นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 12 พ.ค. 2024 2:20 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 16 ส.ค. 2012 10:51 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4555
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าว่าบุคคลทั้งหลายบางพวก แม้ชีวิตก็ย่อมให้, เพราะเหตุไร ครั้นพระโอรสและพระเทวี อันพระเวสสันดรก็ทรงบริจาคดีแล้ว บรมบพิตรจึงยังพระเวสสันดรผู้ทานบดีหนักยิ่ง ให้ไปรอบแล้วเล่า?"
ขอถวายพระพร ปกติของโลก ความสั่งสมของโลก มีอยู่บ้างหรือว่า 'บิดาเป็นหนี้เขา หรือทำการอาศัยเลี้ยงชีพ ย่อมได้เพื่อเพาะปลูกหรือซื้อขายซึ่งบุตร?"
ร. "มีซิ พระผู้เป็นเจ้า บิดาเป็นหนี้เขา หรือทำการอาศัยเลี้ยงชีพ ย่อมได้เพื่อจะเพาะปลูกหรือซื้อขายซึ่งบุตร."
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าว่าบิดาเป็นหนี้เขา หรือทำการอาศัยเลี้ยงชีพ ย่อมได้เพื่อจะเพาะปลูกหรือซื้อขายซึ่งบุตร, พระเวสสันดรเมื่อยังไม่ได้สัพพัญญุตญาณ เป็นผู้วุ่นวายแล้ว ถึงทุกข์แล้ว จึงได้เพาะปลูกและซื้อขายซึ่งพระโอรสและพระเทวี เพื่ออันได้เฉพาะซึ่งทรัพย์ คือ ธรรมนั้น. เพราะเหตุนั้น ทานที่พระเวสสันดรทรงบริจาคแล้วนั่นแล เป็นอันทรงบริจาคแล้ว, กิจที่พระเวสสันดรทรงทำแล้วนั่นแล เป็นอันทรงทำแล้ว.
ขอถวายพระพร ก็บรมบพิตรไม่ทรงเลื่อมใสต่อพระเวสสันดรผู้ทานบดีด้วยทานนั้นเพื่ออะไร?"
ร. "ข้าพเจ้าไม่ติเตียนทานของพระเวสสันดรผู้ทานบดีดอก, ก็แต่พระเวสสันดรควรจะทรงบริจาคพระองค์แทนพระโอรสและพระเทวีแก่ผู้ขอทั้งหลาย."
ถ. "ข้อซึ่งพระเวสสันดร พึงทรงบริจาคพระองค์ท่านแทนพระโอรสและพระเทวีแก่ผู้ขอทั้งหลาย เป็นกิจอันสัตบุรุษไม่ควรทำเลย; อันที่จริง ข้อซึ่งพระเวสสันดรทรงบริจาคพระโอรสและพระเทวีนั้น แก่ผู้ขอทั้งหลาย เป็นกิจของสัตบุรุษทั้งหลาย.
ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนบุรุษผู้หนึ่ง พึงให้นำน้ำควรดื่มมา บุคคลใดให้โภชนะแก่บุรุษนั้น บุคคลนั้นน่าจะเป็นผู้กระทำกิจของบุรุษนั้นบ้างหรือ ขอถวายพระพร?"
ร. "ไม่เป็นอย่างนั้นเลย บุคคลนั้นให้สิ่งที่เขาให้นำมา จึงจะเป็นผู้มีชื่อว่ากระทำกิจของเขา."
ถ. "ครั้นเมื่อพราหมณ์ทูลขอพระโอรสและพระเทวี พระเวสสันดรจึงพระราชทานพระโอรสและพระเทวี ฉันนั้นนั่นเทียวแล.
ขอถวายพระพร หากว่าพราหมณ์พึงทูลขอพระสรีระแห่งพระเวสสันดร, เธอก็คงไม่ทรงรักษาพระองค์ท่านไว้ และคงไม่ทรงหวาดหวั่น ไม่ทรงยินดี, พระสรีระที่พระราชทานแล้วแก่พราหมณ์นั้นคงเป็นอันทรงบริจาคแล้วแท้.
ขอถวายพระพร หากว่าใคร ๆ เข้าไปเฝ้าพระเวสสันดรผู้ทานบดีทูลขอด้วยคำว่า 'ขอพระองค์ท่าน พึงเข้าถึงซึ่งความเป็นทาสแห่งข้าพระองค์,' พระสรีระที่พระราชทานแล้วแก่ผู้ขอนั้น พึงเป็นของที่ทรงบริจาคแล้วแท้, เธอพระราชทานแล้วไม่ทรงเดือดร้อน. เพราะกายของพระเวสสันดรเป็นของทั่วไปแก่สัตว์เป็นอันมาก เปรียบเหมือนชิ้นเนื้อสุก เป็นของทั่วไปแก่สัตว์เป็นอันมาก.
อีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนต้นไม้เผล็ดดอกออกผลแล้ว เป็นของทั่วไปแก่นกต่าง ๆ ฉันใด, พระกายของพระเวสสันดรเป็นของทั่วไปแก่สัตว์เป็นอันมาก ฉันนั้นแล. เพราะเหตุไร? เพราะว่าพระเวสสันดรทรงปริวิตกว่า "เมื่อเราปฏิบัติอย่างนี้ จักถึงสัมมาสัมโพธิญาณ."
ขอถวายพระพร บุรุษไม่มีทรัพย์ ต้องการด้วยทรัพย์ เที่ยวแสวงหาทรัพย์ ย่อมไปสู่ทางที่ถึงทรัพย์ ทางที่เป็นหลักฐานแห่งทรัพย์ ทางที่จะได้บำเหน็จเครื่องยินดี, ย่อมกระทำการค้าขายในทางน้ำทางบก ย่อมยินดีทรัพย์ด้วยกายวาจาใจ ย่อมพยายามเพื่อได้เฉพาะซึ่งทรัพย์ฉันใด; พระเวสสันดรผู้ทานบดี ผู้ไม่มีทรัพย์ ทรงบริจาคของควรสงวน ทาสีทาส ยานพาหนะ สมบัติทั้งสิ้น พระโอรส พระเทวี และพระองค์เอง แก่ผู้ขอทั้งหลาย เพื่ออันได้เฉพาะซึ่งรัตนะ คือ สัพพัญญุตญาณโดยความเป็นทรัพย์แห่งพระพุทธเจ้า แล้วทรงแสวงหาสัมมาสัมโพธิญาณอย่างเดียว ฉันนั้นนั่นแล.
ขอถวายพระพร อีกประการหนึ่ง อมาตย์อยากได้ตรา ทรัพย์ควรสงวนเงินทองอันใดอันหนึ่ง เป็นเหตุให้ได้ตรามีอยู่ในเรือน ให้ของนั้นทั้งหมดแล้ว พยายามเพื่ออันได้เฉพาะซึ่งตรา ฉันใด; พระเวสสันดรผู้ทานบดี ทรงบริจาคทรัพย์เป็นภายนอกภายในนั้นทั้งสิ้น และทรงบริจาคแม้พระชนมชีพ ก็ย่อมแสวงหาสัมมาสัมโพธิญาณอย่างเดียวฉันนั้นนั่นเทียวแล.
ขอถวายพระพร อีกประการหนึ่ง ความปริวิตกอย่างนี้ได้มีแล้วแด่พระเวสสันดรผู้ทานบดีว่า 'พราหมณ์นั่นย่อมขอสิ่งใด เราเมื่อให้สิ่งนั้นนั่นแหละแก่พราหมณ์นั้น จึงเป็นผู้ชื่อว่ากระทำกิจแห่งผู้ขอ,' พระเวสสันดรนั้น จึงได้พระราชทานพระโอรสและพระเทวีแก่พราหมณ์นั้น ด้วยประการอย่างนี้.
ขอถวายพระพร พระเวสสันดรผู้ทานบดี ไม่ได้พระราชทานพระโอรสและพระเทวีแก่พราหมณ์ ด้วยความที่พระโอรสและพระเทวีเป็นที่เกลียดชังเลย ไม่ได้พระราชทานพระโอรสและพระเทวี ด้วยความเป็นผู้ไม่อยากทรงเห็น ไม่ได้พระราชทานพระโอรสและพระเทวี ด้วยทรงพึงว่า 'บุตรและภริยาของเรามากเกิน เราไม่สามารถจะเลี้ยงดูเขา' และจะทรงระอา จึงพระราชทานพระโอรสและพระเทวี ด้วยความเป็นผู้ทรงปรารถนาจะนำออกเสีย ด้วยทรงรำพึงว่า 'บุตรและภริยาไม่เป็นที่รักแห่งเรา' ก็หาไม่; เมื่อเป็นเช่นนี้แล พระเวสสันดรได้ทรงสละบุตรทานอันบวร เป็นของอันบุคคลไม่พึงชั่ง เป็นของไพบูล ไม่มีทานอื่นจะยิ่งกว่า มีราคาสูง เป็นของที่ยังใจให้เจริญเป็นที่รักเสมอด้วยชีวิตเห็นปานนี้แก่พราหมณ์ เพราะเหตุแห่งพระสัพพัญญุตญาณ เพราะความที่แห่งรัตนะ คือ สัพพัญญุตญาณอย่างเดียวเป็นที่รัก.
ขอถวายพระพร แม้คำนี้ อันพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เทพดาล่วงเทพดาทรงภาสิตแล้ว ในจริยาปิฎกว่า:-
"บุตรทั้งสอง ไม่เป็นที่เกลียดชังแห่งเรา, นางมัทรีเทวี ก็ไม่
พึงเป็นที่เกลียดชังแห่งเรา, สัพพัญญุตญาณ เป็นที่รักของเรา,
เพราะเหตุนั้น เราจึงได้ให้บุตรและภริยาเป็นที่รักของเรา."
ขอถวายพระพร บรรดาพระโอรสและพระเทวีนั้น พระเวสสันดรทรงสละบุตรทานแล้วเสด็จเข้าสู่บรรณศาลาบรรทม, ความโศกมีกำลังเกิดขึ้นแล้วแด่เธอ ผู้ถึงแล้วซึ่งความทุกข์ เพราะความรักยิ่ง, หทัยวัตถุของเธอเป็นของเร่าร้อน, ในเมื่อพระนาสิกของเธอไม่พอ เธอจึงทรงระบายลมอัสสาสะปัสสาสะซึ่งเร่าร้อนด้วยพระโอฐ, พระอัสสุของเธอกลายเป็นธารพระโลหิต ไหลออกแล้วแต่พระเนตรทั้งสอง. พระเวสสันดรได้ทรงสละบุตรทานแก่พราหมณ์โดยยาก ด้วยทรงดำริว่า 'หนทางทานของเรา อย่าฉิบหายเสียเลย.'
อีกประการหนึ่ง พระเวสสันดรได้ทรงสละพระโอรสทั้งสองแก่พราหมณ์ อาศัยอำนาจแห่งประโยชน์ทั้งสอง, ประโยชน์ทั้งสองเป็นไฉน? คือ เธอทรงดำริว่า 'หนทางทานของเรา จักไม่เป็นของเสื่อมรอบประการหนึ่ง, ในเมื่อลูกน้อยทั้งสองของเราถึงแล้วซึ่งความลำบากด้วยรากไม้ผลไม้ในป่า พระอัยกาจักทรงเปลื้องเหตุ แต่ความลำบากนี้เสีย ประการหนึ่ง.' แท้จริง พระเวสสันดรย่อมทรงทราบว่า 'ทารกทั้งสองของเรา อันใคร ๆ ไม่อาจใช้สอยด้วยการใช้สอยอย่างทาส, และพระอัยกาจักทรงไถ่ทารกทั้งสองนี้, เมื่อเป็นเช่นนี้ ความกลับไปพระนคร จักมีแม้แก่เราทั้งหลาย.' พระเวสสันดรได้พระราชทานพระโอรสทั้งสองแก่พราหมณ์ อาศัยอำนาจแห่งประโยชน์ทั้งสองนี้แล.
ขอถวายพระพร อีกประการหนึ่ง พระเวสสันดรทรงทราบอยู่ว่า 'พราหมณ์นี้แล เป็นคนแก่เจริญวัย เป็นผู้ใหญ่ทุรพล เป็นคนหลังโกง มีไม้เท้าจ้องไปข้างหน้า มีอายุสิ้นแล้ว มีบุญน้อย, พราหมณ์นี้ จะไม่สามารถเพื่อจะใช้สอยทารกทั้งสองนี้ ด้วยความใช้สอยอย่างทาส.' ก็บุรุษพึงอาจหรือ? เพื่อจะถือเอาซึ่งพระจันทร์และพระอาทิตย์นี้ ผู้มีฤทธิ์มากอย่างนี้ มีอานุภาพมากอย่างนี้ โดยกำลังเป็นปกติ แล้วเก็บไว้ในกระบุงหรือในหีบกระทำไม่ให้มีรัศมี แล้วใช้สอยด้วยการใช้สอยอย่างภาชนะ."
ร. "ไม่อาจเลย."
ถ. "ขอถวายพระพร พระโอรสทั้งสองของพระเวสสันดร ผู้มีส่วนเปรียบด้วยพระจันทร์และพระอาทิตย์ในโลกนี้ อันใคร ๆ ไม่อาจใช้สอยด้วยการใช้สอยอย่างทาส ฉันนั้นนั่นเทียวแล.
บรมบพิตรจงทรงฟังเหตุอันยิ่งแม้อื่นอีก: อันใคร ๆ ไม่อาจพันแก้วมณีของพระเจ้าจักรพรรดิ ซึ่งเป็นของงาม มีชาติเป็นแก้วแปดเหลี่ยม อันกระทำบริกรรมดีแล้ว ยาวได้สี่ศอก กว้างเท่าดุมเกวียนด้วยผ้าเก่าแล้ว เก็บไว้ในตะกร้าแล้ว ใช้สอยด้วยความใช้สอยอย่างเครื่องลับศัสตรา ฉันใด; พระโอรสทั้งสองของพระเวสสันดร ผู้มีส่วนเปรียบด้วยแก้วมณีแห่งพระเจ้าจักรพรรดิในโลก อันใคร ๆ ไม่อาจใช้สอยด้วยการใช้สอยอย่างทาส ฉันนั้นนั่นเทียวแล.
บรมบพิตรจงทรงฟังเหตุอันยิ่งแม้อื่นอีก: พญาช้างผู้ประเสริฐตระกูลอุโบสถ มีมันแตกทั่วโดยส่วนสาม มีอวัยวะทั้งปวงขาว มีอวัยวะตั้งลงเฉพาะเจ็ด สูงแปดศอก ส่วนยาวใหญ่เก้าศอก นำมาซึ่งความเลื่อมใสน่าดู อันใคร ๆ ไม่อาจปิดด้วยกระด้งหรือขัน เช่นลูกโคอันใคร ๆ ไม่อาจขังรักษาไว้ในศอกฉะนั้น ฉันใด; พระโอรสทั้งสองของพระเวสสันดร ผู้มีส่วนเปรียบด้วยพญาช้าง ตระกูลอุโบสถในโลก อันใคร ๆ ไม่อาจใช้สอยด้วยการใช้สอยอย่างทาส ฉันนั้นนั่นเทียวแล.
บรมบพิตรจงทรงฟังเหตุอันยิ่งแม้อื่นอีก: พญาเขาหิมพานต์ซึ่งสูงห้าร้อยโยชน์ ยาวและกว้างสามพันโยชน์ในอากาศ ประดับด้วยยอดแปดหมื่นสี่พัน เป็นแดนเกิดก่อนแห่งแม่น้ำใหญ่ห้าร้อย เป็นที่อยู่แห่งหมู่ภูตใหญ่ ทรงไว้ซึ่งของหอมมีอย่างต่าง ๆ ประดับพร้อมด้วยร้อยแห่งโอสถทิพย์ สูงปรากฏราวกะวลาหกในอากาศ ฉันใด; พระโอรสทั้งสองของพระเวสสันดร ผู้มีส่วนเปรียบด้วยพญาเขาหิมพานต์ในโลก อันใคร ๆ ไม่อาจใช้สอยด้วยการใช้สอยอย่างทาส ฉันนั้นนั่นเทียวแล.
บรมบพิตรจงทรงสดับเหตุอันยิ่งแม้อื่นอีก: กองไฟใหญ่โพลิงอยู่เบื้องบนยอดเขา ย่อมปรากฏในที่ไกล ฉันใด, พระเวสสันดรผู้ราวกะกองไฟใหญ่โพลงอยู่บนยอดเขา ปรากฏในที่ไกล ฉันนั้นนั่นแล, พระโอรสทั้งสองของเธออันใคร ๆ ไม่อาจใช้สอยด้วยการใช้สอยอย่างทาส.
บรมบพิตรจงทรงสดับเหตุอันยิ่งแม้อื่นอีก: ในเมื่อลมพัดตรงพัดไปอยู่ในสมัยดอกนาคบานในหิมวันตบรรพต กลิ่นดอกไม้ย่อมฟุ้งไปสิ้นสิบโยชน์สิบสองโยชน์ ฉันใด, เออก็ กิตติศัพท์ของพระเวสสันดรระบือไปแล้ว และกลิ่นคือศีลอันประเสริฐของเธอฟุ้งไปแล้ว ในพิภพแห่งเทวดา อสูร ครุฑ คนธรรพ์ ยักษ์ รากษส มโหรคะ กินนร และพระอินทร์อันเป็นระหว่างนั้น โดยพันโยชน์ จนถึงอกนิฏฐพิภพ, ด้วยเหตุนั้น พระโอรสทั้งสองของเธอ อันใคร ๆ ไม่อาจใช้สอยด้วยการใช้สอยอย่างทาส ฉันนั้นนั่นเทียวแล.
ขอถวายพระพร พระชาลีกุมารอันพระเวสสันดรผู้พระบิดาทรงพร่ำสอนแล้วว่า "แน่ะพ่อ พระอัยยกาของเจ้าเมื่อจะพระราชทานทรัพย์แก่พราหมณ์ไถ่เจ้าทั้งสองไว้ จงพระราชทานทองคำพันตำลึงแล้วไถ่เจ้าไว้, เมื่อไถ่นางกัณหาชินา จงพระราชทานสวิญญาณกทรัพย์อย่างละร้อย คือทาสร้อยหนึ่ง ทาสีร้อยหนึ่ง ช้างร้อยหนึ่ง ม้าร้อยหนึ่ง โคนมร้อยหนึ่ง โคผู้ร้อยหนึ่ง ทองคำร้อยหนึ่ง แล้วไถ่ไว้; หากว่าพระอัยยกาของเจ้า ทรงรับเจ้าทั้งสองไว้เปล่าแต่มือพราหมณ์ด้วยพระราชอาชญาหรือพระกำลัง, เจ้าทั้งสองอย่าทำตามพระกระแสแห่งพระอัยยกาเลย, แต่จงไปกับพราหมณ์" ทรงพร่ำสอนอย่างนี้แล้วส่งไป. แต่นั้นพระชาลีกุมารเสด็จไปแล้วเป็นผู้อันพระอัยยกาตรัสถามแล้วได้กราบทูลว่า "พระบิดาได้พระราชทานกระหม่อมฉัน ผู้มีราคาพันตำลึงทองคำแก่พราหมณ์, อนึ่ง พระราชทานนางกัณหาชินาแก่พราหมณ์ ด้วยร้อยแห่งช้างฉะนี้."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ปัญหาพระผู้เป็นเจ้าวิสัชนาดีแล้วข่ายคือความเห็น พระผู้เป็นเจ้าทำลายดีแล้ว, ปรัปปวาททั้งหลาย พระผู้เป็นเจ้าย่ำยีดีแล้ว, สมัยลัทธิของตนพระผู้เป็นเจ้าสำแดงดีแล้ว, พยัญชนะพระผู้เป็นเจ้าชำระดีแล้ว, เนื้อความพระผู้เป็นเจ้าจำแนกดีแล้วข้อวิสัชนานั้นสมอย่างนั้น, ข้าพเจ้ายอมรับองอย่างนั้น."

๖. ทุกกรการิกปัญหา ๗๓

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน พระโพธิสัตว์ทั้งสิ้น ย่อมกระทำกิจที่กระทำยาก หรือว่ากิจที่กระทำยากอันพระโพธิสัตว์พระนาคโคดมเท่านั้นทรงกระแล้ว?"
พระเถรเจ้าทูลว่า "ขอถวายพระพร กิจที่กระทำยากย่อมไม่มีแก่พระโพธิสัตว์ทั้งปวง, พระโคดมโพธิสัตว์เท่านั้น ได้ทรงกระทำกิจที่กระยาก."
ร. "ถ้าเมื่อเป็นเช่นนี้ ความมีประมาณต่างกันระหว่างพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย กับพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ย่อมมีละซิ."
ถ. "ขอถวายพระ ความมีประมาณต่างกันด้วยพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย กับพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ย่อมมีโดยเหตุที่ตั้งสี่ประการ, เหตุที่ตั้งสี่ประการเป็นไฉน? คือ ความมีประมาณต่าง คือ ตระกูลหนึ่ง ความมีประมาณต่างคือกาลยืดยาวหนึ่ง ความมีประมาณต่างคืออายุหนึ่ง ความมีประมาณต่าง คือประมาณหนึ่ง. ความมีประมาณต่างกันระหว่างพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย กับพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ย่อมมีโดยเหตุที่ตั้งสี่ประการเหล่านี้แล.
ขอถวายพระพร ก็แต่ความมีประมาณต่างกัน เพราะรูปศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ ความเป็นผู้ไม่ครั่นคร้าม สี่อย่าง กำลังแห่งพระตถาคตสิบประการ ญาณที่ไม่ทั่วไปหกประการพุทธญาณสิบสี่อย่าง พุทธธรรมดาสิบแปดประการ และพุทธธรรมดาทั้งสิ้น ย่อมไม่มีแก่พระพุทธเจ้าทั้งปวง, พระพุทธเจ้าแม้ทั้งปวงเป็นผู้เสมอเหมือนกัน โดยพุทธธรรมดาทั้งหลาย."
ร. "ถ้าพระพุทธเจ้าทั้งปวง เป็นผู้เสมอเหมือนกัน โดยพุทธธรรมดาทั้งหลาย, เพราะเหตุไร กิจที่กระทำยากอันพระโคดมโพธิสัตว์ต้องทรงกระทำแล้ว?"
ถ. "ในเมื่อโพธิญาณยังไม่แก่กล้า พระโคดมโพธิสัตว์จึงออกแล้วเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่, เมื่อพระโคดมโพธิสัตว์จะอบรมญาณซึ่งยังไม่แก่กล้าให้แก่กล้า จึงต้องทรงกระทำกิจที่กระทำยาก."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า เพราะเหตุไร ในเมื่อพระโพธิญาณยังไม่แก่กล้า พระโพธิสัตว์จึงต้องออกเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่? ควรจะรอให้ญาณแก่กล้าเสียก่อน ครั้นญาณแก่กล้าแล้วจึงออกเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่ไม่ใช่หรือ?"
ถ. "ขอถวายพระ พระโพธิสัตว์เห็นเรือน คือ สตรีเป็นของวิปริต เป็นผู้มีความเดือดร้อน, เมื่อเธอมีความเดือดร้อน ความไม่สบายจิตย่อมเกิดขึ้น เทวบุตรผู้เป็นไปในหมู่มารองค์ใดองค์หนึ่งเห็นจิตไม่สบายของเธอเกิดขึ้น จึงคิดว่า 'กาลนี้เป็นกาลเพื่อจะบรรเทาจิตไม่สบายของเธอ' แล้วจึงสถิตในอากาศได้กล่าวคำอย่างนี้ว่า 'แน่ะท่านผู้นิรทุกข์ ๆ ท่านอย่าเป็นผู้กระสันขึ้นเลย ในวันที่เจ็ดแต่วันนี้ จักรรัตนะเป็นทิพย์มีกำพันหนึ่ง พร้อมด้วยกงพร้อมด้วยดุม บริบูรณ์ด้วยอาการทั้งปวง จักปรากฏแก่ท่าน, อนึ่ง รัตนะทั้งหลายที่ไปแล้วในปฐพีหรือตั้งอยู่ในอากาศ จักตั้งขึ้นเองแก่ท่าน, ราชอาณาจักรจักเป็นไปโดยมุขเดียว ในทวีปใหญ่ทั้งสี่มีทวีปน้อยสองพันเป็นบริวาร, และบุตรทั้งหลายของท่านพันกว่า เป็นผู้แกล้วกล้า จักเป็นผู้ย่ำยีเสียซึ่งเสนาแห่งผู้อื่น, ท่านผู้เกลื่อนกล่นด้วยบุตรเหล่านั้น เป็นผู้สมบูรณ์ด้วยรัตนะเจ็ด จักพร่ำสอนประชุมชนทั้งสี่ทวีป.
ขอถวายพระพร หลาวเหล็กร้อนพร้อมตลอดวันซึ่งร้อนในที่ทั้งปวง พึงเข้าไปสู่ช่องหู ฉันใด, คำนั้นเข้าไปแล้วสู่ช่องโสตแห่งพระโพธิสัตว์ ฉันนั้นนั่นเทียว, ด้วยเหตุนั้น เธอกระสันขึ้นแล้วโดยปกติกลัวแล้ว วุ่นวายแล้ว ถึงความสลดแล้วยิ่งกว่าประมาณ เพราะคำแห่งเทพดานั้น. เปรียบเหมือนกองไฟใหญ่ที่สุด กำลังโพลงอยู่ อันบุคคลเผาเข้าด้วยไม้แห้งอย่างอื่น พึงโพลงยิ่งกว่าประมาณ.
อีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนมหาปฐพี ซึ่งชุ่มอยู่แล้วโดยปกติ มีหญ้าเขียวเกิดแล้ว มีน้ำอันบุคคลรดแล้ว เกิดเป็นโคลน ครั้นเมื่อมหาเมฆเป็นไปแล้ว พึงเป็นโคลนยิ่งกว่าประมาณอีกนั่นเทียว."
ร. "พระนาคเสน เออก็ ถ้าว่าจักรรัตนะเป็นทิพย์ พึงเกิดแก่พระโพธิสัตว์ในวันที่เจ็ด พระโพธิสัตว์พึงกลับเพราะจักรรัตนะเป็นทิพย์เกิดแล้วหรือหนอ?"
ถ. "ขอถวายพระพร จักรรัตนะเป็นทิพย์ ไม่พึงเกิดแก่พระโพธิสัตว์ในวันที่เจ็ดเลย, ก็แต่คำนั้น อันเทวดานั้นกล่าวแล้วเท็จ เพื่อประโยชน์แก่อันเล้าโลม. แม้ถ้าว่าจักรรัตนะเป็นทิพย์ พึงเกิดในวันที่เจ็ดจริง พระโพธิสัตว์ก็หากลับไม่. เพราะเหตุอะไร? เพราะว่าพระโพธิสัตว์ได้ถือไว้มั่น ว่าเป็นของไม่เที่ยง ได้ถือไว้มั่น ว่าเป็นทุกข์ ว่าเป็นอนัตตา ถึงแล้วซึ่งความสิ้นไปแห่งอุปาทาน.
ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนน้ำ ย่อมเข้าไปสู่แม่น้ำคงคา แต่สระอโนดาต ย่อมเข้าไปสู่มหาสมุทรแต่แม่น้ำคงคา ย่อมเข้าไปสู่ช่องบาดาลแต่มหาสมุทร, เออก็ น้ำนั้นซึ่งไปแล้วในช่องบาดาล พึงเข้าสู่มหาสมุทร พึงเข้าไปสู่แม่น้ำคงคาแต่มหาสมุทร พึงเข้าไปสู่สระอโนดาต แต่แม่น้ำคงคาอีกหรือหนอ?"
ร. "ไม่พึงเข้าไปเลย."
ถ. "ขอถวายพระพร กุศลอันพระโพธิสัตว์อบรมให้แก่กล้าแล้วสิ้นสื่อสงไขยกับแสนกัปป์ เพราะเหตุแห่งภพนี้, พระโพธิสัตว์นี้นั้นมีภพมีในที่สุดถึงแล้ว โพธิญาณของเธอแก่กล้าแล้ว เธอจักเป็นพระพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้เญยยธรรมทั้งปวง เป็นบุคคลเลิศในโลกโดยหกปี ฉันนั้นนั่นเทียวแล, เออก็ พระโพธิสัตว์จะพึงกลับ เพราะเหตุแห่งจักรรัตนะหรือ ขอถวายพระพร?"
ร. "ไม่ถึงกลับละซิ."
ถ. "ขอถวายพระพร อีกประการหนึ่ง แผ่นดินใหญ่ทั้งป่าทั้งเขาพึงกลับกลายได้, ก็แต่พระโพธิสัตว์ ไม่ถึงสัมมาสัมโพธิญาณแล้วไม่พึงกลับเลย. มหาสมุทรทรงไว้ซึ่งน้ำอันบุคคลนับไม่ได้ยังต้องแห้งเหมือนน้ำในรอยเท้าโค ฉะนั้น, ก็แต่พระโพธิสัตว์ไม่ถึงสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ไม่พึงกลับเลย. ภูเขาสิเนรุอันเป็นพญาเขา พึงแตกร้อยเสี่ยงหรือพันเสี่ยง. ก็แต่พระโพธิสัตว์ไม่ถึงสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ไม่พึงกลับเลย. พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งดาว พึงตากราวกะก้อนดินในแผ่นดินฉะนั้น, ก็แต่พระโพธิสัตว์ไม่ถึงสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ไม่พึงกลับเลย, อากาศคงฉิบหายเช่นเสื่อลำแพน ฉะนั้น, ก็แต่พระโพธิสัตว์ไม่พึงสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ไม่พึงกลับเลย. เพราะเหตุไร? เพราะความที่แห่งเครื่องผูกทั้งปวง เป็นอันพระโพธิสัตว์นั้นทำลายเสียแล้ว."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน เครื่องผูกทั้งหลายในโลกมีเท่าไร?"
ถ. "เครื่องผูกทั้งหลายสิบอย่างเหล่านี้มีอยู่ในโลก ขอถวายพระพร, สัตว์ทั้งหลายอันเครื่องผูกเหล่าไรเล่าผูกไว้แล้ว ย่อมไม่ออกผนวช, ถึงออกก็กลับลาผนวช. เครื่องผูกสิบเหล่าไหน? คือ มารดาเป็นเครื่องผูกในโลกประการหนึ่ง, บิดาเป็นเครื่องผูกในโลกประการหนึ่ง, ภริยาเป็นเครื่องผูกในโลกประการหนึ่ง, บุตรทั้งหลายเป็นเครื่องผูกในโลกประการหนึ่ง, ญาติทั้งหลายเป็นเครื่องผูกในโลกประการหนึ่ง, มิตรทั้งหลายเป็นเครื่องผูกในโลกประการหนึ่ง, ทรัพย์เป็นเครื่องผูกในโลกประการหนึ่ง, ลาภสักการเป็นเครื่องผูกในโลกประการหนึ่ง, อิสริยยศเป็นเครื่องผูกในโลกประการหนึ่ง, กามคุณห้าเป็นเครื่องผูกในโลกประการหนึ่ง. เครื่องผูกสิบเหล่านี้แลมีอยู่ในโลก, เป็นเครื่องผูกสัตว์ไว้มิให้ออกผนวช ถึงออกแล้วก็กลับลาผนวช. เครื่องผูกทั้งสิบประการเหล่านี้ ได้ตัดแล้ว กำจัดแล้ว ทำลายแล้ว. เพราะเหตุนั้นพระโพธิสัตว์จึงไม่กลับ."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ถ้าว่าเมื่อจิตไม่ยินดีเกิดขึ้นแล้ว เพราะคำแห่งเทพดา เมื่อโพธิญาณยังไม่แก่กล้า พระโพธิสัตว์ออกแล้วเพื่อคุณอันยิ่งใหญ่, ประโยชน์อะไรจะพึงมีแก่พระโพธิสัตว์นั้นด้วยกิจที่กระทำยากอันท่านกระทำแล้ว, พระโพธิสัตว์ควรจะรอความแก่กล้าแห่งญาณ ด้วยสิ่งที่เป็นเครื่องเลี้ยงทั้งปวงไม่ใช่หรือ?"
ถ. "ขอถวายพระพร ก็บุคคลสิบเหล่านี้แล เป็นผู้อันเขาดูหมิ่นดูถูกต้องอับอายขายหน้า ถูกเสียดแทง ถูกติเตียน ถูกสบประมาณ ไม่มีใครยำเกรง มีอยู่ในโลก, บุคคลสิบเหล่าไหน? คือ หญิงหม้ายหนึ่ง, บุคคลผู้อ่อนแอไม่มีกำลังหนึ่ง, บุคคลไม่มีมิตรและญาติหนึ่ง, บุคคลกิจจุหนึ่ง, บุคคลผู้ไม่อยู่ในสกุลที่เคารพหนึ่ง, บุคคลมีมิตรเลวทรามหนึ่ง, บุคคลผู้เสื่อมจากทรัพย์หนึ่ง, บุคคลผู้มีมรรยาทเลวหนึ่ง, บุคคลผู้เสื่อมจากการงานหนึ่ง, บุคคลผู้คลายความเพียรหนึ่ง; บุคคลสืบจำพวกเหล่านี้แล เป็นผู้อันเขาดูหมิ่นดูถูก ต้องอับอายขายหน้า ถูกเสียดแทง ถูกติเตียน ถูกสบประมาทไม่มีใครยำเกรง มีอยู่ในโลก. เมื่อพระโพธิสัตว์ระลึกถึงฐานะสิบเหล่านี้แล จึงได้เกิดความสำคัญอย่างนี้ว่า 'เราอย่าพึงเป็นผู้เสื่อมจากการงาน อย่าพึงเป็นผู้คลายความเพียร อย่าพึงเป็นผู้อันเทพดาและมนุษย์ทั้งหลายติเตียน, ไฉนหนอเราพึงเป็นเจ้าจองแห่งการงาน พึงเป็นผู้แข็งขันในการงาน พึงเป็นผู้ปรารภการงานเป็นใหญ่ พึงเป็นผู้มีการงานเป็นปกติ พึงเป็นผู้ควรแก่ธุระ คือ การงาน พึงเป็นผู้มีการงานเป็นที่อยู่ พึงเป็นผู้ไม่ประมาทอยู่.' ขอถวายพระพร พระโพธิสัตว์จะทรงยังญาณให้แก่กล้าจึงได้ทรงกระทำกิจที่กระทำได้ด้วยยาก ด้วยประการฉะนี้แล."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน เมื่อพระโพธิสัตว์กระทำกิจที่กระทำด้วยยาก ได้กล่าวอย่างนี้ว่า 'เราไม่ได้บรรลุอุตตริมนุสสธรรมอลมริยญาณทัสสนะวิเศษด้วยกิจที่กระทำได้ยากเผ็ดร้อนนี้เลย, หนทางอื่นเพื่อปัญญาเครื่องตรัสรู้จะพึงมีหรือหนอแล.' ก็ความลืมสติเพราะปรารภหนทาง ได้มีแล้วแก่พระโพธิสัตว์ในสมัยนั้นบ้างหรือหนอ?"
ถ. "ขอถวายพระพร ก็ธรรมยี่สิบห้าประการเหล่านี้แล เป็นเครื่องกระทำจิตให้อ่อนแอ จิตอันธรรมยี่สิบห้าประการกระทำให้อ่อนแอแล้ว ย่อมไม่ตั้งมั่นโดยชอบ เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย, ธรรมยี่สิบห้าประการเป็นไฉน? คือ ความโกรธหนึ่ง ความผูกโกรธหนึ่ง ความลบหลู่คุณท่านหนึ่ง ความตีเสมอท่านหนึ่ง ความริษยาหนึ่ง ความตระหนี่หนึ่ง ความปิดบังโทษตนไว้หนึ่ง ความอวดตัวหนึ่ง ความกระด้างดื้อดึงหนึ่ง ความแข่งดีหนึ่ง ความถือตัวหนึ่ง ความดูหมิ่นท่านหนึ่ง ความมัวเมาหนึ่ง ความเลินเล่อหนึ่ง ความง่วงเหงาหาวนอนหนึ่ง ความเพลินหนึ่ง ความเกียจคร้านหนึ่ง ความเป็นผู้มีชนบาปเป็นมิตรหนึ่ง รูปหนึ่ง เสียงหนึ่ง กลิ่นหนึ่ง รสหนึ่ง โผฏฐัพพะหนึ่ง ความอยากข้าวอยากน้ำหนึ่ง ความไม่สบายใจหนึ่ง เป็นธรรมกระทำจิตให้อ่อนแอ จิตอันธรรมยี่สิบห้าประการเหล่านี้ อย่างใดอย่างหนึ่งกระทำให้อ่อนแอแล้ว ย่อมไม่ตั้งมั่นโดยชอบ เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย.
ความอยากข้าวและอยากน้ำ ครอบงำแล้วซึ่งกายแห่งพระโพธิสัตว์, เมื่อกายอันความอยากข้าวอยากน้ำครอบงำแล้ว จิตย่อมไม่ตั้งมั่นโดยชอบ เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย.
พระโพธิสัตว์ ได้แสวงหาความตรัสรู้อริยสัจทั้งสี่ในชาตินั้น ๆ สิ้นสี่อสงไขยกับแสนกัปป์. ความลืมสติเพราะปรารภหนทาง จักมีแก่พระโพธิสัตว์นั้น ในชาติเป็นที่ตรัสรู้ ในภพนี้ในภายหลังทำไม?
ขอถวายพระพร อีกประการหนึ่ง คุณชาตสักว่าความสำคัญเกิดขึ้นแก่พระโพธิสัตว์ว่า 'มรรคาอื่นเพื่อปัญญาเครื่องตรัสรู้ จะพึงมีหรือหนอแล.' ในกาลก่อนพระโพธิสัตว์เมื่อประทับอยู่องค์เดียวได้ทรงนั่งขัดสมาธิบนที่บรรทมอันมีสิริ ภายใต้ร่มไม้หว้า เพราะการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแห่งศักยราชผู้พระชนก สงัดแล้วจากกามทั้งหลาย สงัดแล้วจากอกุศลธรรมทั้งหลาย ทรงเข้าปฐมฌานมีปีติและสุขเกิดแต่วิเวก พร้อมทั้งวิตกวิจารอยู่. ฯลฯ เพราะดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสทั้งหลายในกาลก่อน เพราะละเสียซึ่งสุข เพราะละเสียซึ่งทุกข์เข้าจตุตถฌานซึ่งไม่มีสุขไม่มีทุกข์ มีความที่แห่งสติเป้นของบริสุทธิ์เพราะความเพิกเฉยอยู่."
ร. "ดีละ พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ข้อวิสัชนาสมอย่างนั้น, ข้าพเจ้ายอมรับรองอย่างนั้นว่า พระโพธิสัตว์จะทรงยังญาณให้แก่กล้าจึงได้กระทำกิจที่กระทำโดยยาก."





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ



ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร้าง"พระพุทธรูปคู่เมืองสระแก้ว"
ปางสรงน้ำฝน สูง ๑๖.๑๐๓๖ เมตร หรือ ๒,๕๓๖ กระเบียด
ณ อุทธยานพุทธมณฑลสระแก้ว ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว
ในวันอาทิตย์ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๑๔.๑๙ น.

ธนาคารกรุงไทย
ชื่อบัญชี - กองทุนสร้างพระพุทธรูปประจำจังหวัดสระแก้ว
เลขที : 236 - 0 - 41557 - 3




เจอเกี่ยวกับสถานที่ของวัดได้ทรุดโทรมไปมากเนื่องจากการเข้ามาทำลายของลิง ซึ่งทางเจ้าอาวาสอยากได้ปัจจัยศรัทธาจากญาติโยมที่ต้องการบำรุงบูรณะตึกอาคารใหม่แต่ยังขาดปัจจัยพระเกษม จิตุจิธาโน รักษาการเจ้าอาวาสวัดถ้ำผาหมากฮ่อ บ้านไทเจริญ ต.ศรีสงคราม อ.วังสะพุง จ.เลย 089-0531824



ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างองค์พญานาคราชคู่บารมีประดิษฐานกลางหนองน้ำโบราณ
087-6599995


จึงขอเรียนเชิญท่านที่นับถือในองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ผู้ที่ชอบท่องเที่ยวเยี่ยมชมโบราณสถานและวัดวาอารามที่เก่าแก่และ ศักดิ์สิทธิ์ มาร่วมบูรณะและร่วมทำบุญ ณ วัดดอนแก้วไตรรัตนารามได้ ซึ่งมีพระสงฆ์จำพรรษาในปีนี้จำนวน 3 รูป สามเณร 7 รูป เด็กวัด 2 คน แม่ครัว 1 คน (บางวันอาหารไม่พอ ต้องให้แม่ครัวช่วยทำ) และขอเชิญร่วมบริจาคทุนทรัพย์เป็นค่าอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียนโรงเรียน บ้านนามนด้วย (053-460-060 โรงเรียนบ้านนามน)


ขอเชิญผู้มิตศรทธาซื้อที่ดินถวายวัดเขาถ้ำ(ถ้ำดาวราย)
ธ.กรุงไทยสาขาปราณบุรี
บัญชีชื่อวัดถ้ำดาวราย(ที่ดิน)
เลขที่บัญชี716-0-18034-8
หากต้องการใบอนุโมทนาบัตรกรุณาแฟ็กใบโอนเงินพร้อมชื่อนามสกุลมาที่032-623-053




**เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างรูปเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดร**
084-7996763


เชิญร่วมบุญปิดทององค์พระศิวะและท่านท้าวเวสสุวรรณ
081-9981552


ขอเชิญร่วมบุญ เทพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กรอบอุโบสถ วัดทุ่งตลิ่งชัน จ.สุพรรณบุรี
โทร 085-1922001



ขอเชิญร่วมบุญสร้างพระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ๑๓ องค์ กับ "ครูบาเหนือชัย โฆสิโต"
083-0833133


เชิญกัลยาณมิตรทุกท่านร่วมสร้างมหาบารมี
เพื่อสมทบทุนสร้างเครื่องทรงพระแก้วขาว
087-185-1964



ร่วมสร้างบันไดปูนขึ้นสู่ยอดภูน้อย150 ขั้นยอดภูเขา
0877233310


ขอเชิญร่วมหล่อสมเด้จพระพุทธเจ้าองค์ปฐมเนื้อทองคำและรูปเหมือนหลวงปู่แผ้วตามรูปนี้ครับ ณ.วัดสระพัง กำแพงแสน นครปฐม


มุงหลังคาพระอโสถวัดสีหะลำดวน
080- 4846592


ขอเชิญเป็นเจ้าภาพร่วมสร้างอาคารปฏิบัติธรรมและหลวงพ่อปานองค์ใหญ่
ณ วัดปานประสิทธาราม(วัดปีกกา) ต. คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ๐๘๗ ๖๑๓ ๗๗๑๖



เชิญร่วมทำบุญก่อสร้าง ศาลาสัมพุทโธ (อรหันต์ 8 ทิศ)
0857205479



โครงการบูรณะก่อสร้าง 8 โครงการ ณ วัดปันเสา อ.เมือง จ.เชียงใหม่

1. โครงการสร้างวิหาร เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของพระภิกษุ สามเณร และศรัทธาประชาชน


2. โครงการสร้างอาคารปฏิบัติธรรม และอาคารพักรับรองสำหรับฆราวาส เพื่อใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของคณะสงฆ์ และคณะศรัทธา รวมทั้งใช้เป็นสถานที่ฉันภัตตราหารเช้า เพล และใช้ในการพักผ่อนของคณะศรัทธาประชาชนที่เดินทางมาที่วัด รวมถึงใช้เป็นสถานที่พักของประชาชนที่มาเฝ้าญาติที่โรงพยาบาล แต่ไม่มีเงินสำหรับเช่าที่พัก


3. โครงการสร้างอาคารที่พักรับรองพระสงฆ์อาคันตุกะอาพาธ สำหรับเพื่อใช้รับรองพระสงฆ์ที่เดินทางมารอรับการรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาล และมาเยี่ยมญาติ


4. โครงการสร้างอาคารที่พักสำหรับพระสงฆ์ สามเณร ที่จำพรรษาที่วัดปันเสา เพื่อใช้เป็นที่พักสำหรับพระภิกษุ สามเณร โดยมีความกว้าง 5 เมตร ยาว 15 เมตร


5. ศาลาบาตร (วิหารคต) ใช้เป็นพิพิธภัณฑ์พระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ และพระธาตุอริยบุคคลในสยามแผ่นดิน และแผ่นดินล้านนา และใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญบุญ เป็นสถานที่แบ่งเขตพุทธาวาส และเขตสังฆาวาส สร้างด้วยไม้สัก


6. ห้องน้ำ ห้องสุขา สำหรับให้เป็นที่ปลดทุกข์ สรงน้ำ ของพระภิกษุ สามเณร และประชาชนที่เดินทางมาบำเพ็ญบุญที่วัด



7. อาคารสำนักงาน และกุฏิเจ้าอาวาส สำหรับใช้เป็นสถานที่ติดต่อประสานงานภายในวัด และใช้เป็นสถานที่ต้อนรับพระเถระ และคณะศรัทธาประชาชนที่มาร่วมบุญ


8 .หอพระไตรปิฎก และหอประวัติศาสตร์วัดปันเสา ใช้สำหรับเก็บพระไตรปิฎกและโบราณวัตถุที่ค้นพบภายในวัดปันเสา และใช้เป็นสถานที่ศึกษาประวัติศาสตร์ของวัด



สอบถามรายละเอียดร่วมทำบุญได้ที่
ศูนย์ปฏิบัติธรรมวัดปันเสา (พันเสา)
ภายในศูนย์มาลาเรีย เขต 2 จ.เชียงใหม่
ถ.บุญเรืองฤทธิ์ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่
โทร 053-289155 www.watpansao.in.th




เชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาสร้างพระพุทธรูปปางนาคปรก ณ วัดแปลงห้า อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเป็นที่เคารพสักการะแก่ผู้คนทั่วไปที่มาท่องเที่ยวทะเลสาปดอยเต่าและเป็นถาวรวัตถุประดิษฐานไว้ในพระพุทธศาสนาของไทยให้อยู่ตลอดไป




เชิญร่วมทอดผ้าป่าสามคีสมทบทุนสร้างศูนย์บฎิบัติธรรม ท้าวศรีสุทโธนาคราช
089-8355136


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคี สำนักปฎิบัติธรรมป่าห้วยภู
089-997-7591


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ณ วัดประสิทธิเวช คลอง 15 อ.องครักษ์ จ.นครนายก วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 12.00 น. เพื่อจะรวบรวมจตุปัจจัยก่อสร้างซุ้มประตู และกำแพง วัดประสิทธิเวช

เรื่อง พระพุทธโอวาท ก่อนปรินิพพาน โดย อาจารย์ วศิน อินทสระ ที่ชาวพุทธ ควรฟัง อย่างยิ่ง
เชิญ รับฟัง ได้ ที่ เว็บไซต์ http://www.th1.netii.net/index.php/2012-07-01-06-58-05


เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ จัดพิมพ์หนังสือมหัศจรรย์แห่งสังฆทาน หรือสังฆทานตามแนวพระไตรปิฎก พิมพ์ครั้งที่ 2
อ่านรายละเอียด ได้ที่ เว็บไซต์ http://www.th1.netii.net/index.php/2012-06-26-14-01-53




ร่วมบุญ "กองทุนส่งเสริมการศึกษาพระภิกษุ-สามเณร จ.นราธิวาส "
ผู้มีจิตศรัทธาสามารถบริจาคสมทบมูลนิธิฯ ได้ ณ ที่ทำการมูลนิธิฯ หรือผ่านบัญชีเงินฝาก
ธนาคารกรุงไทย สาขาศาลากลางจังหวัดนราธิวาส
ชื่อบัญชี "กองทุนส่งเสริมการศึกษาพระภิกษุ-สามเณร จังหวัดนราธิวาส"
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ : 980-8-09265-9



เชิญเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือประวัติสมเด็จสุก ไก่เถื่อน และธรรมะ(ปกแข็ง)
โทร. 084-651-7023



ร่วมบุญหลวงปู่ทวดยืนมั่งคง
________________________________________
ส่งธนานัติมาร่วมทำบุญ ได้ที่วัดเลย ส่ง พระใบฏีกาเทียนชัย สุภัทโท วัดแม่ตะไคร้ ตู้ปณ.38 สันกำแพง จ.เชียงใหม่ 50130 สั่งจ่ายพระใบฎีกาเทียนชัย หรือโอนเข้าบัญชี ธ.ไทยพานิชย์ 841 - 208519 - 9 สาขาสันกำแพง



ขอเชิญร่วมงานครบรอบคล้ายวันละสังขาร
พระเทพวิสุทธิมงคล (หลวงปู่ศรี มหาวีโร)
ณ.วัดประชาคมวนาราม (ป่ากุง) อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด
วันพุธที่ ๑๕ ถึงวันศุกร์ ที่๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕



โครงการถวายน้ำปานะ 99 วัด
0815682612


ร่วมบุญโรงทานเนื่องในวันทำบุญวันระลึกวันคล้ายวันเกิดของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
กำหนดการ
วันที่ ๗ ต.ค. เวลา ๐๘.๐๐ น. ทําพิธีบวงสรวง ขอขมาพระรัตนตรัย จากนั้นรับสังฆทาน
งานทำบุญวันที่ระลึกวันคล้ายวันเกิดพระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ที่บ้านสายลม มีเจ้าภาพตั้งร้านเลี้ยงอาหาร


ขอเชิญร่วมบุญ ถวายรถ วีแชร์ แก่พระอาพาธโรคอัมพาธ
โทร . ๐๘๕-๖๐๔๔๘๔๙



ช่วยลูกแมวเพิ่งเกิด(แม่แมวโดนวางยาเสียชีวิต)
ติดต่อ0814931427


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO