นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อังคาร 14 พ.ค. 2024 5:36 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 21 ส.ค. 2012 9:18 am 
ออนไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4557
เห็นคลื่น กล่าวคือ ธรรมทั้งหลายในโลกทั้งเทวโลกก็รู้ได้โดยอนุมานว่า 'พระพุทธเจ้าเป็นอัครบุคคล จักมีจริงดุจความที่คลื่น กล่าวคือธรรมแผ่ไปทั่ว' ฉะนั้น.
เห็นภูเขาสูง ก็รู้ได้โดยอนุมานว่า 'ภูเขานั้นสูงจักเป็นภูเขาหิมวันต์' ฉันใด, เห็นภูเขากล่าวคือธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นของเย็นไม่มีอุปธิ เป็นของสูง เป็นของไม่หวั่นไหว ประดิษฐานอยู่ด้วยดีแล้ว ก็รู้ได้โดยอนุมานว่า 'พระผู้มีพระภาคเจ้ามีจริง' ฉะนี้ ฉันนั้น.
เห็นภูเขา กล่าวคือธรรม ก็รู้ได้โดยอนุมานว่า 'พระพุทธเจ้านั้น จักเป็นผู้เลิศเป็นผู้แกล้วกล้ามากแท้จริง.'
มนุษย์ทั้งหลายเห็นรอยเท้าแห่งคชสาร ก็รู้ได้โดยอนุมานว่า 'คชสารนั้นใหญ่จริง' ฉะนี้ ฉันใด, เห็นรอยพระบาทแห่งพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐผู้ให้มีแจ้ง ก้รู้ได้โดยอนุมานว่า 'พระองค์จักเป็นยิ่งจริง' ฉะนี้ ฉันนั้น.
เห็นมฤคน้อยทั้งหลายตกใจกลัว ก็รู้ได้โดยอนุมานว่า 'มฤคน้อยเหล่านี้ตกใจน้อย เพราะสำเนียงแห่งมฤคราช' ฉะนี้ ฉันใด, เห็นเดียรถีย์ทั้งหลายมีใจกลัวมากแล้ว ก็รู้ได้โดยอนุมานว่า 'อันพระพุทธเจ้าผู้ธรรมราชาคุกคามแล้ว' ฉะนี้ ฉันนั้น.
เห็นแผ่นดินเย็นสนิทแล้ว หรือใบไม้สดเขียวมีน้ำมาก ก็รู้ได้โดยอนุมานว่า 'เย็นเพราะมหาเมฆ' ฉะนี้ ฉันใด, เห็นชนนี้ร่าเริงบันเทิงแล้ว ก็รู้ได้โดยอนุมานว่า 'อันเมฆ คือ ธรรมให้เอิบอิ่มแล้ว' ฉะนี้ ฉันนั้น.
เห็นแกลบและตมแผ่นดินเป็นโคลนติดอยู่แล้ว ก็รู้ได้โดยอนุมานว่า 'ลำน้ำเป็นของใหญ่' ฉะนี้ ฉันใด, เห็นชนนี้ ผู้เปื้อนเปรอะแล้วด้วยธุลีและเปือกตม คือ กิเลส ล้างแล้วในแม่น้ำ คือ ธรรม ทิ้งเสียแล้วในทะเล กล่าวคือธรรม, เห็นโลกนี้ทั้งเทวโลกถึงอมฤตธรรมแล้ว ก็รู้ได้โดยอนุมานว่า 'ธรรมขันธ์เป็นของใหญ่' ฉะนี้ ฉันนั้น.
ดมของหอมอย่างสูงสุด ก็รู้ได้โดยอนุมานว่า 'กลิ่นหอมนี้ย่อมฟุ้งไป เพราะฉะนั้น ดอกไม้จักบานแล้ว' ฉะนี้ ฉันใด, กลิ่นหอมคือศีลนี้ ย่อมฟุ้งไปในโลกทั้งเทวโลก, ก็ควรรู้ได้โดยอนุมานว่า 'พระพุทธเจ้าผู้ไม่มีบุคคลอื่นยิ่งกว่า มีจริง' ฉะนี้ ฉันนั้น.
ขอถวายพระพร ผู้มีปัญญาอาจแสดงพระกำลังแห่งพระพุทธเจ้าโดยร้อยโดยพันแห่งปัจจัย โดยร้อยโดยพันแห่งเหตุ โดยร้อนโดยพันแห่งนัย โดยร้อยโดยพันแห่งอุปมาเห็นปานนี้แล. นายมาลาการผู้มีฝีมือ พึงกระทำกองแห่งชั้นดอกไม้แต่กองดอกไม้ต่าง ๆ ให้วิจิตรด้วย พยายามแห่งบุรุษเฉพาะตน ตามคำพร่ำสอนของอาจารย์ ฉันใด, พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น มีพระคุณไม่มีที่สิ้นสุด มีพระคุณอันบุคคลไม่พึงนับดุจกองดอกไม้อันวิจิตร ฉันนั้นแล. บัดนี้อาตมภาพเป็นดุจนายมาลาการผู้ร้องกรองบุปผชาติในพระชินศาสน์ จักสำแดงพระกำลังแห่งพระพุทธเจ้า โดยหนทางแห่งบุรพาจารย์บ้าง โดยกำลังแห่งความรู้ของอาตมภาพบ้าง โดยเหตุและอนุมานที่ไม่พึงนับได้บ้าง, ขอบรมบพิตรยังความพอพระหฤทัย เพื่อทรงสดับให้เกิดในปัญหานี้ ด้วยประการฉะนี้."
ร. "พระนาคเสนผู้เจริญ การสำแดงพระพุทธพละโดยเหตุและอนุมานเห็นปานนี้ ยากที่ชนเหล่าอื่นจะกระทำได้, เพระาปัญหาเวยยากรณ์อันวิจิตรอย่างยิ่งของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าเป็นผู้ดับความสงสัยได้แล้ว."

๙. ธุตังคปัญหา ๘๖

พระเจ้ามิลินท์ ทอดพระเนตรเห็นภิกษุสงฆ์รักษาธุดงค์ คือ ถืออยู่ในป่าเป็นวัตร และทอดพระเนตรเห็นคฤหัสถ์ ตั้งอยู่ในพระอนาคามิผล. เพราะทอดพระเนตรเห็นชนแม้ทั้งสองเหล่านั้นเป็นตนั้นเค้าให้เกิดความสงสัยใหญ่ว่า "ถ้าฆราวาสคิหิชนตรัสรู้ธรรมทั้งหลายได้เหมือนกัน ธุดงคคุณนั้นน่าจะไม่มีผลใหญ่ไพศาล, การย่ำยีคำคนพาลพูดอย่างอื่นในพระไตรปิฎก เป็นการละเอียดนัก จำเราจะซักไซ้ไต่ถาม ท่านผู้มีถ้อยคำอย่างประเสริฐ, ท่านจะได้เปิดเผยแสดงนำความสงสัยของเราเสีย" ดังนี้.
ลำดับนั้น พระเจ้ามิลินท์เสด็จไปหาพระนาคเสนผู้มีอายุ ทรงนมัสการและประทับในที่ควรเป็นปกติแล้ว ได้ตรัสกะพระนาคเสนผู้มีอายุว่า "มีอยูหรือพระนาคเสนผู้เจริญ คฤหัสถ์ผู้มีกรรมเกื้อกูลแก่เรือนเป็นกามโภคี อยู่ครอบครองเรือนอันเป็นที่นอนคับแคบด้วยบุตรและภริยา ใช้สอยแก่นจันทน์เป็นของชาวกาสี ทัดทรงดอกไม้ของหอมและเครื่องลูบไล้ ยินดีทองและเงิน เกล้ามวยผมอันวิจิตรด้วยแก้วมณีแก้ว มุกดาและทองคำ เป็นผู้กระทำให้แจ้งซึ่งนิพพานอันมีประโยชน์อย่างยิ่งเป็นของละเอียด?"
พระเถรเจ้าทูลว่า "ขอถวายพระพร คฤหัสถชนกระทำให้แจ้งซึ่งนิพพานไม่ใช่แต่ร้อยคน สองร้อยคน สามร้อยคน สี่ร้อยคน ห้าร้อนคน พันคน แสนคน ร้อยโกฏิคน พันโกฏิคน แสนโกฏิคน; การตรัสรูของคฤหัสถชนสิบคน ยี่สิบคน ร้อยคน พันคน ยกไว้ก่อน, อาตมภาพจะถวายคำตอบที่ซักถามแด่บรมบพิตร โดยปริยายไหน?"
ร. "นิมนต์พระผู้เป็นเจ้ากล่าวปริยายนั้นเถิด."
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าเช่นนั้น อาตมภาพจักทูลแด่บรมบพิตร, คฤหัสถชนกระทำให้แจ้งซึ่งนิพพานนั้นร้อยคนบ้าง พันคนบ้าง แสนคนบ้าง โกฏิคนบ้าง ร้อยโกฏิคนบ้าง พันโกฏิคนบ้าง แสนโกฏิคนบ้าง. ในเมื่อมีบุคคลผู้ถึงพร้อมซึ่งนิพพาน การพูดถึงข้อปฏิบัติทั้งหลายของผู้กระทำให้แจ้งนิพพานซึ่งอาศัยธุดงคคุณอันประเสริฐ อันเป็นสัลเลขปฏิบัติอาจารย์ ปฏิบัติในพระพุทธพจน์ มีองค์เก้าทั้งปวง ย่อมประชุมลงในธุดงคคุณนี้, เปรียบเหมือนน้ำที่ตกลงในที่ลุ่มที่ดอนที่เสมอและที่ไม่เสมอ น้ำนั้นทั้งหลาย ย่อมไหลแต่ที่ทั้งหลายนั้นไปประชุมลงในทะเล ฉะนั้น. แม้การแสดงเหตุตามความฉลาดรู้ของอาตมภาพ ก็ประชุมลงในธุดงคคุณนี้, เพราะเหตุนี้ ธุดงคคุณนี้จักเป็นของมีประโยชน์ที่จำแนกไว้ดีแล้ว จักเป็นของวิจิตรบริบูรณ์ที่นำมาพร้อมแล้ว, เปรียบเหมือนครูเลขผู้ฉลาดสอนศิษย์ ตั้งจำนวนเลขรายย่อยไว้แล้วผสมรวมให้ครบ ด้วยการแสดงเหตุตามความฉลาดรู้ของตน, จำนวนเลขนั้นจักเป็นของครบบริบูรณ์ไม่บกพร่องฉะนั้น.
ขอถวายพระพร ในพระนครสาวัตถี มีอุบาสกอุบาสิกาผู้เป็นอริยสาวกแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าประมาณห้าโกฏิ ได้ตั้งอยูในพระอนาคามิผลประมาณสามแสนห้าหมื่นเจ็ดพันคน, ชนเหล่านั้นทั้งหลายล้วนเป็นคฤหัสถ์ ไม่ใช่บรรพชิต, ยังอีก สัตว์ทั้งหลายยี่สิบโกฏิได้ตรัสรู้ เพราะยมกปาฏิหาริย์ที่โคนไม้คัณฑามพพฤกษ์ ณ พระนครสาวัตถีนั้น. เทพดาทั้งหลายเหลือที่จะนับได้ตรัสรู้ เพราะมหาราหุโลวาทสูตร มังคลสูตร สมจิตตปริยายสูตร ปราภวสูตร ปุราเภทสูตร กลหวิวาทสูตร จูฬพยูหสูตร มหาพยูหสูตร ตุวฏกสูตร และสารีปุตตสูตร. อุบาสก อุบาสิกาผู้เป็นอริยสาวกแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ประมาณสามแสนห้าหมื่นอยู่ในพระนครราชคฤห, มนุษย์ทั้งหลายเก้าสิบโกฏิ ได้สำเร็จมรรคผลในสมัยเป้นที่ทรมานช้างประเสริฐชื่อ ธนบาล ณ พระนครราชคฤหนั้น, มนุษย์ทั้งหลายสิบสี่โกฏิ ได้สำเร็จมรรคผลในปารายนสมาคม ณ ปาสาณกเจดีย์, เทวดาทั้งหลายแปดสิบโกฎิ ได้สำเร็จมรรคผล ณ ถ้ำชื่ออินทสาลคูหา, พรหมทั้งหลายสิบแปดโกฏิและเทพดาทั้งหลายไม่มีประมาณ ได้บรรลุมรรคผล เพราะประถมเทศนา ณ ป่าอิสิปตนะมฤคทายวัน ใกล้กรุงพาราณสี, เทพดาทั้งหลายแปดสิบโกฏิได้บรรลุมรรคผล เพราะอภิธรรมเทศนา ณ บัณฑุกัมพลศิลาในดาวดึงสพิภพ, มนุษย์และเทพดาทั้งหลายผู้เลื่อมใสสามสิบโกฏิ ได้บรรลุธรรมวิเศษ เพราะโลกวิวรณปาฏิหาริย์ ณ ประตูสังกัสสนครในสมัยเป็นที่ลงจากเทวโลก. เทพดาทั้งหลายเหลือประมาณ ได้บรรลุธรรมวิเศษ เพราะพุทธวังสเทสนา และมหาสมัยสุตตเทสนา ณ นิโครธาราม ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์แดนสักกชนบท. มนุษย์แปดหมื่นสี่พัน ได้บรรลุอริยมรรคอริยผล ในที่สมาคมแห่งนายสุมนมาลาการ ในที่สมาคมแห่งครหทินน์ ในที่สมาคมแห่งอานันทเศรษฐี ในที่สมาคมแห่งชัมพุกาชีวก ในที่สมาคมแห่งมัณฑูกเทพบุตร ในที่สมาคมแห่งมัฏฐกุณฑลีเทวบุตรในที่สมาคมแห่งนางสุลสานครโสภิณี ในที่สมาคมแห่งนางสิริมานครโสภิณี ในที่สมาคมแห่งธิดาช่างหูก ในที่สมาคมแห่งนางจูฬสุภัททา ในที่สมาคมเป็นที่แสดงสุสานะแก่สาเกตพราหมณ์ ในที่สมาคมแห่งสุนาปรันตกะ ในที่สมาคมแห่งสักกปัญหา ในที่สมาคมแห่งติโรกุฑฑกัณฑ์ ในที่สมาคมแห่งรัตนสูตร.
ขอถวายพระพร พระผู้มีพระภาคเจ้ายังดำรงพระชนม์อยู่ในโลกตราบใด พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จสำราญพระอริยาบถอยู่ในสถานที่ใด ๆ ณ มหาชนบททั้งหลายสิบหก ณ มณฑลทั้งหลายสาม เทพดามนุษย์ทั้งหลายสองคนบ้าง สามคนบ้าง สี่คนบ้าง ห้าคนบ้าง ร้อยคนบ้าง พันคนบ้าง แสนคนบ้าง ได้กระทำให้แจ้งนิพพานโดยชุกชุมในสถานนั้น ตราบนั้น. เทพดาเหล่านั้นล้วนเป็นคฤหัสถ์ทั้งนั้น หาใช่บรรพชิตไม่. เทพดาประมาณแสนโกฏิเป็นอเนกเหล่านี้ด้วย เหล่าอื่นด้วย ล้วนเป็นกามโภคีอยู่ครอบครองเคหสถาน ได้กระทำให้แจ้งพระนิพพานอันสงบ เป็นประโยชน์สูงสุด."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ถ้าว่าคฤหัสถ์ทั้งหลายกระทำให้แจงนิพพานได้, ธุดงคคุณทั้งหลายจะให้ประโยชน์อะไรสำเร็จ; ด้วยเหตุนั้นธุดงคคุณทั้งหลายเป็นของหาได้กระทำกิจไม่. พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ถ้าว่าเว้นมนต์และโอสถ โรคย่อมระงับได้, จะต้องการอะไรด้วยการกระทำร่างกายให้ทุพพลภาพ มีอันสำรอกและถ่ายเป็นต้น, ถ้าว่าข่มศัตรูตอบด้วยกำมือได้, จะต้องการอะไรด้วยดาบหอกศรธนูเกาทัณฑ์และไม้ค้อนทั้งหลาย; ถ้าว่าเถาวัลย์และกิ่งไม้เป็นตาคตโพรงหนาม เป็นเครื่องเหนี่ยวขึ้นต้นไม้ได้, จะต้องการอะไรด้วยการแสวงหาพะองที่ยาวมั่นคง; ถ้าว่าการนอนบนแผ่นดินเป็นของเสมอที่นอนตามปกติเดิมได้, จะต้องการอะไรด้วยการแสวงหาที่นอนประกอบด้วยสิริใหญ่ ๆ เป็นที่สัมผัสเป็นสุข; ถ้าว่าคนเดียวเป็นผู้สามารถเดินข้ามที่กันดารประกอบด้วยความรังเกียจมีภัย เป็นที่ไม่เสมอได้, จะต้องการอะไรด้วยการเตรียมผูกสอดศัสตราวุธและแสวงหาเพื่อนมาก ๆ; ถ้าว่าสามารถจะข้ามแม่น้ำและทะเลสาบด้วยกำลังแขนได้, จะต้องการอะไรด้วยสะพานมั่นคงและเรือ; ถ้าว่ากระทำอาหารและเครื่องนุ่งห่มด้วยของมีแห่งตนเองเพียงพอ, จะต้องการอะไรด้วยการคบหาคนอื่นและเจรจาเป็นที่รัก และวิ่งไปข้างหลังข้างหน้า; ถ้าว่าได้น้ำในบ่อสระแล้ว, จะต้องการอะไรด้วยการขุดบ่ออีก ฉันใด, ถ้าว่าคฤหัสถ์กามโภคีบุคคล กระทำใหแจ้งนิพพานได้, จะต้องการอะไรด้วยการสมาทานธุดงคคุณอันประเสริฐฉันนั้นเล่า."
ถ. "ขอถวายพระพร ก็คุณแห่งธุดงค์ทั้งหลายยี่สิบแปดเหล่านี้เป็นคุณมีความเป็นของเป็นจริงอย่างไร ซึ่งพระพุทธเจ้าทั้งปวงรักใคร่ปรารถนา; คุณแห่งธุดงค์ทั้งหลายยี่สิบแปดเป็นไฉน? คือ ธุดงค์ในศาสนานี้
(๑) เป็นของมีอาชีวะบริสุทธิ์.
(๒) เป็นของมีความสุขเป็นผล.
(๓) เป็นของไม่มีโทษ.
(๔) เป็นของไม่ยังผู้อื่นให้ลำบาก.
(๕) เป็นของไม่มีภัย.
(๖) เป็นของไม่เบียดเบียนพร้อม.
(๗) เป็นของมีความเจริญส่วนเดียว.
(๘) เป็นของหาความเสียมิได้.
(๙) เป็นเครื่องรักษาทั่ว.
(๑๐)เป็นเครื่องรักษาทั่ว.
(๑๑)เป็นของให้ผลที่ปรารถนา.
(๑๒)เป็นเครื่องทรมานของสัตว์ทั้งปวง.
(๑๓)เป็นของเกื้อกูลแก่ความระวัง.
(๑๔)เป็นของสมควร.
(๑๕)เป็นของไม่อาศัยตัณหามานะทิฏฐิ.
(๑๖)เป็นเครื่องพ้นพิเศษ.
(๑๗)เป็นเครื่องสิ้นไปแห่งราคะ.
(๑๘)เป็นเครื่องสิ้นไปแห่งโทสะ.
(๑๙)เป็นเครื่องสิ้นไปแห่งโมหะ.
(๒๐)เป็นเครื่องละมานะ.
(๒๑)เป็นเครื่องตัดความตรึกชั่วเสีย.
(๒๒)เป็นเครื่องข้ามความสงสัย.
(๒๓)เป็นเครื่องกำจัดความเกียจคร้านเสีย.
(๒๔)เป็นเครื่องละความไม่ยินดี.
(๒๕)เป็นเครื่องทนทานต่อกิเลส.
(๒๖)เป็นของชั่งไม่ได้.
(๒๗)เป็นของไม่มีประมาณ.
(๒๘)เป็นเครื่องถึงธรรมที่สิ้นไปแห่งสรรพทุกข์.
คุณแห่งธุดงค์ทั้งหลายยี่สิบแปดเหล่านี้แล เป็นคุณมีความเป็นของเป็นจริงอย่างไร ซึ่งพระพุทธเจ้าทั้งปวงรักใคร่ปรารถนา.
ขอถวายพระพร บุคคลเหล่าใด ส้องเสพธุดงคคุณทั้งหลายโดยชอบ บุคคลเหล่านั้น เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยคุณทั้งหลายสิบแปดประการ; คุณสิบแปดประการเป็นไฉน? คือ:-
(๑) อาจาระของบุคคลเหล่านั้นเป็นของบริสุทธิ์ดี.
(๒) ปฏิปทาของบุคคลเหล่านั้นเป็นของเต็มด้วยดี.
(๓) สิ่งที่เป็นไปทางกายและสิ่งที่เป็นไปทางวาจา เป็นของอนบุคคลเหล่านั้นรักษาดีแล้ว.
(๔) มโนสมาจารของบุคคลเหล่านั้นบริสุทธิ์ดี.
(๕) ความเพียรเป็นของอันบุคคลเหล่านั้นประคองไว้ด้วยดี.
(๖) ความเพียรเป็นของอันบุคคลเหล่านั้นประคองไว้ด้วยดี.
(๖) ภัยของบุคคลเหล่านั้นย่อมเข้าไประงับ.
(๗) อัตตานุทิฏฐิของบุคคลเหล่านั้นไปปราศแล้ว.
(๘) ความอาฆาตเป็นของอันบุคคลเหล่านั้นงดเว้นได้.
(๙) เมตตาเป็นของอันบุคคลเหล่านั้นเข้าไปตั้งไว้แล้ว.
(๑๐)อาหารเป็นของอันบุคคลเหล่านั้นกำหนดรู้แล้ว.
(๑๑)บุคคลนั้นเป็นผู้อันสัตว์ทั้งปวงกระทำความเคารพ.
(๑๒)บุคคลนั้นเป็นผู้รู้ประมาณในโภชนะ.
(๑๓)บุคคลนั้นเป็นผู้ประกอบตามความเป็นผู้ตื่น.
(๑๔)บุคคลนั้นเป็นผู้หาที่อยู่ไม่ได้.
(๑๕)บุคคลนั้นเป็นผู้มีอันอยู่ในที่สำราญเป็นปกติ.
(๑๖)บุคคลนั้นเป็นผู้เกลียดบาป.
(๑๗)บุคคลนั้นเป็นผู้มีความเงียบเป็นที่มายินดี.
(๑๘)บุคคลนั้นเป็นผู้ไม่ประมาทเนืองนิตย์.
บุคคลเหล่าใด ส้องเสพธุดงคคุณทั้งหลายโดยชอบ บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้บริบูรณ์ด้วยคุณทั้งหลายสิบแปดประการเหล่านี้แล.
ขอถวายพระพร บุคคลสิบเหล่านี้เป็นผู้ควรสมาทานธุดงคคุณ; คือ:-
(๑) เป็นผู้มีศรัทธา.
(๒) เป็นผู้มีหิริ.
(๓) เป็นผู้มีปัญญา.
(๔) เป็นผู้ไม่ล่อลวง.
(๕) เป็นผู้มีอำนาจในประโยชน์
(๖) เป็นผู้ไม่มีความโลภ.
(๗) เป็นผู้รักความศึกษา.
(๘) เป็นผู้สมาทานมั่น.
(๙) เป็นผู้มีปกติไม่โพนทะนามาก.
(๑๐)เป็นผู้มีเมตตาเป็นธรรมอยู่.
บุคคลสิบเหล่านี้แล เป็นผู้ควรสมาทานธุดงคคุณ.
ขอถวายพระพร คฤหัสถ์กามโภคีบุคคลเหล่าใด กระทำใหแจ้งซึ่งนิพพาน คฤหัสถ์เหล่านั้น ล้วนเป็นผู้มีการปฏิบัติในธุดงค์สิบสาม อันกระทำแล้ว เป็นผู้มีกรรมเป็นภูมิในธุดงค์สิบสามอันกระทำแล้วในชาติก่อน ๆ; คฤหัสถ์เหล่านั้น ยังอาจาระและปฏิบัติในธุดงคคุณสิบสามนั้นให้หมดจดแล้ว จึงกระทำให้แจ้งซึ่งนิพพานในกาลนี้ได้.
ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนคนแผลงศรผู้ฉลาด หัดศิษย์ทั้งหลายในชนิดของแล่งศร การขึ้นคันศร การถือคันศร การบีบไว้ในกำมือ การใช้นิ้วมือ การตั้งเท้า การจับลูกศร การพาดลูกศร การเหนี่ยวมา การตรวจ การเล็งที่หมด การแผลงไป ในการยิงหุ่นหญ้าเครื่องกำบัง กองหญ้า กองฟาก กองดิน โล่ เป้า ในศาลาที่ยิงแล้ว แสดงการยิงให้เป็นที่โปรดปรานในสักของพระราชาแล้ว ย่อมได้รถเทียมอาชาไนย ช้าง ม้า ทรัพย์ควรสงวน เงินและทอง ทาสและทาสี ภริยาบ้านส่วย ฉะนั้น. คฤหัสถ์เว้นการส้องเสพธุดงค์ทั้งหลายในชาติก่อน ๆ ไม่กระทำให้แจ้งพระอรหัตในชาติหนึ่งแท้, คฤหัสถ์กระทำให้แจ้งซึงพระอรหัตก็เพราะความเพียรสูงสุด เพราะการปฏิบัติสูงสุด เพราะอาจาระ และกัลยาณมิตรเห็นปานนั้น.
อนึ่ง เปรียบเหมือนหมอบาดแผล ยังอาจารย์ให้ยินดีด้วยทรัพย์หรือด้วยวัตรปฏิบัติแล้ว ศึกษาเนือง ๆ ซึ่งการจับศัสตรา เชือด กรีด พัน ผูก ถอนลูกศรออก ล้างแผลให้แผลแห้ง ทายาบ่อย ๆ ให้อาเจียน ให้ถ่ายและอบเนือง ๆ เป็นผู้มีการศึกษาอันกระทำแล้วมีมืออันกระทำชำนาญแล้วในวิทยาแพทย์ทั้งหลาย จึงเข้าไปใกล้คนไข้ผู้กระสับกระส่ายทั้งหลายเพื่อแก้ไข ฉันใด; คฤหัสถผู้กระทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน ล้วนได้ปฏิบัติในธุดงคคุณสิบสามในชาติก่อน ๆ ยังอาจาระและจ้อปฏิบัติในธุดงคคุณสิบสามนั้นให้หมดจด จึงเป็นผู้กระทำให้แจ้งซึ่งนิพพานในกาลนี้ได้ ฉันนั้นแล. ธรรมาภิสมัยย่อมไม่มีแก่บุคคลทั้งหลาย ผู้ไม่บริสุทธิ์ด้วยธุดงคคุณทั้งหลาย. เปรียบเหมือนความไม่งอกงามขึ้นแห่งพืชทั้งหลาย เพราะไม่รดน้ำ ฉะนั้น.
อีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนความไปสุคติ ย่อมไม่มีแก่ชนทั้งหลาย ผู้ไม่กระทำกุศล ผู้ไม่ปกระทำกรรมงาม ฉะนั้น.
ขอถวายพระพร ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยแผ่นดิน ด้วยใจความว่า เป็นที่ตั้งอาศัยแห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยน้ำ ด้วยใจความว่า เป็นเครื่องล้างมลทิน คือ กิเลสทั้งปวง แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยยา ด้วยใจความว่า เป็นเครื่องระงับพยาธิ คือ กิเสลทั้งปวง แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยน้ำอมฤต ด้วยใจความว่า เป็นเครื่องให้พิษคือกิเลสหาย แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยนา ด้วยใจความว่า เป็นที่งอกขึ้นแห่งข้าวกล้าคือ สามัญคุณทั้งปวง แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยของที่กระทำให้ยินดี ด้วยใจความว่า เป็นผู้ให้สมบัติอันประเสริฐทั้งปวง ที่ปรารถนาและอยากได้ แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยเรือ ด้วยใจความว่า เป็นเครื่องไปสู่ฝั่งแห่งห้วงทะเลใหญ่คือสงสาร แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยเครื่องป้องกันความขลาด ด้วยใจความว่า เป็นเครื่องกระทำความหายใจคล่อง แห่งบุคคลผู้ขลาดต่อความชราและมรณะ ผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยมารดา ด้วยใจความว่า เป็นผู้ให้สรรพสามัญคุณเกิด แห่งบุคคลผู้ใคร่ความเจริญแห่งกุศล ผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยมิตร ด้วยใจความว่า เป็นผู้ไม่หลอกลวง ในการแสวงหาสรรพสามัญคุณ แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยดอกบัว ด้วยใจความว่า เป็นของอันมลทิน คือสรรพกิเลสไม่ติดอยู่ได้ แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยของหอมอันประเสริฐมีชาติสี่ ด้วยใจความว่า เป็นเครื่องบรรเทาเสียซึ่งของเหม็นคือกิเลส แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยภูเขาใหญ่อันประเสริฐ ด้วยใจความว่าเป็นของไม่หวั่นไหวด้วยลม คือ โลกธรรมทั้งแปด แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยอากาศ ด้วยใจความว่า เป็นของไม่มีที่ยึดถือในที่ทั้งปวง และเป็นของสูงกว้างใหญ่ แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยแม่น้ำ ด้วยใจความว่า เป็นที่ลอยมลทินคือกิเลส แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยคนบอกหนทาง ด้วยใจความว่า เป็นเครื่องนำออกจากกันดารคือชาติ และชัฏป่าคือกิเลส แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยพ่อค้าเกวียนใหญ่ ด้วยใจความว่า เป็นผู้ให้ถึงเมือง คือ นิพพาน ซึ่งเป็นของสูญจากภัยทั้งปวง และเป็นของเกษมไม่มีภัย เป็นของประเสริฐบวร แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยกระจกเช็ดดีไม่ได้มัว ด้วยใจความว่า เป็นเครื่องส่องความเป็นเองของสังขารทั้งหลาย แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยโล่ ด้วยใจความว่า เป็นเครื่องป้องกันไม้ค้อนและศรหอกคือกิเลสแห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยร่ม ด้วยใจความว่า เป็นเครื่องกั้นฝนคือกิเลส และแดดอันร้อนคือไฟสามอย่าง แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยพระจันทร์ ด้วยใจความว่า เป็นของอันบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษอยากได้และปรารถนา.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยพระอาทิตย์ ด้วยใจความว่า เป็นของให้มืดหมอกคือโมหะหายไป แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.
ธุดงคคุณเป็นของเสมอด้วยสาคร ด้วยใจความว่า เป็นที่ตั้งขึ้นแห่งรัตนะอันประเสริฐคือสามัญคุณไม่ใช่อย่างเดียว และด้วยใจความว่า เป็นของจะกำหนดจะนับจะประมาณไม่ได้ แห่งบุคคลผู้ใคร่ความหมดจดพิเศษ.



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: รสมน และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO