นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 12 พ.ค. 2024 2:12 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 28 ก.ค. 2012 8:24 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4556
พระราชาตรัสต่อไปว่า "ปัญญาย่อมแปรถึงความแก่รอบด้วยเหตุแปด
ประการ, ด้วยเหตุแปดประการนั้นเป็นไฉน ?
๑. ด้วยความแปรแห่งวัย
๒. ด้วยความแปรแห่งยศ
๓. ด้วยการไต่ถาม
๔. ด้วยการอยู่ในสถานที่เป็นท่า คือ ทำเล
๕. ด้วยโยนิโสมนสิการ คือ ความกระทำในใจโดยอุบายที่ชอบ
๖. ด้วยความสังสนทนากัน
๗. ด้วยอำนาจความเข้าไปเสพ
๘. ด้วยสามารถแห่งความรัก
๙. ด้วยความอยู่ในประเทศอันสมควร."
พระราชาตรัสต่อไปว่า "ภูมิภาคนี้ เว้นแล้วจากโทษแห่งการหารือแปด
ประการ, และข้าพเจ้าก็เป็นยอดสหายคู่ปรึกษาในโลก, และข้าพเจ้าเป็นคน
รักษาความลับไว้ได้ด้วย ข้าพเจ้าจักมีชีวิตอยู่เพียงใด ข้าพเจ้าจักรักษาความ
ลับไว้เพียงนั้น, และปัญญาของข้าพเจ้าถึงความแปรมาด้วยเหตุแปดประการ,
เดี๋ยวนี้อันเตวาสิกเช่นข้าพเจ้าหาได้เป็นอันยาก.
อาจารย์พึงปฏิบัติชอบในอันเตวาสิกผู้ปฏิบัติชอบ ด้วยคุณของ
อาจารย์ยี่สิบห้าประการ, คุณยี่สิบห้าประการเป็นไฉน ?
๑. อาจารย์พึงเอาใจใส่จัดความพิทักษ์รักษาอันเตวาสิกเป็นนิตย์
๒. พึงรู้ความภักดีหรือไม่ภักดีของอันเตวาสิก
๓. พึงรู้ความที่อันเตวาสิกเป็นผู้ประมาทหรือไม่ประมาท
๔. พึงรู้โอกาสเป็นที่นอนของอันเตวาสิก
๕. พึงรู้ความที่อันเตวาสิกเป็นผู้เจ็บไข้
๖. พึงรู้โภชนาหารว่าอันเตวาสิกได้แล้ว หรือยังไม่ได้แล้ว
๗. พึงรู้วิเศษ
๘. พึงแบ่งของอยู่ในบาตรให้
๙. พึงปลอบให้อุ่นใจว่า อย่าวิตกไปเลย ประโยชน์ของเจ้ากำลังเดิน
ขึ้นอยู่
๑๐. พึงรู้ความเที่ยวของอันเตวาสิกว่า เที่ยวอยู่กับบุคคลผู้นี้ ๆ
๑๑. พึงรู้ความเที่ยวอยู่ในบ้าน
๑๒. พึงรู้ความเที่ยวอยู่ในวิหาร
๑๓. ไม่พึงกระทำการเจรจากับอันเตวาสิกนั้นพร่ำเพรื่อ
๑๔. เห็นช่อง คือ การกระทำผิดของอันเตวาสิกแล้ว พึงอดไว้
๑๕. พึงเป็นผู้กระทำอะไร ๆ โดยเอื้อเฟื้อ
๑๖. พึงเป็นผู้กระทำอะไร ๆ ไม่ให้ขาด
๑๗. พึงเป็นผู้กระทำอะไร ๆ ไม่ซ่อนเร้น
๑๘. พึงเป็นผู้กระทำอะไร ๆ ให้หมดไม่มีเหลือ
๑๙. พึงตั้งจิตว่าเป็นชนก โดยอธิบายว่า ตนยังเขาให้เกิดในศิลปทั้ง
หลาย
๒๐. พึงตั้งจิตคิดหาความเจริญให้ว่า ไฉนอันเตวาสิกผู้นี้จะไม่พึงเสื่อม
เลย
๒๑. พึงตั้งจิตไว้ว่า เราจะกระทำอันเตวาสิกผู้นี้ให้แข็งแรงด้วยกำลัง
ศึกษา
๒๒. พึงตั้งเมตตาจิต
๒๓. ไม่พึงละทิ้งเสียในเวลามีอันตราย
๒๔. ไม่พึงประมาทในกิจที่จะต้องกระทำ
๒๕. เมื่ออันเตวาสิกพลั้งพลาด พึงปลอบเอาใจโดยทางที่ถูกเหล่านี้แล
คุณของอาจารย์ยี่สิบห้าประการ, ขอพระผู้เป็นเจ้าจงปฏิบัติชอบในข้าพเจ้า
ด้วยคุณเหล่านี้เถิด. ความสงสัยเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า, เมณฑกะปัญหาที่พระชิน
พุทธเจ้าทรงภาสิตไว้มีอยู่ ในอนาคตกลางไกลจักเกิดความเข้าใจผิดในเมฆฑ
กะปัญหานั้นแล้วเถียงกันขึ้น, และในอนาคตกาลไกลโน้น ท่านผู้มีปัญญา
เหมือนพระผู้เป็นเจ้า จักหาได้เป็นอันยาก, ขอพระผู้เป็นเจ้าจงให้ดวงจักษุใน
ปัญหาเหล่านั้นแก่ข้าพเจ้า สำหรับข่มถ้อยคำของผู้อื่นเสีย."
พระเถรเจ้ารับว่าสาธุแล้ว ได้แสดงองคคุณของอุบาสกสิบประการว่า
"ขอถวายพระพร นี้องคคุณของอุบาสกสิบประการ, องคคุณของอุบาสกสิบ
ประการนั้นเป็นไฉน: องคคุณของอุบาสกสิบประการนั้น คือ
๑. อุบาสกในพระศาสนานี้ เป็นผู้ร่วมสุขร่วมทุกข์กับสงฆ์
๒. เมื่อประพฤติอะไร ย่อมถือธรรมเป็นใหญ่
๓. เป็นผู้ยินดีในการแบ่งปันให้แก่กันตามสมควรแก่กำลัง
๔. เห็นความเสื่อมแห่งพระพุทธศาสนาแล้ว ย่อมพยายามเพื่อความ
เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป
๕. เป็นผู้มีความเห็นชอบ
๖. ปราศจากการถือมงคลตื่นข่าว แม้ถึงกับจะต้องเสียชีวิตก็ไม่ถือ
ท่านผู้อื่นเป็นศาสดา
๗. มีกายกรรมและวจีกรรมอันรักษาดีแล้ว
๘. เป็นผู้มีสามัคคีธรรมเป็นที่มายินดี และยินดีแล้วในสามัคคีธรรม
๙. เป็นผู้ไม่อิสสาต่อผู้อื่น และไม่ประพฤติในพระศาสนานี้ ด้วย
สามารถความล่อลวงไม่ซื่อตรง
๑๐. เป็นผู้ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ. ขอถวายพระ
พร นี้แลองคคุณของอุบาสกสิบประการ, คุณเหล่านี้มีอยู่ในสมเด็จบรมบพิตร
พระราชสมภารเจ้าครบทุกประการ, การที่พระองค์ทอดพระเนตรเห็นความ
เสื่อมแห่งพระพุทธศาสนาแล้ว มีพระประสงค์จะให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปนั้น เป็น
การควรแล้ว ชอบแล้ว เหมาะแล้ว สมแล้วแก่พระองค์. อาตมภาพถวาย
โอกาส พระองค์จงตรัสถามอาตมภาพตามพระราชอัธยาศัยเถิด."



เมณฑกปัญหา
วรรคที่หนึ่ง
๑. วัชฌาวัชฌปัญหา ๑

ลำดับนั้น พระเจ้ามิลินท์ ครั้งได้โอกาสที่พระเถรเจ้าถวายแล้ว ดังนั้น
ทรงถวายนมัสการแทบบาทแห่งพระอาจารย์แล้ว ประฌมพระหัตถ์ ตรัสว่าดัง
นี้ "พระผู้เป็นเจ้า เดียรถีย์เหล่านี้พูดอยู่ว่า 'ถ้าพระพุทธเจ้าทรงยินดีบูชาอยู่ ได้
ชื่อว่าไม่ปรินิพพานแล้ว ยังเกี่ยวข้องด้วยโลกอยู่ ยังเป็นผู้จะต้องเวียนอยู่ใน
ภายในแห่งพิภพ เสมอสัตว์โลกในโลก, เหตุนั้น การบูชาที่ทายกกระทำแล้ว
แด่พระพุทธเจ้านั้น ย่อมเป็นหมันไม่มีผล, ถ้าพระองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว ไม่
เกี่ยวข้องด้วยโลก ออกไปจากภพทั้งปวงแล้ว การบูชาพระองค์หาควรไม่
เพราะท่านผู้ปรินิพพานแล้ว ย่อมไม่ยินดีอะไร การบูชาที่ทายกกระทำแล้วแก่
ท่านผู้ไม่ยินดีอะไร ย่อมเป็นหมันไม่มีผลเหมือนกัน' ดังนี้. นี่ปัญหาสองเงื่อน
ไม่เป็นวิสัยของคนผู้ไม่ได้บรรลุพระอรหัตต์ เป็นวิสัยของท่านผู้ใหญ่เท่านั้น ขอ
พระผู้เป็นเจ้าจงทำลายข่าย คือ ทิฏฐิเสีย ตั้งไว้ในส่วนอันเดียว, นี่ปัญหามา
ถึงพระผู้เป็นเจ้าเข้าแล้ว ขอพระผู้เป็นเจ้าจงให้ดวงจักษุแก่พุทธโอรสทั้งหลาย
อันมีในอนาคตกาลไว้สำหรับข่มถ้อยคำแห่งผู้อื่น."
พระเถรเจ้าถวายพระพรว่า "ขอถวายพระพร พระผู้มีพระภาคเสด็จ
ปรินิพพานแล้ว และไม่ทรงยินดีบูชา, ความยินดีพระตถาคตเจ้าทรงละเสียได้
แล้วที่ควงพระศรีมหาโพธิ์, จักกล่าวอะไรถึงเมื่อพระองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว
ด้วนอนุปาทิเสสนิพพานธาตุเล่า. ข้อนี้มีที่อ้างให้เห็นจริง คำนี้พระธรรม
เสนาบดีสารีบุตรเถรเจ้ากล่าวว่า "พระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น ทรงพระคุณเสมอ
ด้วยพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอ หมู่มนุษย์พร้อมทั้งหมู่เทวดาพากันบูชา พระ
องค์ไม่ทรงยินดีสักการบูชา, นี่เป็นธรรมดาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ดังนี้."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า ธรรมดาบุตรย่อมกล่าวยกคุณบิดาบ้าง บิดาย่อม
กล่าวยกคุณบุตรบ้าง, ข้อนี้ไม่ใช่เหตุสำหรับข่มวาทะผู้อื่น, ข้อนี้ชื่อว่าเป็น
เครื่องประกาศความเลื่อมใส, ขออาราธนาพระผู้เป็นเจ้ากล่าวเหตุในข้อ
ปัญหานั้นให้ชอบ เพื่อแก้ข่าย คือ ทิฏฐิออกเสีย เพื่อตั้งวาทะของตนไว้."
ถ. "ขอถวายพระพร พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว และ
พระองค์มิได้ทรงยินดีบูชา, เทวดามนุษย์ทั้งหลายกระทำรัตน คือ พระธาตุ
ของพระตถาคตเจ้า ผู้ไม่ยินดีโดยแท้ให้เป็นที่ตั้งแล้ว เสพสัมมาปฏิบัติด้วย
อารมณ์อันมุ่งอยู่ในรัตน คือ พระญาณของพระตถาคตเจ้า ย่อมได้สมบัติสาม
ประการ, เหมือนอย่างว่า กองไฟใหญ่ลุกโพลงแล้วจะดับไป, กองไฟนั้น ยินดี
เชื้อคือหญ้าและไม้บ้างหรือ ขอถวายพระพร."
ร. "กองไฟใหญ่ ถึงกำลังลุกอยู่ ก็ย่อมไม่ยินดีเชื้อ คือ หญ้าและไม้, ก็
กองไฟใหญ่นั้นดับสงบแล้ว หาเจตนามิได้ จักยินดีด้วยเหตุอะไรเล่า พระผู้
เป็นเจ้า ?"
ถ. "ก็เมื่อกองไฟนั้นดับสงบแล้ว ไฟในโลกชื่อว่าสูญหรือ ขอถวายพระ
พร ?"
ร. "หาเป็นดังนั้นไม่ ไม้เป็นวัตถุเป็นเชื้อของไฟ. มนุษย์จำพวกไหน
ต้องการไฟ เขาสีไม้ด้วยเรี่ยวแรงกำลังพยายาม ด้วยความกระทำของบุรุษ
เฉพาะตัวของเขาแล้ว ยังไฟให้เกิดขึ้นแล้ว ย่อมกระทำกิจที่จะต้องกระทำด้วย
ไฟได้ด้วยไฟนั้น."
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น คำของพวกเดียรถีย์ว่า 'การบูชาที่
ทายกกระทำแล้วแก่ท่านผู้ไม่ยินดีอะไร ย่อมเป็นหมันไม่มีผล' ดังนี้ ย่อมเป็น
ผิด. ขอถวายพระพร กองไฟใหญ่ลุกโพลงอยู่ ฉันใด, พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
รุ่งเรืองอยู่ในหมื่นโลกธาตุด้วยพระพุทธสิริ ก็ฉันนั้น; กองไฟใหญ่นั้น ครั้นลุก
โพลงแล้วก็ดับไป ฉันใด, พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงรุ่งเรืองในหมื่นโลกธาตุ
ด้วยพระพุทธสิริแล้ว เสด็จปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ก็ฉันนั้น;
กองไฟที่ดับแล้วไม่ยินดีเชื้อ คือ หญ้าและไม้ ฉันใด, การยินดีเกื้อกูลของโลก
พระองค์ละเสียแล้ว สงบแล้ว ก็ฉันนั้น; มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อกองไฟดับแล้วไม่
มีเชื้อ สีไม้ด้วยเรี่ยวแรงกำลังพยายามด้วยความกระทำของบุรุษเฉพาะตัว
ของเขาแล้ว ยังไฟให้เกิดขึ้นแล้ว ย่อมกระทำกิจที่จะต้องกระทำด้วยไฟได้ด้วย
ไฟนั้น ฉันใด; เทวดามนุษย์ทั้งหลาย กระทำรัตน คือ พระธาตุของพระตถาคต
เจ้าผู้ไม่ยินดีโดยแท้ให้เป็นที่ตั้งแล้ว เสพสัมมาปฏิบัติ ด้วยอารมณ์อันมุ่งอยู่ใน
รัตน คือ พระญาณ ของพระตถาคตเจ้า ย่อมได้สมบัติสามประการ ก็ฉันนั้น.
ขอถวายพระพร แม้เพราะเหตุนี้ การบูชาที่ทายกกระทำแล้วแด่พระตถาคต
เจ้าผู้เสด็จปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่โดยแท้ จึงชื่อว่า มีผลไม่เป็นหมัน."
ถ. "ขอถวายพระพร ขอพระองค์ทรงสดับเหตุแม้อื่นยิ่งขึ้นเป็นเครื่องให้
เห็นว่า การบูชาที่ทายกกระทำแล้วแด่พระตถาคตเจ้าผู้ปรินิพพานแล้ว ไม่ทรง
ยินดีอยู่โดยแท้ มีผลไม่เป็นหมัน: เหมือนอย่างว่า พายุใหญ่พัดแล้วจะสงบไป,
ลมที่สงบไปแล้วนั้น ยินดีการให้เกิดอีกบ้างหรือขอถวายพระ ?"
ร. "หามิได้ ความคำนึงก็ดี ความกระทำในใจก็ดี ของลมที่สงบไปแล้ว
เพื่อการกระทำให้เกิดอีก ไม่มี, เหตุอะไรเล่า เหตุว่าวาโยธาตุนั้นไม่มีเจตนา."
ถ. "เออก็ ชื่อของลมที่สงบไปแล้วนั้นว่า 'ลม' ดังนี้ ยังเป็นไปบ้างหรือ
ขอถวายพระพร ?"
ร. "หามิได้" พัดใบตาลและพัดโบกเป็นปัจจัยเพื่อความเกิดขึ้นแห่งลม,
มนุษย์จำพวกไหน ต้องร้อนเผาแล้ว ต้องความกระวนกระวายบีบคั้นแล้ว เขา
ยังลมให้เกิดขึ้น ด้วยพัดใบตาลหรือด้วยพัดโบกตามกำลังเรี่ยวแรงพยายาม
ตามความกระทำของบุรุษเฉพาะตัวของเขาแล้ว ยังความร้อนให้ดับ ยังความ
กระวนกระวายให้สงบ ด้วยลมนั้น."
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น คำของพวกเดียรถีย์ว่า 'การบูชาที่
ทายกกระทำแล้วแก่ท่านผู้ไม่ยินดีอะไร ย่อมเป็นหมันไม่มีผล' ดังนี้ ย่อมเป็น
ผิด. ขอถวายพระพร พายุใหญ่พัดแล้ว ฉันใด, พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกระพือ
ในหมื่นโลกธาตุ ด้วยลม คือ พระเมตตาอันเย็นชื่นใจละเอียดสุขุมแล้ว ก็ฉัน
นั้น; พายุใหญ่ครั้นพัดแล้ว สงบไปแล้วฉันใด, พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรง
กระพือในหมื่นโลกธาตุ ด้วยลม คือ พระเมตตาอันเย็นชื่นใจละเอียดสุขุมแล้ว
เสด็จปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ก็ฉันนั้น; ลมอันสงบไปแล้ว
ย่อมไม่ยินดีความให้เกิดขึ้นอีก ฉันใด การยินดีเกื้อกูลของโลก พระองค์ละเสีย
แล้ว สงบแล้ว ก็ฉันนั้น; มนุษย์ทั้งหลายนั้น ต้องร้อนเผาแล้ว ต้องความกระวน
กระวายบีบคั้นแล้ว ฉันใด, เทวดามนุษย์ทั้งหลาย ต้องความร้อนกระวน
กระวายเหตุไฟสามประการบีบคั้นแล้ว ก็ฉันนั้น;พัดใบตาลและพัดโบกเป็น
ปัจจัย เพื่อความเกิดแห่งลม ฉันใด, พระธาตุและพระญาณรัตนของพระ
ตถาคตเจ้าเป็นปัจจัย เพื่อความได้สมบัติสามประการ ก็ฉันนั้น; มนุษย์ทั้ง
หลาย ต้องร้อนเผาแล้ว ต้องความกระวนกระวายบีบคั้นแล้ว ยังลมให้เกิดขึ้น
ด้วยพัดใบตาลหรือด้วยพัดโบกแล้ว ยังความร้อนให้ดับ ยังความกระวน
กระวายให้สงบด้วยลมนั้น ฉันใด, เทวดามนุษย์ทั้งหลาย บูชาพระธาตุและ
พระญาณรัตนของพระตถาคตเจ้า ผู้เสด็จปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีโดยแท้
แล้ว ยังกุศลให้เกิดขึ้นแล้ว ยังความร้อนความกระวนกระวายเหตุไฟสาม
ประการให้ดับ ให้สงบด้วยกุศลนั้นฉันนั้น. ขอถวายพระพร แม้เพราะเหตุนี้
การบูชาที่ทายกกระทำแล้วแด่พระตถาคตเจ้าผู้เสด็จปรินิพพานแล้ว ไม่ทรง
ยินดีอยู่โดยแท้ จึงชื่อว่า มีผลไม่เป็นหมัน."
ถ. "ขอถวายพระพร ขอพระองค์ทรงสดับเหตุแม้อื่นอีกให้ยิ่งขึ้นไป เพื่อ
ข่มวาทะผู้อื่นเสีย: เหมือนอย่างว่า บุรุษตีกลอง ยังเสียงให้เกิดขึ้น และเสียง
กลองอันบุรุษให้เกิดขึ้นนั้น แล้วก็อันตรธานหายไป, เออก็ เสียงนั้น ยินดีความ
ให้เกิดขึ้นอีกบ้างหรือ ขอถวายพระพร."
ร. "หามิได้ เสียงนั้นอันตรธานไปแล้ว, ความคำนึงก็ดี ความกระทำใน
ใจก็ดี ของเสียงนั้น เพื่ออันเกิดขึ้นอีกมิได้มี, ครั้นเมื่อเสียงกลองเกิดขึ้นคราว
เดียวแล้ว อันตรธานไปแล้ว เสียงกลองนั้นก็ขาดสูญไป, ส่วนกลองเป็นปัจจัย
เพื่อความเกิดขึ้นแห่งเสียง, ครั้นเมื่อเป็นอย่างนั้น บุรุษเมื่อปัจจัยมีอยู่ ตีกลอง
ด้วยพยายามอันเกิดแต่ตนแล้ว ยังเสียงให้เกิดขึ้นได้."
ถ. "ขอถวายพระพร พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตั้งพระธาตุรัตนอันพระ
องค์อบรมแล้วด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณ ทัสสนะ กับพระ
ธรรมวินัยคำสอน ให้เป็นต่างพระศาสดาแล้ว ส่วนพระองค์เสด็จปรินิพพาน
ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพาน
แล้ว ความได้สมบัติขาดสูญไปตามแล้วก็หาไม่, สัตว์ทั้งหลายต้องทุกข์ในภพ
บีบคั้นแล้วกระทำพระธาตุรัตนกับพระธรรมวินัยคำสอนให้เป็นปัจจัย แล้ว
อยากได้สมบัติ ก็ย่อมได้ฉันเดียวกัน. ขอถวายพระพร แม้เพราะเหตุนี้ การ
บูชาที่ทายกกระทำแล้วแด่พระตถาคตเจ้าผู้เสด็จปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดี
อยู่โดยแท้ จึงชื่อว่า มีผลไม่เป็นหมัน. ขอถวายพระพร ข้อนี้พระผู้มีพระภาค
เจ้าทรงเห็นและตรัสบอกล่วงหน้าไว้นานแล้วว่า "อานนท์ สักหน่อยความวิตก
จะมีแก่ท่านทั้งหลายว่า 'พระศาสนามีพระศาสดาล่วงไปเสียแล้ว พระศาสดา
ของเราทั้งหลายไม่มี' ดังนี้, ข้อนี้ท่านทั้งหลายอย่าเห็นไปอย่างนั้น, ธรรม
และวนัยอันเราแสดงแล้ว และบัญญัติแล้ว แก่ท่านทั้งหลายโดยกาลที่ล่วงไป
แล้วแห่งเรา จักเป็นศาสดาของท่านทั้งหลายแทน" ดังนี้. คำของพวกเดียรถีย์
ว่า 'การบูชาที่ทายกกระทำแล้วแด่พระตถาคตผู้ปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดี
อยู่ เป็นหมันไม่มีผล' ดังนี้นั้น ผิด ไม่จริง เท็จ สับปลับ พิรุธ วิปริต ให้ทุกข์เป็น
ผล มีทุกข์เป็นวิบาก ยังผู้พูดและผู้เชื่อถือให้ไปสู่อบาย."
ถ. "ขอถวายพระพร ขอพระองค์ทรงสดับเหตุแม้อื่นให้ยิ่งขึ้นไป เป็น
เครื่องให้เห็นว่า 'การบูชาที่ทายกกระทำแล้วแด่พระตถาคตเจ้าผู้เสด็จ
ปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่โดยแท้ มีผลไม่เป็นหมัน: มหาปฐพีนี้ยินดีบ้าง
หรือหนอแลว่า 'ขอสรรพพืชจงงอกขึ้นบนเรา' ดังนี้."
ร. "หามิได้."
ถ. "ขอถวายพระพร ก็เหตุไฉนพืชทั้งหลายเหล่านั้น งอกขึ้นบนมหา
ปฐพีอันไม่ยินดีอยู่แล้ว ตั้งมั่นด้วยรากอันรึงรัดกันแน่นแข็งแรงด้วยแกนในลำ
ต้นและกิ่ง ทรงดอกออกผลเล่า ?"
ร. "มหาปฐพีแม้ไม่ยินดีอยู่ ก็เป็นวัตถุที่ตั้งแห่งพืชทั้งหลายเหล่านั้น
ย่อมให้ปัจจัยเพื่องอกขึ้น, พืชทั้งหลายนั้นอาศัยมหาปฐพีนั้นเป็นวัตถุแล้ว
งอกขึ้นด้วยปัจจัยนั้นแล้ว ตั้งมั่นด้วยรากอันรึงรัดกันแน่น แข็งแรงด้วยแก่นใน
ลำต้นและกิ่ง ทรงดอกออกผลได้."
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น พวกเดียรถึย์ฉิบหาย ต้องถูกกำจัด
เป็นพิรุธในถ้อยคำของตัว, ถ้าเขาขืนกล่าวว่า 'การบูชาที่ทายกกระทำแล้วแก
ท่านผู้ไม่ยินดี เป็นหมันไม่มีผล' ดังนี้. ขอถวายพระพร มหาปฐพีนี้ ฉันใด, พระ
ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ฉันนั้น; มหาปฐพีไม่ยินดีอะไร ๆ ฉันใด,
พระตถาคตเจ้าไม่ทรงยินดีอะไร ๆ ก็ฉันนั้น; พืชเหล่านั้นอาศัยปฐพี งอกขึ้น
แล้ว ตั้งมั่นด้วยรากอันรึงรัดกันแน่นแข็งแรงด้วยแก่นในลำต้นและกิ่ง ทรงดอก
ออกผลได้ฉันใด, เทวดามนุษย์ทั้งหลาย อาศัยพระธาตุและพระญาณรัตนข
องพระตถาคตเจ้าผู้เสด็จปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่โดยแท้ ตั้งมั่นด้วย
กุศลมูลอันแน่นหนาแล้ว แข็งแรงด้วยแก่น คือ พระธรรม ในลำต้น คือ สมาธิ
และกิ่ง คือ ศีล ทรงดอก คือ วิมุตติ ออกผล คือ สามัญผล ก็ฉันนั้น. ขอถวาย
พระพร แม้เพราะเหตุนี้ การบูชาที่ทายกกระทำแล้วแด่พระตถาคตเจ้าผู้เสด็จ
ปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่โดยแท้ จึงชื่อว่า มีผลไม่เป็นหมันแล."
ถ. "ขอถวายพระพร ขอพระองค์ทรงสดับเหตุแม้อื่นอีกให้ยิ่งขึ้นไป เป็น
เครื่องให้เป็นว่า การบูชาที่ทายกกระทำแล้วแด่พระตถาคตเจ้าผู้เสด็จ
ปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่โดยแท้ มีผลไม่เป็นหมัน: สัตว์ที่เขาเลี้ยง คือ
อูฐ โค ลา แพะ และหมู่มนุษย์เหล่านี้ ยินดีให้หมู่หนอนเกิดในท้องบ้างหรือ
ขอถวายพระ."
ร. "หามิได้."
ถ. "ขอถวายพระพร ก็เหตุไฉน หนอนเหล่านั้นจึงเกิดในท้องของมนุษย์
และดิรัจฉานเหล่านั้นผู้ไม่ยินดีอยู่แล้ว มีลูกหลานเป็นอันมาก ถึงความ
ไพบูลย์ขั้นเล่า ?"
ร. "เพราะบาปกรรมมีกำลังซิ พระผู้เป็นเจ้า ถึงสัตว์เหล่านั้นไม่ยินดีอยู่
หมู่หนอนเกิดขึ้นภายในท้องแล้ว มีลูกหลายมาก ถึงความไพบูลย์ขึ้น."
ถ. "เพราะพระธาตุและพระญาณรัตนของพระตถาคตเจ้าผู้เสด็จ
ปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่โดยแท้มีกำลัง การบูชาที่ทายกกระทำแล้วใน
พระตถาคตเจ้า จึงมีผลไม่เป็นหมัน ฉันเดียวกันแล ขอถวายพระพร."
ถ. "ขอถวายพระพร ขอพระองค์ทรงสดับเหตุแม้อื่นอีกให้ยิ่งขึ้นไปอีก
เป็นเครื่องให้เห็นว่า การบูชาที่ทายกกระทำแล้วแด่พระตถาคตเจ้าผู้เสด็จ
ปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่โดยแท้ มีผลไม่เป็นหมัน: หมู่มนุษย์เหล่านี้ยินดี
อยู่ว่า 'ขอโรคเก้าสิบแปดเหล่านี้ จงเกิดในกายเถิด' ดังนี้ บ้างหรือ ขอถวาย
พระพร."
ร. "หามิได้."
ถ. "ขอถวายพระพร ก็เหตุไฉน โรคเหล่านั้นจึงเกิดในกายของหมู่
มนุษย์ผู้ไม่ยินดีอยู่เล่า ?"
ร. "ขอถวายพระ ถ้าว่าอกุศลที่เขากระทำไว้ในกาลก่อนเป็นกรรมที่จะ
ต้องเสวยในภพนี้, ถ้าอย่างนั้น กุศลกรรมก็ดี อกุศลกรรมก็ดี ที่เขากระทำไว้
แล้วในภพก่อนก็ดี ในภพนี้ก็ดี ย่อมมีผลไม่เป็นหมัน. ขอถวายพระพร แม้
เพราะเหตุนี้ การบูชาที่ทายกกระทำแล้ว แด่พระตถาคตเจ้าผู้เสด็จ
ปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่โดยแท้ ย่อมมีผลไม่เป็นหมัน. ขอถวายพระพร
พระองค์ได้เคยทรงสดับบ้างหรือว่านันทกยักษ์ประทุษร้ายพระสารีบุตรเถรเจ้า
แล้ว เข้าไปสู่แผ่นดินแล้ว."
ร. "ข้าพเจ้าเคยได้ฟัง เรื่องนี้ปรากฏแล้วในโลก."
ถ. "เออก็ พระสารีบุตรเถรเจ้ายินดีการที่มหาปฐพีกลืนนันทกยักษ์เข้า
ไปไว้ด้วยหรือ ขอถวายพระพร."
ร. "แม้โลกนี้กับทั้งเทวโลกเพิกถอนไปอยู่ แม้ดวงจันทร์และดวง
อาทิตย์ตกลงมาที่แผ่นดินอยู่ แม้พญาเขาสิเนรุบรรพตแตกกระจายอยู่ พระ
สารีบุตรเถรเจ้าก็ไม่ยินดีทุกข์ของผู้อื่น, ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุอะไร ? เป็น
เพราะเหตุเครื่องที่พระสารีบุตรเถรเจ้าจะโกรธก็ดี จะประทุษร้ายก็ดี ท่านถอน
เสียแล้ว ท่านตัดขาดเสียแล้ว, เพราะท่านถอนเหตุเสียได้แล้ว พระสารีบุตรเถร
เจ้าไม่พึงกระทำความโกรธ แม้ในผู้จะผลาญชีวิตของท่านเสีย."
ถ. "ถ้าว่า พระสารีบุตรเถรเจ้าไม่ยินดีการที่มหาปฐพีกลืนนันทกยักษ์
เข้าไปไว้แล้ว เหตุไฉน นันทกยักษ์จึงได้เข้าไปสู่แผ่นดินเล่าขอถวายพระพร ?"
ร. "เพราะเหตุอกุศลกรรมเป็นโทษมีกำลังนะซิ."
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าหากนันทกยักษ์เข้าไปสู่แผ่นดินแล้ว เพราะ
อกุศลกรรมเป็นโทษแรง, ความผิดที่เขากระทำแล้วต่อท่านผู้ไม่ยินดีอยู่ ก็มีผล
ไม่เป็นหมัน, ถ้าอย่างนั้น การบูชาที่ทายกระทำแล้วแก่ท่านผู้ไม่ยินดีอยู่ ก็
ย่อมมีผลไม่เป็นหมัน เพราะกุศลกรรมเป็นคุณแรงกล้า. ขอถวายพระพร แม้
เพราะเหตุนี้ การบูชาที่ทายกกระทำแล้วแด่พระตถาคตเจ้าผู้เสด็จปรินิพพาน
แล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่โดยแท้ ย่อมมีผลไม่เป็นหมัน. ขอถวายพระพร เดี๋ยวนี้
มนุษย์ผู้เข้าไปสู่แผ่นดินมีผลเท่าไรแล้ว, พระองค์ได้เคยสดับเรื่องนี้บ้างหรือ ?"
ร. "เคยได้ฟัง"
ถ. "ขอถวายพระพร เชิญพระองค์ตรัสให้อาตมภาพฟัง."
ร. "ข้าพเจ้าได้ฟังว่า มนุษย์ผู้เข้าไปสู่แผ่นดินแล้วนี้ห้าคน คือ : นาง
จิญจมาณวิกาหนึ่ง สุปปพุทธะสักกะหนึ่ง เทวทัตตเถระหนึ่ง นันทกยักษ์หนึ่ง
นันทมาณพหนึ่ง."
ถ. "เขาผิดในใคร ขอถวายพระพร."
ร. "ในพระผู้มีพระภาคเจ้าบ้าง ในพระสาวกบ้าง."
ถ. "เออก็ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ดี พระสาวกก็ดี ยินดีการที่คนเหล่านี้
เข้าไปสู่แผ่นดินแล้วหรือ ขอถวายพระพร ?"
ร. "หามิได้."
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าอย่างนั้น การบูชาที่ทายกกระทำแล้ว แด่พระ
ตถาคตเจ้าผู้เสด็จปรินิพพานแล้ว ไม่ทรงยินดีอยู่โดยแท้ ย่อมมีผลไม่เป็น
หมัน."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าแก้ปัญหาให้เข้าใจได้ดีแล้ว ข้อที่ลึกกระทำให้ตื้นแล้ว
ที่กำบังพังเสียแล้ว ขอดทำลายเสียแล้ว ชัฏกระทำไม่ให้เป็นชัฏแล้ว วาทะของ
คนพวกอื่นฉิบหายแล้ว ทิฏฐิอันน่าชังหักเสียได้แล้ว พวกเดียรถีย์ผู้น่าเกลียด
มาจดพระผู้เป็นเจ้าผู้ประเสริฐกว่าคณาจารย์ที่ประเสริฐเข้าแล้ว ย่อมสิ้น
รัศมี."




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO