นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 10:26 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 10 พ.ค. 2013 9:00 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
บรรพบุรุษ คือพ่อแม่ เป็นอรหันต์ของลูก
ไม่ต้องไปตามพระอรหันต์ที่ไหนหรอก
เหลียวดูพ่อแม่ในบ้านบ้าง
แล้วท่านจะรู้สึกว่า ได้ทำดีตั้งแต่วันนี้แล้ว
... คติธรรม คำสอน จากหลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม



"..พระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระธรรมวินัย
ก็ทรงบัญญัติแก่มนุษย์เรานี้เอง
มิได้ทรงบัญญัติแก่ ช้าง มา โค กระบือ ฯลฯ ที่ไหนเลย
...
มนุษย์นี้เองจะเป็นผู้ปฏิบัติถึงซึ่งความบริสุทธิ์ได้
ฉะนั้นจึงไม่ควรน้อยเนื้อต่ำใจว่า
ตนมีบุญวาสนาน้อย

เพราะมนุษย์ทำได้
เมื่อไม่มี ทำให้มีได้
เมื่อมีแล้วทำให้ยิ่งได้.."

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต


คำชมก็เป็นคำชนิดหนึ่ง คำติก็เป็นคำชนิดหนึ่ง เมื่อจับสิ่งเหล่านี้มาถ่วงกันแล้ว จะเห็นว่ามันไม่แตกต่างกันจนเกินไป มันเป็นเพียงภาษาพูดเท่านั้นเอง ใจมันก็ไม่รับ เมื่อใจมันไม่รับ ก็รู้ว่าใจมันไม่มีความกังวล ความวิตกกังวลใจเรื่องต่างๆ ก็ไม่มี ความกระเพื่อมของจิตก็ไม่มี ก็เหลือแต่ความรู้อยู่ในใจ
โดย: หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
จากหนังสือ: ประวัติชีวิต การงาน หลักธรรม หลวงปู่ดูลย์ อตุโล


อำ น า จ ข อ ง ส ติ
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

ปุจฉา

... เวลาหัดสติ ผมพยายามพิจารณาสติ
เห็นคล้ายกับวัตถุที่เกิดขึ้น มีชีวิตอยู่ แล้วดับไป
รูป เวทนา สัญญา สังขาร ก็เหมือนกัน
เห็นว่ามันเป็นอนิจจังไม่ใช่ตัวตน

วิสัชนา

นั่นแหละ ถ้าหากเราหัดสติสมบูรณ์เต็มที่แล้ว
พระไตรลักษณญาณก็จะเกิดเอง เป็นเอง
รวมเรียกว่า ขันธ์ ๕
จะลงสู่พระไตรลักษณญาณโดยอัตโนมัติ
นี่เพราะอำนาจสติของเราเพียงพอ
มีสติเต็มที่แล้วเกิดขึ้นเอง
เราต้องหัดอย่างนี้อยู่ตลอดไป

ทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเห็นอย่างนี้แล้ว
อุปาทานก็ไม่มี ปล่อยวางลงไปได้
ตัวของเราก็ไม่มีอุปาทานในตัว
สิ่งอื่นนอกจากนี้ก็ไม่มีอุปทาน
แล้วทุกข์มันจะมีมาแต่ไหน



ความอยากไปเกิดใหม่ ก็เป็นตัณหา
ความไม่อยากไปเกิดอีก ก็เป็นตัณหา
ความอยากถึงพระนิพพาน ก็เป็นตัณหา
ความไม่อยากถึงนิพพาน ก็เป็นตัณหา

ร่างกายจิตใจ เปลี่ยนใหม่ทุกเสี้ยววินาที
ไม่ว่าจะเป็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร หรือวิญญาณ มีแต่ของใหม๋ทุกเสี้ยววินาที
ไม่มีเราคนเดิมเลย
การมีเรา เป็นแค่ความรู้สึก เพราะสัญญา(เป็นเหตุ) เป็นต้น...........ทั้งที่ความจริง ไม่มีเรา
มีแต่ขันธ์5 เกิดขึ้นตั้งอยู่ และดับไป ตลอดเวลาเท่านั้น
... เราผลุบโผล่มามีได้ ก็เมื่อเราตื่น
พอเราหลับฝัน เราก็มีในฝัน
มีใครที่เวลา นอนหลับฝัน แล้ว ยังพูดคุยสื่อสารกับผู้อื่น(คนที่ตื่นอยู่)ได้อยู่บ้าง เห็นนอนเฉย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ตอนที่หลับสนิทไม่ฝัน ตอนนั้นแสดงให้เห็นว่า ไม่มีเราเลย..........เด่นชัดมาก

อานนท์ ! ความคิดอาจมีแก่พวกเธออย่างนี้ว่า "ธรรมวินัยของพวกเรามีพระศาสดาล่วงลับไปเสียแล้ว พวกเราไม่มีพระศาสดา" ดังนี้ อานนท์ ! พวกเธออย่าคิดอย่างนั้น อานนท์ ! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย โดยกาลล่วงไปแห่งเรา
อานนท์ ! ในกาลบัดนี้ก็ดี ในกาลล่วงไปแห่งเราก็ดี ใครก็ตาม จักต้องมีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ มีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ เป็นอยู่ อานนท์ ! ภิกษุพวกใด เป็นผู้ใครในสิกขา ภิกษุพวกนั้น จักเป็นผู้อยู่ในสถานะอันเลิศที่สุดแล
อานนท์ ! ความขาดสูญแห่งกัลยาณวัตรนี้ มีในยุคแห่งบุรุษใด บุรุษนั้นชื่อว่า เป็นบุรุษคนสุดท้ายแห่งบุรุษทั้งหลาย... เราขอกล่าวย้ำกะเธอว่า... เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษพวกสุดท้ายของเราเลย.


การปล่อยวาง (เป็นพื้นฐานของการหลุดพ้น)

การปล่อยวางจากการยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง คือ การฝึกจิตของเราไม่ให้ยึดติดกับสิ่งต่างๆให้เป็นทุกข์ สามารถปล่อยวางได้จากโลกธรรมทั้งปวง และสิ่งต่างๆมากระทบจิตของเรา (ถ้าเราสามารถฝึกใจให้ปล่อยวางลงได้ ก็จะไม่เป็นทุกข์ในสิ่งนั้นๆ ที่มากระทบจิต

อายตนะภายใน มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
...
อายตนะภายนอก มีรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ คือ อารมณ์ที่มาถูกต้องกาย ธรรม คือ อารมณ์ที่เกิดกับใจ

เมื่ออายตนะภายในและภายนอก มากระทบอารมณ์กัน ใจเกิดหวั่นไหว ไปยินดีและ ยินร้าย ก็จะเป็นทุกข์ในสิ่งนั้นๆ ที่มากระทบจิต (สิ่งต่างๆ ถ้าถือก็หนัก ปล่อยวางก็เบา)

ทุกข์จึงเกิดที่ใจ และดับที่ใจ

(แต่การปล่อยวางนั้น มีหลายระดับสภาวะจิต การปล่อยวางนั้น ไม่ได้หมายความว่า ต้องบรรลุธรรมถึงขั้นอรหันต์เสมอไป)

การปล่อยวางสำหรับผู้ที่ไม่ได้ฌานหรือญาณ เป็นการปล่อยวางใจจากโลกธรรมทั้งปวง

การปล่อยวางสำหรับผู้ที่ได้สมาธิเป็นแต่เพียงอุเบกขาฌานหรืออุเบกขาญาณ (เมื่อออกจากสมาธิกิเลสก็จะกลับคืนมาเมื่อเดิม)

สำหรับพระอริยบุคคลนับตั้งแต่พระโสดาบัน ไปจนถึงพระอรหันต์แล้ว (จะปล่อยวางจากกิเลสสังโยชน์นั้นๆ ที่ท่านได้บรรลุธรรมและกิเลสสังโยชน์จะไม่กลับคืนมาอีก)

ด้วยเหตุนี้ การปล่อยวางของปุถุชน จึงแตกต่างกับพระอริยบุคคล

ทุกข์มีเพราะยึด เมื่อไม่ยึดจึงไม่ต้องทุกข์ (การฝึกใจตนเองให้ปล่อยวางลงเสียบ้าง ทำให้เราไม่เป็นทุกข์ ด้วยการปล่อยวางนั้นเอง)

การปล่อยวางใจจากโลกธรรม

การปล่อยวางใจจากโลกธรรม คือ การไม่ยึดติดในลาภ ยศ สักการะตำแหน่งต่างๆ เป็นต้น ให้ใจเราต้องเป็นทุกข์ (ทุกอย่างมีขึ้นต้องมีลง มีลาภ มียศ และต้องมีการเสื่อมลาภ เสื่อมยศ) จึงไม่ควรยึดติดในโลกธรรมทั้งปวงให้ใจเราต้องเป็นทุกข์

บางคนมักอ้างว่า ยังมีภาระทางโลกอยู่ยังปล่อยวางไม่ได้ ในความจริงนั้น การมีหน้าที่การงานทางโลกหรือทางธรรม ก็สามารถปล่อยวางได้

ภาระหน้าที่การงานทางโลกนั้น ถ้าปล่อยวางแล้ว จะอยู่ในฐานะเจ้านายหรือหัวหน้างาน ก็จะไม่ยึดติดกับตำแหน่งหน้าที่การงาน วางหัวโขนลงเสียดาย และเมื่อวันใดเสื่อมลาภ เสื่อมยศตำแหน่งหน้าที่การงาน จะไม่ยึดติดในใจเป็นทุกข์

การปล่อยวางถ้าเป็นลูกน้องหรือลูกจ้างนั้น ก็จะไม่ยึดติดกับตำแหน่งหรือการงาน จะไม่แข่งดีกับใคร แต่ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

ด้วยเหตุนี้ คนถ้าไม่เข้าใจความหมายของการปล่อยวางเสียแล้ว ก็จะปล่อยวางไม่ได้ ยึดติดกับตำแหน่ง หัวโขน และโลกธรรมต่างๆ ให้ใจต้องเป็นทุกข์



ศาสนาพุทธ สอนอะไร?”

ครั้งหนึ่ง..เคยมีชาวตะวันตก ที่หวังแจ้งเกิดในหลักธรรม ได้ยิงคำถามตรงประเด็นแบบไม่ถนอมน้ำใจคนที่ต้องตอบ ว่า..“ศาสนาพุทธ สอนอะไร?”

แทนการตอบคำถาม..หลวงพ่อท่านได้ชี้นิ้ว ไปที่ก้อนหินเขื่องบนกระดาน “ยกก้อนหินนั้น ขึ้นมาสิโยม”
...
ฝรั่งนายนั้น ทำตามที่หลวงพ่อบอก
“หนักไหม” ท่านถาม
“หนักครับ” ฝรั่งเจ้าของปุจฉา ที่ตนเองคิดว่าลึกล้ำ ร้องตอบ

หลวงพ่อ จึงไขปริศนาธรรมนั้น ว่า..
“อะไรมันหนัก ก็วางลงเถิด สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน มีเพียงเท่านี้”

หลวงปู่ชา สุภัท



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO