นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 04 พ.ค. 2024 8:31 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 02 เม.ย. 2013 7:21 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4547
สังโยชน์ 10 ประการ ได้แก่ •

1 สักกายทิฏฐิ มีความรู้สึกว่าร่างกายนี้เป็น
เราเป็นของเรา เรามีในร่างกาย ร่างกายมีในเรา
2 วิจิกิจฉา สงสัยในคำสั่งสอน
... ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริยสงฆ์
3 สีลัพพตปรามาส ลูบคลำศีลไม่รักษาศีลจริงจัง
4 กามฉันทะ พอใจในกามคุณ
5 ปฏิฆะ มีอารมณ์กระทบใจ จิตมีความโกรธ
6 รูปราคะ หลงในรูปฌาน
7 อรูปราคะ หลงในอรูปฌาน
8 มานะ มีการถือตัวถือตน
9 อุทธัจจะ มีอารมณ์ฟุ้งซ่าน...
10 อวิชชา ไม่รู้ตามความจริงของเรื่องนิพพาน

ทุกท่านที่ปฏิบัติพระกรรมฐานด้วยความจริงใจ ตั้งใจจริง มีศีลบริสุทธิ์ ตั้งใจทรงสมาธิให้ตั้งมั่น ตั้งใจรักษาปัญญาให้แจ่มใส รู้เท่าทันความเป็นจริง แต่ว่ายังไม่ถึง พระโสดาปัตติมรรค ก็ควรภูมิใจว่า เข้าอยู่ในเขตของความดี คือ ความอยู่ในเขตของคนดี แต่ว่าเราจะดีมากจะดีน้อยนั่นประมาทไม่ได้ ถ้ารู้ตัวว่าดีเมื่อไรก็แสดงว่า เราเลวเมื่อนั้น

จงจำพระพุทธภาษิตที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า อัตตานา โจทยัตตานัง จงกล่าวโทษโจทย์ความผิดของตนไว้เสมอ คือ ให้ความรู้สึกว่าเรายังชั่วอยู่ เรามันชั่วตรงไหน ไปนั่งดูนิวรณ์ ๕ ว่า ถ้า นิวรณ์ ๕ ประการ ส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือในเวลาใดเวลาหนึ่ง มันเข้ามากวนใจเราได้ แสดงว่าเรายังมีช่องโหว่แห่งความชั่วในด้านฌานโลกีย์ ถ้า นิวรณ์ ๕ ไม่สามารถจะสิงใจเราได้ แสดงว่าเราดีขึ้นถึงระดับของผู้ทรงฌาน

คนเราไม่ได้เป็นผู้บริสุทธิ์มาตั้งแต่ท้องพ่อท้องแม่
ต้องมาพากเพียรฝึกฝน อบรม ข่มจิตใจ
คนดีก็เคยชั่วมาก่อน พระอรหันต์
ทั้งหลายก็มาจากปุถุชนคนกิเลสหนา
เพราะฉะนั้นมนุษย์คือผู้ที่ฝึกได้ เราลิขิตชีวิตตัวเองได้ด้วยการกระทำของเรา


การเจริญภาวนา หรือ กรรมฐาน หมายถึง การอบรมจิต ฝึกจิตชำระสิ่งเศร้าหมองทางจิต การเจริญ การทำศีล สมาธิ ปัญญาให้เกิดให้มีขึ้น แบ่งออกได้เป็น ๒ อย่าง คือ
๑. สมถกรรมฐาน หมายถึง ที่ตั้งแห่งการงานฝึกจิต อันเป็นอุบายทำจิตให้สงบตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด อารมณ์ของสมถะเป็นอารมณ์ที่เป็นสมมุติบัญญัติ ไม่ใช่สภาวะธรรมที่แท้มีผลอย่างสูงแค่ฌาน ท่านแสดงอารมณ์ไว้ ๔๐ อย่าง คือ กสิณ ๑๐, อสุภะ ๑๐, อนุสติ ๑๐..., อาหาเรปฏิกูลสัญญา ๑, จตุธาตุวัฏฐาน ๑, อรูป ๔, พรหมวิหาร ๔,
ผลของการเจริญสมถกรรมฐาน คือ ฌาน ตายแล้วไปบังเกิด ในรูปพรหม อรูปพรหม การเจริญสมถกรรมฐาน ถ้าหากเจริญถูกทางรู้จักพิจารณาให้เกิดปัญญาแล้วจะมีประโยชน์สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ถ้าหากว่าผู้ใดมากล่าวว่าสมถะไม่มีประโยชน์ ไม่มีผลเสียเวลา ผู้นั้นกล่าว ตู่พระพุทธพจน์เพราะพระองค์ได้ทรงแสดงไว้ในมหาสติปัฏฐานสูตรในข้อ“กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน” จึงขอให้ท่านนำไปพิจารณาเพื่อประพฤติปฏิบัติดังที่พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมให้พิจารณาซากศพของนางสิริมา หญิงนครโสเภณีคนสวยแห่งนครราชคฤห์ ปรากฏว่าเมื่อฟังธรรมมีผู้บรรลุมรรคผล ณที่นั้นเป็นจำนวนมาก
๒. วิปัสสนากรรมฐาน หมายถึง เห็นแจ้งด้วยปัญญาจักษุ คือ ตาปัญญาเห็นรูปนามเกิดดับเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นความรู้ชัดทางใจอย่างแจ่มแจ้งรู้แล้วหมดสงสัย (วิจิกิจฉา) ไม่ใช่เห็นด้วยตาเนื้อหรือเห็นนิมิตสีแสง นรก สวรรค์ การเห็นอย่างนั้นเป็นผลของสมถกรรมฐาน เมื่อจิตมีสมาธิแล้วก็เห็นนิมิตต่างๆได้ มีทั้งของจริงของปลอม อย่าเชื่อ อย่าหลง จะทำให้การปฏิบัติไม่ก้าวหน้า ไม่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์
ผลของการเจริญวิปัสสนา คือ เกิดปัญญาเห็นแจ้งในสภาวธรรมเห็นรูปนามเกิดดับเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดความละคลายในตัวตน สัตว์บุคคลเราเขา เกิดความว่างเป็นสุญญตาสำเร็จเป็นพระอริยบุคคล ๔ ประเภทตั้งแต่พระโสดาบันบุคคล สกทาคามี อนาคามี และอรหันต์
ผู้ที่สำเร็จเป็นพระโสดาบัน จะไม่ไปเกิดในอบายภูมิอีกและจะเกิดอีกอย่างมากไม่เกิน ๗ ชาติ เข้าสู่กระแสพระนิพพาน สกทาคามีบุคคลจะเกิดอีกเพียงไม่เกิน ๑ ชาติ พระอนาคามีบุคคล คือผู้ไม่กลับมาเกิดอีกตายแล้วไปเกิดพรหมโลกและดับขันธปรินิพพานบนนั้น ส่วนพระอรหันต์ดับอนุสัยกิเลสเป็นสมุจเฉทประหาน เรียกว่า ดับขันธปรินิพพาน
แนวทางปฏิบัติให้สำเร็จเข้าสู่กระแสพระนิพพาน คือ พระโสดาบันนั้นมีปัจจัยที่พระไตรปิฎกแสดงไว้ ๗ หัวข้อ ๓๗ ประการ เรียกว่า “โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ”
๑. สติปัฏฐาน ๔ ๒. สัมมัปปธาน ๔
๓. อิทธิบาท ๔ ๔. อินทรีย์ ๕
๕. พละ ๕ ๖. โพชฌงค์ ๗ ๗. มรรค ๘
สติปัฏฐาน ๔ คือ การเจริญสติให้เป็นไปอย่างใหญ่ในกุศลธรรม ๔ประการ ได้แก่
๑. กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การเจริญสติกำหนดพิจารณากายในกายระลึกรู้อิริยาบทกายส่วนย่อยในกายส่วนใหญ่ที่กระทบกาย เย็นร้อนอ่อนแข็ง ตึงไหวที่เป็นไปในการยืน เดิน นั่ง นอน เหยียดคู้ การพิจารณาลมหายใจเข้าออก พิจารณาความน่าเกลียดของร่างกาย การพิจารณาร่างกายโดยความเป็นธาตุ การพิจารณาร่างกายที่เป็นศพ ฯลฯ เป็นต้น
๒. เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การเจริญสติกำหนดพิจารณาอย่างเวทนาในเวทนาระลึกรู้ความรู้สึกอารมณ์ส่วนย่อยในความรู้สึกอารมณ์ส่วนใหญ่ ในความรู้สึกอารมณ์ ๙ อย่าง ได้แก่ สุข ทุกข์ ไม่สุขไม่ทุกข์ สุขประกอบด้วยอามิส – ไม่ประกอบด้วยอามิส ทุกข์ประกอบด้วยอามิส – ไม่ประกอบด้วยอามิส ไม่ทุกข์ไม่สุขประกอบด้วยอามิส – ไม่ประกอบด้วยอามิส
๓. จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การเจริญสติกำหนดพิจารณาจิตในจิตหรือจิตส่วนย่อยในจิตส่วนใหญ่ คือจิตดวงใดดวงหนึ่งในจิตที่เกิดขึ้นดับไปมากดวง
๔. ธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ การเจริญสติกำหนดพิจารณาธรรมในธรรมหรือธรรมส่วนย่อยในธรรมส่วนใหญ่ การพิจารณาธรรมที่เรียกว่านิวรณ์ธรรม ๕ ประการ การพิจารณาขันธ์ ๕ อายตนะ ๖ โพชฌงค์ ๗ อริยสัจจ์ ๔ ฯลฯ เป็นต้น
อนึ่ง การพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม ทั้ง ๔ ประการนี้ ยังมีรายการที่ต้องปฏิบัติตรงกันอีก ๖ ประการ คือ ๑. ที่อยู่ภายใน ๒. ที่อยู่ภายนอก๓.ที่อยู่ทั้งภายในภายนอก ๔. ที่มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ๕. ที่มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ๖. ที่มีทั้งความเกิดขึ้นและความเสื่อมไปเป็นธรรมดา





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO