นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 3:03 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 15 มิ.ย. 2013 9:01 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4548
ควรเลือกทำบุญกับเนื้อนาบุญที่ดี "

พระอาจารย์ กล่าวว่า "เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่า ทำไมบุญจึงมีความอัศจรรย์ส่งผลได้มากขนาดนั้น? เพราะว่าบุญอยู่ในลักษณะทวีคูณ ยิ่งสภาพจิตของผู้รับบริสุทธิ์มากเท่าไร ก็เหมือนกับคนแข็งแรง

สมมติว่าคนแข็งแรงหยิบของชนิดหนึ่ง แล้วขว้างออกไป อย่างเราขว้างได้แค่ใกล้ๆ แต่ท่านสามารถขว้างไปไกลลิบเลย คือส่งผลให้มากขึ้นตามกำลังของท่าน

ฟังๆ ดูในเรื่องของบุญ บางทีก็เหมือนกับโฆษณาชวนเชื่อ แต่เราต้องเข้าใจด้วยว่า ส่วนที่เขาทำนั้นจำเป็นที่จะต้องเลือกเนื้อนาบุญ ทั่วๆ ไปเราเห็น เราเจอ เราสามารถทำได้ ให้ทำไปเลย ไม่จำเป็นต้องเลือก แต่ถ้ามีโอกาสประกันความเสี่ยง มีให้เลือกได้ เราก็เลือกทำกับเนื้อนาบุญที่ดี พูดง่ายๆ ก็คือ ทำได้ทุกที่ ทำไปเถอะ แต่ตรงไหนที่เรามั่นใจเราก็เป็นขาประจำหน่อย"





" ในอดีตเคยศีลขาดจะตกนรกหรือไม่ ? "



ถาม: ในอดีตเคยศีลขาดจะตกนรกหรือไม่ ?

ตอบ: ถ้าในอดีตเคยทำศีลขาด...ไม่ต้องไปตามนึกถึง ปัจจุบันนี้ตั้งหน้าตั้งตาทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนาให้ทรงตัวไว้ ถ้าอารมณ์ใจทรงตัว เกาะในด้านดีเอาไว้ได้มั่นคง ก็เป็นอันว่ารอดชั่วคราว ไปพระนิพพานได้เมื่อไรก็เป็นอันว่ารอดถาวร



ไม่อย่างนั้นต่อให้เป็น เทวดา พรหม ถ้าไม่ใช่ พระอริยเจ้า ก็มีสิทธิ์ร่วงลงไปนรกอีก



ถาม: เขาตามเก็บหมดไหมครับ ?



ตอบ: เก็บเรียบ... เขาคิดยิบคิดย่อย ถ้าสอบผู้ตรวจสอบบัญชี ต้องได้อันดับหนึ่งของประเทศแน่เลย แม้แต่นิดๆ หน่อยๆ เขาก็คิดหมด ที่เราเห็นว่าเป็นการบังเอิญ ทำโดยไม่เจตนาก็ตาม..เขาคิดหมด





อานิสงส์การถวายยา



ถาม : (มีผู้ถวายตู้พร้อมยารักษาโรค)



ตอบ: อยากมีอานิสงส์แบบ พระพากุละเถระ ไหม ? ในบาลีท่านบอกว่า ตลอดชีวิตแม้แต่สมอที่จะฉันเพื่อรักษาโรคสักชิ้นหนึ่งก็ไม่เคย



ท่านเป็นเอตทัคคะ คือเป็นผู้เลิศในทางไม่มีโรค หรือมีโรคน้อย แต่นั่นท่านไม่ได้ถวายยา ถ้าถวายยาน่าจะดีกว่านั้น ในอดีตท่านเคยสร้างส้วมถวายพระ



"อโรคยา ปรมา ลาภา" ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ..ใช่ไหม ?





คนที่มาด่าเราก็ไม่ต่างจากคนบ้าเสียสติมาแก้ผ้าให้เราดู หากเราโกรธด่าตอบก็เหมือนไปแก้ผ้าแข่งเค้า แล้วคนที่แก้ก่อนกับแก้ทีหลัง ใครจะบ้ากว่ากัน?



จงพากันเพ่งโทษที่ตนเองกันให้มากๆ อย่าไปเผลอคิดว่าเราดีแล้ว เราถูกต้องแล้ว เราเก่งแล้ว ดังนี้เป็นต้น แลจงอย่าดีแต่พล่ามกันไปเรื่อยว่าฉัน ยังไม่ดี ฉันยังเลวอยู่เลย ต่างๆนาๆ โดยที่ไม่คิดจักแก้ไข หรือแก้ไขอยู่แบบสักแต่ว่า มิได้ใส่ใจลงไปจริงๆ ก็ไอ้อารมณ์โลภ โกรธ หลง นิวรณ์ทั้ง ๕ กิเลส ตัณหา ราคะทั้งปวงนี่มันเก่งนักล่ะ ไล่ตามครอบงำเราเสมือนเงาติดตามตัวกันเลยทีเดียว เผลอให้มันยามใด มันก็ถาโถมเข้าสิ่งสู่ในใจเรา แลออกยากนักหนา หากไม่เพียรใช้กรรมฐานคู่ปรับกับมัน มาถอดถอนออก ก็หลุดพ้นจากความชั่วเหล่านี้ได้ยาก ด้วยต่างพากันสะสมกันมานานนับอสงไขยไม่ถ้วน ในทุกวันนี้ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นนักปฏิบัติภาวนาเพื่อที่หวังหลุดพ้นในชาตินี้นั้นมีมากมายนัก แต่ที่เห็นว่าปฏิบัติกันจริงจังด้วยความจริงใจต่อตนเองนั่นมีน้อยมาก ดั่งที่บอกว่าดีแต่พล่าม ดีแต่คุยโวโอ้อวดว่าฉันเป็นศิษย์หลวงพ่อนั้น ศิษย์หลวงปู่นี้ อาจารย์นั่นนี่ ฉันไม่ดี ฉันเลวเยี่ยงนั้นเยี่ยงนี้ ว่ากันไปตามติดตำราที่พระคุณหลวงพ่อฯ ท่านได้เคยกล่าวที่ว่า "หากเห็นว่าตนเองดีเมื่อใด ก็เลวเมื่อนั้น แต่หากเห็นตนเองเลวเมื่อใด เมื่อนั้นจึงจักดี" ก็เพียงเพื่อให้เพื่อนในกลุ่มได้ชื่นชมตนเอง ว่ากันไปเรื่อยให้เสียชื่อครูบาอาจารย์ แลสำนัก แต่ความคิด คำพูด ตลอดถึงการกระทำนั้น มิได้แสดงออกถึงการปฏิบัติตามแนวที่ครูอาจารย์ของตนท่านได้แนะนำพร่ำเตือนไว้เลย การกระทำเยี่ยงนี้นอกจากเป็นการประจานตนเองแล้ว ก็ยังเป็นการประจานไปถึงพระคุณหลวงพ่อฯ แลครูบาอาจารย์ในสำนักตนอีก ด้วยแสดงว่ายังเข้าไม่ถึงเปลือกความดีของพระพุทธศาสนาแต่อย่างใดเลย ด้วยยังมีจริยาอวดตัว ยังสนใจในจริยาผู้อื่นอยู่ ตามที่พระคุณพ่อฯได้พร่ำสอนไว้ในอุ ทุมพริกสูตร (แต่ไม่ยอมทำตามคำพ่อสอน) ก็ถ้าหากเราเห็นราคะ ความโลภ โกรธ หลง นิวรณ์ทั้ง ๕ อันได้แก่พอใจในกาม อารมณ์ขัดเคืองใจให้โกรธ ความหดหู่ท้อแท้ ความฟุ้งซ่านไม่รู้จักหยุด แลความง่วงสะลึมสะลือเซ่อซ่า เสมือนเป็นบ่อขี้ บ่อเยี่ยว บ่อน้ำหนอง บ่อน้ำเน่าน้ำครำ แลเรากำลังอยู่ในบ่อดังกล่าวนี้ มันก็ต้องรีบหาทางขวนขวายตะเกียกตะกายเพื่อให้พ้นขึ้นมาจากความโสโครกนั้นจริงๆ ไม่ใช่ดีแต่พล่ามคำพูดไปวันๆ เพียงเพื่ออยากประกาศตนให้ใครๆในโลกได้รับรู้ว่าฉันเป็นนักปฏิบัติ เพื่อความหลุดพ้น ฉันจักไปนิพพานชาตินี้แน่ ฉันปรารถนาพุทธภูมิ ฉันปรารถนาพระนิพพาน พูดไปมากๆ น้ำขี้ น้ำเยี่ยว น้ำหนอง ของโสโครกเทือกนั้นมันก็จักกระเด็น เข้าปากไปเท่านั้นล่ะ รีบๆเข้าเถิด ทำให้มันจริง ทำให้มันได้ คนทำจริงเขาไม่พูดมากหรอก มันเปลืองน้ำลาย เปลืองกาลเพลา ด้วยท่านที่เพียรปฏิบัติภาวนาจริงๆนั้นท่านต่างเห็นว่าชีวิตนี้สั้นนัก แลเป็นของไม่แน่นอน เห็นภัยในวัฏฏะจริงๆ จึงได้เพียรปฏิบัติไปโดยไร้จริยาโอ้อวดโดยสิ้นเชิง โดยมากจักมีลีลาที่ไม่เหมือนนักปฏิบัติทั่วไปที่พากันภาวนาตามเทศกาลบ้าง เฉพาะวันคุณพระฯบ้าง เปล่าล่ะ ท่านพระโยคาวจรผู้มีความเพียรเหล่านี้นั้น จักภาวนาปฏิบัติไปตลอดต่อเนื่องอย่างไม่ลดละทั้งกลางวัน กลางคืน เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะตามที่ตนปรารถนา คือความว่าง วางภาระทั้งหมด ได้แก่พระนิพพาน นั่นล่ะ เอ้า..ตั้งใจกันให้มาก ๆ กว่านี้นะ..!!





"ผู้เจริญในสมาธิ ย่อมอบรมจิต จิตที่อบรมแล้ว ย่อมละราคะได้

ผู้เจริญในวิปัสสนา ย่อมอบรมปัญญา ปัญญาที่อบรมแล้ว ย่อมละอวิชชาได้"...!!



" ปฏิบัติธรรม แล้วยังมีความโกรธ ? "



ถาม : ถ้าเราปฏิบัติธรรม แล้วยังมีความโกรธ ?



ตอบ : เรื่องปกติ เขาไม่ได้ห้ามโกรธ คนที่หมดความโกรธแล้วมีแต่พระอนาคามีขึ้นไป พระสกทาคามียังนึกถึงความโกรธอยู่ แต่ความโกรธไม่ค้างคาใจ พระโสดาบันยังโกรธได้เต็มๆ แต่ไม่ฆ่าใครไม่ทำร้ายใคร แล้วเราถึงหรือยัง ? ก็ต้องมีบ้าง



ถาม : มารู้ตัวตอนโกรธไปแล้ว ?



ตอบ : ไม่เป็นไร..โกรธได้แต่อย่าไปผูกโกรธ เลิกแล้วก็ลืมเสีย พอถึงเวลาเรารู้เท่าทันก็อย่าไปแสดงออกไปทางกาย ทางวาจา เก็บไว้ในใจให้อกแตกตายไปคนเดียว ทำแบบนี้บ่อยๆ เดี๋ยวความโกรธก็ค่อยๆ ลดกำลังลงไปเอง







" การเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นการทดสอบที่ดีที่สุด "



ถาม : เมื่อประมาณสองเดือนที่แล้ว ผมไปผ่าตัดเพราะว่าเป็นมะเร็งที่ตับ ตอนนั้นผมจับกายคตา และจับภาพพระไว้ ตอนที่ดมยาสลบภาพพระก็อยู่ จนเราสลบภาพพระก็หายไป ถ้าบังเอิญตายตอนนั้นจริงๆ จะได้ไปที่ดีๆ ไหมครับ ?



ตอบ : เราตั้งใจจะไปที่ไหน เราจะได้ไปที่นั่น เหมือนกับเราตั้งโปรแกรมคอมพิวเตอร์ล่วงหน้าไว้ ต่อให้ช่วงนั้นขาดสติก็ไม่เป็นไร



ถาม : วันนั้นเหมือนกับไม่ห่วงอะไร แต่พออาการดีขึ้น เราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ?



ตอบ : จะเห็นว่าช่วงฉุกเฉินในชีวิตของเรา ความรู้สึกตอนนั้นเราจะรู้สึกเหมือนกับว่าเราพร้อมที่จะไป ถ้ารู้จักสังเกตเราจะรู้ว่าต้นทุนที่เราสั่งสมมา ความจริงพอเพียงแล้ว เพียงแต่ว่าถ้าไม่มีเหตุก็รวมไม่ได้สักที เหมือนเราสะสมน้ำทีละหยด ๆ บางทีได้ครึ่งค่อนโอ่งแล้วแต่เราไม่รู้ จนกระทั่งมีเหตุให้ไปเปิดโอ่งดู เราถึงรู้ว่ามีน้ำตั้งเยอะ



ดังนั้น..สำหรับนักปฏิบัติแล้วถึงบอกว่า การเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นการทดสอบที่ดีที่สุด เขาถึงได้ไม่กลัวเรื่องเจ็บเรื่องป่วยกัน เพราะเขาอยากจะรู้ว่าตัวเองมีต้นทุนเท่าไร โดยเฉพาะในตอนช่วงนั้นกำลังใจเราปล่อยวางได้จริงหรือไม่จริง จะรู้ชัดมากเลย



ในเมื่อเป็นเช่นนั้นนักปฏิบัติเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินหรือเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา เขาไม่ได้กลัวเลย เพราะวัดต้นทุนตัวเองได้



ถาม : บางครั้งผมเดินภาวนา คาถาเงินล้าน หรือ นะมะพะธะ บางทีรู้สึกเหมือนขาลอยๆ หน้ามืดเหมือนจะเป็นลม เป็นอาการอะไรครับ ?



ตอบ : บางทีก็เป็นสภาวะที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น เราต้องรู้จักสังเกตตัวเอง อาจจะสมาธิทรงตัวมากขึ้น แต่คราวนี้ว่าอยู่ในลักษณะปฐมฌานหยาบ จิตกับประสาทเริ่มแยกออกจากกัน ไม่รับรู้อาการทางร่ายกาย อาจมีลักษณะหน้ามืดหมดสติ แต่ถ้าหากว่าคุณนั่งอยู่ทุกอย่างจะรวมอยู่ข้างใน แต่คราวนี้คุณไปบังคับร่างกายให้เคลื่อนไหวด้วย ถึงเวลาตัวจะไป แต่ใจไม่ไปด้วย เพราะรวมไปแล้ว พอแยกออกจากกันก็เหมือนจะขาดสติไปเลย



ถาม : เราควรจะต้องอยู่กับการภาวนาให้มากใช่ไหมครับ ?



ตอบ : ได้ทั้งวันยิ่งดี



ถาม : มีครั้งหนึ่งท่านสอนผมว่า ให้มองทุกสิ่งทุกอย่างเสื่อมสลาย ไม่ควรยึดถือมั่นหมาย วิธีนี้จะใช้คู่กับคาถาเงินล้านได้หรือเปล่าครับ ?



ตอบ : ใช้ได้ ท่องจบก็สลายหมด แล้วก็เริ่มต้นท่องใหม่ เห็นไหมว่าไม่เที่ยง ขณะที่ท่องอยู่ก็ทุกข์ด้วย เห็นชัดๆ อยู่เลย




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO