นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 05 พ.ค. 2024 9:26 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: พุธ 14 พ.ย. 2012 5:10 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4549
ขันธ์ แปลว่า กอง, หมวด, หมู่, ส่วน ในทางพุทธศาสนาหมายถึงร่างกายของคนเรา คือแยกร่างกายออกเป็นส่วนๆ ตามสภาพได้ 5 ส่วน หรือ 5 ขันธ์

ชาวพุทธไทยมักสับสนระหว่างคำว่า อนิจจัง อนิจจตา และ อนิจจลักษณะ เป็นอย่างมาก. เรื่องนี้ควรทำความเข้าใจว่า ปกติแล้วในคัมภีร์ชั้นอรรถกถา อนิจจัง หมายถึง ตัวขันธ์ 5, ส่วนอนิจจตานั้น หมายถึง อาการความเป็นไปของขันธ์ 5 ได้แก่ อนิจจลักษณะ นั่นเอง.
ในทุกขัง ทุกขตา และทุกขลักษณะก็ให้กำหนดศัพท์ตามนี้เหมือนกัน.

‎"พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า..ชีวิตหนึ่งชีวิต
ที่เกิดมาในชาตินี้ ล้วนเคยผ่านการเวียนว่ายตายเกิด มานับครั้งไม่ถ้วน หากจะนับก็มากกว่าทรายในทะเล และในแต่ละชาติหนึ่งๆก็เคยสร้างกรรมมาทั้งดีและร้าย เอาไว้มากมาย

เช่นเคยเข่นฆ่าสัตว์ทั้งเป็นอาหารและฆ่าด้วยโมหะ โทสะ ให้อารมณ์เจ็บแค้นทุเลาเบาบาง บางทีเคยลักทรัพย์มากบ้างน้อยบ้าง ทำให้จิตเจ้าของทรัพย์อาฆาต ลั่นวาจาสาบแช่ง อาจทำให้เขาเดือดร้อนถึงตาย หรือบางทีเคยผิดลูกผิดเมียผิดประเวณีนานา โกหกหลอกลวง กินเหล้าเมายา วาจาพาคะนอง พาลจองหองทำร้ายผู้อื่นให้เจ็บช้ำน้ำใจ เสียกาย เสียทรัพย์ เกิดความอาฆาตพยาบาทจองเวร

...หรือที่เราเรียกกันว่า"เจ้ากรรม นายเวร" นั่นเอง
ฉะนั้นแล้ว ศีล5ข้อเกี่ยวเนื่องเกี่ยวโยงกันหมด เมื่อเราทุกคนที่เกิดมาพบพระพุทธศาสนาแล้วนี้ จงพากันเล่าเรียนเพียรศึกษา น้อมนำมาปฏิบัติให้เกิดผล หมั่นขอโทษขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวร ตั้งเจตนาใหม่จะเป็นคนดี รักษาศีล ทาน ภาวนา สำรวมกาย วาจา ใจ ไม่ก่อกรรมใหม่ ไม่สร้างเจ้ากรรมนายเวรใหม่ เจริญวิปัสสนากรรมฐาน ให้พบหนทางหลุดจากกองทุกข์ทั้งปวง หากเกิดใหม่มาอีก ยากที่จะหลีกหนีกิเลสได้ หากปัญญายังไม่แจ้ง ไม่ถึงพร้อมยากที่จะหลุดพ้นจากวัฏฏะ
**ขอท่านทั้งหลาย ได้ร่วมกันพิจารณา
ละความชั่วทั้งปวงทำจิตให้ถึงพร้อม
ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เทอญ**

พระพุทธเจ้าตรัสแสดงวิธีที่ลูกจะพึงอุปถัมภ์บำรุงบิดามารดา ในฐานะ ๕ ประการ คือ ...
๑. ภโต เนสํ ภวิสฺสามิ - เมื่อท่านเลี้ยงเรามาแล้วเลี้ยงท่านตอบ
๒. กิจฺจํ เนสํ กริสฺสามิ - ช่วยทำกิจการงานของท่าน
๓. กุลวํสํ เปสฺสามิ - ดำรงวงศ์ตระกูลท่านไว้
๔. ทายชฺชํ ปฏิปชฺชามิ - ปฏิบัติตนสมเป็นทายาทที่ดี
๕. เปตานํ กาลกตานํ ทกฺขิณํ อนุปฺปทสฺสามิ – เมื่อท่านล่วงลับไปแล้วทำบุญอุทิศไปให้ (สิงคาลสูตร ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค)

โลกไร้รูป ไร้นาม สัมผัส จับต้องได้หรือไม่ได้
ก่อบาปก่อบุญได้โดย ไม่รู้ตัว
บาปและบุญเป็นสิ่งที่ละเอียด
พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้หมดแล้ว
รับรู้ได้ด้วยปัญญาญาณ เฉพาะตน
...
แต่มีอย่างเดียว ที่สัมผัสและบันทึกดีชั่ว
ได้ทุกอย่าง คือจิต จิตแต่ละดวง ไม่สูญสลาย
แต่สามารถหลุดพ้นจาก
กองกิเลสทั้งปวงได้
หากปฏิบัติจนแจ้งด้วยปัญญาตน

ตัวอักษร ตัวหนังสือ วจีต่างๆที่หลุดออกมา
แล้วมีผู้รับรู้ได้ยินได้อ่าน ล้วนถูกกลั่นจาก
สมอง หรือปัญญา ของบุคคลนั้นแล้ว
เราเองจึงต้องรับผล ของการกระทำ
นั้นๆเองทั้งหมด ไม่ว่าดี หรือชั่ว
หากมีผลต่อผู้รับ ย่อมเรียกว่ากรรม หรือ "การกระทำ"
โลกออนไลน์ คือเครื่องมือ สะสมบาป สะสมบุญ เช่นเดียวกัน

ผู้ที่มีวัคซีนธรรมะ มีสัมมาทิฐิ มีหิริโอตปะ
คอยเป็นตัวเบรค หรือกำแพงกั้นโลภะ โมหะ โทสะ
ไม่ค่อยน่าห่วง อย่างน้อย ก็เป็นห้ามล้อ
ชะลอความแรงของ กิเลสได้ แต่ ผู้ที่เป็นบัวใต้น้ำ
ในโคลนตม ยังมีอีกมากมาย

หลวงพ่อลี วัดอโศการาม ท่านได้กล่าวว่า
"หากบุคคลที่พอรู้ธรรมแล้วไม่ช่วยบุคคลอื่นให้
ละชั่ว เท่ากับไม่ช่วยพระพุทธเจ้า "

อนัตตตา (อนัตตลักษณะ) - อาการของอนัตตา อาการของสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน อาการที่ไม่มีตัวตน อาการที่แสดงถึงความไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใคร ไม่อยู่ในอำนาจควบคุมของใคร อาการที่แสดงถึงไม่มีตัวตนที่แท้จริงของมันเอง อาการที่แสดงถึงความไม่มีอำนาจแท้จริงในตัวเลย อาการที่แสดงถึงความด้อยสมรรถภาพโดยสิ้นเชิงไม่มีอำนาจกำลังอะไรต้องอาศัยพึงพิงสิ่งอื่นๆมากมายจึงมีขึ้นได้.
บอกกับตนเองเสมอ ไม่ใช่บอกเฉพาะทุกข์ หากแต่บอกตอนสุขด้วย ในวันหนึ่งๆ มนุษย์ปุถุชนอย่างเราๆ มีทั้งสุขและเศร้าเคล้ากันเสมอ ไม่มีใครสุขกายสุขไปทั้งวัน ไม่มีใครทุกข์กายทุกข์ใจไปทั้งวัน ลองพิจารณากายและใจเราให้ดี จะเห็นว่าสุขและทุกข์ ล้วนสลับกันเกิดขึ้นวันละไม่รู่กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มีฐานที่ตั้งจากเหตุไม่รู่กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง และสุดท้าย สุขและทุกข์ที่สลับกันเกิดนั้นมันก็ผ่านไปจริงๆ ผ่านไปแล้วก็มาใหม่ ไม่จบไม่สิ้น เพราะเป็นอนิจจัง (สภาพความไม่เที่ยง) เพราะเป็นทุกขัง (สภาพความเปลี่ยนแปลง) เพราะเป็นอนัตตา (สภาพที่ยึดถือไว้ให้คงอยู่อย่างนั้นไม่ได้) แล้วมันจะผ่านไป เพราะมันเป็นเช่นนั้นเอง

สังขารขันธ์ ในทางพระพุทธศาสนา แบ่งออกเป็น 3
กายสังขาร การปรุงแต่งกาย คือ ลมหายใจ หมายเอาการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายในอิริยาบถต่างๆ
วจีสังขาร การปรุงแต่งวาจา คือ วิตก การตรึก วิจาร การตรอง หมายถึงการคิดปรุงแต่งต่างๆ
จิตสังขาร การปรุงแต่งจิต คือ เจตสิก ได้แก่อารมณ์ต่างๆที่ปรุงแต่งจิตให้มีอาการเป็นไปต่างๆ

"ในชีวิตฉันไม่เคยฆ่าสัตว์เลย ตัวเล็กตัวใหญ่ก็ตาม
ถ้าฆ่าโดยเจตนาแล้วไม่เคยทำ แม้ยุงก็ไม่เคยตบ"

"ในงานศพ ที่มาไหว้ศพน่ะ
เขามาไหว้สัจจธรรมของพระพุทธเจ้านะ
...คือ ท่านตรัสว่า ร่างกายของคนน่ะมันเป็นอนิจจัง..ไม่เที่ยง
เวลาอยู่เป็นทุกข์ในที่สุดก็อนัตตาคือตาย ใครบังคับบัญชาไม่ได้
เวลากราบทีแรก เขานึกถึงพระพุทธเจ้าว่าทรงเทศน์ไว้ถูก
เทศน์ไว้ตรง ข้าพระพุทธเจ้าขอยอมรับนับถือเป็นมรณานุสสติกรรมฐาน

กราบครั้งที่๒ เขานึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์จากพระโอษฐ์ เหมือนดอกมะลิแก้ว แพรวพราวไปด้วยความจริงอันประเสริฐ ทำบุคคลทั้งหลายไม่ให้เมามัน และทำให้เข้าถึงความสุข

กราบครั้งที่๓ นึกถึงพระสงฆ์พระอริยสงฆ์ทั้งหลายที่ท่านร้อยกรองพระธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้ แล้วไม่ปล่อยให้อันตรธานสูญไปรวบรวมเข้าไว้ นี้กราบความดีของพระ๓ พระ นะ

เขาไม่ได้กราบผีกราบศพ"

"ถึงแม้ว่าเราจะมีคาถาอาคมของดีอะไรก็ตาม เราก็ต้องตาย
ก่อนตายควรเลือกทางเดินเอา อย่างน้อยที่สุด
เราควรไปสวรรค์ชั้นกามาวจรให้ได้
ขอให้ทุกคนนะเวลาก่อนหลับ
ให้นึกถึงความดีที่ตนเคยกระทำไว้
ทรัพย์สินที่สละเป็นวิหารทาน
ธรรมทานสังฆทานเลี้ยงพระ
นึกถึงศีลที่ตนเคยรักษา
เทศน์ที่ตนเคยฟังแล้วหมั่นภาวนาถึง
พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
พระพุทโธ ธัมโม สังโฆ

แล้วจะรู้ว่าฉันหวังดีกับลูกหลานเพียงใด
คนไหนทำดีมากไม่ได้ ก็ให้สร้างความดี
2 อย่างที่ฉันต้องการ คือ
๑.อย่าดื่มสุราเมรัย
๒.อย่าลักขโมย อย่าเป็นโจร"

"เมื่อจะเจริญกรรมฐาน ให้ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร๔
ให้เป็นณานสมาธิแน่วแน่ ให้แผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล แล้วจึงพิจารณาตามอารมณ์วิปัสสนาหรือภาวนาตามแบบสมถะ
ทุกคนตายแล้วจงไปสวรรค์ จงไปพรหมโลก จงไปนิพพาน"

โดย หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
ที่มา : โอวาทพระอริยสงฆ์

สังขารในไตรลักษณ์
สังขารหมายถึงร่างกาย ตัวตน สสาร สิ่งที่ประกอบกันขึ้นหรือถูกปรุงแต่งขึ้นจากธาตุ 4 สังขารในความหมายนี้แบ่งเป็น 2 คือ สังขารมีใจครอง (อุปาทินนกสังขาร) คือสิ่งมีชีวิต มีจิตวิญญาณ สามารถเคลื่อนไหว รับ จำ คิด รู้อารมณ์ได้ ได้แก่มนุษย์ อมนุษย์ สัตว์ดิรัจฉาน สังขารไม่มีใจครอง (อนุปาทินนกสังขาร) คือ สิ่งไม่มีชีวิต ไม่มีจิตวิญญาณ รับ จำ คิด รู้อารมณ์ไม่ได้ ได้แก่ต้นไม้ ภูเขา ดิน น้ำ รถ เรือ


ขณะที่เรานั่งสมาธิ ถ้าจิตของเราไม่อยู่กับตัว
ก็เท่ากับเราเสียรายได้ของเราไป รายได้ของเรา คือ อะไร?
รายได้ของเรานี้ก็เปรียบด้วยอาหาร
อาหารของเราจะต้องถูกสัตว์ต่างๆมีแมว หมา เป็นต้นมาแย่งไปกิน
แมวหมานี้เปรียบด้วยอารมณ์ภายนอกต่างๆ
...ได้แก่ ตัวนิวรณ์ทั้ง ๕ ที่เราเอามันมาเลี้ยงไว้ในบ้าน
พอเราเผลอมันก็จะเข้ามาแย่งอาหารในชามของเรา
อาหารนี้ได้แ่ก่ บุญกุศลคุณความดีที่เราควรจะได้รับดูเพิ่มเติม



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO