นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 8:22 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 09 มิ.ย. 2013 7:43 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
"เวลาความสุขมาถึงเข้า

เราจะไปเอาความสุขในความสรรเสริญ

เยินยอมั่งมีศรีสุขอย่างเดียว แต่เราหารู้ไม่ว่า

ความสุขมีที่ใหน ความทุกข์ก็มีที่นั้น"



หลวงปู่สิม พุทธาจาโร

วัดถ้ำผาปล่อง เชียงใหม่





ธรรมเมาธรรมโม...

อดีต อนาคต

เป็นธรรมเมา

ปัจจุบันเป็นธรรมโม

ระลึก ดับ ละ วาง

ในปัจจุบันจึงเป็น

ธรรมโม

เมื่อจิตอยู่ใน

ปัจจุบันธรรม

อดีต อนาคต

ถ้ามันเกิด

มันก็ต้องดับลงไป...



"เมื่อใครสักคนหนึ่งทำผิด อย่าพึ่งตำหนิ

หรือต่อว่าเขา เพราะถ้าเราเป็นเขา

และตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา

เราอาจตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้"





อีกประการหนึ่งที่น่าควรคิด เช่น นางธรรมทินนาภิกษุณีเข้านิโรธสมาบัติแล้ว วิสาขาคฤหบดี ไปทรงเรียนถามนางธรรมทินนา ในขณะที่เข้านิโรธสมาบัติอยู่นั้น ได้สำคัญตัวว่าอยู่ที่ไหนหรือไม่ นางก็ตอบว่า มิได้สำคัญตัวว่าอยู่ในนิโรธสมาบัติ และไม่สำคัญว่า ตัวอยู่นอกนิโรธสมาบัติ หรืออาการใดๆทั้งสิ้น เหล่านี้เป้นต้น เมื่อเป็นดังนี้ ก็ตรงกับคำของหลวงปู่มั่นที่ว่า



"ไม่ว่าธรรมส่วนใด ถ้าสำคัญตนว่าเสวย เป็นสำคัญผิดทั้งนั้น"



นี่เป็นธรรมขั้นสูงของพระพุทธศาสนา ถ้าจะอาจเอื้อมแซงคำเทศน์ของหลวงปู่มั่น ในขณะนี้ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบดังกล่าวมาแล้วนั้น



หลวงปู่หล้า เขมปัตโต









มีปัญหาว่า พระอรหันต์เล่า จัดเป็นศีล สมาธิ ปัญญา ได้หรือไม่ ตอบแบบติดไม่คาว่า จัดเป็นมหาวิมุตติศีล มหาวิมุตติสมาธิ มหาวิมุตติปัญญา แต่มิได้เรียงแบบ กลมกลืนอยู่ในขณะเดียวทุกอิริยาบทของจิต มิได้รักษาลำบากเหมือนผู้คุมคุมนักโทษ เพราะเจอของที่ไม่มีโทษเจือเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้เตรียมระวังอยู่ กับผู้ยังมีโทษอยู่ ก็มีความหมายอันเดียวกัน ผู้มีใจที่ไม่มีโทษแล้วจะระวังใจทำไม แต่เมื่อยังไม่ถึงพระอรหันต์ก็ต้องระวังใจอยู่ ถ้าไม่ระวัง มันก็ผิดจริงๆ ไม่น้อยก็มาก



หลวงปู่หล้า เขมปัตโต







อจิรํ วตยํ กาโย ปฐวึ อธิเสสฺสติ

ฉุฑฺโฑ อเปตวิญฺญาโณ นิรตฺถํว กลิงฺครํฯ

ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน

กานนี้ปราศจากวิญญาณแล้ว จะถูกเขาทอดทิ้งเสีย ราวกับท่อนไม้ ที่ไร้ประโยชน์ฉะนั้นฯ

โอกายนี้ไม่นานวิญญาณจาก

ต้องทิ้งซากนอนทับกับดินหนอ

ดังท่อนไม้ไร้ค่าล้มคาตอ

ทิ้งท่อนรอปลวกไฟอยู่ในดงฯ







อย่าเอา "ความสุข" ของเรา..

ไปผูกไว้ที่ "ขา" ของใคร..

เวลาเขาเดินจากไป..

"ความสุข" จะหายไปพร้อมกับเขา..



เราเป็นเจ้าของชีวิตของเรา

ร้อน เย็น หนาว..รวมถึง เหงา

เหตุจากตัวเราเองทั้งนั้น..ไม่เกี่ยวกับใคร..







ในวันที่เรารู้สึกว่าตนเองเป็นคนไร้ค่า

วันนั้นจะเป็นวันที่เราเดินมา

ถึงทางแยกของชีวิต



มีเส้นทางสองสายอยู่ตรงหน้า

ทางหนึ่งทอดยาวไปสู่ความตกต่ำ

อันมืดมนตลอดกาล

อีกทางหนึ่งมีจุดหมายที่สดใสรอคอยเราอยู่



คนไร้ค่าที่หมดสิ้นแรงใจ

ไร้ความเชื่อมั่นในตนเอง

จะพลัดหลงก้าวไปในเส้นทางแรก



คนที่ยังมองเห็นความหวังรำไรที่ปลายฟ้า

จะกัดฟันและฝ่าไปสู่จุดหมายที่สดใส

อย่างอดทนและไม่ย่อท้อ





ลูกเอ๋ย กิเลสมันคอยหลอกให้เจ้ายึดติด

เมื่อมันจับแน่นในจิตก็ต้องค่อยๆ

ต้องค่อยๆลอกให้มันหลุด





ท่านผู้เจริญในธรรมทั้งหลายพึงพิจารณาดังนี้ คำว่า(วัด)เป็นเช่นใด

ควรไตร่ตรองพึงวัดได้ดังนี้ คือ วัดที่ธรรม(ทำ) วัดที่บุญ วัดที่ความดี

วัดที่กุศลธรรม วัดที่ศีลธรรม วัดที่คุณธรรมท่านผู้เจริญพึงเข้าใจดังนี้

ทุกสิ่งที่กล่าวมาจึงเรียกว่า วัด โดยแท้จริง





พระพุทธเจ้าตรัสว่า มงคลคือสิ่งที่ทำให้มีโชคดี ตามหลักพระพุทธศาสนา หมายถึง ธรรมที่นำมาซึ่งความสุขความเจริญ มี ๓๘ ประการ หรือเรียกเต็มว่าอุดมมงคล มงคลอันสูงสุด มงคลแห่งชีวิตจะสูงขึ้นไปตามลำดับ ประดุจขั้นบันไดแห่งความสำเร็จ ต้องปฏิบัติดังนี้



บันไดขั้นที่ ๑

ไม่คบคนพาล คบบัณฑิต บูชาคนที่ควรบูชา บูชาอย่างมีเหตุผล ไม่ทำตามๆ กันไปอย่างไร้ปัญญา



บันไดขั้นที่ ๒

อยู่ในถิ่นที่มีสิ่งแวดล้อมดี ได้ทำความดีให้ถึงพร้อม หรือทำความดีเตรียมพร้อมไว้แต่ต้น ตั้งตนไว้ชอบ ไม่ทำร้ายตนเองด้วยการทำชั่ว



บันไดขั้นที่ ๓

เล่าเรียนศึกษาให้มาก ใส่ใจสดับตรับฟัง ค้นคว้าหาความรู้อยู่เสมอ มีศิลปวิทยา ชำนาญในวิชาชีพของตน มีระเบียบวินัย ฝึกอบรมตนไว้ดี ไม่ดำรงชีวิตด้วยความมักง่าย รู้จักใช้วาจาพูดให้เป็นผลดี เช่นพูดคำจริง มีประโยชน์ ถูกกาละ เทศะ และประกอบด้วยเมตตา



บันไดขั้นที่ ๔

อุปถัมภ์บำรุงมารดาบิดา สงเคราะห์บุตร ธิดา ในทางที่ถูกควร ไม่ตามใจจนเสียคน สงเคราะห์ภรรยา และภรรยาก็ทำหน้าที่ต่อสามีอย่างถูกต้อง การงานไม่คั่งค้างอากูล



บันไดขั้นที่ ๕

รู้จักให้ เผื่อแผ่แบ่งปัน บริจาคสงเคราะห์ และมีจิตอาสา ประพฤติธรรม ดำรงอยู่ในศีลธรรม สงเคราะห์ญาติพี่น้อง การงานที่ไม่มีโทษ ทำกิจกรรมที่ดีงาม เป็นประโยชน์ ไม่เป็นไปในทางเสียหาย



บันไดขั้นที่ ๖

เว้นจากความชั่วทุกชนิด เว้นจากการดื่มน้ำเมารวมถึงสิ่งเสพติด ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย คือไม่ดูถูกคุณความดี สนใจศึกษาธรรม



บันไดขั้นที่ ๗

แสดงความเคารพ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความเป็นผู้รู้คุณค่าของบุคคล สิ่งของและกิจกรรมนั้นๆ มีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน สันโดษ หรือความพอใจในผลสำเร็จที่ได้สร้างขึ้น หรือในสิ่งที่หามาได้ด้วยกำลังและความเพียรของตนเองโดยชอบธรรม มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ และหาโอกาสทดแทนคุณ กตเวที ฟังธรรมตามกาล แสวงหาความจริงของชีวิต



บันไดขั้นที่ ๘

มีความอดทน เพื่อฝึกฝนพัฒนาตนเอง เป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย พบเห็นสมณะ เยี่ยมเยือนเข้าหาท่านผู้สงบอันเป็นเหตุให้ได้ฝึกจิต สนทนาธรรมตามกาล หรือหาโอกาสสนทนาเกี่ยวกับหลักความจริงและความถูกต้องดีงาม



บันไดขั้นที่ ๙

มีความเพียรเผากิเลส รู้จักบังคับควบคุมตนเอง ไม่บำรุงบำเรอตามใจอยาก ประพฤติพรหมจรรย์ ดำเนินตามอริยมรรค หรือการรู้จักควบคุมตนในทางเพศบ้าง เห็นอริยสัจ เข้าใจความจริงของชีวิต ทำพระนิพพานให้แจ้งหรือบรรลุนิพพาน



บันไดขั้นที่ ๑๐

เมื่อถูกโลกธรรม คือการได้ลาภ เสื่อมลาภ ได้ยศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์ กระทบแล้ว จิตไม่หวั่นไหว จิตไร้เศร้าโศก จิตปราศจากธุลี จิตเกษม



จะเห็นได้ว่าบันไดทั้ง ๑๐ ขั้น หรือมงคล ๓๘ ประการนั้น ไม่มีข้อไหนที่ตรัสว่า วัตถุเป็นมงคลเลย และเมื่อพิจารณาด้วยเหตุผลแล้ว จะเห็นว่าหากปฏิบัติตามหลักอุดมมงคลทั้ง ๓๘ ประการเหล่านี้ ชีวิตรุ่งเรืองแน่นอน





หลวงพ่อเคยจำพรรษาอยู่ในสำนักของหลวงปู่กินรี ๑ พรรษา

แต่ในระหว่างธุดงค์ท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ นั้น เมื่อมีโอกาสผ่านไปถิ่นเดิม

ท่านก็มักแวะเวียนไปกราบนมัสการหลวงปู่ เพื่อรับฟังโอวาทสั้นๆ

หรือข้อคิดเตือนจิตสะกิดใจเล็กๆ น้อยๆ จากหลวงปู่เสมอ

หลวงปู่ท่านไม่เทศน์ยาว

“พุทโธ พุทโธ เด้อ! พุทธอ้อยสามวา ดึงเข่ามาให่เหลือวาเดียวหั่น

ดึงเข่ามายังแขนเดียวหั่น ดึงเข่ามายังศอกเดียวหั่น ดึงเข่ามายังคืบเดียวหั่น

ดึงเข่ามาอีก ใส่ใจนี่...ปั๊ด! นี่! หลวงปู่เทศน์ซำนี่ จั๊กเพินว่าอีหยัง บ่จั๊ก

ดึงเข่ามาปานควายบักตู้เวัย”

(พุทโธ พุทโธ นะ พุทธอ้อยสามวา ดึงเข้ามาให้เหลือวาเดียวนั่น

ดึงเข้ามาเหลือแขนเดียวนั่น ดึงเข้ามาเหลือศอกเดียวนั่น ดึงเข้ามาอีก

ใส่ใจนี่ ปั๊ด! หลวงปู่เทศน์แค่นี้ ไม่รู้ท่านว่าอะไร ไม่รู้ดึงเข้ามาอย่างกับควายเวัย)



หลวงพ่อเล่าถึงการสอนภาวนาของหลวงปู่พลางหัวเราะตัวเอง เพราะสมัยนั้น

หลวงพ่อก็ยังใหม่ต่อการภาวนา ยังไม่เข้าใจในความหมายในปริศนาธรรม

ที่หลวงปู่แสดง และอีกครั้งหนึ่ง เมื่อหลวงปู่สอนเรื่องการวางใจให้พอดี

หรือทางสายกลางด้วยปริศนาสั้นๆ ซึ่งกว่าหลวงพ่อจะแจ่มแจ้งก็ใช้เวลานานพอดู

“นางมะที (มัทรี) บ่สูงบ่ต่ำ บ่ก่ำ บ่ขาว บ่อ้วน บ่พี ก้ำพอดี พองาม”

(นางมัทรี ไม่สูงไม่ต่ำ ไม่ดำไม่ขาว ไม่อ้วนไม่พี พอดีพองาม)



“การทำงานคือการปฏิบัติ” คือปฏิปทาที่เด่นชัดอีกประการหนึ่งของหลวงปู่

หลวงพ่อเล่าว่า ตัวท่านเองทำความเพียรเท่าไร ส่วนมากหลวงปู่กลับทำงาน

อย่างอื่นเสีย จนหลวงพ่อนึกประมาทว่า หลวงปู่คงไม่ค่อยรู้อะไร หารู้ไม่ว่า

หลวงปู่ท่านสบายแล้ว มีอยู่วันหนึ่ง หลวงพ่อกำลังเย็บผ้า ร้อนแค่ไหนก็ไม่ยอมพัก

รีบเร่งจะให้เสร็จเร็วๆ อยากไปทำความเพียรต่อ หลวงปู่เดินมาให้ธรรมะเตือนสติว่า

“การปฏิบัตินั้นคือการมีสติอยู่ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะทำอะไร

การปฏิบัติด้วยความอยากนั้นผิดตั้งแต่เริ่มแล้ว”



แม้ข้อวัตรการกราบเพื่อฝึกสมาธิของวัดหนองป่าพงนั้น

หลวงพ่อก็ได้แบบอย่างไปจากสำนักของหลวงปู่กินรีนี่เอง

ด้วยความรำลึกถึงพระคุณของหลวงปู่ หลวงพ่อได้จัดส่งลูกศิษย์ของท่าน

จากวัดหนองป่าพงไปอยู่อุปัฏฐากหลวงปู่ที่วัดของท่านเป็นประจำ

และจัดส่งบริขารเครื่องใช้ เช่น เภสัชที่จำเป็นไปถวายหลวงปู่อยู่เสมอ

กระทั่งวาระสุดท้ายเมื่อหลวงปู่มรณภาพ หลวงพ่อก็ได้เป็นธุระ

จัดงานฌาปนกิจศพหลวงปู่อย่างเต็มสติกำลัง



พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Bing [Bot] และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO