นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 11 พ.ค. 2024 6:37 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. 09 ส.ค. 2012 7:36 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4555
๒. โพธิสัตตธัมมตาปัญหา ๔๑

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ได้ทรงภาสิตพระพุทธพจน์นี้ไว้ในธรรมปริยายของธรรมดาว่า 'มารดาและบิดาของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายเที่ยงแล้ว อันธรรมดานิยมแล้ว ความตรัสรู้เป็นของอันธรรมดานิยมแล้ว พระอัครสาวกทั้งหลาย อันธรรมดานิยมแล้ว พระอัครสาวกทั้งหลาย อันธรรมดานิยมแล้วพระโอรสอันธรรมดานิยมแล้ว อุปฐากอันธรรมดานิยมแล้วในกาลก่อนเทียว' ดังนี้. ก็พระผู้เป็นเจ้ามากล่าวอีกว่า 'พระโพธิสัตว์สถิตอยู่ในดุสิตพิภพทิพยกาย เลือกมหาวิโลกนะทั้งหลายแปดคือ : เลือกกาลหนึ่ง เลือกทวีปหนึ่ง เลือกประเทศหนึ่ง เลือกตระกูลหนึ่ง เลือกพระชนนีหนึ่ง เลือกอายุหนึ่ง เลือกเดือนหนึ่ง เลือกเนกขัมมะหนึ่ง. พระผู้เป็นเจ้านาคเสน เมื่อญาณยังไม่แก่กล้า ความตรัสรู้ยังไม่มี, ครั้นเมื่อญาณแก่กล้าแล้ว อันพระโพธิสัตว์ไม่อาจเพื่อจะรอ แม้ตลอดระหว่างพริบตาหนึ่ง, ญาณมีในใจแก่กล้าแล้ว อันใคร ๆ ก้าวเกินไม่ได้; เพราะเหตุไร พระโพธิสัตว์จึงเลือกกาลด้วยความดำริว่า 'เราจะเกิดในกาลไร?' เมื่อญาณยังไม่แก่กล้า ความตรัสรู้ย่อมไม่มี, ครั้นเมื่อญาณแก่กล้าแล้ว อันพระโพธิสัตว์นั้น ไม่อาจเพื่อจะรออยู่ แม้ตลอดระหว่างพริบตาหนึ่ง: เพราะเหตุไร พระโพธิสัตว์จึงเลือกตระกูลด้วยทรงดำริว่า 'เราจะเกิดในตระกูลไร?' พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ถ้าว่ามารดาบริดาทั้งหลายของพระโพธิสัตว์เที่ยงแล้ว อันธรรมดานิยมแล้วในกาลก่อนทีเดียว คือมีเกิดกับสำหรับกัน, ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'พระโพธิสัตว์เลือกตระกูล' ดังนี้ นั้นผิด. ถ้าว่าพระโพธิสัตว์เลือกตระกูล ถ้าอย่างนั้น คำว่า 'มารดาและบิดาทั้งหลายของพระโพธิสัตว์เที่ยงแล้ว ในกาลก่อนเทียว' ดังนี้ แม้นั้นก็ผิด. ปัญหาแม้นี้สองเงื่อน มาถึงพระผู้เป็นเจ้าแล้ว, พระผู้เป็นเจ้าพึงขยายให้แจ่มแจ้งเถิด."
พระเถรเจ้าทูลว่า "ขอถวายพระพร มารดาและบิดาทั้งหลายของพระโพธิสัตว์เที่ยงแล้ว อันธรรมดานิยมแล้ว ในกาลก่อนทีเดียว, อนึ่ง พระโพธิสัตว์ย่อมเลือกตระกูลจริง. ก็พระโพธิสัตว์ทรงดำริว่ากระไรแล้วจึงเลือกตระกูล? พระโพธิสัตว์ดำริว่า 'มารดาบิดาทั้งหลายเหล่าใดนี้ มารดาบิดาทั้งหลายเหล่านั้น เป็นกษัตริย์หรือ หรือว่าเป็นพราหมณ์ ทรงดำริอย่างนี้แล้วจึงเลือกตระกูล.
ขอถวายพระพร "ของแปดอย่างที่ยังไม่เคยไปเคยมา บุคคลต้องแลดูก่อนทีเดียว, ของแปดอย่างทั้งหลายอย่างไร: พ่อค้าเมื่อจะค้าขายของต้องแลดูภัณฑะที่ตนจะขายนั้นก่อนหนึ่ง, คชสารเมื่อเดินไปถึงทางที่ตนยังไม่เคยมา ต้องเอางวงสอบสวนเสียก่อนหนึ่ง, พ่อค้าเกวียนต้องแลดูท่าเกวียนที่ตนยังไม่เคยไปเคยมาเสียก่อนหนึ่ง, ต้นหนต้องแลดูฝั่งที่ตนยังไม่เคยไปเคยมาเสียก่อน แล้วจึงแล่นเรือไปหนึ่ง, หมอต้องแลดูพิจารณาอายุของคนไข้ แล้วจึงเข้าไปใกล้คนไข้รับเยียวยารักษาหนึ่ง, ตะพานที่จะข้ามอันบุคคลเมื่อจะขึ้นต้องแลดูพิจารณาให้รู้ว่าตะพานนั้นมั่นหรือไม่มั่นเสียก่อนจึงขึ้นข้ามหนึ่ง, ภิกษุเมื่อจะบริโภคโภชนาหารต้องปัจจเวกขณ์พิจารณาอนาคตก่อนแล้วจึงบริโภคโภชนะได้หนึ่ง, พระโพธิสัตว์ทั้งหลายเมื่อจะหยั่งลงสู่ตระกูลต้องแลดูเลือกตระกูลก่อน ว่าตระกูลนั้นจะเป็นตระกูลกษัตริย์หรือ หรือเป็นตระกูลพราหมณ์หนึ่ง. สิ่งทั้งหลายแปดอย่างนี้ สิ่งที่ยังไม่เคยไปเคยมา บุคคลต้องแลดูพิจารณาก่อนแล."
ร. "ดีละ พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ข้อวิสัชนาปัญหาของพระผู้เป็นเจ้านั้นสมอย่างนั้น, ข้าพเจ้ายอมรับรองอย่างนั้น."

๓. อตัตนิปาตนปัญหา ๔๒

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน พระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ได้ทรงภาสิตพระพุทธพจน์นี้ห้ามไว้ว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอันภิกษุอย่าพึงทำตนให้ตกลง, ถ้าภิกษุรูปใดทำตนให้ตกลง ภิกษุนั้นอันพระวินัยธรพึงให้ทำตามธรรม' ดังนี้. ครั้นมาภายหลัง พระผู้เป็นเจ้ากล่าวอยู่ว่า 'พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงแสดงธรรมแก่สาวกทั้งหลายในที่ใดที่หนึ่ง ย่อมทรงแสดงธรรมเพื่อความขาดขึ้นพร้อมแห่ง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ โดยปริยายมิใช่อย่างเดียว, ก็สัตว์ผู้ใดผู้หนึ่งก้าวล่วง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ เสียด้วยประการทั้งปวง ทรงสรรเสริญผู้นั้นด้วยความสรรเสริญอย่างยิ่ง ดังนี้. พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ถ้าว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสพระพุทธบัญญัติห้ามว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุอย่าพึงกระทำตนให้ตกลง, ถ้าภิกษุรูปใดกระทำตนให้ตกลง ภิกษุรูปนั้นอันพระวินัยธรพึงให้กระทำตามธรรม,' ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงธรรมเพื่อความขาดขึ้นพร้อมแห่ง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ' นั้นผิด. ถ้าว่าพระองค์ทรงแสดงธรรมเพื่อขาดขึ้นพร้อมแห่ง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ, ถ้าอย่างนั้นคำที่ว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุอย่ากระทำตนให้ตกลง, ถ้าภิกษุรูปใดกระทำตนให้ตกลง ภิกษุรูปนั้นอันพระวินัยธรพึงให้กระทำตามธรรม' ดังนี้ แม้นั้นก็ผิด, ปัญหาแม้นี้สองเงื่อน มาถึงพระผู้เป็นเจ้าแล้ว พระผู้เป็นเจ้าพึงขยายให้แจ้งชัดเถิด."
พระเถรเจ้าทูลว่า "ขอถวายพระพร พระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ทรงภาสิตซึ่งพระพุทธพจน์นี้ห้ามไว้ว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุอย่างกระทำตนให้ตกลง, ถ้าภิกษุรูปใดกระทำตนให้ตกลง ภิกษุรูปนั้นอันพระวินัยธรพึงให้กระทำตามธรรม' ดังนี้จริง. และธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงแก่สาวกทั้งหลาย ณ ที่ใดที่หนึ่ง ทรงแสดงแล้วเพื่อความขาดขึ้นพร้อมแห่ง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ โดยปริยายมิใช่อย่างเดียว. ก็พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงห้ามแล้วด้วย ทรงชักชวนแล้วด้วย ด้วยเหตุใด เหตุนั้นในการแสดงธรรมนั้นมีอยู่.
ขอถวายพระพร ภิกษุผู้มีศีลถึงพร้อมแล้วด้วยศีล บริบูรณ์ด้วยศีล เป็นผู้เสมอด้วยยาในการที่จะกระทำพิษ คือ กิเลสของสัตว์ทั้งหลายให้พินาศฉิบหายไป, เป็นผู้เสมอด้วยโอสถ ในการเข้าไประงับพยาธิ คือ กิเลสของสัตว์ทั้งหลาย, เป็นผู้เสมอด้วยน้ำในการล้างละอองธุลี คือ กิเลสของสัตว์ทั้งหลาย, เป็นผู้เสมอด้วยแก้วมณี ในการให้สมบัติทั้งปวงแก่สัตว์ทั้งหลาย, เป็นผู้เสมอด้วยเรือในการไปสู่ฝั่ง คือ นิพพานจากห้วงทั้งสี่ ของสัตว์ทั้งหลาย, เป็นผู้เสมอด้วยหมู่ชนพวกขนสินค้าเป็นไปกับด้วยทรัพย์ ในการที่ได้ข้ามทางกันดาร คือ ชาติของสัตว์ทั้งหลาย, เป็นผู้เสมอด้วยลมในการที่จะยังความร้อนพร้อมด้วยไฟสามกอง คือราคะ โทสะ โมหะ ของสัตว์ทั้งหลายให้ดับ, เป็นผู้เสมอด้วยมหาเมฆ ในการที่จะกระทำใจของสัตว์ทั้งหลายให้บริบูรณ์, เป็นผู้เสมอด้วยอาจารย์ให้ศึกษาสิ่งเป็นกุศลของสัตว์ทั้งหลาย, เป็นผู้เสมอด้วยบุคคลชี้ทางดีในการบอกทางเกษมแก่สัตว์ทั้งหลาย. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติสิกขาบทว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุอย่ากระทำตนให้ตกลง, ถ้าภิกษุรูปใดกระทำตนให้ตกลง ภิกษุรูปนั้นอันพระวินัยธรพึงให้กระทำตามธรรม' ดังนี้ ด้วยความไหวตามแก่สัตว์ทั้งหลายว่า 'ภิกษุผู้มีศีล มีรูปอย่างนี้ มีคุณมาก มีคุณมิใช่อันเดียว มีคุณไม่มีประมาณ เป็นคุณราสีกองคุณ เป็นผู้กระทำความเจริญแก่สัตว์ทั้งหลายอย่าฉิบหายเสียเลย' ดังนี้. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห้ามแล้ว ด้วยเหตุใด เหตุนี้เป็นเหตุในเทศนานี้.
ขอถวายพระพร แม้คำนี้ พระเถระกุมารกัสสปผู้กล่าวธรรมวิจิตร เมื่อแสดงปรโลกแก่ปายาสิราชัญญะ ภาสิตแล้วว่า 'ราชัญญะ สมณะ และพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้มีศีล มีธรรมอันงาม ตั้งอยู่ตลอดกาลยืดยาวนาน ด้วยประการใด ๆ สมณะและพราหมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมปฏิบัติเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนมาก เพื่อสุขแก่ชนมาก เพื่อความไหวตามโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูลและความสุขแก่เทพดา และมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยประการนั้น ๆ, ดังนี้. ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชักชวนสาวกทั้งหลายด้วยเหตุไร? พระองค์ทรงชักชวนสาวกทั้งหลาย เพราะว่า แม้ชาติความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่ก็เป็นทุกข์ ความเจ็บก็เป็นทุกข์ ความตายก็เป็นทุกข์ ความโศกก็เป็นทุกข์ ความร่ำไรรำพันเพ้อด้วยวาจาก็เป็นทุกข์ ความลำบากกายก็เป็นทุกข์ ความลำบากใจก็เป็นทุกข์ ความคับแค้นก็เป็นทุกข์ ความประกอบพร้อมคือประจวบเข้าด้วยสัตว์และสังขารทั้งหลาย ไม่เป็นที่รักก็เป็นทุกข์ ความประกอบปราศ คือ ความพลัดพรากจากสัตว์และสังขารทั้งหลายที่เป็นที่รักเป็นทุกข์ มารดาตายก็เป็นทุกข์ บิดาตายก็เป็นทุกข์ พี่ชายและน้องชายตายก็เป็นทุกข์ พี่หญิงและน้องหญิงตายก็เป็นทุกข์ บุตรตายก็เป็นทุกข์ ภริยาตายก็เป็นทุกข์ ญาติตายก็เป็นทุกข์ ญาติฉิบหายก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่โรคก็เป็นทุกข์ ความฉิบฉายแห่งโภคะก็เป็นทุกข์ ศีลฉิบหายเสียก็เป็นทุกข์ ทิฐิฉิบหายก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่พระมหากษัตริย์ก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่โจรก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่บุคคลมีเวรก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่ข้าวแพงก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่ไฟก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่น้ำก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่คลื่นก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่วังวนก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่จรเข้ก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่ปลายร้ายก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่ติเตียนตนเองก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่บุคคลอื่นเขาติเตียนก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่อาชญาก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่ความครั่นคร้ามแต่บริษัทก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่การเลี้ยงชีพก็เป็นทุกข์ ภัยเกิดแต่มรณะก็เป็นทุกข์ ความตีด้วยหวายก็เป็นทุกข์ ความตีด้วยแส้ก็เป็นทุกข์ ความตีด้วยท่อนไม้กิ่งไม้ก็เป็นทุกข์ ความต้องตัดมือก็เป็นทุกข์ ความต้องตัดเท้าก็เป็นทุกข์ ความต้องตัดมือและเท้าก็เป็นทุกข์ ความตัดหูก็เป็นทุกข์ พิลังคถาลิกะอธิบายว่า เมื่อเขาจะกระทำกรรมกรณ์นั้น เลิกกระบาลศีรษะขึ้น แล้วจึงเอาคีมคีบก้อนเหล็กแดงวางที่ศีรษะนั่น เยื่อในสมองเดือดขึ้น เพราะเหล็กแดงนั้น กรรมกรณ์ชื่อพิลังคถาลิกะนี้ก็เป็นทุกข์ กรรมกรณ์ชื่อสังขมุณฑิกะ อธิบายว่า เมื่อเขาจะทำกรรมกรณ์นั้นถลกหนังด้วยอันเชือดหมวกแห่งหูทั้งสองข้างและก้านแห่งคอ กระทำผมทั้งหลายทั้งปวงให้เป็นขอดแห่งเดียวกัน พันด้วยท่อนไม้ หนังกับผมเลิกขั้นด้วยกัน แต่นั้นเขาครู่สีกะโหลกศีรษะด้วยกรวดหยาบทั้งหลายล้างกระทำให้มีสีเหมือนสีแห่งสังข์ กรรมกรณ์ชื่อสังขมุณฑิกะนี้ก็เป็นทุกข์ กรรมกรณ์ชื่อราหุมุขะอธิบายว่า เมื่อเขาจะทำกรรมกรณ์นั้น เปิดปากด้วยขอเหล็ก ให้ประทีปโพลงในภายในปาก หรือเอาสิ่วเจาะปากตั้งแต่หมวกแห่งหูทั้งหลาย โลหิตไหลเต็มปาก กรรมกรณ์ชื่อราหุมุขะนี้ก็เป็นทุกข์ กรรมกรณ์ชื่อโชติมาลิกะ อธิบายว่า คนผู้ทำกรรมกรณ์ทั้งหลาย เขาพันสรีระทั้งสิ้นด้วยผ้าชุบน้ำมันแล้วจุดไฟ กรรมกรณ์ชื่อโชติมาลิกะนี้ก็เป็นทุกข์ กรรมกรณ์ชื่อหัตถปัชโชติกะ อธิบายว่า ชนผู้กระทำกรรมกรณ์ทั้งหลายเขาพันมือทั้งหลายด้วยผ้าชุบน้ำมันแล้ว ตามไฟให้โพลง ราวกะประทีป กรรมกรณ์เช่นนี้ก็เป็นทุกข์ กรรมกรณ์ชื่อเอรกวัฏฏิกะ อธิบายว่า เมื่อเขาจะกระทำกรรมกรณ์นั้นเชือดอวัยวะให้เนื่องด้วยหนัง ตั้งแต่ภายใต้คอจนถึงข้อเท้าทั้งหลาย เอาเชือกทั้งหลายผูกโจรนั้นฉุดไป โจรนั้นเหยียบเชือกทั้งหลายที่เนื่องด้วยหนังของตนล้มลง กรรมกรณ์เช่นนี้ก็เป็นทุกข์ กรรมกรณ์ชื่อจีรกวาสิกะ อธิบายว่า เมื่อเขาจะทำกรรมกรณ์นั้น เชือดอวัยวะให้เนื่องด้วยหนังอย่างนั้น หยุดอยู่เพียงเอว เชือดตั้งแต่เพียงเอวหยุดอยู่เพียงข้อเท้าทั้งหลาย สรีระภายใต้แต่สรีระเบื้องบนเหมือนนุ่งผ้ากรอง กรรมกรณ์เช่นนี้ก็เป็นทุกข์ กรรมกรณ์ชื่อเอเณยยกะ อธิบายว่า เมื่อเขาจะกระทำกรรมกรณ์นั้น วางห่วงเหล็กทั้งหลายที่ข้อศอกและเข่าทั้งสองแล้วตอกเหลาเหล็กทั้งหลายลง โจรนั้นอาศัยตั้งอยู่ที่พื้นโดยเหลาเหล็กทั้งหลายสี่ บุรุษทั้งหลายผู้ทำกรรมกรณ์จุดไฟล้อมรอบโจรนั้น กรรมกรณ์เช่นนี้ก็เป็นทุกข์ กรรมกรณ์ชื่อพลิสมังสิกะ อธิบายว่า ผู้ทำกรรมกรณ์ทั้งหลาย ประหารปากด้วยเบ็ดทั้งหลายมีปากสองข้าง ถลกหนังและเนื้อและเอ็นขึ้นเสีย กรรมกรณ์เช่นนี้ก็เป็นทุกข์ กรรมกรณ์ชื่อกหาปณกะ อธิบายว่า ผู้ทำกรรมกรณ์ทั้งหลาย ทำสรีระทั้งสิ้นให้ตกไปประมาณเท่ากหาปณะหนึ่ง ๆ ด้วยพร้าทั้งหลายอันคม ตั้งแต่เอว กรรมกรณ์เช่นนี้ก็เป็นทุกข์ กรรมกรณ์ชื่อขาราปฏิจฉกะ อธิบายว่า ผู้กระทำกรรมกรณ์ทั้งหลาย ประการสรีระในที่นั้น ๆ ด้วยอาวุธทั้งหลาย และครู่สีน้ำแสบ ด้วยหญ้าทั้งหลาย หนังและเนื้อและเอ็นทั้งหลายล่อนไป แล้วยังเหลืออยู่แต่ร่างกระดูกเท่านั้น กรรมกรณ์เช่นนี้ก็เป็นทุกข์ กรรมกรณ์ชื่อว่าปลิฆปริวัตติกะอธิบายว่า ผู้กระทำกรรมกรณ์ทั้งหลายนั้น ให้โจรนั้นนอนลงโดยข้าง ๆ หนึ่ง แล้วตอกเหลาเหล็กลงที่ช่องแห่งหู ทำโจรนั้นให้เนื่องเป็นอันเดียวกันด้วยแผ่นดิน ภายหลังจับโจรนั้นที่เท้าชักหมุนไป กรรมกรณ์เช่นนี้ก็เป็นทุกข์ กรรมกรณ์ชื่อปลาลปีฐกะ อธิบายว่า ผู้กระทำกรรมกรณ์ผู้ฉลาดไม่ลอกผิวหนังแล้ว ทำลายกระดูกทั้งหลายด้วยลูกหินบดทั้งหลาย จับที่ผมทั้งหลายยกขึ้นยังมีแต่กองเนื้อเท่านั้น ภายหลังจึงรึงรัดกองเนื้อนั้นด้วยผมทั้งหลายนั่นเดียว จับพันผูกทำให้เหมือนเกลียวแห่งฟาง กรรมกรณ์เช่นนี้ก็เป็นทุกข์ ความรดด้วยน้ำมันอันร้อนก็เป็นทุกข์ ความให้สุนัขทั้งหลายกัดก็เป็นทุกข์ ความต้องยกขึ้นสู่เหลาทั้งเป็นก็เป็นทุกข์ ต้องตัดศีรษะก็เป็นทุกข์ สัตว์ผู้ไปแล้วในสงสารย่อมเสวยทุกข์ทั้งหลายมากอย่างมิใช่อย่างเดียว เห็นปานฉะนี้ ๆ. น้ำเชี่ยวที่ภูเขาชื่อหิมวันต์ ย่อมท่วมทับหินและกรวดและทรายและแร่และรากไม้กิ่งไม้ทั้งหลายในแม่น้ำชื่อคงคา ฉันใด, สัตว์ไปแล้วในสงสาร ย่อมเสวยทุกข์ทั้งหลายมากอย่างมิใช่อย่างเดียว ฉันนั้นเทียวแล. ขันธปัญจกเป็นไปแล้วเป็นทุกข์, ความไม่มีขันธปัญจกเป็นไปแล้วเป็นสุข, พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงแสดงคุณแห่งความไม่มีขันธปัญจกเป็นไปด้วยภัยในขันธปัญจกเป็นไปแล้วด้วย จึงทรงชักชวนสาวกทั้งหลาย เพื่อกระทำให้แจ้งชื่อพระนิพพานเพื่อความก้าวล่วง ชาติ ชรา พยาธิ มรณะเสียด้วยประการทั้งปวง. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงชักชวนสาวกทั้งหลายเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพานด้วยเหตุใด ทุกข์ต่าง ๆ นี้เป็นเหตุนั้นในการชักชวนนี้."
ร. "ดีละ พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ปัญหาพระผู้เป็นเจ้าคลี่คลายขยายดีแล้ว เหตุพระผู้เป็นเจ้ากล่าวดีแล้ว ข้อวิสัชนาปัญหานั้นสมอย่างนั้น, ข้าพเจ้ายอมรับรองอย่างนั้น."

๔. เมตตานิสังสปัญหา ๔๓

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน พระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ทรงภาสิตพระพุทธพจน์นี้ว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมตตาที่เป็นเจโตวิมุตติ บรรลุได้ถึงฌาน อันบุคคลเสพยิ่งแล้ว ให้เจริญแล้ว ให้เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดังยานแล้ว กระทำให้เป็นวัตถุแล้ว ตั้งขึ้นเนือง ๆ แล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภพร้อมดีแล้ว อานิสงส์ทั้งหลายสิบเอ็ดประการ ให้บุคคลผู้นั้นหวังเถิด คือ ถึงจะไม่ปรารถนาก็พึงมีเป็นแน่อานิสงส์สิบเอ็ดประการเป็นไฉน: บุคคลบรรลุเมตตาเจโตวิมุตตินั้นย่อมหลับเป็นสุขหนึ่ง ย่อมกลับตื่นเป็นสุขหนึ่ง ย่อมไม่เห็นสุบินอันลามกหนึ่ง ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลายหนึ่ง ย่อมเป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลายหนึ่ง เทพดาย่อมรักษาบุคคลผู้เจริญเมตตานั้นไว้หนึ่งเพลิง หรือพิษ หรือศัสตราย่อมไม่ก้าวลง คือ ไม่ตกลงในกายของบุคคลผู้เจริญเมตตานั้นได้หนึ่ง จิตของบุคคลผู้เจริญเมตตานั้น ย่อมตั้งมั่นเร็วหนึ่ง พรรณสีแห่งหน้าของบุคคลผู้เจริญเมตตานั้น ย่อมผ่องใสหนึ่ง บุคคลผู้เจริญเมตตานั้นเมื่อจะกระทำกาลกิริยาตาย ย่อมเป็นคนไม่หลงกระทำกาลกิริยาหนึ่ง เมื่อไม่แทงตลอด คือ ไม่ตรัสรู้ธรรมยิ่งขึ้นไปกว่าฌานที่ประกอบด้วยเมตตานั้น ย่อมจะเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลกหนึ่ง' ดังนี้. ภายหลังพระผู้เป็นเจ้ากล่าวอยู่ว่า 'สามะกุมารเป็นผู้มีเมตตาเป็นธรรมเครื่องอยู่ อันหมู่แห่งเนื้อแวดวงเป็นบริวารเที่ยวอยู่ในป่า อันพระมหากษัตริย์ทรงพระนามว่า กปิลยักษ์ ยิงแล้วด้วยลูกศรดื่มยาพิษ สลบแล้วล้มลมในที่นั้นนั่นเทียว' ดังนี้. พระผู้เป็นเจ้านาคเสนถ้าว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้วว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมตตาเป็นเจโตวิมุตติ ฯลฯ บุคคลผู้เจริญเมตตานั้น เมื่อไม่ตรัสรู้ธรรมยิ่งกว่าเมตตาฌานนั้น จะเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลก' ดังนี้. ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'สามะกุมารเป็นผู้มีเมตตาเป็นธรรมเครื่องอยู่ อันหมู่แห่งเนื้อแวดวงเป็นบริวารเที่ยวอยู่ในป่า อันพระเจ้ากปิลยักษ์ยิงแล้วด้วยลูกศรดื่มยาพิษสลบแล้วล้มลงในที่นั้นนั่นเทียว' ดังนี้ นั้นเป็นผิด. ถ้าว่า สามะกุมารมีเมตตาเป็นธรรมเครื่องอยู่ อันหมู่แห่งเนื้อแวดวงเป็นบริวารเที่ยวอยู่ในป่า อันพระเจ้ากปิลยักษ์ยิงแล้วด้วยลูกศรดื่มยาพิษ สลบล้มลงแล้วในที่นั้นนั่นเทียว, ถ้าอย่างนั้นคำที่ว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมตตาที่เป็นเจโตวิมุตติ อันบุคคลเสพยิ่งแล้ว ฯลฯ อานิสงส์ทั้งหลายสิบเอ็ดประการ อันบุคคลพึงหวังเถิด, อานิสงส์สิบเอ็ดประการเป็นไฉน: บุคลผู้เจริญเมตตาแล้ว ย่อมหลับเป็นสุขหนึ่ง ย่อมกลับตื่นเป็นสุขหนึ่ง ย่อมไม่เห็นสุบินอันลามกหนึ่ง ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลายหนึ่ง ย่อมเป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลายหนึ่ง เทพดาย่อมรักษาบุคคลผู้เจริญ เมตตานั้นไว้หนึ่ง เพลิง หรือพิษ หรือศัสตราย่อมไม่ก้าวลง คือ ไม่ตกลงในกายของบุคคลผู้เจริญเมตตานั้นได้หนึ่ง' ฯลฯ ดังนี้ แม้นั้นก็ผิด. ปัญหาแม้นี้สองเงื่อน ละเอียด สุขุม ลึกซึ้ง จะพึงปล่อยเหงื่อในตัวของมนุษย์ทั้งหลายผู้ฉลาดดีให้ออกบ้าง, ปัญหานั้นมาถึงพระผู้เป็นเจ้าแล้ว พระผู้เป็นเจ้าจงสางปัญหานั้น อันยุ่งเหยิงด้วยชัฏใหญ่ จงให้จักษุเพื่อจะขยายแก่ชินโอรสทั้งหลาย."
พระเถรเจ้าทูลว่า "ขอถวายพระพร พระผู้มีพระภาคเจ้า แม้ได้ทรงภาสิตพระพุทธพจน์นี้ว่า 'ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมตตาที่เป็นเจโตวิมุตติอันบุคคลเสพยิ่งแล้ว ให้เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ฯลฯ ปรารภพร้อมดีแล้ว อานิสงส์ทั้งหลายสิบเอ็ดประการ อันบุคคลนั้นหวังเถิด คือ ถึงไม่ปรารถนาก็จะพึงมีเป็นแน่, อานิสงส์สิบเอ็ดประการนั้นเป็นไฉน: บุคคลเจริญเมตตาแล้ว ย่อมหลับเป็นสุขหนึ่ง ย่อมกลับตื่นเป็นสุขหนึ่ง ย่อมไม่เห็นสุบินอันลามกหนึ่ง ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลายหนึ่ง ย่อมเป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลายหนึ่ง เทพดาย่อมรักษาบุคคลผู้เจริญเมตตานั้นไว้หนึ่ง เพลิง หรือพิษ หรือศัสตรา ย่อมไม่ก้าวลง คือ ไม่ตกในกายของบุคคลผู้เจริญเมตตานั้นได้หนึ่ง' ดังนี้. อนึ่ง สามะกุมารเป็นผู้มีเมตตาเป็นธรรมเครื่องอยู่ อันหมู่แห่งเนื้อแวดวงเป็นบริวารเที่ยวอยู่ในป่า อันพระเจ้า
กปิลยักษ์ ยิงแล้วด้วยลูกศรดื่มยาพิษ สลบแล้วล้มลงแล้วในที่นั้นนั่นเทียว. ก็เหตุในข้อนั้นมีอยู่, เหตุในข้อนั้นอย่างไร? เหตุในข้อนั้น คือ คุณทั้งหลายนั้น ไม่ใช่คุณของบุคคล คุณทั้งหลายนั้นเป็นคุณของเมตตาภาวนา ความให้เมตตาเจริญ. สามะกุมารแบกหม้อน้ำไปในขณะนั้น เป็นผู้ประมาทแล้วในเมตตาภาวนา. บุคคลเป็นผู้เข้าถึงพร้อมเมตตาแล้วในขณะใด เพลิง หรือพิษ หรือศัสตราย่อมไม่ก้าวลง คือ ไม่ตกลงในกายของบุคคลนั้นได้ ในขณะนั้น. บุคคลทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งเป็นผู้ใคร่ความฉิบหาย ไม่ใช่ประโยชน์เกื้อกูลแก่บุคคลผู้เจริญเมตตานั้น ครั้นเข้าไปใกล้แล้ว ย่อมไม่เห็นบุคคลผู้เจริญเมตตานั้น ย่อมไม่ได้โอกาสในบุคคลผู้เจริญเมตตานั้น. คุณทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ใช่คุณของบุคคลทั้งหลายนั้น เป็นคุณของเมตตาภาวนา.
ขอถวายพระพร ในโลกนี้ บุรุษเป็นผู้กล้าต่อสงคราม สอดสวมเกราะและร่างข่ายอันข้าศึกทำลายไม่ได้ แล้วลงสู่สงคราม, ลูกศรทั้งหลายอันข้าศึกยิงไปแล้วแก่บุรุษนั้น ครั้นเข้าไปใกล้แล้วตกเรี่ยรายไป, ย่อมไม่ได้โอกาสในบุรุษนั้น; คุณนั้นไม่ใช่คุณของบุรุษผู้กล้าต่อสงคราม คุณนั้นเป็นคุณของเกราะและร่างข่าย อันลูกศรพึงทำลายไม่ได้ ฉันใด; คุณทั้งหลายนั้น ไม่ใช่คุณของบุคคล คุณทั้งหลายนั้นเป็นคุณของเมตตาภาวนา; บุคคลเป็นผู้ถึงพร้อมเมตตาภาวนาแล้ว ในขณะใด ไฟหรือยาพิษ หรือศัสตรา ย่อมไม่ก้าวลง คือ ไม่ตกต้องในกายของบุคคลนั้น ในขณะนั้น, บุคคลทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งใคร่ความฉิบหายไม่ใช่ประโยชน์เกื้อกูลแก่บุคคลนั้น ครั้นเข้าไปใกล้แล้วไม่เห็นบุคคลนั้น ไม่ได้โอกาสในบุคคลนั้น; คุณทั้งหลายนั้น ไม่ใช่คุณของบุคคล คุณทั้งหลายนั้น เป็นคุณของเมตตาภาวนา ฉันนั้นแท้แล.
อีกประการหนึ่ง ในโลกนี้บุรุษพึงทำรากไม้เครื่องหายตัวดังทิพย์ไว้ในมือ, รากไม้นั้นเป็นของตั้งอยู่ในมือของบุรุษนั้นเพียงใด มนุษย์โดยปกติใคร ๆ คนอื่น ย่อมไม่เห็นบุรุษนั้นเพียงนั้น, ขณะที่ไม่เห็นนั้น ไม่ใช่คุณของบุรุษ เป็นคุณของรากไม้เครื่องหายตัว, บุรุษที่มีรากไม้ในมือนั้น ย่อมไม่ปรากฏในคลองแห่งจักษุของมนุษย์โดยปกติทั้งหลาย ด้วยรากไม้ไรเล่า ฉันใด; คุณทั้งหลายนั้น ไม่ใช่คุณของบุคคลคุณทั้งหลายนั้น เป็นคุณของเมตตาภาวนา ความให้เมตตาเจริญ; บุคคลเป็นผู้เข้าถึงพร้อมเมตตาฌานในขณะใด เพลิง หรือยาพิษ หรือศัสตราวุธ ย่อมไม่ตกลงด้วยกายของบุคคลนั้นได้ในขณะนั้น, บุคคลทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่ง เป็นผู้ใคร่ซึ่งความฉิบหายแก่บุคคลนั้น เข้าไปใกล้แล้ว ย่อมไม่เห็นบุคคลนั้น ย่อมไม่ได้โอกาสในบุคคลนั้น; คุณทั้งหลายเหล่านั้น ไม่ใช่คุณของบุคคล คุณทั้งหลายเหล่านั้น เป็นคุณของเมตตาภาวนา ฉันนั้นนั่นเทียวแล ขอถวายพระพร.
อีกนัยหนึ่ง มหาเมฆใหญ่ยังฝนให้ตกพรำ ย่อมไม่อาจเพื่อจะยังบุรุษผู้เข้าไปสู่ที่เป็นที่เร้นใหญ่ อันบุคคลกระทำดีแล้ว ให้ชุ่มได้, ความไม่ชุ่มนั้น ไม่ใช่คุณของบุรุษ, มหาเมฆใหญ่กระทำฝนให้ตกพรำกระทำบุรุษนั้นให้ชุ่มไม่ได้ ด้วยที่เป็นที่เร้นใหญ่ใด ความไม่ชุ่มนั้นเป็นคุณของที่เป็นที่เร้นใหญ่นั้น ฉันใด; คุณทั้งหลายนั้น ไม่ใช่คุณของบุคคล คุณทั้งหลายนั้น เป็นคุณของเมตตาภาวนา, บุคคลเป็นผู้เข้าถึงพร้อมเมตตาฌาน ในขณะใด เพลิงหรือยาพิษ หรือศัสตราวุธย่อมไม่ตกต้องกายของบุคคลนั้นได้ ในขณะนั้น, บุคคลทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ใคร่ความฉิบหายแก่บุคคลนั้น ครั้นเข้าไปใกล้แล้ว ย่อมไม่เห็นบุคคลนั้น ย่อมไม่อาจเพื่อจะกระทำสิ่งที่ไม่เกื้อกูลแก่บุคคลนั้น. คุณทั้งหลายเหล่านี้ ไม่ใช่คุณของบุคคล คุณทั้งหลายเหล่านี้ เป็นคุณของเมตตาภาวนา ความให้เมตตาเจริญ ฉันนั้นนั่นเทียวแล."
ร. "น่าอัศจรรย์ พระผู้เป็นเจ้านาคเสน น่าพิศวง พระผู้เป็นเจ้านาคเสน, เมตตาภาวนาเป็นเครื่องห้ามบาปทั้งปวงเสียได้."
ถ. "ขอถวายพระพร เมตตาภาวนานำกุศลและคุณทั้งปวงมาแก่บุคคลทั้งหลายผู้เกื้อกูลบ้าง แก่บุคคลทั้งหลายผู้ไม่เกื้อกูลบ้าง. สัตว์ทั้งหลายเหล่าใดนั้น ที่เนื่องด้วยวิญญาณ เมตตาภาวนามีอานิสงส์ใหญ่แก่สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นทั้งปวง จึงควรจะส้องเสพไว้ในใจ สิ้นกาลเป็นนิรันดรแล."

๕. กุสลากุสลสมสมปัญหา ๔๔

พระราชาตรัสถามว่า "วิบากของบุคคลกระทำกุศลบ้าง ของบุคคลกระทำอกุศลบ้าง เสมอ ๆ กัน หรือว่าบางสิ่งเป็นของแปลกกัน".
พระเถรเจ้าทูลว่า "ขอถวายพระพร วิบากของกุศลก็ดี ของอกุศลก็ดี มีแปลกกัน, กุศลมีวิบากเป็นสุข ยังความเกิดในสวรรค์ให้เป็นไปพร้อม อกุศลมีวิบากเป็นทุกข์ ยังความเกิดในนรกให้เป็นไปพร้อม."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน พระผู้เป็นเจ้ากล่าวอยู่ว่า 'พระเทวทัตดำโดยส่วนเดียว มาตามพร้อมแล้วด้วยธรรมทั้งหลายดำโดยส่วนเดียว, พระโพธิสัตว์ขาวโดยส่วนเดียว มาตามพร้อมแล้วด้วยธรรมทั้งหลายขาวโดยส่วนเดียว, ก็พระเทวทัตเสมอกันด้วยพระโพธิสัตว์ โดยยศด้วย โดยฝักฝ่ายด้วย ในภพ ๆ บางทีก็เป็นผู้ยิ่งกว่าบ้าง. ในกาลใด พระเทวทัตเป็นบุตรของปุโรหิต ของพระเจ้าพรหมทัตในเมืองพาราณสี, ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เป็นคนจัณฑาล ทรงวิทยา ร่ายวิทยายังผลมะม่วงให้เกิดขึ้นแล้วในสมัยมิใช่กาล; พระโพธิสัตว์เลวกว่าพระเทวทัต โดยชาติและยศก่อนในภพนี้.
คำที่จะพึงกล่าวยังมีอีก: พระเทวทัตเป็นพระราชาเจ้าแห่งปฐพีใหญ่ เป็นผู้พร้อมเพรียงด้วยกามทั้งหลาย ในกาลใด, ในกาลนั้นพระโพธิสัตว์เป็นคชสาร เครื่องอุปโภคของพระมหากษัตริย์นั้น เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยลักษณะทั้งปวง เมื่อไม่อดทนความเยื้องกรายโดยคติของพระเทวทัตนั้น พระราชาปรารถนาจะฆ่า ได้ตรัสแล้วกะนายหัตถาจารย์อย่างนี้ว่า 'ดูก่อนอาจารย์ คชสารของท่านไม่ชำนาญ ท่านจงกระทำเหตุชื่ออากาสคมนะแก่คชสารนั้น;' แม้ในชาตินั้น พระโพธิสัตว์ยังเลวกว่าพระเทวทัต โดยชาติเป็นดิรัจฉานเลวก่อน.
คำที่จะพึงกล่าวยังมีอีก: พระเทวทัตเป็นมนุษย์เที่ยวไปในป่าในกาลใด, ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เป็นวานรชื่อมหากะบี่; แม้ในภพนี้ ยังมีวิเศษแห่งมนุษย์และดิรัจฉานปรากฏอยู่, พระโพธิสัตว์เลวกว่าพระเทวทัตโดยชาติ.
คำที่จะพึงกล่าวยังมีอีก: พระเทวทัตเป็นมนุษย์ เป็นเนสาทชื่อโสณุตตระ มีกำลังกว่า มีกำลังเท่าช้าง ณ กาลใด, ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เป็นพญาช้างชื่อฉัททันต์, พรานนั้นฆ่าคชสารนั้น; แม้ในภพนั้น พระเทวทัตยังเป็นผู้ยิ่งกว่า.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นมนุษย์ เป็นพรานเที่ยวไปในป่าไม่อยู่เป็นตำแหน่ง ณ กาลใด, ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เป็นนกกระทาผู้เพ่งซึ่งมนต์, พรานเที่ยวไปในไพรนั้น ฆ่านกกระทานั้นเสีย ในกาลแม้นั้น; แม้ในภพนั้น พระเทวทัตดีกว่าโดยชาติบ้าง.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นพระเจ้ากรุงกาสี ทรงพระนามว่า กลาปุ ในกาลใด, ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เนดาบสชื่อขันติวาที, พระมหากษัตริย์นั้นกริ้วแล้วแก่ดาบสนั้น ยังราชบุรุษให้ตัดมือและเท้าทั้งหลายของดาบสนั้นเสียดังหล่อแห่งไม้ไผ่; แม้ในชาตินั้น พระเทวทัตผู้เดียวยังภูมิยิ่งกว่า โดยชาติด้วย โดยยศด้วย.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นมนุษย์เที่ยวไปในป่า ณ กาลใด, ในกาลนั้น พระโพติสัตว์เป็นวานรใหญ่ชื่อ นันทิยะ, แม้ในกาลนั้น พรานเที่ยวไปในป่านั้น ฆ่าวานรินทร์นั้นเสีย กบทั้งมารดาและน้องชาย; แม้ในภพนั้น พระเทวทัตผู้เดียวเป็นผู้ยิ่งกว่าโดยชาติ.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นมนุษย์ เป็นอเจลก ชื่อ การัมพิยะในกาลใด, ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เป็นนาคราชาชื่อปัณฑรกะ; แม้ในภพนั้น พระเทวทัตผู้เดียวเป็นผู้ยิ่งกว่าโดยชาติ.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นมนุษย์ชฏิลกะในป่าใหญ่ ณ กาลใด, ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เป็นสุกรใหญ่ชื่อตัจฉกะ; แม้ในภพนั้นพระเทวทัตผู้เดียวยิ่งกว่าโดยชาติ.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตได้เป็นพระราชาชื่อสุรปริจโร ในชนบทชื่อเจดีย์ทั้งหลาย เป็นผู้ไปในอากาศได้ประมาณชั่วบุรุษหนึ่งในเบื้องบน ในกาลใด, ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เป็นพราหมณ์ชื่อกปิละ; แม้ในภพนั้น พระเทวทัตทีเดียวเป็นผู้ยิ่งกว่าทั้งชาติทั้งยศ.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นมนุษย์ชื่อสามะ ในกาลใด, ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เป็นพญาเนื้อชื่อรุรุ; แม้ในภพนั้น พระเทวทัตทีเดียวยิ่งกว่าโดยชาติ.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นมนุษย์ เป็นพรานเที่ยวไปในป่าในกาลใด, ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เป็นช้างใหญ่ พรานนั้นตัดงาทั้งหลายของช้างใหญ่นั้นเสียเจ็ดครั้ง นำไป; แม้ในภพนั้น พระเทวทัตทีเดียวเป็นผู้ยิ่งกว่าโดยกำเนิด.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นสิคาลขัตติยธรรม, ประเทศราชทั้งหลายในชมพูทวีปโดยที่มีประมาณเท่าใด พระยาสิคาละนั้น ได้กระทำแล้วซึ่งพระราชาทั้งหลายเหล่านั้นทั้งปวง ให้เป็นผู้อันตนใช้สอยเนือง ๆ แล้ว ณ กาลใด, ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เป็นบัณฑิตชื่อ วิธูระ; แม้ในภพนั้น พระเทวทัตทีเดียวเป็นผู้ยิ่งกว่าโดยยศ
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นช้าง ฆ่าเสียซึ่งลูกนกทั้งหลายแห่งแม่นกชื่อ ละตุกิกา (นกไสร้) ในกาลใด, ในกาลนั้น แม้พระโพธิสัตว์ได้เป็นช้าง เป็นเจ้าแห่งฝูง; แม้ในภพนั้น ชนทั้งสองเหล่านั้นได้เป็นผู้เสมอ ๆ กัน.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นยักษ์ชื่ออธรรม ในกาลใด, ในกาลนั้น แม้พระโพธิสัตว์เป็นยักษ์ชื่อสุธรรม; แม้ในภพนั้น ชนทั้งสองนั้นเสมอกัน.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นนายเรือ เป็นใหญ่กว่าตระกูลห้าร้อย ในกาลใด, ในกาลนั้น แม้พระโพธิสัตว์เป็นนายเรือ เป็นใหญ่กว่าตระกูลห้าร้อย; แม้ในภพนั้น ชนแม้ทั้งสองเป็นผู้เสมอ ๆ กันบ้าง.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นพ่อค้าเกวียน เป็นใหญ่แห่งเกวียนทั้งหลายห้าร้อย ในกาลใด, ในกาลนั้น แม้พระโพธิสัตว์ก็เป็นพ่อค้าเกวียน เป็นใหญ่แห่งเกวียนห้าร้อย; แม้ในภพนั้น ชนทั้งสองเป็นผู้เสมอ ๆ กัน.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นพญาเนื้อชื่อ สาขะ ณ กาลใด, ในกาลนั้น แม้พระโพธิสัตว์เป็นพญาเนื้อชื่อนิโครธ; แม้ในภพนั้น ชนทั้งสองนั้น เป็นผู้เสมอ ๆ กัน.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นเสนาบดีชื่อ สาขะ ณ กาลใด; พระโพธิสัตว์เป็นพระราชาชื่อนิโครธ ในกาลนั้น; แม้ในภพนั้น ชนแม้ทั้งสองเหล่านั้นเป็นผู้เสมอ ๆ กัน.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นพราหมณ์ชื่อกัณฑหาละ ณ กาลใด, ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เป็นราชกุมารทรงพระนามว่าจันทะ; พราหมณ์ชื่อ กัณฑหาละนี้นั่นเทียว เป็นผู้ยิ่งกว่าในภพนั้น.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นพระราชาชื่อพรหมทัต ณ กาลใด, ณ กาลนั้น พระโพธิสัตว์เป็นบุตรของพระเทวทัตนั้น เป็นราชกุมารชื่อมหาปทุมะ พระราชานั้น ให้ราชบุรุษทิ้งซึ่งบุตรของตนในเหว ณ กาลนั้น; บิดาแหละเป็นผู้ยิ่งกว่า เป็นผู้วิเศษกว่าโดยชาติใดชาติหนึ่ง; แม้ในชาตินั้น พระเทวทัตทีเดียวเป็นผู้ยิ่งกว่า.
อีกชาติหนึ่ง พระเทวทัตเป็นพระราชาชื่อมหาปตาปะ ในกาลใด, ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เป็นกุมารชื่อธรรมปาละ เป็นบุตรของพระราชาชื่อมหาปตาปะนั้น พระราชานั้น ให้ราชบุรุษตัดมือและเท้าทั้งหลายและศีรษะของบุตรของตนเสีย ในกาลนั้น; แม้ในภพนั้น พระเทวทัตทีเดียวเป็นผู้ยิ่งกว่า.
แม้ชนทั้งสองเกิดในศากยตระกูล แม้ในกาลนี้ในวันนี้, พระโพธิสัตว์จะได้เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าโลกนายก, พระเทวทัตจะได้บวชแล้วในศาสนาของพระพุทธเจ้า ผู้เป็นเทพดาล่วงเทพดานั้น กระทำฤทธิ์ให้เกิดแล้ว ได้กระทำแล้ว ซึ่งอาลัยของพระพุทธเจ้า. พระผู้เป็นเจ้านาคเสน คำใดที่ข้าพเจ้ากล่าวแล้ว คำนั้นทั้งปวง จะถูกหรือ ๆ จะผิด"
ถ. "ขอถวายพระพร บรมบพิตรตรัสเหตุมีอย่างมากใดนั้น เหตุนั้นทั้งปวงถูก ไม่ผิด."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ถ้าว่ากรรมดำบ้าง กรรมขาวบ้าง มีคติเสมอกัน, ถ้าอย่างนั้น กุศลบ้าง อกุศลบ้าง มีวิบากเสมอกัน."
ถ. "ขอถวายพระพร กุศลบ้าง อกุศลบ้าง จะมีวิบากเสมอกันหามิได้, กุศลบ้าง อกุศลบ้าง ซึ่งจะมีวิบากเสมอกัน หามิได้, พระเทวทัตผิดแล้วกว่าชนทั้งปวง, พระโพธิสัตว์ไม่ผิดแล้วกว่าชนทั้งปวงทีเดียว, ความผิดในพระโพธิสัตว์ของพระเทวทัตนั้น อันใด ความผิดนั้น ย่อมสุก ย่อมให้ผลในภพนั้น ๆ. แม้พระเทวทัตนั้น ตั้งอยู่ในความอิสระแล้ว ให้ความรักษาทั่วในชนบททั้งหลาย, ให้คนทำสะพานโรงสภาบุญศาลา, ให้ทานเพื่อสมณะและพราหมณ์ทั้งหลาย เพื่อคนกำพร้า คนเดินทางไกล คนวณิพกทั้งหลาย และคนนาถะอนาถะ ทั้งหลายตามความปรารถนา; พระเทวทัตนั้น ได้สมบัติทั้งหลายในภพด้วยวิบากของกรรมเป็นกุศล คือ สร้างสะพานและโรงสภา และศาลาเป็นที่บำเพ็ญบุญ และการบริจาคทั้งหลายนั้น. ใคร ๆ จะอาจเพื่อจะกล่าวคำนี้ว่า 'บุคคลเสวยสมบัตินอกจากทานและการทรมานอินทรีย์และความสำรวมกายวาจาใจ และอุโบสถกรรม' ก็บรมบพิตรตรัสคำใด อย่างนี้ว่า 'พระเทวทัตด้วย พระโพธิสัตว์ด้วย เวียนตามกันฝ่ายเดียว,' สมาคมนั้นไม่ได้มีแล้ว โดยกาลล่วงไปร้อยชาติ สมาคมนั้น ไม่ได้มีแล้ว โดยกาลล่วงไปพันชาติ สมาคมนั้น ไม่ได้มีแล้ว โดยกาลล่วงไปแสนชาติ, ณ กาลบางทีบางคราว สมาคมนั้น ได้มีแล้วโดยวันคืนล่วงไปมากมาย. อุปมาด้วยเต่าตาบอด อันพระผู้มีพระภาคเจ้านำมาแสดงแล้วเพื่อความกลับได้ความเป็นมนุษย์, บรมบพิตร จงทรงจำสมาคมของชนทั้งหลายเหล่านี้ อันเปรียบด้วยเต่าตาบอด. จะได้มีสมาคมกับพระเทวทัตฝ่ายเดียว แก่พระโพธิสัตว์ หามิได้, แม้พระเถระชื่อ สารีบุตร ได้เป็นบิดาของพระโพธิสัตว์ ได้เป็นมหาบิดา ได้เป็นจุฬบิดา ได้เป็นพี่น้องชาย ได้เป็นบุตร ได้เป็นหลาน ได้เป็นมิตร ของพระโพธิสัตว์ ในแสนแห่งชาติมิใช่แสนเดียว, แม้พระโพธิสัตว์ ได้เป็นบิดาของพระสารีบุตร เป็นมหาบิดา เป็นจูฬบิดา เป็นพี่น้องชาย เป็นบุตร เป็นหลาน เป็นมิตรของพระสารีบุตร ในแสนแห่งชาติมิใช่แสนเดียว. สัตว์ทั้งหลายที่นับเนื่องแล้วในหมู่สัตว์แม้ทั้งปวง ไปตามกระแสแห่งสงสารแล้ว อันกระแสแห่งสงสารพัดไปมาอยู่ ย่อมสมาคมด้วยสัตว์และสังขารทั้งหลายไม่เป็นที่รักบ้าง เป็นที่รักบ้าง. เปรียบเหมือนน้ำกระแสพัดไปอยู่ ย่อมสมาคมด้วยสิ่งสะอาดและไม่สะอาด และสิ่งที่งามและสิ่งที่ลามก ฉันใด; สัตว์ทั้งหลายที่นับเนื่องในหมู่ของสัตว์แม้ทั้งปวง ไปตามกระแสแห่งสงสาร กระแสแห่งสงสารพัดไปอยู่ ย่อมสมาคมด้วยสัตว์และสังขารทั้งหลายเป็นที่รักบ้าง ไม่เป็นที่รักบ้างฉันนั้นนั่นเทียวแล.
ขอถวายพระพร พระเทวทัตเป็นยักษ์ ตั้งอยู่ในอธรรมด้วยตน ยังมนุษย์บุคคลทั้งหลายอื่นให้ประกอบแล้วในอธรรม ไหม้อยู่ในนรกใหญ่สิ้นปีทั้งหลายห้าสิบเจ็ดโกฏิกับหกล้านปี. แม้พระโพธิสัตว์เป็นยักษ์ ตั้งอยู่ในธรรมด้วยพระองค์ ชักนำบุคคลทั้งหลายอื่นให้ประกอบในธรรม เป็นผู้พร้อมเพรียงด้วยกามสมบัติทั้งปวง บันเทิงแล้วในสวรรค์สิ้นปีห้าสิบเจ็ดโกฏิกับหกล้านปี. เออก็ พระเทวทัตมากระทำพระพุทธเจ้า ผู้ไม่ควรบุคคลจะให้ซูบซีด ให้ซูบซีดแล้ว ทำลายพระสงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันแล้วด้วย ในภพนี้ เข้าไปสู่แผ่นดินแล้ว, พระตถาคตตรัสรู้สรรพธรรม เป็นที่สิ้นอุปธิพร้อมแล้ว ดับขันธปรินิพพานแล้ว."
ร. "ดีละ พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ข้อวิสัชนาปัญหานั้น สม
อย่างนั้น, ข้าพเจ้ายอมรับรองอย่างนั้น."




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ



กฐิน สร้างหอบูรพาจารย์พระครูรัตนคุณาธาร จ.สุรินทร์
โทร 083-3871234


ขอเชิญร่วมบุญ ในโครงการ สร้างทางสร้างธรรม

ร่วมสร้างทางบริเวณหน้าพระประธานพุทธมณฑล ตั้งแต่วันนี้ ถึง 10 สิงหาคม 2555


ขอเชิญทำบุญหล่อพระพุทธรูปเชียงแสนสิงห์๑ หน้าตักกว้าง ๕๙ นิ้ว
เนื้อผสมรมมันปูขัดยา (วรรณะสีมะขามเปียก)
เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วัดข่วงเป่าใต้ ต.บ้านแปะ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่
โดยทำพิธีหล่อ ณ มูลนิธิร่วมกตัญญู สำนักงานบางพลี
วันเสาร์ที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๕



สร้างเสนาสนะที่พักสงฆ์ให้กับหมู่บ้านชนบท
084-418-1428


ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างพระวิหารวัดโบสถ์ฆ้องคำจังหวัดลำปาง
089-7565767


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพพระพุทธบรมมงคลธาตุจักราชเจดีย์
02-8401718

ขอเชิญร่วมทำบุญ กฐินสามัคคีผ้าป่าสามัคคี วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี ปี2555
ในวันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน 2555
วัถุประสงค์ เพื่อนำปัจจัยสร้าง พระพุทธกตัญญูปางถวายเนตร สูง 19เมตร และพุทธอุทยานสถานปฎิบัติธรรม "วิมลธรรมวัตร"


บอกบุญสร้างโรงทานและมหาสังฆทาน
084-8317696


ขอเชิญร่วมงานเททองหล่อ หลวงพ่อโสธร วัดวังรีคีรีวันวนาราม อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี 2 ก.ย.55

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้าง/ซ้อมแซมปรับปรุงหลังคาศาลาปฏิบัติธรรมแพร่ธรรมจักร
ณ สำนักปฏิบัติธรรมแพร่ธรรมจักร ที่พักสงฆ์ธรรมจักร บ้านน้ำพุ หมูที่ 3
ต.บ้านกวาง อ.สูงเม่น จ.แพร่ 54130



เชิญร่วมสร้างแบบพิมพ์พระชำระหนี้สงฆ์ขนาด 4 ศอก
โทร. 089-419-3030


ร่วมสร้างพระมหาเจดีย์ศรีแสงธรรมวิสุทธิมงคล ณ วัดแสงธรรมวังเขาเขียว
________________________________________

ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างอุโบสถวัดสว่างอารมณ์(วัดคลองแขก) อ.บางเลน จ.นครปฐม
085-195-9625


มหากุศล ขอเชิญร่วมส่งแผ่นทองแท้และเพชรประดับปิดทองพระประธาน ณ วัดตาลสุวรรณ
โทร : ๐๘๔ ๘๑๗ ๕๒๔๘

<O </O


มหากุศล ขอเชิญร่วมสร้างวิหารกลางน้ำประดิษฐานพระอุปคุต วัดบึงกระดานต.บ้านป่า อ.เมือง จ.พิษณุโลก

บุญที่หาทำยาก..บูรณะพระบรมธาตุโบราณและเศียรพระโบราณวัดผาลาด(สกิทาคามี)จ.เชียงใหม่
โทร. 081-671-9763


ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร้างสะพาน ณ.สำนักสงฆ์พุทธบารมีโลกอุดร บ้านในสอย
089-9557371


ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาเจตนาสร้างบุษบกถวายทานประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
โทร. 0823585609


ขอเชิญร่วมปิดยอดบุญติดตั้งพัดลม อีก ๘ ตัว ๆ ละ ๑,๕๐๐ บาท โรงครัวถวายวัด
๐๘-๕๐๓๗-๐๓๗๐

ขอเชิญร่วมสร้างผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐาน ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สามารถร่วมบุญได้ที่

ธนาคารกสิกรไทย
เลขที่บัญชี 557-2-04148-6
ชื่อบัญชี NIPITPON NANTHAWONG
ชื่อย่อบัญชี นิพิฐพนธ์ นันทะวงศ์


ร่วมบุญสร้างกำแพงแก้ววัดท่าม่วง
๐๘-๖๓๒๑-๕๕๔๘


ร่วมสร้างวัด วิหาร สิ่งก่อสร้างอื่นๆที่สำนักสงฆ์คลองแอนด์สามสี่ธรรมมิการาม
087 - 972 – 9975

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทำบุญสร้างศาลาการเปรียญ(วิหารทาน)
083-9541395


ร่วมเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างวิหารวัดป่าเมตตาปัญญาพุทธคุณ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี
082-4964261


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้าง/ซ้อมแซมปรับปรุงหลังคาศาลาปฏิบัติธรรมแพร่ธรรมจักร
ณ สำนักปฏิบัติธรรมแพร่ธรรมจักร ที่พักสงฆ์ธรรมจักร บ้านน้ำพุ หมูที่ 3
ต.บ้านกวาง อ.สูงเม่น จ.แพร่ 54130


ขอเชิญร่วมสร้างมหาวิหาร ครอบพระแก้วมรกตจำลององค์ใหญ่ที่สุดในโลก
089-8195454


เนื่องด้วยวัดมงคลโคธาวาส มีวัตถุประสงค์จะบูรณะอุโบสถ จึงขอเชิญผู้มีจิตศรัทธา
http://www.luangporpan.com/


1 ก.ย. เชิญร่วมหล่อสมเด็จองค์ปฐมทองคำ หลวงพ่อฤาษีฯทองคำ (พร้อมจัดรถบัสเดินทางร่วมบุญ)
081-190-1125


..บุญใหญ่ร่วมเป็นเจ้าภาพถวายกระเบื้องมุงหลังคาอุโบสถ แผ่นละ ๑๘ บาท
โทร ๐๘๓-๑๑๔๓๖๘๑


เรียนเชิญทอดผ้าป่ามหาบารมี
089 5300 981


ขอเชิญเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีวัดอนเก้า
วัดดอนเก้า ที่อยู่ 112 หมู่ 2
ต.บ่อกรุ อ.เดิมบางนางบวช
จ.สุพรรณบุรี 72120



ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคีวัดประโชติการาม
089 5136491


เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างบริวารกฐินสามัคคี
08-3353-7455<O


ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมทำบุญถวายผ้ากฐิน ๙วัด ปี ๒๕๕๕
081-8052466


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ณ วัดป่าโพธิ์ศรีวิไล จ.บึงกาฬ
โทร. 085-068-5641

ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร้างสะพาน ณ.สำนักสงฆ์พุทธบารมีโลกอุดร บ้านในสอย
089-9557371


ร่วมตั้งกองกฐิน ปี 55 แจกรูปหล่อ แม่ธรณีโลกนิยมหลวงปู่หงษ์ ชุดละ 30 องค์
08-80851-817

ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างถนนคอนกรีตเข้าวัดป่ารวมใจ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์
________________________________________
086-873-7364

ขอเชิญพี่ๆ น้องๆ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพโรงทานน้ำดื่มมหากุศล
081-487-1823


กฐินพระราชทาน ประจำปี พ.ศ. 2555 สามารถร่วมบุญได้ดังนี้

กฐินพระราชทาน กระทรวงศึกษาธิการ
ณ วัดสามพระยาวรวิหาร แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ในวันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 เวลา 15.00 น.
ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงศึกษาธิการ
ชื่อบัญชี “กฐินพระราชทาน กระทรวงศึกษาธิการ”
เลขที่บัญชี : 059-1-31886-5


กฐินพระราชทาน กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
ณ วัดศรีสระแก้ว ตำบลมะเฟือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
ในวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555
ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนรัชดาภิเษก-ห้วยขวาง
ชื่อบัญชี “กฐินพระราชทาน”
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ : 091-0-24556-8


กฐินพระราชทาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ณ วัดหนองแวง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น
ในวันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2555 เวลา 10.00 น.
ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงศึกษาธิการ
ชื่อบัญชี “กฐินพระราชทาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ประจำปี 2555”
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ : 059-0-20461-0


กฐินพระราชทาน สำนักงานคณะกรรมการ สกสค.
(สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา)
ณ พระอารามหลวงวัดเทวสังฆาราม ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
ในวันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2555 เวลา 10.00 น.
ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงศึกษาธิการ
ชื่อบัญชี “เงินบริจาคสมทบกฐิน สำนักงาน สกสค.”
บัญชีออมทรัพย์เลขที่ : 059-0-17626-9


กฐินพระราชทาน กรมทรัพยากรธรณี
ณ วัดพระธาตุช่อแฮ ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่
ในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน 2555 เวลา 10.09 น.
ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยกรมโรงงานอุตสาหกรรม
ชื่อบัญชี “กฐินพระราชทานกรมทรัพยากรธรณี”
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ : 980-0-29068-0


กฐินพระราชทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ณ วัดราชผาติการาม แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
ในวันจันทร์ที่ 5 พฤศจิกายน 2555 เวลา 13.00 น.
ธนาคารกรุงไทย สาขาวิสุทธิกษัตริย์ ประเภทเงินฝากออมทรัพย์
ชื่อบัญชี “เงินกฐินพระราชทานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์”
บัญชีเลขที่ : 006-1-43898-7


กฐินพระราชทาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
ณ วัดสัตตนารถปริวัตร อ.เมือง จ.ราชบุรี
ในวันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2555 เวลา 10.00 น.
ธนาคารกรุงไทย สาขากระทรวงศึกษาธิการ
ชื่อบัญชี “กฐินพระราชทานสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน”
บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ : 059-1-41447-3


กฐินพระราชทาน กระทรวงคมนาคม
ณ พระอารามหลวงวัดสุทธิวาตวราราม (วัดช่องลม) ต.ท่าฉลอม อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
ในวันพุธที่ 21 พฤศจิกายน 2555
ธนาคารออมสิน สาขานางเลิ้ง
ชื่อบัญชี “เงินกฐินกระทรวงคมนาคม”
เลขที่บัญชี : 05438003156-4


กฐินพระราชทาน กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
ณ วัดนรนาถสุนทริการาม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ในวันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2555 เวลา 14.00 น.
ธนาคารกรุงไทย สาขาเทเวศน์
ชื่อบัญชี “กฐินกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ปี 55 ”
บัญชีเลขที่ : 070-0-13783-1


กฐินพระราชทาน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)
ณ วัดกษัตราธิราชวรวิหาร ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
ในวันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2555 เวลา 10.00 น.
ธนาคารกสิกรไทย สาขาคลองจั่น
ชื่อบัญชี “กฐินพระราชทาน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์”
ประเภทบัญชีออมทรัพย์ เลขที่ : 040-252-7732
หรือ ธนาคารกรุงเทพ สาขาสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ชื่อบัญชี “กฐินพระราชทาน สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์”
ประเภทบัญชีออมทรัพย์ เลขที่ : 944-001-3408


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างหนังสือสวดมหามนต์ปั๊บสาล้านนา
โทร. 089-9104214

ขอเชิญทุกท่าน เยื่ยมชม เว็บไซต์ ฟังธรรม ตามแนว พระไตรปิฎกฉบับเถรวาท
http://www.th1.netii.net/

เชิญเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือประวัติสมเด็จสุก ไก่เถื่อน และธรรมะ(ปกแข็ง)
084-651-7023


ฝากเว็บใหม่ + ร่วมสร้างพระมหาเจดีย์
http://www.watthamsaengdham.com/

เชิญร่วมบุญบวชเนกขัมมะบารมี ปิดวาจา วันที่15-16 ก.ย.2555 สำนักสงฆ์เขาสันติ(สวนโมกข์) หัวหิน
086-8990642


มูลนิธิโรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ
1648 อาคารมหาเจษฎาบดินทร์ วัดยานนาวา ถ.เจริญกรุง ข.สาธร กทม. 10120
โทร.0-2673-9940-3
โทรสาร.0-2673-9941
อีเมล์:info@50amfh.org
เว็บไซต์ www.50amfh.org

สั่งจองตู้ยาสามัญประจำวัดได้ที่
- มูลนิธิโรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ
- สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง
- สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทุกแห่ง
- ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่ง
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา
ใบเสร็จรับเงินของมูลนิธิฯ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้


ขอเชิญร่่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพไทยธรรม
โทร.0823585609


สร้างเสนาสนะที่พักสงฆ์ให้กับหมู่บ้านชนบท
084-418-1428


ชมรมพุทธศิลป์ฯมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาบูชา ล๊อกเก๊ตพระเจ้าตอกสาน เพื่อสมทบทุนกิจกรรม ชมรมพุทธศิลป์ มช.


[ด่วน]มอบทุนการศึกษาให้ นักเรียนที่มีผลการเรียนดี กตัญญู แต่ขาดแคลนแคลนทุนทรัพย์
________________________________________
ธนาคาร กรุงเทพ สาขา อาคารซิลลิค เฮ้าส์
ชื่อบัญชี นาย พรเทพ ขอร่วมกลาง
เลขที่บัญชี 860-0-15843-3

ธนาคารกสิกรไทย สาขา โลตัส พระรามที่ 4
ชื่อบัญชี นาย พรเทพ ขอร่วมกลาง
เลขที่บัญชี 710-2-48024-9

ปิดรับบริจาค 9.00 น วันที่ 10สค55

เชิญร่วมงานครบรอบ 24 ปีการมรณภาพหลวงปู่กัสสปมุนีวัดปิปผลิวนาราม


เชิญร่วมบุญโรงทาน งานทอดผ้าป่าถวายพระบาท4รอยเเละวางศิลาฤกษ์ศาลาพระพุทธเจ้า3กาล
________________________________________
สามารถบริจาคเงินสมทบทุนโรงทานเลี้ยงอาหารเเด่ผู้มาร่วมบุญได้ที่


สวนพุทธธรรมหลวงปู่ใหญ่ "ธนพลาราม"
(ตรงข้ามวัดโพธิ์เจริญ) บ้านหัวถนน ซอย 21
ต.สนามชัย อ.เมืองฯจ.สุพรรณบุรี

ชื่อบัญชี พระธนพล ธนพโล
เลขที่ 359-0-13922-6 (ฺB.2)
ธ.กรุงไทย สาขาศูนย์ราชการสุพรรณบุรี



28 ส.ค.55 ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพไถ่ชีวิตโค-กระบือ ถวายเป็นพระราชกุศล
โทร.02-233-8109

ขอเชิญเป็นเจ้าภาพซื้อเครื่องกรองน้ำแก่วัดในถิ่นธุรกันดาร ๑๐ วัด
0856044849


ถวายทุนการศึกษาเพื่อทำสารนิพนธ์และการค้นคว้าวิจัย
084-418-1428


ขอความเมตตา ถวายทุนการศึกษา
084-418-1428


สภากาชาดไทย ขอเชิญร่วมบริจาค โครงการ “ แก้ว...ตา...ใจ ” เฉลิมพระเกียรติ
________________________________________
02) 256 4410 , 256 4220 (เวลาราชการ)
________________________________________


ร่วมสมทบกองทุนสงฆ์อาพาธ
0-5345-1444


ด่วนมาก พระชัยชาญเข้าโรงพยาบาลแล้ว
086-0599659ท่านที่ต้องการส่งผ้าอ้อมผู้ป่วยขนาดผู้ใหญ่แบบแถบกาว
ส่งได้ที่
พระครูใบฏีกาชนะ สุตตสีโล
ที่พักสงฆ์หนองแม่นา
บ้านหนองแม่นา หมู่ 6
ต. หนองแม่นา อ. เขาค้อ
จ. เพชรบูรณ์ 67270


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO