นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 11 พ.ค. 2024 12:11 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: อังคาร 24 ก.ค. 2012 6:44 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4554
๗. ปฐวีสันธารกปัญหา ๔๕

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า พูดอยู่ว่า 'แผ่นดินอันใหญ่นี้ตั้ง
อยู่บนน้ำ, น้ำตั้งอยู่บนลม, ลมตั้งอยู่บนอากาศ;' แม้ข้อนี้ ข้าพเจ้ายังไม่เชื่อ."
พระเถรเจ้าจับธรมกรกจุ่มน้ำยกขึ้น อธิบายให้พระเจ้ามิลินท์เข้าพระ
ราชหฤทัยว่า "น้ำนี้ลมอุ้มไว้ ฉันใด แม้น้ำนั้นลมก็อุ้มไว้ฉันนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๘. นิโรธนิพพานปัญหา ๔๖

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า นิพพาน คือ นิโรธหรือ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร นิพพาน คือ นิโรธ."
ร. "นิพาน คือ นิโรธอย่างไร ?"
ถ. "บุถุชนคนเขลาทั้งหลายทั้งปวง ยินดีเพลิดเพลินหมกมุ่นอยู่ใน
อายตนะภายในภายนอก อันกระแสตัณฆาพัดให้ลอยไปอยู่, อาตมภาพจึง
กล่าวว่า 'ไม่พ้นไปจากชาติ ชรา มรณะ โสก ปริเทวะ ทุกข โทมนัส อุปมายาส
ไม่พ้นไปจากทุกข์ได้.' ส่วนอริยสาวก ผู้ได้สดับแล้ว ย่อมไม่ยินดีเพลิดเพลิน
หมกหมุ่นอยู่ในอายตนะภายในภายนอก, เมื่อท่านไม่ยินดีเพิลดเพลินหมกมุ่น
เช่นนั้น ตัณหา คือ ความทะยานอยากย่อมดับไป, เพราะตัณหาดับไป
อุปาทาน คือ การถือมั่นก็ดับไป, เพราะอุปาทานดับ ภพ คือ กรรมก็ดับไป,
เพราะภพดับ ชาติ คือ ความเกิดก็ดับไป, เพราะชาติดับ ชรา คือ ความแก่
มรณะ คือ ความตาย โสก คือ ความแห้งใจ ปริเทวะ คือ ความร่ำไรรำพัน
ทุกข์ คือ ความเจ็บกาย โทมนัส คือ ความเสียใจ อุปายาส คือ ความคับใจก็
ย่อมดับไป, ความดับแห่งกองทุกข์สิ้นเชิงนั้น ย่อมมีด้วยอุบายอย่างนี้.
นิพพาน คือ นิโรธด้วยประการอย่างนี้."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๙. นิพพานลภนปัญหา ๔๗

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า คนทั้งหลายย่อมได้นิพพานหมด
ทุกคนหรือ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "คนทั้งหลายได้นิพพานหมดทุกคนหามิได้, ยก
ไว้แต่ผู้ใดปฏิบัติชอบ รู้เฉพาะธรรมที่ควรรู้เฉพาะ คือ กำหนดรู้ ธรรมที่ควร
กำหนดรู้ ละธรรมที่ควรละ เจริญธรรมที่ควรเจริญ ทำให้แจ้งธรรมที่ควรทำให้
แจ้ง, ผู้นั้นย่อมได้นิพพาน."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๑๐. นิพพานสุขภาวชานนปัญหา ๔๘

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดไม่ได้นิพพาน ผู้นั้นรู้หรือว่า
'นิพพานเป็นสุข."
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร รู้ได้."
ร. "รู้ได้อย่างไร ?"
ถ. "พระองค์จะทรงสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน: มือและเท้าของผู้ใดไม่
ขาด ผู้นั้นจะรู้ได้หรือว่า 'การถูกตัดมือเท้าเป็นเหตุแห่งทุกข์."
ร. "รู้ได้ซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "รู้ได้อย่างไร ?"
ร. "ได้ฟังเสียงครางของคนอื่น ผู้มีมือเท้าอันขาดแล้ว ก็รู้ได้ซิพระผู้เป็น
เจ้า."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, ผู้ใดไม่ได้นิพพาน ได้ฟังเสียงของคนที่เห็นนิพพาน ก็
รู้ได้ว่า 'นิพพานเป็นสุข ' ฉันนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."


วรรคที่ห้า
๑. พุทธอัตถินัตถิภาวปัญหา ๔๙

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าหรือไม่ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร อาตมภาพไม่ได้เห็น."
ร. "เมื่อพระผู้เป็นเจ้าไม่ได้เห็น พระอาจารย์ของพระผู้เป็นเจ้าได้เห็น
หรือไม่ ?"
ถ. "อาจารย์ของอาตมภาพก็ไม่เห็น."
ร. "ถ้าอย่างนั้น พระพุทธเจ้ามิไม่มีหรือ ?"
ถ. "พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นแม่น้ำอูหานทีที่ป่าหิมพานต์หรือไม่
?"
ร. "ข้าพเจ้าไม่ได้เห็น."
ถ. "เมื่อพระองค์ไม่ได้ทอดพระนครเห็นพระราชบิดาของพระองค์ได้
ทอดพระเนตรเห็นหรือไม่ ?"
ร. "พระราชบิดาของข้าพเจ้าก็ไม่ได้เห็น."
ถ. "ถ้าอย่างนั้น แม่น้ำอูหานทีมิไม่มีหรือ ?"
ร. "มีอยู่, แต่ข้าพเจ้าและบิดาของข้าพเจ้าไม่ได้เห็น."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, อาตมภาพและอาจารย์ของอาตมภาพก็ไม่ได้เห็น
พระผู้มีพระภาคเจ้าเหมือนฉะนั้น, แต่พระผู้มีพระภาคมีอยู่จริง."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๒. พุทธานุตตรภาวปัญหา ๕๐

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า พระพุทธเจ้าไม่มีใครจะยิ่งกว่าไป
ได้หรือ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าก็ไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้า ทำไมจึงทราบได้ว่า 'พระ
พุทธเจ้าไม่มีใครจะยิ่งกว่าไปได้."
ถ. "พระองค์จะทรงดำริเห็นความข้อนั้นเป็นไฉน: คนที่ยังไม่เห็น
มหาสมุทรเลย จะรู้ได้หรือว่า มหาสมุทรใหญ่ลึกเหลือที่จะนับยากที่จะหยั่ง
ถึง, แม่น้ำใหญ่ทั้งห้า คือ คงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู มหีไหลลงไปสู่มหาสมุทร
ไม่ขาดสาย, มหาสมุทรนั้นก็ไม่ปรากฏที่จะบกพร่อง หรือเต็มขึ้นกว่าเก่า ดัง
นี้."
ร. "เขาต้องรู้ได้ซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, ถึงอาตมภาพได้เห็นพระอรหันตสาวกที่ปรินิพพาน
แล้ว ก็รู้ได้ว่า 'พระผู้มีพระภาคไม่มีใครจะยิ่งกว่าไปได้' เหมือนฉะนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๓. พุทธอนุตตรภาวชานนปัญหา ๕๑

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า ประชุมชนอื่น ๆ จะสามารถรู้ได้
หรือไม่ว่า 'พระพุทธเจ้าไม่มีใครจะยิ่งกว่าไปได้."
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร เขาสามารถจะรู้ได้."
ร. "รู้ได้อย่างไร พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "เรื่องเคยมีแล้ว พระเถรเจ้าองค์หนึ่ง ชื่อ ติสสะ เป็นอาจารย์
หนังสือ, เธอทำกาลกิริยาล่วงไปหลายปีแล้ว กิตติศัพท์ของเธอยังปรากฏอยู่
เพราะอะไร ?"
ร. "เพราะลายมือนะซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นก็ชื่อว่า ได้เห็นพระผู้มีพระภาค
เจ้า เหมือนฉะนั้น, เพราะว่าพระธรรมเป็นของที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้
แล้ว."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๔. ธัมมทิฏฐปัญหา ๕๒

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า ได้เห็นพระธรรมหรือ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร สาวกทั้งหลายต้องประพฤติ
ตามแบบแผนของพระพุทธเจ้า ตามพระบัญญัติของพระพุทธเจ้า จนสิ้น
ชีวิต."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๕. นจสังกมติปฏิสันธหนปัญหา ๕๓

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า วิญญาณไม่เลื่อนไป ก็แต่
ปฏิสนธิได้หรือ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร."
ร. "ข้อนั้นอย่างไร ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "เหมือนอย่างว่า บุรุษผู้หนึ่ง จะจุดไฟจากดวงไฟ, ดวงไฟเลื่อนไป
จากดวงไฟหรือ ?"
ร. "หามิได้ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, วิญญาณย่อมไม่เลื่อนไป ก็แต่ปฏิสนธิใดเหมือน
ฉะนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟังอีก."
ถ. "พระองค์ทรงจำได้หรือไม่ว่า เมื่อพระองค์ยังทรงพระเยาว์ได้ทรง
เรียนแต่คำโศลก (คำโคลง) บางอย่าง ในสำนักแห่งอาจารย์ผู้สอนให้แต่คำ
โศลก."
ร. "จำได้."
ถ. "คำโศลกเลื่อนไปจากอาจารย์หรือ ?"
ร. "หามิได้."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, วิญญาณย่อมไม่เลื่อนไป ก็แต่ปฏิสนธิได้เหมือน
ฉะนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๖. เวทคูปัญหา ๕๔

พระราชาตรัสถามว่า "เจตภูตมีอยู่หรือ พระผู้เป็นเจ้า ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร เจตภูตไม่มีโดยพระปรมัตถ์."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๗. อิมัมหากายาอัญญกายสังกมนปัญหา ๕๕

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า สภาพอันใดอันหนึ่งที่เลื่อนออก
จากกายนี้แล้ว ไปสู่กายอื่นมีอยู่หรือ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร ไม่มีเลย."
ร. "ถ้าว่าไม่มี สัตว์จักพ้นจากบาปกรรมได้มิใช่หรือ ?"
ถ. "ขอถวายพระพร ถ้าสัตว์ไม่ต้องปฏิสนธิ ก็พ้นจากบาปกรรมได้;
เพราะเหตุใดเล่า สัตว์ยังต้องปฏิสนธิอยู่, เพราะเหตุนั้น จึงยังไม่พ้นจาก
บาปกรรมได้."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "เหมือนอย่างว่า บุรุษผู้หนึ่ง จะลักมะม่วงของบุรุษอีกคนหนึ่ง เขา
จะต้องโทษหรือไม่ ?"
ร. "ต้องซิ พระผู้เป็นเจ้า"
ถ. "เขาไม่ได้ลักมะม่วงที่บุรุษนั้นเพาะไว้ ทำไมจึงต้องโทษเล่า ?"
ร. "มะม่วงที่บุรุษลักนั้น อาศัยมะม่วงที่เพาะ จึงได้บังเกิดเพราะเหตุ
นั้น เขาจึงต้องโทษ."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, บุคคลทำกรรมดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ด้วยนามรูปนี้. นาม
รูปอื่นย่อมปฏิสนธิด้วยกรรมอันนั้น, เพราะเหตุนั้น สัตว์จึงไม่พ้นจาก
บาปกรรมได้."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า ช่างฉลาดจริง ๆ."

๘. กัมมผลอัตถิภาวปัญหา ๕๖

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า กรรมที่เป็นกุศลก็ตาม อกุศลก็
ตาม ที่นามรูปอันนี้ทำแล้ว, กรรมเหล่านั้นจะอยู่ที่ไหน ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "กรรมเหล่านั้นต้องติดตามไป เหมือนกะเงาติด
ตามตัวไปฉะนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าจะสามารถชี้กรรมเหล่านั้นว่า 'อยู่ที่นี่ หรือที่นี่' ได้
หรือ ?"
ถ. "อาตมภาพไม่สามารถ."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "พระองค์จะทรงพระดำริเห็นความข้อนั้นเป็นไฉน: ต้นไม้เหล่าใดยัง
ไม่ออกผล พระองค์จะทรงสามารถชี้ผลของต้นไม้เหล่านั้นว่า 'อยู่ที่นี้หรือที่นี่'
ได้หรือ ?"
ร. "ไม่ได้ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, ถึงอาตมภาพก็ไม่สามารถที่จะชี้กรรมเหล่านั้นได้ว่า
'อยู่ที่นี่หรือที่นี่' เหมือนฉะนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๙. อุปัชชนชานนปัญหาที่ ๕๗

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า สัตว์ใดจะบังเกิด สัตว์นั้นจะรู้ได้
หรือว่า 'เราจักบังเกิด' ดังนี้."
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "เหมือนอย่างว่า ชาวนาหว่านพืชลงในแผ่นดินแล้ว เมื่อฝนตกดี
ย่อมรู้ได้ว่า 'ธัญญชาติทั้งหลายจักออกรวง' ดังนี้ หรือไม่ ?"
ร. "เขารู้ได้ซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, สัตว์ที่จะบังเกิดก็รู้ได้ว่า 'เราจักบังเกิด' ฉันนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๑๐. พุทธนิทัสสนปัญหาที่ ๕๘

พระราชาตรัสถามว่า "พระพุทธเจ้ามีหรือ พระผู้เป็นเจ้า ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร มีอยู่."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าสามารถจะชี้ได้หรือว่า 'พระพุทธเจ้าอยู่ที่นี้ หรือที่นี้."
ถ. "พระผู้มีพระภาคปรินิพพานแล้ว ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ (ดับ
หมดสิ้นเชื้อไม่มีเหลือ), อาตมภาพไม่สามารถที่จะชี้ได้ว่า 'อยู่ที่นี้หรือที่นี้."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "พระองค์จะทรงพระดำริเห็นความข้อนั้นเป็นไฉน: เปลวแห่งกองไฟ
อันใหญ่ที่ลุกโพลงอยู่ดับไปแล้ว พระองค์จะทรงสามารถชี้ได้หรือว่า 'อยู่ที่นี้
หรือที่นี้."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "พระองค์จะทรงพระดำริเห็นความข้อนั้นเป็นไฉน: เปลวแห่งกองไฟ
อันใหญ่ที่ลุกโพลงอยู่ดับไปแล้ว พระองค์จะทรงสามารถชี้ได้หรือว่า 'อยู่ที่นี้
หรือที่นี้."
ร. "ไม่สามารถเลย เพราะว่าเปลวไฟนั้นดับแล้ว ถึงความไม่มีบัญญัติ
เสียแล้ว."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาติ, ใคร ๆ ไม่สามารถจะชี้ได้ว่า 'อยู่ที่นี้หรือที่นี้' ดัง
นี้. ก็แต่ว่าสามารถจะชี้ได้ด้วยธรรมกาย, เพราะว่าพระธรรม พระผู้มีพระภาค
เจ้าทรงแสดงไว้แล้ว."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."


วรรคที่หก
๑. กายอัปปิยปัญหา ๕๙

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า กายเป็นที่รักของบรรพชิตทั้ง
หลายหรือ ?"
พระเถรเจ้าถวายวิสัชนาว่า "ขอถวายพระพร กายซึ่งจะเป็นที่รักของ
บรรพชิตทั่งหลายหามิได้."
ร. "เมื่อไม่มีความรัก เหตุไฉนบรรพชิตทั้งหลายจึงต้องทะนุบำรุง ต้อง
หวงกันเล่า ?"
ถ. "เมื่อพระองค์เสด็จไปสู่งานพระราชสงคราม บางคราวเคยต้อง
อาวุธของข้าศึกบ้างหรือไม่ ?"
ร. "เคยบ้าง."
ถ. "แผลที่ต้องอาวุธนั้น พระองค์ทรงพอกยาสำหรับพอก ทรงทาน้ำมัน
ทรงพันไว้ด้วยผ้าเนื้อละเอียดมิใช่หรือ ?"
ร. "อย่างนั้น."
ถ. "แผลเป็นที่รักของพระองค์หรือ, จึงต้องทรงทำอย่างนั้น ?"
ร. "หามิได้ เพราะว่าข้าพเจ้าทำไว้อย่างนั้น ก็เพื่อจะให้เนื้องอกขึ้นดัง
เก่า."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, กายไม่เป็นที่รักของบรรพชิตทั้งหลาย, ก็แต่ว่า
บรรพชิตทั้งหลายซึ่งไม่หมกมุ่นทะนุบำรุงกายไว้ ก็เพื่อจะอนุเคราะห์แก่
พรหมจรรย์ ข้อนี้ก็ฉันนั้น. เออก็ กายนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่าเปรียบ
ประดุจแผล, เหตุนั้น บรรพชิตทั้งหลายไม่หมกมุ่นทะนุบำรุงกายเหมือนรักษา
แผล, ถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตรัสคำนี้ไว้ว่า 'กายนี้มีทวารเก้า มีแผลอัน
ใหญ่ มีหนังอันสดปกปิดไว้ คายของโสโครกออกโดยรอบ ไม่สะอาดมีกลิ่น
เหม็น' ดังนี้."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
cron
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO