นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 4:02 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 15 พ.ย. 2012 6:04 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4548
หลวงปู่แหวนกับในหลวง และพระบรมวงศานุวงค์

เรื่องราวพระอรหันต์ทั้งสอง กับ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

...พระคุณเจ้าทั้งสองทั้งองค์หลวงปู่แหวน และองค์หลวงปู่หลุย ล้วนแล้วเป็นศิษย์เอกหลวงปู่มั่นทั้งสิ้น
ได้อบรมธรรมจากหลวงปู่มั่นมาอย่างเข้มแข็ง ท่านทั้งสองเป็นพระหมดกิเลสแล้วสาธุ

เรื่องของหลวงปู่หลุย จันทสาโร

มีอยู่ครั้งหนึ่ง หลวงปู่หลุยท่านได้มาพักที่วัดดอยแม่ปั๋ง กะว่าจะอยู่กับหลวงปู่แหวนไปสักพักนึงก่อน
เพราะว่าเป็นคนจังหวัดเลยด้วยกัน พออยู่ต่อมาหลวงปู่หลุยได้ยินข่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
จะเสด็จฯมากราบหลวงปู่แหวน หลวงปู่หลุยได้ยินดังนั้น ก็รีบไปอยู่ที่อื่น ไปอยู่ที่อำเภอแม่แตง
หลวงปู่หลุยท่านกลัวพูดกับพระราชามหากษัตริย์ไม่เป็น หลวงปู่หลุยท่านพูดว่า
"พูดกับพระราชาไม่เป็น นี่คอขาดบาดตายนะเรา เป็นพระป่าพระดงไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร"

ท่านพูดเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯมากราบหลวงปู่แหวนแล้ว หลวงปู่แหวนท่านก็พูดกับในหลวงว่า

หลวงปู่แหวน : ท่านหลุยก็มาอยู่นี่แหละ แต่หนีไปอยู่ที่แม่แตงแล้ว กลัวพูดกับพระราชามหากษัตริย์ไม่เป็น กลัวคอขาดบาดตาย ว่าอย่างนั้น

สมเด็จพระนางเจ้าฯ : ไม่เป็นอย่างนั้นดอกพระเจ้าข้า พวกดิฉันไม่ได้ถือยศฐาบรรดาศักดิ์อะไรหรอกเจ้าข้า พูดแบบนี้ เป็นกันเองนี้แหละเจ้าข้า

สมเด็จพระนางเจ้าฯ : เมื่อดิฉันกลับจากที่นี้ไปแล้ว จะไปกราบหลวงปู่หลุยให้ได้ ไม่ต้องกลัวเจ้าข้า

ในหลวงท่านเสด็จมากราบหลวงปู่แหวนแต่ละครั้ง ตั้งแต่บ่ายสองโมง จนถึงหนึ่งทุ่มสองทุ่มเป็นประจำ
การเสด็จมาวัดดอยแม่ปั๋ง แต่ละครั้ง ถือเป็นการส่วนตัวพระองค์เอง

ครั้นต่อมาสมเด็จพระราชินีได้ให้ราชเลขาไปตามหาหลวงปู่หลุย ว่าท่านอยู่ที่ไหน ก็ทราบว่า
หลวงปู่หลุยท่านไปพักอยู่ที่วัดหลวงปู่ตื้อ หรือว่าวัดพระอาจารย์เปลี่ยน ผู้เขียนก็จำไม่ค่อยได้
สมเด็จพระราชินีก็ได้เสด็จฯไปกราบหลวงปู่หลุย ตั้งแต่นั้นมาหลวงปู่หลุยก็ได้เข้าๆ ออกๆ
อยู่กับพระราชวังตลอดมา ตราบเท่าหลวงปู่หลุยมรณภาพ อันนี้คือ ด้วยพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม
ที่เป็นพระมหากษัตริย์ไทยของเรา ได้เข้าไปถึงประชาชนทุกที่ทุกแห่งหนตำบลใดก็ตาม
มีพระเจ้าพระสงฆ์ที่ท่านได้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในป่าในเขาที่ไหนๆ ก็ตาม ท่านก็ย่อมเข้าถึงที่ทุกๆแห่ง

เรื่องของหลวงปู่แหวน สุจิณโณ

หลวงปู่แหวนได้ป่วยหนัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านได้อาราธนาให้ หลวงปู่แหวนไปรักษาตัว
ที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ ตึกสุจิณฺโณ ในหลวงท่านได้รับเอาหลวงปู่ไว้เป็นคนไข้ของพระองค์เอง
จนในวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๘ หลวงปู่แหวนท่านก็ได้ละขันธ์อย่างสงบนิ่ง ในเวลา ๒๑.๕๓ น.

ข่าวการมรณภาพของหลวงปู่แหวน ซึ่งตรงกับวันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๒๘ ก็ได้ทราบถึงฝ่าละอองธุลี
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เหมือนกับว่า
ดินฟ้าถล่มไปทั่วเมืองไทย ในหลวงก็ได้พระราชทานโกศหลวง และรดน้ำอาบศพ
ที่สถานพระราชทานปริญญาบัตร แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้น ก็ได้มีบุคคลทั่วทิศานุทิศ
ไปเคารพศพหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ เป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็ได้นำศพของหลวงปู่แหวนมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดดอยแม่ปั๋ง ตามเดิม

สิริอายุหลวงปู่แหวนได้ ๙๙ ปี ในหลวงท่านขออายุหลวงปู่แหวนให้ได้ ๑๒๐ ปี
แต่หลวงปู่ก็พูดกับในหลวงว่า เอาเพียง ๙๙ ปี ก็พอเถอะ มันลำบากผู้อยู่
แล้วก็ได้ ๙๙ ปี ตามที่ว่าเอาไว้จริงๆ อันนี้คือพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามธรรมวินัย
ของพระพุทธศาสนาแท้จริง ขอให้พวกเราทุกๆ คน จงนำเอาเป็นตัวอย่างของหลวงปู่แหวนนี้
ไว้สืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป ศาสนาของเราจะได้เจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปข้างหน้า

บางครั้ง..เรา อยู่ นิ่ง ๆ เป็นอยู่ตามปกติของเรา มักจะมีมารมาทดสอบ บารมี ของ เรา อยู่เสมอ
มารนั้นอาจจะมาในรูปแบบสิ่งมีชีวิตที่มีตัวตน เป็นเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย หรือคนรอบข้างก็ได้
...อาจมาในรูปแบบของงานที่ทำ อารมณ์ที่มากระทบกายใจ
...อาจมาในรูปแบบของความเหน็ดเหนื่อยเมื่อล้าหรือความเจ็บปวดก็ได้
เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม....แล้วลุย


การจะเชื่อสิ่งใดก็แล้วแต่ ควรเชื่อด้วยเราได้พิจารณาหาข้อมูล และทดลองมันแล้ว เข้าทำนอง "สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าลองทำ" ในชีวิตการเป็นครูสอนกฏหมาย มักบอกกับลูกศิษย์เสมอว่า อย่าเชื่อในสิ่งที่ครูสอนแต่ให้ฟัง การฟังทำให้ได้ความรู้ไม่ฟังก็ไม่ได้ความรู้ เมื่อฟังแล้วอย่าเชื่อ ให้ไปตรวจสอบศึกษาคำครู เมื่อศึกษาแล้วถ้าพบว่าไม่ตรงอย่างไร ให้บอกด้วย เพราะครูจะได้ทราบว่า ลูกศิษย์ เข้าใจได้แจ้งแทงตลอด ถูกต้องตามนัยยะหรือไม่ หรือตัวครูเองที่พลาดไป เมื่อทราบว่าลูกศิษย์ผิดพลาดอย่างไรจะได้แก้ความเข้าใจให้ถูกต้อง เมื่อทราบว่าตัวเองผิดพลาดอย่างไรจะได้ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง

แม้ตัวครูเองจะเป็นผู้เรียนในศาสตร์ใดก็ตาม ก็จะนำความรู้มาพิจารณาและตรวจสอบความถูกต้องเสมอ และวิจัยความเข้าใจนั้นด้วยตัวเอง

ในโลกนี้ ร้อยเปอร์เซนต์ไม่มี หนึ่งบวกหนึ่งไม่ใช่สองเสมอไป สามลบหนึ่งก็เป็นสองได้ อย่าพูดตามคำใคร อย่าบอกว่าอาหารร้านไหนอร่อยหรือไม่อร่อย ถ้าเราไม่ลองทานมันเอง / ครูนัท

วิญญาณได้มาหลงกายเนื้อว่าเป็นตัว
เป็นตน เป็นเราเป็นของเรา
ความจริงกายเนื้อเป็นสิ่งที่ต้องทิ้ง
ให้เน่าเปื่อยผุพังอยู่ในโลก

...เมื่อวิญญาณมาหลงกายเนื้อ ทำให้
วิญญาณต้องกลาย
เป็นวิญญาณที่หลับใหลไม่ตื่น
เป็นวิญญาณที่ถูกครอบอยู่ใต้โมหะ
ถูกครอบอยู่กับอวิชชา

ไม่มีวัตถุธาตุใดจะยื้อชีวิตไว้ได้
ไม่มีวัตถุมงคลใดจะป้องกันความตายได้
อันมนุษย์หากคิดจะฆ่า คิดจะทำร้ายแล้ว
แม้จะยิงไม่ออก ฟันแทงไม่เข้า มนุษย์นั้นคงหาวิธีใดวิธีหนึ่งพรากเอาชีวิตเราเอาไปจนได้...
สิ่งมงคลที่สุดคือ ความไม่ประมาทในชีวิต
...ธรรมที่จะรักษาชีวิตเราไม่ให้มีภัยกับใครคือ สังคหวัตถุ 4 ประการได้แก่ 1 ทาน จงรู้จักการให้สิ่งดีๆแก่ผู้อื่น ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของคนทั้งหลาย
2 ปิยวาจา จงมีวาจาอันเป็นที่รัก นั่นคือ พูดให้ไพเราะ ไม่พูดหยาบคาย ไม่พูดโกหก และพูดแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตนและผู้ฟัง
3 อัตถจริยา ต้องรู้จักประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น
4 สมานัตตา เมื่อมีธรรมทั้ง 3 ข้อข้างต้นแล้ว ควรวางตนให้เสมอต้นเสมอปลายด้วย.
สิ่งเหล่านี้เมื่อมีแล้วในมนุษย์ผู้ใด มนุษย์ผู้นั้นย่อมมีมิตรมาก เป็นผู้ไม่มีเวร ไม่มีภัยกับใคร สิ่งเหล่านี้ย่อมมีค่ากว่าวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังเป็นไหนๆ

การขอโทษ เป็นวิธีสร้างสันติ
ที่สิ้นเปลืองน้อยที่สุด
เพราะอาศัยถ้อยคำ เพียงไม่กี่คำ ..
หลายสาเหตุบานปลาย เป็นเพราะ
เราไม่รู้จักขอโทษกัน จะด้วยสาเหตุเพราะ
...กลัวเสียหน้า หรือเพราะอหังการ ก็ตาม
เราจึงสูญเสียกันอย่างมากมาย
ยิ่งใช้ความรุนแรงมากต่อกัน
ทั้งโดยวาจา และการกระทำด้วยแล้ว
ความสูญเสียก็ยิ่ง.."ทวีคูณ "

สิ่งที่ยากที่สุดคือ การได้เกิดมาเป็นมนุษย์
แต่สิ่งที่ยากกว่านั้น คือ การได้มีโอกาสอยู่ในกระแสธรรม
มีธรรมะเป็นพลังใจในการดำเนินชีวิต
ต่อสู้กับความทุกข์ในรูปแบบต่างๆ
อันมีสติ(ศีล) สมาธิ และปัญญาเป็นหลักสำคัญ
เพื่อให้ชีวิตพบพานแต่ความสุขที่สมบูรณ์..


มนุษย์มีสัญชาติญาณปกป้องตนเอง เพื่อเอาตัวรอดจากอันตรายที่จะมากระทบกับชีวิต ของตน การปกป้องตนเองมีหลายรูปแบบ การแก้ตัวถือว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการเอาตัวรอด

การแก้ตัวช่วยให้ตนเองพ้นคำตำหนิหรือพ้นโทษได้ ถ้าคำแก้ตัวฟังขึ้น มีเหตุผลและ พิสูจน์ได้ว่าเป็นจริง แต่ถ้าคำแก้ตัวเป็นเพียงเพื่อกลบเกลื่อนความผิด ความบกพร่องที่ตนเป็นอยู่ และถ้าถูกจับได้ เขาอาจได้รับโทษ ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ถ้าเป็นเรื่อง ผิดศีลธรรมก็จะนำความเสื่อมเสียชื่อเสียงมาสู่ตนเองและวงศ์ตระกูล
...
แต่การแก้ไขข้อบกพร่องเมื่อได้รับคำสอนหรือคำเตือนสติ จะช่วยให้ชีวิตของผู้นั้นดีขึ้น

"คนโง่ดูหมิ่นคำสั่งสอนของพ่อแม่
ผู้ที่รับฟังคำเตือนแสดงถึงความฉลาด"
"… ผู้ที่ชังคำตักเตือนจะพบอันตราย"
"... ผู้ที่รับฟังคำตักเตือนก็ได้ความเข้าใจ"

คนฉลาดเห็นคุณค่าคำตักเตือนและรีบแก้ไข คนฉลาดย่อมระลึกได้เสมอว่าไม่มีมนุษย์ ปุถุชนคนใดเพรียบพร้อมโดยไม่มีที่ติ ฉะนั้นถ้าจะมีใครให้ความสว่างทำให้เห็นความบกพร่องของตน ทำให้เราแก้ไขหรือกำจัดสิ่งนั้นก่อนที่มันจะกลายเป็นเนื้อร้ายทำลายชีวิตเราภายหลัง

คนที่หยิ่งผยอง คนที่รักหน้าแต่ไม่รักตัว พวกเขาเกลียดและต่อต้านวินัยชีวิต และเกลียด คำเตือนสติ แต่คนฉลาดเป็นบุคคลที่ถ่อม มีสติและมีปัญญา ไม่ตอบโต้แต่ตอบสนองด้วยพินิจ พิเคราะห์ ถ้าสิ่งใดจริง สิ่งใดดี สิ่งใดมีคุณค่าเขาจะรับไว้ และถ้าสิ่งใดไม่ดีเขาก็จะทิ้งมันเสีย

คนฉลาดและมีความเข้าใจ เขาแก้ที่ตัว ไม่ใช่ แก้ตัว เพราะการแก้ที่ตัวเรานั้นง่ายกว่า การแก้ตัวหรือไปแก้ที่คนอื่น ถ้าเราทุกคนเปิดใจ ถ่อมใจรับการแก้ไขจากคำเตือนสติที่มาจากผู้มี ปัญญาและปราชญ์ทั้งหลาย ชีวิตเราก็จะดีและสูงขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

ฆราวาส สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้....?
----------------------------------------------------------------------------
“ถ้ายังงั้น ฆราวาสอย่างพวกผมก็มีสิทธิ์ปฏิบัติเพื่อให้บรรลุมรรคผลเป็นพระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ กับเขาได้ซีครับหลวงพ่อ” ข้าพเจ้าถามด้วยความอยากรู้

“ใช่แล้ว เป็นได้ทั้งนั้น แต่ถ้าเป็นฆราวาสหากบรรลุมรรคผลนิพพานเป็นพระอรหันต์แล้ว จะต้องตายภายใน ๒๔ ชั่วโมง

อะไรๆ ทั้งหมดรวมลงมาอยู่ที่การพิจารณากาม สุดยอดของกรรมฐานคือกาม ผู้ชายเรา สงสัยข้องใจอะไรมากก็เป็นเพศของผู้หญิง

เมื่อพิจารณา หน้า ตา เนื้อ หนัง อะไรๆ อื่นก็เหมือนกันหมด มันเหมือนกันหมดทั้งชายและหญิงตลอดจนสัตว์อื่น แต่เมื่อพิจารณาหันมา
มองอวัยวะของผู้หญิง นี่ข้องใจจะสะดุดมาก การพิจารณาอย่างนี้พิจารณาได้ยาก แต่จะแก้กาม ต้องพิจารณาตัดที่ตรงนี้"

เหตุแห่งรัก ธ ทรงชี้ว่ามีสอง
เหตุเพราะปองร่วมชิดพิศมัย
เหตุชาติก่อนอยู่ร่วมมาไม่ละไป
ผลชาติใหม่จึงได้พบประสบกัน

...อีกประการเกื้อกูลในชาตินี้
เหมือนบัวที่เกิดในน้ำตามผสาน
อาศัยน้ำและเปือกตมจึงสมกัน
รักเกิดพลันราวศรรักเข้าปักทรวง ฯ / หนอนพระไตรปิฏก

ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ปจฺจุปฺปนฺนหิเตน วา
เอวนฺตํ ชายเต เปมํ อุปลํว ยโถทเกฯ

ความรักนั้นย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุสองประการ คือ
ด้วยการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑
ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑

เหมือนดอกอุบลเมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุสองประการ คือน้ำและเปือกตม ฉะนั้น.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมดา ความรักนี้ย่อมเกิดด้วยเหตุสองประการ คือได้เป็นมารดาบิดา ธิดาบุตร พี่น้องชายพี่น้องหญิง สามีภรรยา หรือสหายมิตรกันในภพก่อน เคยอยู่ร่วมที่เคียงกันมา ความรักนั้นย่อมไม่ละ คงติดตามไปแม้ในภพอื่น เพราะการอยู่ร่วมกันในกาลก่อนอย่างหนึ่ง. อีกอย่างหนึ่ง ความรักนั้นย่อมเกิดเพราะความเกื้อกูลกันในปัจจุบันอันได้ทำในอัตภาพนี้.

ความรักนั้นย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุสองประการฉะนี้ เปรียบเหมือนอุบลในน้ำฉะนั้น คือเหมือนอุบลและบุปผชาติที่เกิดในน้ำต่างๆ เกิดในน้ำ ก็ได้อาศัยเหตุสองอย่าง คือน้ำและเปือกตมฉันใด ความรักก็ย่อมเกิดด้วยเหตุสองประการนี้ฉะนั้น.ดูเพิ่มเติม




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO