นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน ศุกร์ 03 พ.ค. 2024 11:09 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 22 ม.ค. 2013 8:54 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4547
ว่าด้วยความเสื่อม ๑๒ อย่าง

ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม

ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยาม

สิ้นไปแล้ว เทวดาตนหนึ่งมีรัศมีอันงดงามยิ่ง ทำพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้

สว่างไสว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มี

พระภาคเจ้าแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มี

พระภาคเจ้าด้วยคาถาว่า

ข้าพระองค์มา เพื่อจะทูลถาม

ถึงผู้เสื่อม และคนผู้เจริญกะท่านพระโคดม

จึงขอทูลถามว่า อะไรเป็นทางของคนเสื่อม.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า

ผู้รู้ดีเป็นผู้เจริญ ผู้รู้ชั่วเป็นผู้เสื่อม

ผู้ใคร่ธรรมเป็นผู้เจริญ ผู้เกลียดธรรมเป็นผู้เสื่อม

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑.

คนมีอสัตบุรุษเป็นที่รัก ไม่กระทำสัตบุรุษให้เป็นที่รัก

ชอบใจธรรมของอสัตบุรุษ

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๒.

คนใดชอบนอน ชอบคุย ไม่หมั่น เกียจคร้าน โกรธง่าย

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๓.

คนใดสามารถ แต่ไม่เลี้ยงมารดาหรือบิดาผู้แก่เฒ่า

ผ่านวัยหนุ่มสาวไปแล้ว ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๔.

คนใดลวงสมณะพราหมณ์ หรือแม้วณิพกอื่นด้วยมุสาวาท

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๕.

คนมีทรัพย์มาก มีเงินทอง ของกิน

กินของอร่อยแต่ผู้เดียว ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๖.

คนใดหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์ และหยิ่งเพราะโคตร

ย่อมดูหมิ่นญาติของตน

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๗.

คนใดเป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา

และเป็นนักเลงการพนัน ผลาญทรัพย์ที่ตนหามาได้

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๘.

คนไม่สันโดษด้วยภริยาของตน

ประทุษร้ายในภริยาของคนอื่นเหมือนประทุษร้ายในหญิงแพศยา

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั้นแล เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๙.

ชายแก่ได้หญิงรุ่นสาวมาเป็นภริยา

ย่อมนอนไม่หลับ เพราะความหึงหวงหญิงรุ่นสาวนั้น

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั้น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑๐.

คนใดตั้งหญิงนักเลงสุรุ่ยสุร่าย

หรือแม้ชายเช่นนั้นไว้ในความเป็นใหญ่

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม

เพราะเหตุนั่น เราจงทราบชัดข้อนี้เถิดว่า

ความเสื่อมนั้นเป็นที่ ๑๑.

ก็บุคคลผู้เกิดในสกุลกษัตริย์ มีโภคทรัพย์น้อย

มีความมักใหญ่ ปรารถนาราชสมบัติ

ข้อนั้นเป็นทางของคนเสื่อม.

บัณฑิตผู้ถึงพร้อมด้วยความเห็นอันประเสริฐ

พิจารณาเห็นคนเหล่านี้

เป็นผู้เสื่อมในโลก

ท่านย่อมคบโลกที่เกษม (คนผู้เจริญ).


พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้า ๔๒๙

"เมื่อบุคคลให้ทาน กระทำการบูชาด้วยของหอมเป็นต้น แล้วให้ส่วนบุญว่า ขอส่วน

บุญ จงมีแก่บุคคลชื่อโน้น หรือว่า ขอส่วนบุญจงมีแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้

พึงทราบว่า เป็นบุญกิริยาวัตถุอันเกิดแต่การให้ส่วนบุญ".

ฉัพพรรณรังสี คือ รัศมี ที่ออกมาจากพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ซึ่ง ในพระไตรปิฎก

แสดงว่า สิ่งที่ไม่สามารถทำลายได้ ประการหนึ่ง คือ ฉัพพรรณรังสี และ รัศมีของ

พระพุทธแต่ละพระองค์ ก็มีความกว้างรัศมีแตกต่างกันไป อย่าง พระุพุทธเจ้าของเรา

มี รัศมีแผ่ออกไป 1 วา สองเมตร ตลอดเวลา แต่จะทำให้แผ่ออกไปมากกว่านั้น จน

สุดจักรวาลก็ได้ เพียงแต่ ปกติ ที่พระพุทธเจ้าสมณโคดม ไม่ได้อธิษฐานให้รัศมีแผ่ไป

รัศมี ฉัพพรรณรังสี ก็แผ่ออกไปเป็นปกติ 1 วา แต่พระพุทธเจ้าบางพระองค์ ก็มีรัศมี

แผ่ออกไป หมื่นจักรวาล ตลอดเวลาไม่มีกลางคืนเลย คือ พระมังคลพระพุทธเจ้า

ด้วยเหตุที่ในชาติก่อนจะอุบัติ เกิดเป็นชาติที่คล้ายพระเวสสันดร ยักษ์ปลอมตัวเป็น

พราหมณ์ มาขอบุตรที่รักของพระองค์ทั้งสองพระองค์ พอพระโพธิสัตว์มังคละยกให้

แล้ว ยักษ์ก็แปลงกลับเป็นร่างเดิม คือ เป็นยักษ์ มีเขี้ยวยาว และ ก็กัดกินบุตรน้อยทั้

สองของพระโพธิสัตว์ เลือดพุ่งออกจากปากของยักษ์ พระโพธิสัตว์มังคละเห็น เกิด

ความปิติโสมนัสใจ ไม่เกิดความทุกข์ใจแม้แต่น้อยเลย ปิติโสมนัสว่า ทานเราให้ดี

แล้วหนอ และ ก็อธิษฐานว่า ขอให้เมื่อเราเป็นพระพุทธเจ้า มีรัศมีแผ่ออกไปดั่งสาย

เลือดของบุตรน้อย และเมื่อพระโพธิสัตว์ บรรลุเป็นพะรพุทธเจ้า พระนามว่า มังคล

พระพุทธเจ้า พระองค์จึงมีฉัพพรรณรังสี หรือ รัศมี แผ่ออกไปโดยปกติ หมื่นจักรวาล

แต่อย่างไรก็ตาม พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ จะต้องมีฉัพพรรณรังสี ต้องมี 6 สี ดังนี้

1.สีนีละ - สีเขียวเหมือนดอกอัญชัน

2.สีปีตะ - สีเหลืองเหมือนหรดาลทอง

3.สีโรหิตะ - สีแดงเหมือนแสงตะวันอ่อน

4.สีโอทาตะ - สีขาวเงินยวง

5.สีมัญเชฏฐะ - สีแสดเหมือนหงอนไก่

6.สีประภัสสร - สีเลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก

พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑- หน้าที่ 34

ว่าด้วยพระฉัพพรรณรังสี

เมื่อพระศาสดา ทรงพิจารณาธรรมอันละเอียดสุขุมตามความสบาย

ด้วยพระสัพพัญญุตญาณซึ่งมีโอกาส (ช่อง) อันได้แล้วอย่างนี้ พระฉัพพรรณ-

รังสี (รัศมี ๖ ประการ) คือ นีละ (เขียวเหมือนดอกอัญชัน ) ปีตะ (เหลือง

เหมือนหรดาล) โลหิตะ (แดงเหมือนตะวันอ่อน) โอทาตะ ( ขาวเหมือน

แผ่นเงิน) มัญเชฏฐะ (สีหงสบาท เหมือนดอกหงอนไก่) ประภัสสร (เลื่อมพราย

เหมือนแก้วผลึก) ก็ซ่านออกจากพระสรีระ


พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 34

ว่าด้วยพระฉัพพรรณรังสี

เมื่อพระศาสดา ทรงพิจารณาธรรมอันละเอียดสุขุมตามความสบาย

ด้วยพระสัพพัญญุตญาณซึ่งมีโอกาส (ช่อง) อันได้แล้วอย่างนี้ พระฉัพพรรณ-

รังสี (รัศมี ๖ ประการ) คือ นีละ (เขียวเหมือนดอกอัญชัน ) ปีตะ (เหลือง

เหมือนหรดาล) โลหิตะ (แดงเหมือนตะวันอ่อน) โอทาตะ ( ขาวเหมือน

แผ่นเงิน) มัญเชฏฐะ (สีหงสบาท เหมือนดอกหงอนไก่) ประภัสสร (เลื่อมพราย

เหมือนแก้วผลึก) ก็ซ่านออกจากพระสรีระ พื้นแห่งท้องฟ้า ได้เป็นราวกะว่า

เต็มด้วยดอกอัญชันกระจายอยู่ทั่วไป เหมือนดารดาษด้วยดอกสามหาวหรือกลีบ

อุบลเขียว เหมือนขั้วตาลประดับด้วยแก้วมณีที่แกว่งไปมา และเหมือนแผ่น

วัตถุสีเขียวเข้มที่ขึงออก ด้วยสามารถแห่งรัศมีสีเขียวเหล่าใด พระรัศมีสีเขียว

เหล่านี้ ออกไปแล้วจากพระเกศา แลพระมัสสุทั้งหลาย และจากที่สีเขียว

แห่งพระเนตรทั้งสอง.

ทศาภาคทั้งหลายย่อมรุ่งโรจน์ เหมือนโสรจสรง (ชำระ) ด้วยน้ำทองคำ

เหมือนแผ่แผ่นทองคำออกไป เหมือนย้อมด้วยจุณแห่งนกกดไฟ (น่าจะเป็น

ผงขมิ้น) และเหมือนเรียงรายด้วยดอกกรรณิการ์ ด้วยอำนาจแห่งรัศมีสีเหลือง

เหล่าใด รัศมีสีเหลืองเหล่านั้น ท่านออกแล้วจากพระฉวีวรรณ และจากที่

สีเหลืองแห่งพระเนตรทั้งสอง.

ทิศาภาคทั้งหลายรุ่งโรจน์แล้ว เหมือนย้อมด้วยจุณแห่งชาด เหมือน

รดด้วยน้ำครั่งที่สุกดีแล้ว เหมือนคลุมด้วยผ้ากัมพลแดง เหมือนเรียงรายด้วย

ดอกชัยพฤกษ์ ดอกทองกวาว และดอกชบา ด้วยสามารถแห่งรัศมีสีแดง

เหล่าใด พระรัศมีสีแดงเหล่านั้น ซ่านออกแล้วจากพระมังสะ พระโลหิต

และที่สีแดงแห่งพระเนตรทั้งสอง.

ทิศาภาคทั้งหลายรุ่งโรจน์แล้ว เหมือนเกลื่อนกล่นด้วยขีรธาราที่เท

ออกจากหม้อเงิน เหมือนเพดานแผ่นเงินที่เขาขึงไว้ เหมือนขั้วตาลเงินที่แกว่ง

ไปมา เหมือนดาดาษด้วยดอกคล้า ดอกโกมุท ดอกย่างทราย ดอกมะลิวัลย์

ดอกมะลิซ้อนเป็นต้น ด้วยสามารถแห่งรัศมีสีขาวเหล่าใด รัศมีสีขาวเหล่านั้น

ซ่านออกแล้วจากพระอัฐิทั้งหลาย จากพระทนต์ทั้งหลาย และจากที่

สีขาวแห่งพระเนตรทั้งสอง.



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO