นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 1:17 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 12 มิ.ย. 2013 10:17 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
บุญ คือ เครื่องชำระสันดาน ความดี กุศล ความสุข ความประพฤติชอบทางกาย วาจา ใจและกุศลธรรม และปารมีหรือบารมี หมายถึง คุณความดีที่บำเพ็ญอย่างยิ่งยวด เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายอันสูงยิ่ง...


สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนแก่พาหิยะนั้น

ถือเป็นที่สุดของวิปัสนา

ดูกรพาหิยะในกาลใดแล
เมื่อท่านเห็นจักเป็นสักว่าเห็น
เมื่อฟังจักเป็นสักว่าฟัง
เมื่อทราบจักเป็นสักว่าทราบ
เมื่อรู้แจ้งจักเป็นสักว่ารู้แจ้ง
ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มี
ในกาลใดท่านไม่มี
ในกาลนั้นท่านย่อมไม่มีในโลกนี้
ย่อมไม่มีในโลกหน้า
ย่อมไม่มีในระหว่างโลกทั้งสอง

นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ฯ"



ภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวการกระทำตอบแทน ที่ทำได้ไม่ง่ายแก่ท่านทั้งสอง ท่านทั้งสอง นั้นคือใคร ? คือ มารดา บิดา
ภิกษุทั้งหลาย ! บุตรพึงประคับประคอง มารดา ด้วยบ่าข้างหนึ่งพึงประคับประคอง บิดา ด้วยบ่าข้างหนึ่งเขามีอายุมีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และเขาพึงปฏิบัติ ท่านทั้งสองนั้นด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำ และการดัด และท่านทั้งสองนั้น พึงถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะบนบ่าทั้งสองของเขานั่นแหละ"
ภิกษุทั้งหลาย ! การกระทำอย่างนั้นยังไม่ชื่อว่า...อันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย
ภิกษุทั้งหลาย ! อนึ่ง"บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติอันเป็นอิสราธิปัตย์ ในแผ่นดินใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการมากหมายเช่นนี้" การกระทำกิจอย่างนั้นยังไม่ชื่อว่า...อันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลยข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย
ส่วนบุตรคนใด...ยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในสัทธาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยศรัทธา) ยัง มารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นใน สีลสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยศีล) ยัง มารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่นใน จาคสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยการบริจาค) ยัง มารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นใน ปัญญาสัมปทา(ความถึงพร้อมด้วยปัญญา)
ภิกษุทั้งหลาย ! ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้นย่อมชื่อว่า... อันบุตรนั้นทำแล้วและทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดา.

กายกับใจนั้น มีความสัมพันธ์กันอย่างแนบแน่น ความเจ็บป่วยด้านหนึ่งอาจส่งผลอีกด้านหนึ่งได้ เช่น คนป่วยทางกาย ถ้าใจตกหรือใจเสีย ที่ป่วยน้อยก็ป่วยมาก ที่ป่วยมากก็ทรุดหนักไปอีก โรคทางใจบางอย่างก็ทำให้เกิดโรคทางกาย เช่น เกิดความวิตกกังวล เครียดมาก ๆ ก็ทำให้ปวดหัว หน้ามืดตาลาย หรือเป็นโรคกระเพราะได้...







ภิกษุณีปฏาจารา อ่านว่า ปะ ตา จา รา
สาวน้อย ปฏา จารา
มีวาสนา เกิดมา ตระกูลใหญ่
พ่อแม่เธอ ร่ำรวย เกินกว่าใคร
ปราสาทใหญ่ สูงเจ็ดชั้น นั้นบ้านเธอ
รอบกายเธอ มีสาวใช้ วัยไล่เลี่ย
เฝ้าคลอเคลีย คอยรับใช้ ไม่ห่างหาย
ไม่มีแม้ สักคน ที่เป็นชาย
หญิงมากมาย เฝ้ารับใช้ ให้บันเทิง
พ่อแม่แสน หวงห่วง หวงลูกรัก
แม่ห้ามหนัก ไม่ให้ลง ไปเที่ยวไหน
คอยกีดกัน ไม่ให้พบ สายตาชาย
อยู่สบาย แค่ในบ้าน ไม่อาจจร
แต่มนุษย์ มักเป็น ดังเช่นนี้
ยามที่มี สุขสบายมาก อยากจะหนี
อยากแสวงหา สิ่งแปลกใหม่ ในชีวี
กินอยู่ดี ก็น่าเบื่อ เหลือจะทน
แม้จะมี ความสุข อย่างล้นเหลือ
มีเหลือเฟือ ของกินใช้ ไม่ขัดสน
แต่ก็เหมือน นกน้อย ที่บินวน
เพราะหลงกล ติดเข้าไป ในกรงทอง
แต่ก็มี ชายหนุ่มน้อย คอยเฝ้าอยู่
ปากประตู ปราสาท ขนาดใหญ่
ปฏาจารา เห็นแล้ว แสนถูกใจ
ชวนหนีไป อยู่กินกัน ฉันผัวเมีย
หนีไปปลูก กระท่อมน้อย ในป่าใหญ่
กาลผ่านไป ก็มีบุตร สุดหรรษา
ได้สี่ขวบ ก็ประจวบ เหมาะเวลา
ท้องต่อมา ก็เตรียมคลอด อย่างปลอดภัย
ในบัดนี้ เธอมีลูก สองคนแล้ว
ดั่งดวงแก้ว ดวงใจ ใครจะเหมือน
ลูกคนเล็ก ยังแบเบาะ แค่หนึ่งเดือน
เกิดเหตุเตือน ลางสังหรณ์ นอนฝันไป
ฝันไปว่า ผาหินกลิ้ง ทิ้งถล่ม
ลูกผัวจม อยู่ใต้หิน สิ้นดับขันธ์
สะดุ้งตื่น ยื่นมือคว้า หาลูกพลัน
เพราะฝันนั้น ช่างเหมือนจริง ยิ่งหวั่นใจ
พอรุ่งเช้า ผัวก็ออก ไปล่าสัตว์
งูเห่ากัด ตายลง ตรงโคนไผ่
พอตกเย็น ไม่เห็นกลับ นางร้อนใจ
รีบออกไป ตามก็พบ ศพสามี
นางร้องไห้ ฟูมฟาย ใจสลาย
ผัวมาตาย จะพึ่งใคร ได้ที่ไหน
ลูกยังเล็ก เด็กเหลือเกิน อยู่ยังไง
ตัดสินใจ หอบลูกเต้า เข้าในเมือง
หวังกลับไป พึ่งพ่อแม่ คงแลเหลียว
ลูกคนเดียว พ่อแม่คง ไม่ผลักไส
เห็นหน้าหลาน พ่อกับแม่ คงเห็นใจ
ให้อภัย ได้ขอโทษ หายโกรธกัน
ระหว่างทาง แม่น้ำขวาง ทางเอาไว้
จะข้ามไป ต้องลุยฝ่า น่าหวาดเสียว
น้ำไม่ลึก แต่มันไหล แรงนักเชียว
ข้ามคนเดียว ยังลำบาก ยากเหลือเกิน
ลูกคนโต ทิ้งไว้ ที่ใกล้ฝั่ง
ทั้งร้องสั่ง ห้ามไปไหน ให้อยู่นี่
จะอุ้มน้อง ไปอีกฟาก ฝั่งนที
ส่วนเจ้านี้ ให้รอก่อน แม่ย้อนมา
พอข้ามฟาก มาอีกฝั่ง ดั่งใจหมาย
วางลูกชาย ไว้ในเบาะ อย่างเหมาะสม
แดดไม่ร้อน นอนสบาย ได้รับลม
ชักหิวนม ร้องงอแง หาแม่ตัว
นางก็ย้อน ข้ามฟาก มาอีกฝั่ง
ไม่ระวัง หันหลังให้ ไม่เฉลียว
พญานก บินผ่านมา ท่าปราดเปรียว
พญาเหยี่ยว ตัวใหญ่โต โผหากิน
มันเห็นเด็ก เหมือนกระต่าย ดิ้นกระแด่ว
มันเห็นแล้ว โฉบเด็กไป ไม่ให้พลาด
ปฏาจารา เห็นแล้ว ใจแทบขาด
ร้องตวาด โบกมือไล่ ให้วุ่นวาย
ฝ่ายคนโต อีกฝั่ง นั่งดูอยู่
ก็มองดู แม่โบกมือ หรือเรียกหา
ก็ดีใจ กระโดดไป ในธารา
หวังเพียงว่า จะหาแม่ แค่เอื้อมมือ
หันกลับมา หาคนโต โธ่น้ำซัด
น้ำไหลพัด จมหาย ไปต่อหน้า
ลูกอีกคน เหยี่ยวโฉบไป ลับสายตา
สุดปัญญา จะช่วยใคร ได้สักคน
อยากจะตื่น จากความฝัน อันโหดร้าย
ต้องมากลาย เป็นแม่ม่าย ผัวดับสูญ
เหมือนเคราะห์กรรม ซ้ำซัด พลัดจากบุญ
กรรมทวีคูณ สูญเสียบุตร สุดโศกา
ยังเหลือทาง อีกหนึ่ง ซึ่งคือแม่
คงช่วยแก้ ทุกข์เศร้า บรรเทาหาย
เดินหวนกลับ สู่ปราสาท แสนสบาย
ลูกผัวตาย เหลือแม่พ่อ รอปลอบใจ
ตั้งแต่เกิด ก็ไม่รู้ ไม่เคยเห็น
ความตายเป็น เช่นไร ไม่สงสัย
เพราะไม่เคย มีพี่น้อง ที่ต้องตาย
ใจสลาย ต้องมาพบ กับตนเอง
อีกหนึ่งโยชน์ ก็จะถึง ซึ่งหมู่บ้าน
เดินผ่านงาน ในป่าช้า มีศพเผา
เขากำลัง เอาศพ ใส่ในเตา
เป็นสองเฒ่า เศรษฐีใหญ่ ที่ในเมือง
เพราะพ่อแม่ ของเธอ แสนแก่เฒ่า
เฝ้าโศกเศร้า สูญเสียบุตร สุดใจหาย
ลูกสาวหนี ตามเขาไป ใจจะวาย
ตรอมใจตาย ตามกัน วันนั้นเอง
เป็นอันว่า สูญสิ้นแล้ว หมดทุกสิ่ง
ที่พักพิง ของจิตใจ ไม่เหลือหลอ
แค่เป็นหม้าย ลูกผัวตาย ยังไม่พอ
พ่อแม่ก็ มาชิงตาย วายชีวา
เกินรับไหว ใจบอบช้ำ ระกำจิต
เหมือนโดนปลิด บิดหัวใจ ไปขยี้
กำลังใจ ถูกกระทำ ถูกย่ำยี
หมดวิธี จะหันหน้า ไปหาใคร
ขาดที่พึ่ง จึงเสียจิต เพราะผิดหวัง
เกินกำลัง ใจจะรับ ความสูญเสีย
อยู่ต่อไป ยังไง ใจอ่อนเพลีย
เป็นคนเสีย สติไป ในบัดดล
นางฉีกทึ้ง เสื้อผ้า อาภรณ์ทิ้ง
แล้วออกวิ่ง เปลือยกาย ไม่อายเขา
ไร้จุดหมาย ไร้ทิศเดิน เกินคาดเดา
เดินตัวเปล่า ไปเรื่อยเรื่อย เมื่อยก็นอน
นอนอย่างหมู กินอย่างหมา น่าสังเวช
กายทุเรศ สกปรก เพราะหมกหมม
นอนเกลือกกลิ้ง ดินทราย และโคลนตม
นอนระทม เพราะพิษไข้ เกือบใกล้ตาย
วันสุดท้าย ในเคราะห์กรรม นำหลุดพ้น
นางเดินจน มาพบองค์ พระทรงศรี
พระพุทธองค์ เลิศกว่าใคร ในปฐพี
เอ่ยวจี จนดังก้อง หูของนาง
โอ้น้องหญิง เธอจงมี สติเถิด
อย่าเตลิด เลยเถิดไป ไม่เข้าท่า
ผู้พลัดพราก จากของรัก เสียน้ำตา
ไหลออกมา มากเกินกว่า น้ำทะเล
ความพลัดพราก ย่อมมี ในสัตว์โลก
ความเศร้าโศก โชคร้าย ไม่ไว้หน้า
ถือกำเนิด เกิดขึ้น ในโลกา
รอเวลา ตายเป็นซาก จากกันไป
สัตว์โลกนี้ เหมือนดิ้นรน บนกิ่งไม้
ส่วนรอบกาย ถูกรายล้อม ด้วยไฟสุม
จะลงไป ก็ไม่ได้ ถูกไฟรุม
เกาะกิ่งกุ่ม รอรับ ชะตากรรม
มนุษย์นี้ เกิดมาแล้ว ไม่แคล้วแน่
เจ็บป่วยแก่ อีกพลัดพราก จากของหวง
ความสุขที่ ตาเห็น เป็นสิ่งลวง
ติดในบ่วง แห่งกรรม นำเกิดมา
นางได้ฟัง ด้วยพลัง พระสุรเสียง
ก็พอเพียง คืนสติ จิตผ่องใส
ระลึกตน รู้สึกตัว รู้สึกอาย
ผ้าพันกาย ชาวบ้านมอบ จึงขอบคุณ
เมื่อแต่งตัว เรียบร้อย ค่อยค่อยนั่ง
คอยรับฟัง พระทรงโปรด เทศนา
พระพุทธองค์ ทรงอนุญาต บรรพชา
แต่นั้นมา นางจึงเป็น ภิกษุณี
เปรียบได้เหมือน ผู้เดินทาง อย่างเหนื่อยล้า
ดั้นด้นมา พบร่มเงา จึงเข้าพัก
พบความสุข ที่ไม่เคย ได้รู้จัก
หมดเรื่องรัก โลกิยะ จะชักจูง
ได้สำรวม อินทรีย์ ที่สงบ
ได้มาพบ พระธรรม ดั่งน้ำใส
พระเทศนา ดั่งน้ำทิพย์ ชโลมกาย
แสนสบาย ห่างไกลโลก แห่งโลกีย์
นางประพฤติ ปฏิบัติ ไม่ขัดศีล
จนเริ่มชิน สำรวมจิต เป็นนิสัย
เกิดปัญญา พิจารณา ถึงความตาย
สัตว์ทุกราย ล้วนต้องตาย ไม่ต่างกัน
ในวันหนึ่ง นางเทน้ำ ใช้ล้างเท้า
น้ำไหลยาว ไปน้อยหนึ่ง จึงหดหาย
เทอีกครั้ง ไกลกว่าเก่า ค่อยซึมทราย
ครั้งสุดท้าย ยาวที่สุด ยังหยุดลง
ส่งจิตให้ พิจารณาน้ำ ไหลตามพื้น
นางก็ยืน มองดู อย่างสงบ
เพ่งจิตไป ตามกระแส จึงได้พบ
จิตบรรจบ ใจเริ่มว่าง สว่างปัญญา
น้ำที่ไหล นองไป ก็เปรียบว่า
คนเกิดมา ที่ตายใน วัยเริ่มต้น
มีมากมาย ที่ตายใน วัยกลางคน
มีมากล้น ที่ตายใน วัยชรา
เกิดมาแล้ว ก็ต้องตาย อย่างแน่แน่
ก็ดูแต่ ลูกของเรา เอา เปรียบได้
แค่เกิดมา เป็นทารก ก็ตกตาย
อีกทั้งชาย ผู้สามี นี้ก็ตาย
ทั้งพ่อแม่ แก่ชรา ก็ถึงฆาต
ไม่ประหลาด เลยความตาย ในภายหน้า
จะวัยไหน ก็ตายได้ ดับชีวา
อนิจจา ขันธ์ทั้งห้า นั้นทุกข์จริง
จะยึดติด ทำไม ไร้สาระ
อยากชนะ ต้องฝึกละ แต่เนิ่นเนิ่น
มัวแต่คิด ใช้ชีวิต อยู่เพลินเพลิน
ยามเผชิญ หน้าความตาย ใจไม่ยอม
ภิกษุณี ปฏาจารา บรรลุแล้ว
ใจเพริดแพร้ว ดั่งแก้วใส ไร้ขุ่นหมอง
ตัดกิเลส ละตัณหา ที่หมักดอง
ก็สมปอง เป็นอรหันต์ วันนั้นเอง
นี่แหละหนา ใช้วิกฤติ เป็นโอกาส
ความผิดพลาด ผิดหวังเป็น แรงกระตุ้น
เปลี่ยนความทุกข์ ความเสียใจ ให้เป็นทุน
ย้อนเป็นคุณ หนุนดีได้ บั้นปลายตน
ดีกว่านั่ง ฟูมฟาย วุ่นวายบ้า
ใจไม่กล้า รับความจริง สิ่งที่เห็น
รู้ทั้งรู้ มันจะเกิด มันจะเป็น
ดีแต่เต้น ดีแต่ร้อง นองน้ำตา
ไปโทษดวง โทษชะตา ฟ้าลิขิต
ผูกดวงจิต กับเครื่องราง อ้างของขลัง
ตนนั่นแหละ ต้องเผชิญ เพียงลำพัง
บอกดังดัง ตนพึ่งได้ แต่ตนเอง
พระธรรมนี้ คิดให้ดี ชี้ทางออก
ไม่เคยหลอก บอกตรงตรง ปลงสังขาร
ความลุ่มหลง ในตัณหา คือตัวมาร
เป็นตัวการ ของความทุกข์ ในโลกเรา




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO