นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 5:48 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 01 มิ.ย. 2013 8:38 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
อยู่ที่ไหนก็อยู่ได้ ถ้าใจมีความสุข (คือจิตที่ฝึกมาดีแล้ว) ไม่เลือกแม้แต่สถานที่ หรือคนจะเยอะ จะน้อยเพียงใด ไม่ปฏิเสธความรู้สึกในอารมณ์ของตนเอง ว่าไม่ชอบความวุ่นวาย เพราะมีหมู่คนมาก ให้เข้าใจว่าอยู่กับโลก แก้ที่โลก หรือแก้ภายในโลกมิได้ แต่ต้องให้แก้ที่ใจของตนเองเป็นสำคัญ
ทรงห้ามบัญญัติเพิ่มหรือตัดทอนในสิ่งที่บัญญัติไว้
ภิกษุทั้งหลาย ! จักไม่บัญญัติสิ่งที่ไม่เคยบัญญัติ
จักไม่เพิกถอนสิ่งที่บัญญัติไว้แล้ว
จักสมาทานศึกษาในสิกขาบทที่บัญญัติไว้แล้ว
อย่างเคร่งครัดอยู่เพียงใด,
... คามเจริญก็เป็นสิ่งที่ภิกษุทั้งหลายหวังได้
ไม่มีความเสื่อมเลย อยู่เพียงนั้น.
"ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น"

"อย่าคิดว่ายาก ประเดี๋ยวจะท้อถอย อย่าคิดว่าง่าย เพร...าะประเดี๋ยวจะประมาทเกินไป ทางที่ดีควรคิดว่ายาก หรือง่ายไม่สำคัญ หนทางนี้เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ เราต้องทำให้ได้ก็แล้วกัน ตั้งใจทำให้เต็มความสามารถเพื่อพระนิพพาน คิดอย่างนี้เข้าไว้แล้วค่อยๆ เดินมาอย่างมั่นคง อย่าริข้ามขั้น ไต่มาตามระดับเรื่อยๆ ด้วยใจยินดีว่า การปฏิบัติธรรมนี้เพื่อนำจิตให้พ้นทุกข์ เราได้ทำแล้ว ทำไปก็ยินดีไปในธรรมนั้นด้วย และมีความพร้อมที่จะไปพระนิพพานไว้เสมอ"


พระราชพรหมยานมหาเถระ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
"สัมมาสมาธิ หมายความว่าสมาธิที่มีความถูกต้อง หลวงพ่อจึงได้สร้างสถาบันพลังจิตตา...นุภาพแล้วก็เขียนหลักสูตรครูสมาธิ ทั้งนี้เพื่อที่จะให้รู้ความจริงว่าเวลาที่เราปฏิบัตินี่มันอะไรจะเกิดขึ้นเพราะความจริงหนีความจริงไปไม่พ้น สมาธิให้ความสุข สมาธิให้ความปราดเปรื่อง สมาธิให้ความหยุด โลภ โกรธ หลง สมาธิให้เกิดความเงียบสงบ เพราะอะไร เพราะว่าเมื่อมาทำสมาธิแล้วนี่ก็ได้เวลาปรุงแต่งอารมณ์ อะไรที่เป็นอารมณ์มาเกลือกกลั้วในจิตใจของเรา สมาธิก็ขจัด เมื่อขจัดอารมณ์หมดแล้วก็เกิดความสุข อันนี้เป็นความจริง แล้วความสุขอันนี้ไม่ใช่ว่ามันเป็นความคิดแล้วก็มีความสุขเฉยๆ แต่ยังทำให้เกิดพลังจิตเกิดความเติบโตขึ้นอีกด้วย เหมือนกันกับเรารับประทานอาหาร เรารับประทานอาหารมันก็มีรสเข้าไป มีความสุข มีความอิ่มหนำสำราญเหล่านี้ แต่ความอิ่มหนำสำราญหรือความสุขนั้นเป็นเพียงส่วนเดียวของความจริง...แต่ตามความเป็นจริงแล้วสมาธิทำให้เกิดพลังจิตมากกว่า เมื่อทำให้เกิดพลังจิตแล้ว พลังจิตก็จะกลายไปเป็นบุญ เป็นวาสนา เป็นบารมี..."

พระธรรมงคลญาณ(พระอาจารย์หลวงพ่อวิริรยังค์ สิรินฺธโร)
พวกเราทั้งหลายควรมาแต่งใจของเรา รักษาจิตของเรา
จิตของเราเหมือนเด็กน้อย ไม่รู้เรื่องรู้ภาษา ไปพบอะไร
ก็ตะครุบอันนั้น ไปพบน้ำก็ตะครุบน้ำ ไปพบไฟก็ตะครุบไฟ
เหมือนกันกับจิตที่ไม่ได้ฝึก มันก็เกิดโทษอยู่เรื่อยๆ

หลวงปู่ชา สุภัทโท(วัดหนองป่าพง)
"อัตตา" ก็เหมือนกับฝุ่นผงในตา

หากไม่ล้างมันออกไป

คุณย่อมไม่สามารถเห็นสิ่งต่างๆอย่างชัดแจ้ง
...
ดังนั้น ลด "อัตตา" ได้เมื่อไหร่

เราจะมอง "เห็น" โลกที่แท้จริง
"การทำบุญด้วยการรักษาศีล"

การรักษาศีลนั้นมีอานุภาพมากกว่าการให้ทาน ดังนั้นเราคว...รมีการรักษาศีลเพื่อให้ได้บุญมากขึ้นไปอีก
แต่ไม่ใช่ว่าเราจะมีแต่การรักษาศีลอย่างเดียวไม่มีการให้ทาน ควรมีทั้ง ทาน ศีล สมาธิภาวนา
บางคนมักจะมองข้ามไปเกี่ยวกับการรักษาศีลว่าเป็นพวกเคร่งเกินไป ก็เลยเข้าใจกันไปว่า การทำบุญคือการให้ทานอย่างเดียว
หลายๆคนมักจะบอกว่าการทำบุญคือการไปที่วัดแล้วถวายอาหารพระ ถ้าเข้าใจแบบนั้นก็คือเข้าใจเรื่องการทำบุญน้อยเกินไป
การทำบุญนั้น นอกจากจะให้ทานแล้ว บุญที่ใหญ่กว่าการให้ทานคือการรักษาศีล
การรักษาศีลจะทำให้การให้ทานนั้นมีอานิสงส์มากขึ้นไปอีก กล่าวคือการให้ทานโดยไม่มีศีลบุญที่ได้จะไม่เต็มที่เท่ากับการมีศีลแล้วให้ทาน
เพราะองค์ประกอบการให้ทานที่ดีคือ
๑) วัตถุทานบริสุทธิ์
๒)เจตนาบริสุทธิ์
๓)บุคคลบริสุทธิ์
จะเห็นว่าหากวัตถุทานบริสุทธิ์ เจตนาบริสุทธิ์ ผู้ให้ทานบริสุทธิ์ ผู้รับทานบริสุทธิ์ อานิสงส์การให้ทานย่อมได้มาก
เมื่อเป็นอย่างนี้จะเห็นว่า หากเราไม่รักษาศีลแล้วเป็นผู้ให้ทาน ทานนั้นย่อมได้อานิสงส์ไม่มากเท่ากับการที่เรามีศีลและให้ทาน
หากทานนั้นผู้มีศีลดีให้ และผู้มีศีลดีรับทานนั้น อานิสงส์ย่อมสมบูรณ์
การรักษาศีล ๕ ไม่ได้เคร่งเกินไป เป็นหนึ่งในทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าท่านสอน แต่หลายคนมักจะมองว่าใครรักษาศีล ๕ เป็นคนเคร่งเกินไป
คำว่าเคร่งเกินไปในทางพุทธศาสนานั้นเป็นเรื่องของการทรมานตนต่างๆ อดอาหารจนผอม การกลั้นลมหายใจ และการทุกกรกิริยาต่างๆ พวกนี้คือเคร่งเกินไป
การรักษาศีล ไม่ใช่เป็นการเคร่งเกินไป แต่เป็นเรื่องปกติของคนดีเขาทำกัน ฆราวาสสามารถรักษาได้ คือศีล ๕ เป็นปกติ หมายถึงทำได้ทุกวัน
หากเรากำลังใจเข้มข้นก็ให้รักษาศีล ๕ เป็นปกติทุกวัน เพื่อจะเป็นปัจจัยไปสู่ภพภูมิที่ดีื
การรักษาศีล จะทำให้เราแผ่เมตตา อุทิศบุญไปให้ดวงจิต ทั่วสากลได้ง่าย เพราะว่าการแผ่เมตตา ย่อมประกอบด้วยศึล หากเราไม่มีศีล เมตตาเราย่อมขาดไป
เพราะว่าเมตตามีอยู่ในศีลทุกข้อ ถ้าเรามีเมตตากับเขา เราจึงไม่ฆ่าเขา ถ้าเรามีเมตตากับเขาเราก็ไม่ขโมยของเขา ถ้าเรามีเมตตาเขาเราย่อมไม่แย่งคนรักเขา ถ้าเรามีเมตตาเขาเราย่อมไ่ม่พูดให้เขาเสียประโยชน์ หากเรามีเมตตากับเรา เราย่อมไม่ดื่มสุราของมึนเมาทำให้เราเสียสติ สัมปชัญญะ
สำหรับฆราวาส เรารักษาศีล ๕ เป็นปกติ และรักษาศีลอุโบสถตามโอกาส วันพระ หรือโอกาสที่ตั้งใจจะรักษา ถ้าเป็นแม่ชีก็รักษาศีล ๘ ถ้าเป็นสามเณรก็รักษาศีล ๑๐ เป็นพระก็รักษาศีล ๒๒๗
ศีลเป็นปัจจัยให้เกิดความสุข ศีลเป็นปัจจัยให้เกิดโภคทรัพย์ ศีลเป็นปัจจัยให้ถึงมรรคผลนิพพาน เราควรรักษาศีลกันเถิด



โลกต้องการคนดี มิใช่เพื่อให้มารับรางวัล แต่เพื่อให้มา
ช่วยทำชีวิตและสังคมให้ดีชึ้น ไม่พึงทำดี เพื่อเอาความดีมาเสริมตัวตน
แต่พึงสละตน เพื่อเสริมความดี คนทำดีอย่างแท้จริง
เสียสละได้แม้กระทั่งการที่จะให้คนอื่นรู้ว่า ตนได้ทำความดี

พระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตโต)
อริยสัจ ก็ต้องพิจารณาขันธ์ 5 มันหนีกันไม่ได้
ทุกข์อะไรมันทุกข์ละ เพราะเราใคร่ครวญ
เราพอใจในขันธ์5 มันจึงทุกข์ ตัวทุกข์จริงๆมันอยู่ที่ใจ
ที่เราทุกข์เพราะเราเอาจิตไปยึดไปถือ ถือว่าเป็นเรา
เป็นของเรา แล้วใจเราก็ไม่ยอมรับนับถือกฏของความจริง

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี ลิงดำ)
“ใครสร้างกรรมดี ชีวิตก็ดีงาม
ใครสร้างกรรมชั่ว ชีวิตก็มัวหมอง
คนไปทำบุญต้องละบา...ปได้
คนจะไปสร้างความดีต้องละชั่วได้
ไม่ใช่เอาเงินมาทำบุญแล้วไปสวรรค์ได้
ไปนิพพานได้ เรื่องบุญกุศลซื้อไม่ได้”

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม
ความจริง อันประเสริฐ มีสี่อย่างเหล่านี้,
สี่ อย่างเหล่าไหนเล่า?สี่อย่างคือ
ความจริง อันประเสริฐ คือ ทุกข์,
ความจริง อันประเสริฐ คือ เหตุให้เกิดทุกข์,
ความจริง อันประเสริฐ คือความดับ ไม่เหลือ ของทุกข์,
... และ ความจริง อันประเสริฐ คือ ทางดำเนิน ให้ถึงความดับไม่เหลือ ของทุกข์.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ความจริง อันประเสริฐ คือ ทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า ? คือ :-
ขันธ์ อันเป็น ที่ตั้งแห่ง ความยึด มั่นถือมั่น ห้าอย่าง.
ห้าอย่างนั้นอะไรเล่า ? คือ :-
รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อันนี้เรากล่าวว่า ความจริงอันประเสริฐคือ ทุกข์.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ความจริง อันประเสริฐ คือเหตุให้เกิดทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า ?
คือ ตัณหาอันใดนี้ ที่เป็น เครื่องนำ ให้มีการเกิดอีก
อันประกอบด้วย ความกำหนัด เพราะ อำนาจความเพลิน
มักทำให้เพลิน อย่างยิ่งใน อารมณ์นั้น ๆ ได้แก่
ตัณหาในกาม, ตัณหา ในความมี ความเป็น,
ตัณหาใน ความไม่มี ไม่เป็น.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อันนี้เรากล่าวว่า ความจริงอันประเสริฐคือเหตุ ให้เกิดทุกข์.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ความจริง อันประเสริฐ คือ ความดับไม่เหลือของทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า ?
คือ ความดับสนิท เพราะ ความจางคลายดับ ไปโดยไม่เหลือของ ตัณหานั้น
ความสละลงเสีย ความสลัดทิ้งไป ความปล่อยวาง
ความไม่อาลัย ถึงซึ่งตัณหา นั้นเอง อันใด.
ภิกษุ ท. ! อันนี้เรากล่าวว่า ความจริง อันประเสริฐคือความดับ ไม่เหลือของทุกข์.
ภิกษุ ทั้งหลาย.! ความจริง อันประเสริฐ คือทางดำเนินให้ถึงความดับ ไม่เหลือของทุกข์ เป็นอย่างไรเล่า ?
คือ หนทาง อันประเสริฐ ประกอบด้วย องค์แปดนั่นเอง,
ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ :-
ความ เห็นชอบ,
ความ ดำริชอบ,
การ พูดจาชอบ,
การ งานชอบ,
การ เลี้ยงชีพชอบ,
ความ เพียรชอบ,
ความ ระลึกชอบ,
ความ ตั้งใจมั่นชอบ.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อันนี้เรากล่าวว่า ความจริงอันประเสริฐ
คือ ทางดำเนิน ให้ถึง ความดับไม่เหลือของทุกข์.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เหล่านี้แล คือ ความจริง อันประเสริฐสี่อย่าง.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เพราะเหตุนั้นในกรณีนี้ พวกเธอ
พึงทำความเพียร เพื่อให้รู้ตาม เป็นจริงว่า
“นี้เป็นทุกข์, นี้เป็นเหตุให้เกิดทุกข์,
นี้เป็นความดับ ไม่เหลือของทุกข์,
นี้เป็นทางดำเนิน ให้ถึง ความดับ ไม่เหลือของทุกข์,” ดังนี้เถิด.

“ศีล ก็เกิดแต่จิต สมาธิ ก็เกิดแต่จิต ปัญญา ก็เกิดแต่จิต บุญก็เกิดแต่จิต บาปก็เกิ...ดแต่จิต จิตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

การที่บุคคลจะทำจิตให้บริสุทธิ์ได้ จะต้องคลายความยึดถือในตัวตน ในรูปนามและในอารมณ์ทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาทางอายตนะ ๖ ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในสมาธิ ให้เป็น ๑ อยู่เสมออย่าให้กลายเป็นเลข ๒-๓-๔-๕ ไปได้

อารมณ์ภายนอกต่าง ๆ ที่เราเก็บมายึดถือไว้ ก็เปรียบเหมือนเราเอาหาบของหนัก ๆ มาวางไว้บนบ่า ถ้าเราปลดปล่อยเสียได้ ก็เท่ากับเราวางหาบนั้นลง จิตที่ได้อบรมอยู่เสมอๆ ย่อมจะสูงขึ้นแก่ขึ้นทุกที ๆ เป็นลำดับๆ”

หลวงปู่ลี ธัมมธโร
ในร่างกายของเขาของเราน่ะต้องทำความสะอาดสะอ้าน เสื้อผ้าใส่แล้วต้องเอาไปซัก เพราะต...ัวศพดิบ(ร่างกาย)นี้เป็นตัวสกปรกมาแปดเปื้อน ไม่อย่างนั้นเหม็นคุ้งไปหมด กิเลสมาพอกพูนหลอกลวงสัตว์โลกว่าเป็นของสวยของงามคือศพดิบเรานี่แหละ แยกออกให้ดีนี่คือปัญญา

หลวงตามหาบัวญานสัมปันโน
หลักธรรมที่สำคัญใน วันวิสาขบูชา ที่ควรนำมาปฏิบัติ
ใน วันวิสาขบูชา พุทธ...ศาสนิกชนทั้งหลายควรยึดมั่นในหลักธรรม ซึ่งหลักธรรมที่ควรนำมาปฏิบัติในวันวิสาขบูชา ได้แก่

1. ความกตัญญู
คือ การรู้คุณคน เป็นคุณธรรมที่คู่กับความกตเวที ซึ่งหมายถึงการตอบแทนคุณที่มีผู้ทำไว้ ความกตัญญูและความกตเวทีนี้ เป็นเครื่องหมายของคนดี ทำให้ครอบครัวและสังคมมีความสุข ซึ่งความกตัญญูกตเวทีนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทั้ง บิดามารดาและลูก ครูอาจารย์กับศิษย์ นายจ้างกับลูกจ้าง ฯลฯ
ในพระพุทธศาสนา เปรียบพระพุทธเจ้าเสมือนกับบุพการี ผู้ชี้ให้เห็นทางหลุดพ้นแห่งความทุกข์ ดังนั้นพุทธศาสนิกชนจึงควรตอบแทนด้วยความกตัญญูกตเวทีด้วยการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และดำรงพระพุทธศาสนาให้อยู่สืบไป

2. อริยสัจ 4
คือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ใน วันวิสาขบูชา ได้แก่
ทุกข์ คือ ปัญหาของชีวิต สภาวะที่ทนได้ยาก ซึ่งทุกข์ขั้นพื้นฐาน คือ การเกิด การแก่ และการตาย ล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญ ส่วนทุกข์จร คือ ทุกข์ที่เกิดขึ้นในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การพลัดพลากจากสิ่งที่เป็นที่รัก หรือ ความยากจน เป็นต้น
สมุทัย คือ ต้นเหตุของปัญหา หรือสาเหตุของการเกิดทุกข์ และสาเหตุส่วนใหญ่ของปัญหาเกิดจาก "ตัณหา" อันได้แก่ ความอยากได้ต่างๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นิโรธ คือ ความดับทุกข์ เป็นสภาพที่ความทุกข์หมดไป เพราะสามารถดับกิเลส ตัณหา อุปาทานออกไปได้
มรรค คือ หนทางที่นำไปสู่การดับทุกข์ เป็นการปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา มี 8 ประการ ได้แก่ ความเห็นชอบ ดำริชอบ วาจาชอบ กระทำชอบ เลี้ยงชีพชอบ พยายามชอบ ระลึกชอบ ตั้งจิตมั่นชอบ


3. ความไม่ประมาท
คือการมีสติตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร พูดอะไร คิดอะไร ล้วนต้องใช้สติ เพราะสติคือการระลึกได้ การระลึกได้อยู่เสมอจะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ซึ่งความประมาทนั้นจะทำให้เกิดปัญหายุ่งยากตามมา ดังนั้นในวันนี้พุทธศาสนิกชนจะพากันน้อมระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ ด้วยความมีสติ




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO