นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 12 พ.ค. 2024 2:15 am

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 03 ส.ค. 2012 4:40 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4555
ขอถวายพระพร คำแสดงสัตว์มีส่วนเหลือ อรรถแสดงสัตว์มีส่วนเหลือก็มี, คำแสดงสัตว์มีส่วนเหลือ อรรถแสดงสัตว์ไม่มีส่วนเหลือก็มี, คำแสดงสัตว์ไม่มีส่วนเหลือ อรรถแสดงสัตว์มีส่วนเหลือก็มี, คำแสดงสัตว์ไม่มีส่วนเหลือ อรรถก็แสดงสัตว์ไม่มีส่วนเหลือก็มี: เนื้อความบัณฑิตพึงรับรองด้วยเหตุนั้น ๆ. เนื้อความอันบัณฑิตพึงรับรองโดยเหตุห้าอย่าง คือ โดยอาหัจจบทหนึ่ง โดยรสหนึ่ง โดยอาจริยวังสตาหนึ่ง โดยอธิบายหนึ่ง โดยการณุตตริยตาหนึ่ง ก็ในเหตุห้าอย่างนี้ สูตรท่านอธิบายว่า อาหัจจบท, สุตตานุโลม ท่านอธิบายว่ารส, อาจริยวาท ท่านอธิบายว่า อาจริยวังสะ, อัตตโนมัติ ท่านอธิบายว่า อธิบาย, เหตุถึงพร้อมด้วยเหตุทั้งหลายสี่เหล่านี้ ท่านอธิบายว่า การณุตตริยตา. เนื้อความ บัณฑิตพึงรับรองโดยเหตุทั้งหลายห้าประการเหล่านี้แล : ปัญหานี้ จึงเป็นปัญหาอันอาตมภาพวินิจฉัยดีแล้วด้วยประการอย่างนี้ ขอถวายพระพร."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ปัญหานี้เป็นปัญหาอันพระผู้เป็นเจ้าวินิจฉัยดีแล้วเถิด, ข้าพเจ้ารับรองปัญหานั้นอย่างนั้น, พระอรหันต์จงเป็นผู้อันพระผู้มีพระภาคเจ้ายกแล้วในวัตถุนั้น, สัตว์ทั้งหลายเหลือนั้นสะดุ้งเถิด. ก็แต่ว่า สัตว์ทั้งหลายที่เกิดในนรก เสวยทุกขเวทนากล้าเผ็ดร้อนอยู่ในนรก มีองค์อวัยวะใหญ่น้อยทั้งปวงโพลงชัชวาทแล้ว เป็นผู้ร้องไห้น่าสงสาร คร่ำครวญร่ำไรบ่นเพ้อด้วยปาก อันทุกข์กล้าเหลือทนครอบงำแล้ว ไม่มีผู้เป็นที่พึ่ง ไม่มีผู้เป็นที่ระลึก เป็นสัตว์หาผู้เป็นที่พึ่งมิได้ อาดูรด้วยความโศกไม่น้อย เวียนว่ายอยู่ เป็นสัตว์มีความโศกเป็นที่ถึงในเบื้องหน้าโดยส่วนเดียว, เมื่อจุติจากนรกใหญ่ มีเสียงใหญ่นฤนาท ยังภัยน่ากลัวให้เกิด อากูลด้วยระเบียบแห่งเปลวหกอย่างเดี่ยวประสานกันแล้ว มีเรี่ยวแรงแห่งเปลวแผ่ไปได้เนือง ๆ ตลอดร้อยโยชน์โดยรอบ กระด้าง เป็นที่ยังสัตว์ให้ร้อน จะกลัวต่อความตายด้วยหรือเล่า? พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ขอถวายพระพร สัตว์เหล่านั้นย่อมกลัวต่อความตาย."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน นรกยังทุกขเวทนาให้เกิดโดยส่วนเดียวไม่ใช่หรือ, สัตว์ทั้งหลายที่เกิดในนรกเหล่านั้น เสวยแต่ทุกขเวทนาโดยส่วนเดียว เมื่อจะเคลื่อนจากนรกย่อมกลัวแต่ความตายเพื่อเหตุอะไรเล่า, ย่อมยินดีในนรกเพื่อเหตุอะไรเล่า พระผู้เป็นเจ้า?"
ถ. "ขอถวายพระพร สัตว์ทั้งหลายที่เกิดอยู่ในนรกเหล่านั้น ซึ่งจะยินดีอยู่ในนรกหามิได้, สัตว์ทั้งหลายที่เกิดอยู่ในนรกเหล่านั้น อยากจะพ้นจากนรกโดยแท้; ความสะดุ้งเกิดขึ้นแก่สัตว์เกิดในนรกทั้งหลายเหล่านั้น ด้วยอานุภาพใด อานุภาพนี้ เป็นอานุภาพของความตาย ขอถวายพระพร."
ร. "ความสะดุ้งเพราะจุติเกิดขึ้นแก่สัตว์ทั้งหลาย ที่อยากจะพ้นอันใด ข้าพเจ้าจักไม่เชื่อความเกิดความสะดุ้งนี้;สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นได้สิ่งที่ตนปรารถนาแล้ว ด้วยเหตุที่เป็นที่ตั้งใด เหตุที่เป็นที่ตั้งนั้น ควรร่าเริงพระผู้เป็นเจ้า. ให้ข้าพเจ้าทราบด้วยดีโดยเหตุเถิด พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ขอถวายพระพร เหตุเป็นที่ตั้งนี้ว่า 'ความตาย' ดังนี้แล เป็นเหตุที่ตั้งแห่งความสะดุ้งของสัตว์ทั้งหลาย ที่ยังไม่ได้เห็นอริยสัจจ์, ชนนี้ย่อมสะดุ้งด้วย ย่อมหวาดเสียวด้วย เพราะความตายนี้. ก็บุคคลใดกลัวต่องูเห่า ผู้นั้น เมื่อกลัวต่อความตายจึงกลัวต่องูเห่า, ก็ผู้ใด กลัวต่อช้าง, ราชสีห์ เสือโคร่ง, เสือเหลือง, หมี, เสือดาว, ควาย, วัวลาน, ไฟ, น้ำ, หลักตอ, หนาม, ละอย่าง ๆ ผู้นั้น เมื่อกลัวต่อความตาย จึงกลัวต่อช้าง, ราชสีห์ เสือโคร่ง, เสือเหลือง หมี, เสือดาว, ควาย, วัวลาน, ไฟ, น้ำ, หลักตอ, หนาม, ละอย่าง ๆ, ก็ผู้ใด กลัวต่อหอก ผู้นั้น เมื่อกลัวต่อความตาย จึงกลัวต่อหอกนั้น. นั่นเป็นเดชโดยภาวะกับทั้งรสแห่งความตาย, สัตว์ทั้งหลายที่มีกิเลส ย่อมสะดุ้งย่อมกลัวแต่ความตาย ด้วยเดชโดยภาวะกับทั้งรสนั้น, บรมบพิตร สัตว์ทั้งหลายที่เกิดในนรก แม้อยากจะพ้นนรก ย่อมสะดุ้งย่อมกลัวแต่ความตาย. ในที่นี้ ถ้ามีหน่อเกิดขึ้นในกายของบุรุษ ๆ นั้นเสวยทุกข์เพราะโรคนั้น อยากจะพ้นจากอุปัทวะจึงเรียกหมอทางผ่าตัดมา, หมอทางผ่าตัดนั้นรับแก่บุรุษนั้นแล้ว พึงยังเครื่องมือให้เข้าไปตั้งอยู่ เพื่อจะบ่งโรคนั้น คือ พึงกระทำศัสตราให้คม พึงเอาเหล็กนาบสุมในไฟ พึงบดเกลือแสบด้วยหินบด; ความสะดุ้งพึงเกิดแก่บุรุษผู้อาดูรนั้น ด้วยอันเชือดด้วยคมศัสตราอันคม และนาบด้วยคู่ซี่เหล็ก และอันยังน้ำเกลือแสบให้เข้าไปบ้างหรือไม่?"
ร. "ความสะดุ้งพึงบังเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้นซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ขอถวายพระพร บรมบพิตร เมื่อบุรุษนั้นกระสับกระส่ายอยู่ แม้ใคร่จะพ้นจากโรค ความสะดุ้งย่อมเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้น เพราะความกลัวต่อเวทนา ด้วยประการดังนี้ ฉันใด, เมื่อสัตว์ทั้งหลายที่เกิดอยู่ในนรก แม้ใคร่จะพ้นจากนรก ความสะดุ้งย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น เพราะอันกลัวแต่ความตาย ฉันนั้นนั่นเทียวแล.
อีกอย่างหนึ่ง ในที่นี้ มีบุรุษกระทำความผิดในท่านผู้เป็นอิสระต้องจำด้วยตรวนเครื่องจำ ต้องขังอยู่ในห้อง เป็นผู้ใคร่เพื่อจะพ้นไป, ชนผู้เป็นอิสระนั้นใคร่จะปล่อยบุรุษนั้นนั่น พึงเรียกบุรุษนั้นมา;เมื่อบุรุษผู้กระทำโทษผิดในท่านผู้เป็นอิสระนั้นรู้อยู่ว่า 'ตัวมีโทษได้กระทำแล้ว' ความสะดุ้งพึงเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้น เพราะได้เห็นท่านที่เป็นอิสระบ้างหรือไม่?"
ร. "ความสะดุ้งย่อมเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้นซิ?"
ถ. "ขอถวายพระพร บรมบพิตร เมื่อบุรุษผู้มีโทษผิดในท่านผู้เป็นอิสระ ถึงปรารถนาจะพ้นจากเรือนจำ ความสะดุ้งย่อมเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้น เพราะกลัวแต่ท่านผู้เป็นอิสระ ด้วยประการนี้ ฉันใด, เมื่อสัตว์ทั้งหลายที่เกิดในนรก ถึงอยากจะพ้นจากนรก ความสะดุ้งย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น เพราะกลัวแต่ความตาย ฉันนั้นโดยแท้."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าจงกล่าวเหตุที่ยิ่งขึ้นไปแม้อื่นอีก ข้าพเจ้าจะพึงเชื่อด้วยเหตุไรเล่า?"
ถ. "ขอถวายพระพร บรมบพิตร ในที่นี้ พึงมีบุรุษอันอสรพิษมีพิษร้ายกัดแล้ว บุรุษนั้นพึงล้มลงเกลือกกลิ้งด้วยพิษวิการนั้น, ครั้งนั้น มีบุรุษผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเรียกอสรพิษมีพิษร้ายนั้นมา ด้วยบทแห่งมนต์อันขลัง ให้อสรพิษมีพิษร้ายนั้นดูดพิษคืน เมื่ออสรพิษมีพิษร้ายนั้นเข้าไปใกล้ เหตุความสวัสดี ความสะดุ้งพึงเกิดขึ้นแก่บุรุษผู้มีพิษซาบแล้วนั้นบ้างหรือไม่?"
ร. "ความสะดุ้งย่อมเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้นซิ."
ถ. "ขอถวายพระพร เมื่ออสรพิษเห็นปานนั้น เข้าไปใกล้ แม้เพราะเหตุความสวัสดี ความสะดุ้งยังเกิดขึ้นแก่บุรุษนั้น ด้วยประการฉะนี้ ฉันใด, ความสะดุ้งย่อมเกิดขึ้นแก่สัตว์ทั้งหลายที่เกิดในนรก แม้ใคร่จะพ้นจากนรกเพราะกลัวแต่ความตาย ฉันนั้นโดยแท้แล, ความตายเป็นของไม่พึงปรารถนาของสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง. เพราะเหตุนั้นสัตว์ทั้งหลายที่เกิดในนรก ถึงอยากจะพ้นจากนรก ก็ย่อมกลัวต่อความตาย."
ร. "ดีละ พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ข้อวิสัชนาปัญหาของพระผู้เป็นเจ้า สมอย่างนั้น, ข้าพเจ้ายอมรับรองอย่างนั้น."

๔. มัจจุปาสามุตติกปัญหา ๑๔

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน พระพุทธพจน์นี้อันพระผู้มีพระภาคเจ้าแม้ทรงภาสิตแล้วว่า 'บุคคลตั้งอยู่ในอากาศ ไม่พึงพ้นจากบ่วงแห่งมัจจุ คือความตาย, บุคคลตั้งอยู่ในสมุทร ไม่พึงพ้นจากบ่วงแห่งมัจจุ, บุคคลเข้าไปสู่ช่องแห่งภูเขาทั้งหลายแล้ว ไม่พึงพ้นจากบ่วงแห่งมัจจุ, บุคคลตั้งอยู่ในประเทศแผ่นดินใด พึงพ้นจากบ่วงแห่งมัจจุได้ ประเทศแผ่นดินนั้นไม่มี' ดังนี้.
ส่วนปริตรทั้งหลาย อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงขึ้นแล้วอีก; ปริตรทั้งหลายอย่างไรนี้? ปริตรทั้งหลาย คือ รตนสูตรหนึ่ง ขันธปริตรหนึ่ง โมรปริตรหนึ่ง ธชัคคปริตรหนึ่ง อาฏานาฏิยปริตรหนึ่ง อังคุลามาลปริตรหนึ่ง. ถ้าว่าบุคคล แม้ไปในอากาศแล้ว แม้ไปในท่ามกลางแห่งสมุทรแล้ว แม้ไปในปราสาท และกุฎี และที่เป็นที่เร้น และถ้ำ และเงื้อมเขา และซอกเขา และปล่อง และช่องเขา และระหว่างภูเขาย่อมไม่พ้นจากบ่วงแห่งมัจจุได้, ถ้าอย่างนั้น ความกระทำปริตรเป็นผิด. ถ้าว่าความพ้นจากบ่วงแห่งมัจจุได้ ด้วยความกระทำปริตรย่อมมีไซร้, ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'บุคคลตั้งอยู่แล้วในอากาศ ตั้งอยู่แล้วในท่ามกลางแห่งสมุทร เข้าไปสู่ช่องแห่งภูเขาทั้งหลายแล้ว ไม่พึงพ้นจากบ่วงแห่งมัจจุ, บุคคลตั้งอยู่แล้วในประเทศแผ่นดินใด พึงพ้นจากบ่วงแห่งมัจจุได้ ประเทศแห่งแผ่นดินนั้น ย่อมไม่มี' ดังนี้ แม้นั้นก็เป็นผิด. ปัญหาแม้นี้สองเงื่อน มีขอดยิ่งกว่าขอดโดยปกติ มาถึงพระผู้เป็นเจ้าแล้ว, ปัญหานั้น พระผู้เป็นเจ้าพึงแก้ไขให้จะแจ้งเถิด."
พระเถรเจ้าทูลว่า "ขอถวายพระพร พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้ได้ทรงภาสิตพระพุทธพจน์นี้ว่า 'บุคคลตั้งอยู่แล้วในอากาศ พึงพ้นจากบ่วงแห่งมัจจุไม่ได้, บุคคลตั้งอยู่แล้วในท่ามกลางแห่งสมุทร พึงพ้นจากบ่วงแห่งมัจจุไม่ได้, บุคคลเข้าไปแล้วสู่ช่องแห่งภูเขาทั้งหลาย พึงพ้นจากบ่วงแห่งมัจจุไม่ได้, บุคคลตั้งอยู่ในประเทศแผ่นดินใด พึงพ้นจากบ่วงแห่งมัจจุได้ ประเทศแผ่นดินนั้นย่อมไม่มี' ดังนี้. อนึ่งปริตรทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงยกขึ้นแสดงแล้ว. ก็แหละความยกปริตรขึ้นแสดงนั้น พระองค์ทรงกระทำเพื่อบุคคลมีอายุยังเหลืออยู่ เป็นผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยวัย มีกรรมเครื่องห้ามกันไปปราศจากสันดานแล้ว, ความกระทำหรือ หรือความพากเพียรเพื่อความตั้งมั่นของบุคคลผู้สิ้นอายุแล้วย่อมไม่มี, เหมือนต้นไม้ตายแล้ว แห้งแล้วผุไม่มียาง มีความเป็นอันตรายกั้นแล้ว มีอายุสังขารไปแล้ว เมื่อบุคคลพรมน้ำแม้สักพันหม้อ ความเป็นของชุ่มหรือ หรือความเป็นไม้มีใบอ่อน และเป็นของเขียวของต้นไม้นั้น ไม่พึงมี ฉันใด, ความกระทำหรือความเพียรด้วยเภสัช และความกระทำปริตรเพื่อความตั้งมั่นแห่งบุคคลผู้สิ้นอายุแล้ว ไม่มี. โอสถและยาทั้งหลายในแผ่นดินเหล่าใดนั้น แม้ยาทั้งหลายเหล่านั้น เป็นของไม่กระทำกิจของบุคคลผู้สิ้นอายุแล้วปริตรย่อมรักษาคุ้มครองได้แต่บุคคลผู้มีอายุยังเหลืออยู่ ถึงพร้อมแล้วด้วยวัยปราศจากกรรมเครื่องห้ามแล้ว, พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงปริตรทั้งหลายขึ้นแล้ว เพื่อประโยชน์แก่บุคคลมีอายุยังเหลืออยู่. เปรียบเหมือนชาวนา เมื่อข้าวเปลือกสุกแล้ว เมื่อซังข้าวตายแล้ว พึงกั้นน้ำไม่ให้เข้าไปในนา, แต่ข้าวกล้าใด ที่ยังอ่อนอาศัยเมฆ ถึงพร้อมแล้วด้วยวัย ข้าวกล้านั้น ย่อมเจริญโดยความเจริญด้วยน้ำ ฉันใด, เภสัชและความกระทำปริตร เพื่อบุคคลผู้สิ้นอายุแล้ว พระองค์ยกห้ามแล้ว, ก็แต่ว่า มนุษย์ทั้งหลายเหล่าใดนั้น เป็นผู้มีอายุยังเหลืออยู่ ยังถึงพร้อมด้วยวัยอยู่ พระองค์ตรัสปริตรและยาทั้งหลาย เพื่อประโยชน์แก่มนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้น, มนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้น เจริญอยู่ด้วยปริตรและเภสัชทั้งหลาย ขอถวายพระพร."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า ถ้าบุคคลสิ้นอายุแล้ว ย่อมตาย บุคคลที่ยังมีอายุเหลืออยู่ ย่อมเป็นอยู่, ถ้าอย่างนั้น ปริตรและเภสัชทั้งหลายเป็นของไม่มีประโยชน์น่ะซิ."
ถ. "ขอถวายพระพร ก็บรมบพิตรเคยทอดพระเนตรเห็นโรคอะไร ๆ ที่คืนคลายไป เพราะเภสัชทั้งหลายบ้างหรือไม่?"
ร. "เคยเห็นซิ พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าได้เห็นมาหลายร้อยแล้ว."
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'ความทำปริตรและเภสัชหาประโยชน์มิได้' ดังนี้นั้น ย่อมเป็นคำผิด."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ความดื่มและชะโลมยาทั้งหลายเพราะความเพียรของหมอทั้งหลายปรากฏอยู่, โรคคืนคลายเพราะความเพียรนั้นของหมอทั้งหลายเหล่านั้น."
ถ. "ขอถวายพระพร แม้เสียงของบุคคลทั้งหลาย เมื่อยังปริตรทั้งหลายให้เป็นไปอยู่ คือ สวดปริตรอยู่ ชนทั้งหลายอื่นย่อมได้ยินอยู่, ชิวหาของบุคคลผู้สวดปริตรเหล่านั้นย่อมแห้ง ใจย่อมวิงเวียน คอย่อมแหบ; พยาธิทั้งปวงย่อมระงับไป ความจัญไรทั้งหลายทั้งปวงย่อมปราศจากไป ด้วยความเป็นไปแห่งปริตรทั้งหลายเหล่านั้น ๆ. บรมบพิตรเคยทอดพระเนตรเห็นแล้วหรือ ใคร ๆ ที่อสรพิษกัดแล้ว ผู้มีวิชชาปริตรขับพิษขจัดปัดเป่าพิษให้เสื่อมคลาย มีชีวิตรอดอยู่ได้."
ร. "อย่างนั้นซิ พระผู้เป็นเจ้า ข้อนั้นย่อมเป็นไปในโลก แม้ในทุกวันนี้."
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'ความกระทำปริตรและเภสัชหาประโยชน์มิได้' ดังนี้นั้นผิด. เพราะอสรพิษใคร่จะกัด ก็กัดบุรุษผู้กระทำปริตรแล้วไม่ได้, ปากของอสรพิษที่อ้าขึ้นแล้วย่อมหุบลง, แม้ตะบองที่โจรทั้งหลายเงื้อขึ้นแล้ว ย่อมตีไม่ลง, โจรทั้งหลายเหล่านั้นปล่อยตะบองเสีย กระทำความรักใคร่, คชสารประเสริฐ แม้โกรธแล้วเข้ามาใกล้แล้ว กลับยินดี, กองไฟใหญ่โพลงชัชวาลแล้วเข้ามาใกล้แล้วดับไป, ยาพิษแรงกล้าอันบุรุษผู้กระทำปริตรนั้นเคี้ยวแล้วกลับกลายเป็นยาบำบัดโรคไปบ้าง แผ่ไปเพื่ออาหารกิจบ้าง, ข้าศึกทั้งหลายใคร่จะฆ่า ครั้นเข้าไปใกล้แล้ว กลับยอมตัวเป็นทาส, บ่วงแม้บุรุษผู้กระทำปริตรนั้นเหยียบแล้ว ย่อมไม่รูด. อนึ่ง บรมบพิตรเคยทรงสดับแล้วหรือ เมื่อนกยูงกระทำปริตรอยู่ พรานนกไม่อาจเพื่อจะนำบ่วงเข้าไปใกล้นกยูงนั้นถึงเจ็ดร้อยปี, มาวันหนึ่ง นกยูงนั้นประมาทไปหาได้กระทำปริตรไม่ พรานนกจึงได้นำบ่วงเข้าไปใกล้นกยูงนั้นได้ในวันนั้น."
ร. "ข้าพเจ้าเคยได้ฟังซิ กิตติศัพท์นั้นฟุ้งทั้งไปในโลกทั้งเทวดา."
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'ความกระทำปริตรและเภสัชหาประโยชน์มิได้' ดังนี้นั้นเป็นผิด. อนึ่ง บรมบพิตรเคยทรงสดับแล้วหรือ ทานพ (อสูรบุตรของอสูรมารดาชื่อ ทนุ) เมื่อจะรักษาภริยา เก็บภริยาไว้ในผอบแล้วกลืนผอบเข้าไว้ในท้อง บริหารรักษาด้วยท้อง, ครั้งนั้น วิทยาธรเข้าไปทางปากของทานพนั้น อภิรมย์กับด้วยภริยาของทานพนั้น, ในกาลที่ทานพนั้นได้รู้แล้ว ได้คายผอบนั้นออกเปิดดู, ขณะเปิดผอบนั้น วิทยาธรหลีกหนีไปได้ตามความปรารถนา."
ร. "ข้าพเจ้าเคยได้ฟังซิ พระผู้เป็นเจ้า แม้กิตติศัพท์นั้นฟุ้งทั่วไปในโลกกับทั้งเทวดา."
ถ. "ขอถวายพระพร วิทยาธรนั้นพ้นแล้วจากการจับไป ด้วยกำลังแห่งปริตรไม่ใช่หรือ?"
ร. "อย่างนั้นซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น กำลังแห่งปริตรมีอยู่."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า ปริตรรักษาชนทั้งหลายปวงทั่วไปหรือ?"
ถ. "ขอถวายพระพร ปริตรรักษาชนทั้งหลายบางจำพวก ไม่รักษาคนทั้งหลายบางจำพวก."
ร. "ถ้าอย่างนั้น ปริตรไม่เป็นประโยชน์แก่ชนทั้งหลายทั้งปวงทั่วไปนั่นซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ขอถวายพระพร โภชนะย่อมรักษาชีวิตของสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงหรือหนอแล?"
ร. "โภชนะย่อมรักษาชนทั้งหลายบางพวก ไม่รักษาชนทั้งหลายบางพวก."
ถ. "เพราะเหตุไร ขอถวายพระพร."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า ณ กาลใด ชนทั้งหลายบางพวกบริโภคโภชนาหารนั้นมากเกินประมาณ ย่อมจุกตาย ในกาลนั้น. เพราะเหตุนั้น จึงว่า 'โภชนะรักษาชนทั้งหลายบางพวก ไม่รักษาชนทั้งหลายบางพวก."
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น โภชนะไม่รักษาชีวิตของสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงทั่วไป."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน โภชนะย่อมนำ คือ ทอนชีวิตสัตว์ทั้งหลายด้วยเหตุสองอย่าง คือ ความบริโภคมากเกินอย่างหนึ่ง, คือ ความที่สัตว์ผู้บริโภคนั้นมีธาตุไฟหย่อนหนึ่ง; โภชนะเป็นของให้อายุแก่สัตว์ทั้งหลาย มานำไป คือ ทอนชีวิตสัตว์ทั้งหลาย เพราะความบำรุงไม่ดี."
ถ. "ขอถวายพระพร ปริตรย่อมรักษาชนทั้งหลายบางพวกย่อมไม่รักษาชนทั้งหลายบางพวก ฉันนั้นนั่นเทียว.
ขอถวายพระพร ปริตรรักษาไว้ไม่ได้ ด้วยเหตุสามอย่าง คือ กัมมวรณ กรรมเป็นเครื่องกั้นหนึ่ง, กิเลสาวรณ กิเลสเป็นเครื่องกั้นหนึ่ง, อสัททหนตา ความไม่เชื่อถือปริตรนั้นให้มั่นคงหนึ่ง. ปรตรเป็นเครื่องตามรักษาสัตว์ ละการรักษาเสีย เพราะเหตุเครื่องกั้นซึ่งสัตว์ทั้งหลายกระทำแล้วด้วยตน. อุปมาเหมือนมารดาเลี้ยงบุตรที่เกิดในครรภ์อุ้มทรงครรภ์มาจนคลอด ด้วยเครื่องบำรุงเป็นประโยชน์เกื้อกูล, ครั้นคลอดแล้ว นำของไม่สะอาด และมลทิน และน้ำมูก เสียจากอวัยวะชำระให้หมดจด ฉาบทาสุคนธ์อันอุดมประเสริฐ, เมื่อบุคคลอื่นด่าอยู่หรือตีอยู่ มารดามีหฤทัยหวั่นไหว ฉุดจูงไปหาเจ้าบ้าน; ถ้าบุตรของมารดานั้นเป็นผู้มีโทษผิดล่วงเขตแดน, เมื่อเป็นเช่นนั้น มารดานั้นย่อมติย่อมโบยบุตรนั้นด้วยท่อนไม้ และตะบอง และเข่า และกำมือทั้งหลาย; มารดาของบุตรนั้นได้เพื่อจะกระทำความฉุดมาฉุดไป และความจับและจูงไปหาเจ้าบ้านหรือเป็นไฉน?"
ร. "หาไม่ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "เพราะเหตุไร ขอถวายพระพร."
ร. "เพราะโทษผิดของบุตรนั้นกระทำแล้วเองนะซิ."
ถ. "ขอถวายพระพร มารดามิอาจรักษาป้องกันบุตรนั้นไว้ได้ เพราะโทษที่บุตรนั้นกระทำผิดเอง ฉันใด, ปริตรเป็นเครื่องรักษาสัตว์ทั้งหลาย กระทำความรักษาสัตว์ทั้งหลายไว้ไม่ได้ เพราะโทษผิดที่สัตว์ทั้งหลายกระทำด้วยตน ฉันนั้นนั่นเทียวแล."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ดีละ ปัญหาพระผู้เป็นเจ้าวินิจฉัยดีแล้ว, ชัฏพระผู้เป็นเจ้ากระทำไม่ให้เป็นชัฏแล้ว, มืดพระผู้เป็นเจ้ากระทำให้เป็นแสงสว่างแล้ว, ร่างข่ายคือทิฐิมากระทบพระผู้เป็นเจ้าผู้ประเสริฐกว่าเจ้าคณะผู้ประเสริฐแล้ว คลี่คลายไปแล้ว."

๕. ภควโต ลาภันตรายปัญหา ๑๕

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน พระผู้เป็นเจ้ากล่าวอยู่ว่า 'พระตถาคตรวย จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และยาเป็นปัจจัยแก่คนไข้เป็นบริกขารทั้งหลาย' ดังนี้. อนึ่ง พระผู้เป็นเจ้ากล่าวอีกว่า พระตถาคตเสด็จเข้าไปสู่บ้านแห่งพราหมณ์ชื่อ ปัญจสาลคามเพื่อบิณฑาหาร ไม่ได้วัตถุอันใดอันหนึ่งเลย มีบาตรล้างแล้วอย่างไร คือ ทรงแต่บาตรเปล่า เสด็จออกแล้ว.' ถ้าว่าพระตถาคตรวยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และยาเป็นปัจจัยแก่คนไข้เป็นบริกขารทั้งหลาย, ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'พระองค์ได้เสด็จเข้าไปสู่บ้านแห่งพราหมณ์ชื่อปัญจสาลคาม เพื่อบิณฑาหาร ไม่ได้วัตถุอันใดอันหนึ่งเลยทีเดียว มีบาตรล้างแล้วอย่างไร คือ ทรงแต่บาตรเปล่าเสด็จออกแล้ว' ดังนี้นั้นผิด. ถ้าว่าพระตถาคตเสด็จเข้าไปสู่บ้านแห่งพราหมณ์ชื่อ ปัญจสาลคาม เพื่อบิณฑาหาร ไม่ได้วัตถุอันใดอันหนึ่งเลยทีเดียว ทรงบาตรล้างแล้วอย่างไร เสด็จออกแล้ว, ถ้าอย่างนั้น คำที่ว่า 'พระตถาคตรวย จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และยาเป็นปัจจัยแก่คนไข้เป็นบริขารทั้งหลาย' ดังนี้ แม้นั้นก็ผิด. ปัญหาแม้นี้สองเงื่อนใหญ่ด้วยดี บัณฑิตพึงแทงตลอดโดยยาก มาถึงพระผู้เป็นเจ้าแล้ว, ปัญหานั้นพระผู้เป็นเจ้าพึงขยายออกให้แจ้งชัดเถิด."
พระเถรเจ้าทูลว่า "ขอถวายพระพร พระตถาคตรวยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และยาเป็นปัจจัยแก่คนไข้เป็นบริขารทั้งหลาย. อนึ่ง พระองค์เสด็จเข้าไปสู่บ้านแห่งพราหมณ์ชื่อ ปัญจสาลคาม เพื่อบิณฑาหาร ไม่ได้วัตถุอันใดอันหนึ่งเลยทีเดียวแล้ว ทรงบาตรล้างแล้วอย่างไร เสด็จออกแล้ว. ก็แหละ ความที่พระองค์ไม่ได้วัตถุอันใดอันหนึ่ง ทรงแต่บาตรเปล่าเสด็จออกแล้วนั้น เป็นไปเพราะเหตุแห่งมารผู้มีบาป."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า ถ้าอย่างนั้น กุศลที่พระองค์ทรงก่อสร้างไว้แล้วสิ้นกัปป์ทั้งหลาย ล่วงคลองแห่งการนับแล้ว จะสำเร็จผลอะไร, มารผู้มีบาป ตั้งขึ้นแล้วในกาลนี้ จะพึงปิดกุศลนั้น เป็นธรรมเครื่องอยู่มีกำลังและเรี่ยวแรงแล้วว่ากระไร. ถ้าอย่างนั้น อุปวาทจะมาในสองสถานเพราะวัตถุนั้นว่า 'อกุศลเป็นของกำลังวิเศษแม้กว่ากุศล, กำลังของมาย่อมมีกำลังวิเศษแม้กว่ากำลังของพระพุทธเจ้า.' ถ้าอย่างนั้นยอดไม้เป็นของหนักวิเศษแม้กว่าโคนแห่งต้นไม้, บาปที่สุดจะเป็นของมีกำลังวิเศษแม้กว่าบุคคลที่สะพรั่งแล้วด้วยคุณ."
ถ. "ขอถวายพระพร อกุศลซึ่งจะเป็นของมีกำลังวิเศษแม้กว่ากุศล และกำลังของมารซึ่งจะเป็นของมีกำลังวิเศษแม้กว่ากำลังของพระพุทธเจ้า. เพราะเหตุมีประมาณเท่านั้น หามิได้. เออก็ บรมบพิตรพึงปรารถนาเหตุในข้อนี้.
ขอถวายพระพร เหมือนมีบุรุษนำน้ำผึ้งหรือ หรือรวงแห่งน้ำผึ้ง หรือเครื่องบรรณาการอื่นทูลเกล้า ฯ ถวายแด่พระเจ้าจักรพรรดิ, บุรุษผู้รักษาพระทวารของพระเจ้าจักรพรรดิ พึงว่ากะบุรุษนั้นนั่นอย่างนี้ว่า 'สมัยนี้ ไม่ใช่กาลเพื่อจะเฝ้าพระมหากษัตริย์, เหตุนั้นแล ท่านจงถือเครื่องบรรณาการของท่านกลับไปเสียเร็ว ๆ เถิด อย่าทันให้พระมหากษัตริย์ลงพระราชอาชญาแก่ท่านเสียก่อนเลย, ลำดับนั้น บุรุษนั้นสะดุ้งหวาดเสียวแล้ว เพราะกลัวแต่พระราชอาชญา พึงถือเครื่องบรรณาการนั้นกลับไปเร็ว ๆ ฉันใด; พระเจ้าจักรพรรดินั้น ชื่อว่าเป็นผู้เสื่อมโดยวิเศษ เพราะบุรุษผู้รักษาซึ่งพระทวาร ก็หรือไม่พึงได้เครื่องบรรณาการหน่อยหนึ่งอันอื่น ด้วยเหตุสักว่าขาดแคลนเครื่องบรรณาการ มีประมาณเท่านั้นบ้างหรือแล ขอถวายพระพร."
ร. "หาไม่ พระผู้เป็นเจ้า บุรุษผู้รักษาพระทวารนั้น เป็นผู้อันความริษยาครอบงำแล้ว ห้ามเครื่องบรรณาการเสียแล้ว, ก็แต่ว่า เครื่องบรรณาการแม้แสนเท่า ย่อมเข้าถึงแด่พระเจ้าจักรพรรดิโดยพระทวารอื่น."
ถ. "ขอถวายพระพร บุรุษผู้รักษาพระทวารนั้น อันความริษยาครอบงำแล้ว ห้ามเครื่องบรรณาการของพระเจ้าจักรพรรดิเสียแล้วถึงกระนั้น เครื่องบรรณาการแม้แสนเท่า ย่อมเข้าถึงแด่พระเจ้าจักรพรรดิโดยพระทวารอื่น ฉันใด, มารผู้มีบาปอันความริษยาครอบงำแล้ว สิงพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายชาวบ้านปัญจสาลคามแล้ว, ถึงกระนั้น แสนแห่งเทพดาทั้งหลายเหล่าอื่นมิใช่แสนเดียว ถือโอชาทิพย์อมฤตเข้าไปใกล้แล้ว เป็นผู้ประคองอัญชลีนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้ายืนอยู่ ด้วยคิดว่า 'เราทั้งหลายจักแทรกทิพยโอชาลงในพระกายของพระผู้มีพระภาคเจ้า' ฉันนั้นนั่นเทียว ขอถวายพระพร."
ร. "ข้อนั้นจงยกไว้เถิด พระผู้เป็นเจ้า ปัจจัยทั้งหลายสี่ เป็นลาภดีของพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้บุรุษสูงสุดในโลก หรือพระองค์อันเทพดาและมนุษย์ทั้งหลายวิงวอนเชิญบริโภคปัจจัยทั้งหลายสี่ เออก็แหละความประสงค์อันใดของมาร ความประสงค์นั้น สำเร็จแล้วด้วยเหตุมีประมาณเท่านั้น มารนั้นได้กระทำอันตรายแก่ความเสวยของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยเหตุไรเล่า. ความสงสัยในข้อนี้ของข้าพเจ้ายังไม่ขาด, ข้าพเจ้ามีความสงสัยในข้อนั้นเกิดแล้ว แล่นไปสู่ความสงสัยแล้ว, ใจของข้าพเจ้าย่อมไม่แล่นไปในเหตุนั้น มารได้กระทำอันตรายแก่ลาภเลวทรามเล็กน้อย เป็นบาป ไม่ใช่ของพระอริยเจ้า แด่พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นอัครบุคคลประเสริฐ มีบุญเป็นกุศลประเสริฐเป็นแดนเถิด ไม่มีใครเสมอ ไม่มีบุคคลเปรียบ ไม่มีใครเปรียบเสมอในโลกกับทั้งเทวดา เพราะเหตุไรเล่า พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ขอถวายพระพร อันตรายมีอยู่สี่ประการ คือ อทิฏฐันตราย อันตรายด้วยความไม่เห็นหนึ่ง อุททิสสกตันตราย อันตรายกะโภชนะอันบุคคลเฉพาะกระทำแล้วหนึ่ง อุปักขตันตราย อันตรายกะของอันบุคคลเตรียมไว้แล้วหนึ่ง ปริโภคันตราย อันตรายในของเครื่องใช้สอยหนึ่ง. ในอันตรายทั้งสี่นั้น ชื่อ อทิฏฐันตราย คือใคร ๆ กระทำอันตรายกะของที่บุคคลปรุงไว้แล้วไม่เฉพาะ ด้วยอันไม่เห็น ด้วยคิดว่า 'ประโยชน์อะไรด้วยอันให้แล้วแก่บุคคลอื่น.' นี้ชื่อ อทิฏฐันตราย. อุททิสสกตันตรายเป็นไฉน? ในโลกนี้ โภชนะเป็นของอันใคร ๆ อ้างบุคคลบางคนแล้ว ตกแต่งเฉพาะแล้ว ใคร ๆ กระทำอันตรายกะโภชนะ นั้น, นี้ชื่อ อุททิสสกตันตราย. อุปักขตันตรายเป็นไฉน? ในโลกนี้ วัตถุ อันใดอันหนึ่งเป็นของอันบุคคลเตรียมไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ประเคนแล้ว ใคร ๆ กระทำอันตรายในวัตถุที่เขาเตรียมไว้แล้วนั้น, นี้ชื่อ อุปักขตันตราย. ปริโภคันตราย เป็นไฉน? ในโลกนี้ วัตถุอันใดอันหนึ่งเป็นเครื่องใช้สอยใคร ๆ กระทำอันตรายในวัตถุเครื่องใช้สอยนั้น, นี้ชื่อเป็น ปริโภคันตราย. อันตรายทั้งหลายสี่เหล่านี้แล.
ขอถวายพระพร ก็มารผู้มีบาปสิงพราหมณ์และคฤหบดีชาวบ้านปัญจสาลคามทั้งหลายแล้ว เพราะเหตุใด, ที่นั้นจะเป็นที่บริโภคของพระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ใช่เลย จะเป็นวัตถุอันบุคคลตระเตรียมแล้ว ก็ไม่ใช่ จะเป็นโภชนะอันบุคคลกระทำเฉพาะแล้ว ก็ไม่ใช่, วัตถุยังไม่มาแล้ว ยังไม่ถึงพร้อมแล้ว มารกระทำอันตรายด้วยความเห็น; ก็ความกระทำอันตรายนั้น เฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้าองค์เดียวเท่านั้นหามิได้, ชนทั้งหลายเหล่าใดออกแล้ว มาเฉพาะแล้วโดยสมัยนั้น ชนทั้งหลายเหล่านั้นแม้ทั้งปวงไม่ได้โภชนะแล้วในวันนั้น. บุคคลใด พึงกระทำอันตรายกะเครื่องบริโภคอันบุคคลกระทำเฉพาะแล้ว เตรียมไว้แล้วเพื่อพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น อาตมภาพไม่เห็นบุคคลนั้นในโลกทั้งเทพดาทั้งมารทั้งพรหม ในหมู่สัตว์กับทั้งสมณะและพราหมณ์ ทั้งเทพดาและมนุษย์; ถ้าใคร ๆ พึงกระทำอันตรายกะเครื่องบริโภคอันบุคคลกระทำเฉพาะแล้ว เตรียมไว้แล้ว เพื่อพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ด้วยความริษยา, ศีรษะของบุคคลนั้น พึงแตกโดยร้อยภาค หรือพันภาค ขอถวายพระพร.
ขอถวายพระพร คุณทั้งหลายของพระตถาคตสี่ประการเหล่านี้อันใคร ๆ ห้ามกันไม่ได้, คุณทั้งหลายสี่ประการที่ใคร ๆ ห้ามกันไม่ได้เป็นไฉน? ลาภอันบุคคลกระทำแล้วเฉพาะ เตรียมไว้แล้ว เพื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า อันใคร ๆ ไม่อาจเพื่อจะกระทำอันตรายหนึ่ง, แสงสว่างมีวาหนึ่งเป็นประมาณ ไปตามพระสรีระของพระผู้มีพระภาคเจ้าอันใคร ๆ ไม่อาจเพื่อจะกระทำอันตรายหนึ่ง, รัตนะ คือ พระสัพพัญญุตญาณของพระผู้มีพระภาคเจ้า อันใคร ๆ ไม่อาจเพื่อจะกระทำอันตรายหนึ่ง, พระชนมชีพของพระผู้มีพระภาคเจ้า อันใคร ๆ ไม่อาจเพื่อจะกระทำอันตรายหนึ่ง, คุณทั้งหลายของพระตถาคตเจ้าสี่ประการเหล่านี้แล อันใคร ๆ พึงห้ามกันไม่ได้. คุณทั้งหลายแม้ทั้งปวงเหล่านี้ มีรสเป็นอันเดียว ไม่มีโรค ไม่กำเริบ ไม่มีความเพียรแห่งผู้อื่น กิริยาทั้งหลายเป็นของไม่หยาบ. มารผู้มีบาปแอบสิงพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายชาวบ้านปัญจสาลคาม ด้วยความไม่เห็น, โจรทั้งหลายซุ่มอยู่ในชัฏในประเทศที่สุดแห่งแดนของพระมหากษัตริย์ ประทุษร้ายชนเดินทาง ก็ถ้าว่า พระมหากษัตริย์พึงทอดพระเนตรเห็นโจรทั้งหลายเหล่านั้นไซร้, โจรทั้งหลายเหล่านั้นพึงได้ความสวัสดี หรือเป็นไฉนเล่า? ขอถวายพระพร"
ร. "หาไม่ พระผู้เป็นเจ้า ถ้าพระมหากษัตริย์ทอดพระเนตรเห็นโจรทั้งหลายเหล่านั้นไซร้, พระองค์พึงทรงบัญชาให้ราชบุรุษผ่าโจรทั้งหลายเหล่านั้นร้อยภาคบ้าง พันภาคบ้าง."
ถ. "ขอถวายพระพร โจรทั้งหลายซุ่มอยู่ในชัฏในประเทศเป็นที่สุดแห่งแดนของพระมหากษัตริย์ ประทุษร้ายชนเดินทางได้ ด้วยความที่พระมหากษัตริย์ไม่ทอดพระเนตรเห็น ฉันใด, มารผู้มีบาปแอบสิงพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายชาวบ้านปัญจสาลคามได้ ด้วยความที่ใคร ๆ ไม่เห็น ฉันนั้นนั่นเทียวแล.
อีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนสตรียังพร้อมด้วยสามี ลอบเสพบุรุษอื่นด้วยความที่สามีไม่เห็น ฉันใด, มารผู้มีบาปแอบสิงพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายชาวบ้านปัญจสาลคามได้ ด้วยความที่ใคร ๆ ไม่เห็นฉันนั้นโดยแท้; ถ้าสตรีเสพบุรุษอื่นในที่เฉพาะหน้าของสามีไซร้, สตรีนั้นพึงได้ความสวัสดีบ้างหรือเป็นไฉน? ขอถวายพระพร"
อีกอย่างหนึ่ง เปรียบเหมือนสตรียังพร้อมด้วยสามี ลอบเสพบุรุษอื่นด้วยความที่สามีไม่เห็น ฉันใด, มารผู้มีบาปแอบสิงพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายชาวบ้านปัญจสาลคามได้ ด้วยความที่ใคร ๆ ไม่เห็นฉันนั้นโดยแท้;ถ้าสตรีเสพบุรุษอื่นในที่เฉพาะหน้าของสามีไซร้, สตรีนั้นพึงได้ความสวัสดีบ้างหรือเป็นไฉน? ขอถวายพระพร"
ร. "หาไม่ พระผู้เป็นเจ้า ถ้าสตรีนั้นเสพบุรุษอื่นต่อหน้าสามีไซร้, สามีพึงทุบสตรีนั้นบ้าง พึงฆ่าสตรีนั้นบ้าง พึงจำสตรีนั้นไว้บ้าง พึงนำสตรีนั้นเข้าไปสู่ความเป็นทาสีบ้างซิ."
ถ. "ขอถวายพระพร มารผู้มีบาปแอบสิงพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายชาวบ้านปัญจสาลคามได้แล้ว ด้วยความที่ใคร ๆ ไม่เห็นฉันนั้นนั่นเทียวแล. ถ้าว่ามารผู้มีบาป พึงกระทำอันตรายกะเครื่องเสวยที่บุคคลอุทิศเฉพาะกระทำแล้ว เตรียมไว้แล้ว เพื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าไซร้, ศีรษะของมารนั้น พึงแตกโดยร้อยภาคบ้าง โดยพันภาคบ้าง ขอถวายพระพร."
ร. "พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ความแอบสิงอย่างนั้นนั่น มารผู้มีบาปกระทำแล้วด้วยความเป็นโจร, มารผู้มีบาปแอบสิงพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลายชาวบ้านปัญจสาลคามได้แล้ว. ถ้าว่ามารผู้มีบาปนั้นพึงกระทำอันตรายกะเครื่องเสวยที่บุคคลเฉพาะกระทำแล้ว เตรียมไว้แล้ว เพื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าไซร้, ศีรษะของมารนั้นพึงแตกร้อยภาคบ้างพันภาคบ้าง, กายของมารนั้น พึงเรี่ยรายไปเหมือนดังกำแห่งเถ้าบ้าง. ดีละ พระผู้เป็นเจ้านาคเสน ข้อวิสัชนาของพระผู้เป็นเจ้าสมอย่างนั้น ข้าพเจ้ายอมรับรองอย่างนั้น."





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO