องการหรือไม่ต้องการ ผลนั้นเกิดกับเราแน่ จะโลภหรือไม่โลภก็เกิดแน่ แต่ที่เราอธิษฐานนั่นเป็นการเจาะจงว่าให้เกิดอย่างไร ให้เกิดเมื่อไร ตัวนั้นเป็นการประกันเอาไว้ก่อน เพื่อว่าในเวลาที่เราต้องการแล้วต้องได้จริง ๆ ไม่ใช่ว่าตอนที่เราต้องการไม่ได้ มาได้ตอนที่เราไม่ต้องการ

บางทีถ้าเป็นอย่างอานันทเศรษฐีก็พลาดประโยชน์ใหญ่ในชีวิตไปเลย เป็นพระอนาคามีอย่างไรก็ไม่ต้องมาเกิดใหม่ให้ทุกข์อีกแล้ว นี่กลายเป็นขอทาน ไม่ทราบว่าจะต้องเวียนตายเวียนเกิดอีกกี่หมื่นกี่แสนกัป ต่อไปอธิษฐานให้เยอะ ๆ (หัวเราะ) จริง ๆ แล้ว แค่อธิษฐานขอไปนิพพานอย่างเดียว กว่าจะไปถึงยอดเขา ตลอดทางมีอะไรก็กวาดไปหมดอยู่แล้ว

ถาม : ถ้าเราอธิษฐานไปแล้ว สมมติว่าเราเคยอธิษฐานในอดีตชาติ แล้วพอมาในชาติปัจจุบัน เรายังไม่รู้ว่าผลกรรมที่เราได้รับในปัจจุบันนี้ อาจเป็นเพราะว่าเราอธิษฐานไว้แล้วก็ตาม ถ้าเราขอยกเลิกการอธิษฐานของเรา
ตอบ : ได้...อธิษฐาน ก็คือ การตั้งใจมั่น เราสามารถเปลี่ยนใจได้ มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนใจได้ทุกเวลา แต่ส่วนมากแล้วเขามุ่งมั่น ไม่เปลี่ยนกันง่าย ๆ หรอก





เบญจกัลยาณี ความงามของสตรี 5 ประการ คือ...

1. เกสกลฺยาณํ (ผมงาม) คือ หญิงที่มีผมยาวถึงสะเอวแล้วปลายผมงอนขึ้น

2. มงฺสกลฺยาณํ (เนื้องาม) คือ หญิงที่มีริมฝีปากแดงดุจผลตำลึงสุกและเรียบชิดสนิทกันดี

... 3. อฏฺฐิกลฺยาณํ (กระดูกงาม) คือ หญิงที่มีฟันสีขาวประดุจสังข์ และเรียบเสมอกัน

4. ฉวิกลฺยาณํ (ผิวงาม) คือ หญิงที่มีผิวงามละเอียด ถ้าดำก็ดำดังดอกบัวเขียว ถ้าขาวก็ขาวดังดอกกรรณิกา

5. วยกลฺยาณํ (วัยงาม) คือ หญิงที่แม้จะคลอดบุตรถึง 10 ครั้ง ก็ยังคงสภาพร่างกายสาวสวยดุจคลอดครั้งเดียว







ขณะใดที่ใจของลูกยังรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ รักษาปฏิปทาสาธารณประโยชน์ ขณะนั้นลูกจงภูมิใจว่าพ่ออยู่กับลูกตลอดเวลา ถึงแม้ว่าร่างกายกายาของพ่อจะสลายไป แต่ใจของพ่อยังอยู่กับใจของลูก ลูกจะไปไหนก็ชื่อว่าพ่อไปด้วยช่วยลูกทุกประการ





ให้พิจารณาดูสัจจะ ความจริงใจกับตนเองให้ถี่ถ้วน ว่าสิ่งที่เราเคยได้คิด เคยได้ตั้งมั่น เคยได้พูด เคยได้สัญญากับตนเองเอาไว้อยากหนักแน่นมั่นคงนั้น ว่าเราเบื่อการเวียนว่าตายเกิดแล้ว เราต้องการพ้นทุกข์ในชาตินี้ เราต้องการพระนิพพ...าน ฯลฯ ลองย้อนกลับมาดูความประพฤติ แลการกระทำในขณะเดี๋ยวนี้ของตนดูซิ ว่าผลนั้น มันสมควรแก่เหตุที่ตนได้ตั้งใจไว้ฤาไม่ ความคิดอ่านที่จักเอาดี ที่ต้องการได้ดีนั้น เสมือนเต่าที่คอยเอาหัวหาง แข้งขา ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ตลอดเพลา หากสัจจะของเราเป็นไปดังนี้แล้วนั้น จักไปหาความดี ความสำเร็จในมรรคผลกระไรได้ ก็พระคุณหลวงพ่อฯ ท่านได้เคยสอนไว้แล้วว่า จุดสำคัญของอริยสัจ ๔ คือให้ดูทุกข์... ให้รู้ทุกข์ ให้เห็นทุกข์ ให้มันเกลียดทุกข์ ให้มันซึ้งในทุกข์ ให้มันเบื่อทุกข์ ถึงกับให้เฉยกับทุกข์ ด้วยรู้เท่าทันสภาวะแห่งทุกข์ แลในที่สุดให้ใจมันวางทุกข์ คือเห็นทุกอย่างเป็นธรรมดา ที่เห็นเป็นธรรมดาก็ด้วยต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองด้วยปัญญาของตน ว่าในขณะนี้นั้น ทุกสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับชีวิตเรา ทุกสิ่งที่มันให้ผลกับเรา ทุกสิ่งแลทุกสภาวะทางอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นกับเรานั้น มันเกิดจากเหตุที่เราได้เคยสร้างเอาไว้ทั้งนั้น ด้วยในกาลก่อนเราต้องได้สร้างกุศล แลอกุศลมาพร้อมๆกัน มาชาตินี้จึงต้องได้รับผลทั้งทางกาย แลทางใจ ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ตามครรลองแห่งโลกธรรมทั้ง ๘ ที่ผ่านมาเรามีทั้งหัวเราะ ร้องไห้ ยิ้มแย้ม ขื่นขม ระทม ทรมาน กังวลใจ ตรอมใจ เศร้าใจ ดีใจ สบายใจ สารพัด ก็นี่ล่ะ กี่วันกี่คืน กี่ภพกี่ชาติที่ผ่านมาอารมณ์ต่างๆเหล่านี้ มันก็หมุนวนไปมาให้เราได้รับอยู่เยี่ ยงนี้ สภาวะเยี่ยงนี้จึงเป็นเหตุ ยามเราพอใจเราก็ติดสุข ยามเราไม่พอใจเราก็เป็นทุกข์ ยามที่ได้สัมผัสกับทุกข์ ก็ว่าไม่เอาแล้ว ไม่อยากเกิดแล้ว แต่พอยามได้สัมผัสกับสิ่งที่เราคิดว่าสุข เราก็ปรารถนาในสุขนั้นอีกทันที แลปรารถนาให้สุขนั้นเผื่อไปยังชาติภพหน้าอีก อยากให้มีอีก อยากให้เป็นอีก จึงเข้าไปหาต้นเหตุของการเกิดทุกข์อีก ที่เรียกว่าตัณหานั่นล่ะ พอจักเห็นกันหรือยังล่ะ? ฉะนั้น การที่เราได้เห็นทุกข์ ได้สัมผัสกับทุกข์อยู่ทุกวันนั้น (ทั้งๆที่ไม่ต้องการเจอทุกข์นั่นล่ะ) จึงเป็นเหตุให้เราไม่ลุ่มหลงโลก ไม่ยินดีในโลก แลในที่สุดก็จักเป็นผลให้เราวางทุกอย่างในโลกได้ จงจำไว้ว่าหากต้องการพ้นจากกองทุกข์ในชาตินี้ ก็จงอย่าขาดสัจจะในการพิจารณาธรรมอย่างต่อเนื่อง หาได้มีสิ่งใดไม่ที่จักได้มาโดยไม่ลงทุน แลเมื่อลงทุนแล้วจักต้องได้กำไร อย่าปล่อยให้ขาดทุน เช่นเดียวกับที่เราพากันตั้งคำสัจจ์เอาไว้ว่า ขอชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ชาติต่อไปเราจักไม่กลับมาเกิดอีก...รีบปฏิบัติ แลจงทำให้ได้ วางให้เป็น มันก็ต้องถึงที่หมายนะ..!!






เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO