นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 12 พ.ค. 2024 4:23 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: อาทิตย์ 22 ก.ค. 2012 8:02 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4556
๖. เวทคูปัญหา ๓๐

พระราชาตรัสถามว่า "เจตภูต (เวทคู) มีอยู่หรือพระผู้เป็นเจ้า ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "มหาราช อะไรชื่อว่า เจตภูต (เวทคู)."
ร. "สภาวะที่เป็นอยู่ในภายใน ย่อมเห็นรูปได้ด้วยนัยน์ตา, ฟังเสียงได้
ด้วยหู, สูบดมกลิ่นได้ด้วยจมูก, ลิ้มรสได้ด้วยลิ้น, ถูกต้องอารมณ์ที่จะพึงถูก
ต้องได้ด้วยกาย, รู้ธรรมที่ควรรู้ได้ด้วยใจ, เหมือนกะเราทั้งหลายนั่งอยู่ที่
ปราสาทนี้แล้ว ปรารถนาจะดูโดยหน้าต่างใด ๆ จะพึงเห็นได้โดยหน้าต่าง
นั้น ๆ, ปรารถนาจะดูโดยหน้าต่างข้างทิศบูรพาก็จะเห็นได้โดยหน้าต่างข้าง
ทิศบูรพา, ปรารถนาจะดูโดยหน้าต่างข้างทิศปัศจิม ก็จะแลเห็นได้โดยหน้า
ต่างข้างทิศปศจิม, ปรารถนาจะดูโดยหน้าต่างข้างทิศอุดร ก็จะแลเห็นได้โดย
หน้าต่างข้างทิศอุดร, ปรารถนาจะดูโดยหน้าต่างข้างทิศทักษิณ ก็จะแลเห็นได้
โดยหน้าต่างข้างทิศทักษิณ, ข้อนี้ฉันใด; สภาวะที่เป็นอยู่ในภายในนั้น
ปรารถนาจะเห็นโดยทวารใด ๆ ย่อมเห็นได้โดยทวารนั้น ๆ."
ถ. "ขอถวายพระพร อาตมภาพจะกล่าวถึงทวารห้า, ขอพระองค์ทรง
สดับ ทำในพระทัยให้ชอบเถิด. ถ้าสภาวะที่เป็นอยู่ในภายในนั้นจะเห็นรูปได้
ด้วยนัยน์ตา, เหมือนอย่างว่า เราทั้งหลายนั่งอยู่ที่ปราสาทนี้ปรารถนาจะดู
โดยพระแกลใด ๆ ก็ย่อมจะเห็นรูปได้โดยพระแกลนั้น ๆ, ปรารถนาจะดูโดย
พระแกลข้างทิศบูรพา หรือทิศปัศจิม ทิศอุดร ทิศทักษิณ ก็จะแลเห็นรูปได้โดย
พระแกลข้างทิศบูรพา ทิศปัศจิม ทิศอุดร ทิศทักษิณ, เมื่อเป็นเช่นนี้; สภาวะที่
เป็นอยู่ในภายในนั้นจะเห็นรูป ฟังเสียง สูบดมกลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องโผฏฐัพพะ รู้
ธรรมารมณ์ ด้วยตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ, (ที่มิใช่วิสัยอีกห้าทวารนั้น) ก็ได้
ทั้งนั้นหรือมหาราช ?"
ร. "ไม่ได้หมดทั้งนั้นซิ."
ถ. "คำที่พระองค์ตรัสนั้น ข้างต้นกับข้างปลายมิได้สมกัน อีกอย่างหนึ่ง
เหมือนอย่างว่า เราทั้งหลายนั้งอยู่บนปราสาทนี้แล้ว, เมื่อพระบัญชรทั้งหลาย
เหล่านี้เปิดแล้ว หันหน้าไปข้างนอก ย่อมเห็ฯรูปได้ดีกว่าทางอากาศอันใหญ่
ข้อนี้ฉันใด, สภาวะที่เป็นอยู่ในภายในนั้น, ครั้นเมื่อทวาร คือ ดวงตาเปิดแล้ว
จะพึงเห็นรูปได้ดีกว่าทางอากาศอันใหญ่ ฉันนั้น, ครั้นเมื่อเปิดแล้ว จมูกเปิด
แล้ว ลิ้นเปิดแล้ว กายเปิดแล้ว จะพึงฟังเสียงได้ จะพึงดมกลิ่นได้ จะพึงลิ้มรส
ได้ จะพึงถูกต้องโผฏฐัพพะได้ ดีกว่าทางอากาศอันใหญ่หรือไม่ ?"
ร. "ไม่ได้ซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ขอถวายพระพร คำที่พระองค์ตรัสนั้น ข้างต้นกับข้างปลายมิได้สม
กัน. อีกอย่างหนึ่ง เหมือนอย่างว่า ทินนอมาตย์นี้ออกไปยืนอยู่ที่ภายนอกซุ้ม
พระทวารแล้ว, พระองค์จะทรงทราบหรือไม่ ?"
ร. "ทราบซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ขอถวายพระพร เหมือนอย่างว่า ทินนอมาตย์นี้เข้าไป ณ ภายใน
แล้ว ยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ ๆ จะทรงทราบหรือไม่ ?"
ร. "ทราบซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. ข้อนั้นฉันใด, สภาวะที่เป็นอยู่ในภายในนั้น จะพึงรู้รสที่วางไว้บน
ลิ้นว่า 'เป็นรสเปรี้ยว, รสเค็ม, รสขม, รสเผ็ด, รสฝาด, รสหวาน' หรือไม่ ?"
ร. "รู้ซิ พระผู้เป็น."
ถ. "สภาวะที่เป็นอยู่ในภายในนั้น จะพึงรู้รสทั้งหลายที่เข้าไปในภายใน
แล้วว่า 'เป็นรสเปรี้ยว, หรือรสเค็ม, รสขม, รสเผ็ด, รสฝาด, รสหวาน' หรือไม่
?"
ร. "รู้ไม่ได้ซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "คำที่พระองค์ตรัสนั้น ข้างต้นกับข้างปลายมิได้สมกัน. อีกอย่าง
หนึ่ง เหมือนอย่างว่า บุรุษคนหนึ่ง นำน้ำผึ้งมาสักร้อยหม้อแล้วเทลงในรางให้
เต็มแล้ว ปิดปากของบุรุษแล้ว จะจับลงวางไว้ในรางน้ำผึ้งนั้น, บุรุษนั้นจะรู้ได้
ไหมว่า 'น้ำผึ้งนั้นอร่อยหรือไม่อร่อย ?"
ร. "รู้ไม่ได้ซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "เพราะเหตุไร จึงรู้ไม่ได้ ?"
ร. "เพราะน้ำผึ้งไม่ได้เข้าไปในปากของบุรุษนั้น"
ถ. "คำที่พระองค์ตรัสนั้น ข้างต้นกับข้างปลายมได้สมกัน."
ร. "ข้าพเจ้ามสามารถจะเจรจากับพระผู้เป็นเจ้า ผู้ช่างพูดได้; ขอพระผู้
เป็นเจ้าขยายความเถิด."
พระเถรเจ้าได้ถวายวิสัชนาให้พระเจ้ามิลินท์ทรงเข้าพระราชหฤทัย
ด้วยพระอภิธรรมกถาว่า "ขอถวายพระพร อาศัยตากับรูป เกิดจักขุวิญญาณ
ขึ้น, อาศัยหูกับเสียง เกิดโสตวิญญาณขึ้น, อาศัยจมูกกับกลิ่น เกิดฆาน
วิญญาณขึ้น, อาศัยลิ้นกับรส เกิดชิวหาวิญญาขึ้น, อาศัยกายกับโผฏฐัพพะ
เกิดกายวิญญาณขึ้น, อาศัยใจกับธรรม เกิดมโนวิญญาณขึ้น, ผัสสะ เวทนา
สัญญา เจตนา เอกัคคตา ชีวิตินทรีย์ และมนสิการ เกิดพร้อมกับวิญญาณทั้ง
หกนั้น, ธรรมทั้งหลายย่อมเกิดขึ้น เพราะปัจจัยอย่างนี้, แต่เจตภูต (เวทคู) ไม่
มีอยู่ในนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๗. จักขุวิญญาณ มโนวิญญาปัญหา ๓๑

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า จักขุวิญญาณ, โสตวิญญาณ
ฆานวิญญาณ, ชิวหาวิญญาณ, กายวิญญาณ, วิญญาณทั้งห้าอย่างนี้อย่าง
ใดอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นในที่ใด; มโนวิญญาณย่อมเกิดขึ้นในนั้นหรือ ?
พระเถรเจ้าก็ทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า ก็วิญญาณทั้งห้านั้น อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นก่อน
มโนวิญญาณเกิดขึ้นภายหลัง, หรือว่ามโนวิญญาณเกิดขึ้นก่อน, วิญญาณทั้ง
ห้านั้นเกิดขึ้นภายหลังเล่า ?"
ถ. "ขอถวายพระพร วิญญาณทั้งห้านั้นเกิดขึ้นก่อน มโนวิญญาณเกิด
ขึ้นภายหลัง."
ร. "ก็วิญญาณทั้งห้านั้น ได้สั่งมโนวิญญาณว่า 'เราเกิดขึ้นในที่ใด ท่าน
จงเกิดขึ้นในที่นั้น' ดังนี้, หรือว่ามโนวิญญาณบอกวิญญาณทั้งห้าว่า 'ท่านจัก
เกิดขึ้นในที่ใด เราจักเกิดขึ้นในที่นั้น' ดังนี้."
ถ. "ขอถวายพระพร ไม่อย่างนั้น, ความเจรจาด้วยกันและกันแห่ง
วิญญาณทั้งหลายเหล่านั้นมิได้มี."
ร. "ก็อย่างไร วิญญาณทั้งห้านั้นเกิดขึ้นในที่ใด มโนวิญญาณจึงเกิด
ขึ้นในที่นั่นเล่า พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "เพราะมโนวิญญาณเป็นดุจที่ลุ่ม เพราะเป็นทวาร เพราะเป็นที่เคย
และเพราะเป็นที่ชำนาญ"
ร. "วิญญาณทั้งห้าเกิดขึ้นในที่ใด มโนวิญญาณเกิดขึ้นในที่นั้น, เพราะ
มโนวิญญาณเป็นดุจที่ลุ่มนั้นอย่างไร, ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้า
ฟัง."
ถ. "ขอถวายพระพร พระองค์จะทรงสำคัญความข้อนั้นป็นไฉน:
เหมือนอย่างว่า เมื่อฝนตกอยู่ น้ำจะพึงไหลไปโดยที่ไหนเล่า ?"
ร. "ที่ลุ่มอยู่ทางไหน น้ำก็จะไหลไปโดยทางนั้นแหละ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ก็เมื่อเป็นอย่างนั้น ฝนตกในสมัยอื่นอีก, น้ำจะพึงไหลไปทางไหน
อีกเล่า ?"
ร. "น้ำคราวก่อนไหลไปทางใด, น้ำคราวหลังก็ไหลไปทางนั้น."
ถ. "ขอถวายพระพร น้ำคราวก่อนได้สั่งน้ำคราวหลังหรือว่า 'ถ้าเราไหล
ไปทางใด, ท่านจงไหลไปทางนั้น' ดังนี้, หรือว่าน้ำคราวหลังบอกน้ำคราวหน้า
ก่อนว่า 'ท่านจักไหลไปทางใด, เราจักไหลไปทางนั้น' ดังนี้."
ร. "หามิได้ ความเจรจาด้วยกันและกัน ของน้ำทั้งสองคราวนั้นมิได้มี,
น้ำทั้งสองคราวนั้นไหลไป ก็เพราะที่นั้นลุ่ม."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, วิญญาณทั้งห้าอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในที่ใด มโน
วิญญาณก็เกิดขึ้นในที่นั้น เพราะเป็นดุจที่ลุ่ม, วิญญาณทั้งห้านั้น มิได้สั่งมโน
วิญญาณว่า 'เราเกิดขึ้นในที่ใด ท่านจงเกิดขึ้นในที่นั้น' ดังนี้, มโนวิญญาณก็
มิได้บอกวิญญาณทั้งห้าว่า 'ท่านเกิดขึ้นในที่ใด เราจักเกิดขึ้นในที่นั้น' ดังนี้.
ความเจรจาด้วยกันและกันของวิญญาณทั้งหลายนั้นมิได้มี, มโนวิญญาณ
เกิดขึ้น ก็เพราะมโนวิญญาณเป็นดุจที่ลุ่ม ข้อนี้ก็เหมือนฉะนั้น."
ร. "วิญญาณทั้งห้าอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นในที่ใด มโนวิญญาณ
ย่อมเกิดขึ้นในที่นั้น เพราะมโนวิญญาณเป์นทวารนั้นอย่างไร ? ขอพระพระผู้
เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "เหมือนอย่างว่า เมืองซึ่งตั้งอยู่ในที่สุดแดนของพระราชา มีกำแพง
และเสาระเนียดแข็งแรงหนา มีประตู ๆ เดียว, บุรุษปรารถนาจะออกไปจาก
เมืองนั้น บุรุษนั้นจะพึงออกไปทางไหน."
ร. "ออกไปทางประตูนะซิ."
ถ. "ขอถวายพระพร บุรุษคนอื่นอีก ปรารถนาจะออกไปจากเมืองนั้น
จะพึงออกไปทางไหน ?"
ร. "บุรุษคนก่อนออกไปทางใด บุรุษคนทีหลังก็ออกไปทางนั้นแหละ."
ถ. บุรุษคนก่อนได้สั่งคนทีหลังว่า 'เราออกไปทางใด ท่านจงออกไป
ทางนั้น' ดังนี้, หรือว่าบุรุษคนทีหลังบอกบุรุษคนก่อนว่า 'ท่านจักไปทางใด เรา
จักไปทางนั้น' ดังนี้เล่า ?"
ร. "หามิได้, ความเจรจาด้วยกันและกัน ของบุรุษทั้งสองนั้นมิได้มี."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, วิญญาณทั้งห้าอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นในที่ใด
มโนวิญญาณก็เกิดขึ้นในที่นั้น เพราะมโนวิญญาณเป็นทวาร, วิญญาทั้งห้า
นั้นมิได้สั่งมโนวิญญาณว่า 'เราเกิดขึ้นในที่ใด ท่านจงเกิดขึ้นในที่นั้น' ดังนี้,
และมโนวิญญาณก็มิได้บอกวิญญาณทั้งห้าว่า 'ท่านจักเกิดขึ้นในที่ใด เราจัก
เกิดขึ้นในที่นั้น' ดังนี้. ความเจรจาด้วยกันและกัน ของวิญญาณทั้งหลายเหล่า
นั้นมิได้มี, วิญญาณทั้งห้านั้น เกิดเพราะมโนวิญญาณเป็นทวาร ข้อนี้ก็เหมือน
ฉะนั้น."
ร. "วิญญาณทั้งห้าอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นในที่ใด มโนวิญญาณ
ย่อมเกิดขึ้นในที่นั้น เพราะมโนวิญญาณเป็นที่เคยนั้นอย่างไร ? ขอพระผู้เป็น
เจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "ขอถวายพระพร พระองค์จะทรงสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
เกวียนเล่มหนึ่งไปก่อน, ในภายหลังเกวียนเล่มที่สองจะพึงไปทางไหน ?"
ร. "เกวียนเล่มก่อนไปทางใด เกวียนเล่มทีหลังก็ไปทางนั้นนะซิ"
ถ."ขอถวายพระพร เกวียนเล่มก่อนได้สั่งเกวียนเล่มทีหลังว่า 'เราไป
ทางใด ท่านจงไปทางนั้น' ดังนี้, หรือว่าเกวียนเล่มทีหลังบอกเวียนเล่มก่อนว่า
'ท่านจักไปทางใด เราจักไปทางนั้น' ดังนี้"
ร. "หามิได้, ความเจรจาด้วยกันและกัน ของเกวียนทั้งหลายนั้นมิได้มี,
เกวียนเล่มก่อนไปทางใด เกวียนเล่มทีหลังก็ไปทางนั้น เพราะเป็นของเคย."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, วิญญาณทั้งห้าอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในที่ใด มโน
วิญญาณย่อมเกิดขึ้นในที่นั้น เพราะมโนวิญญาณเป็นที่เคย, วิญญาณทั้งห้า
นั้นมิได้สั่งมโนวิญญาณว่า 'เราเกิดขึ้นในที่ใด ท่านจงเกิดขึ้นในที่นั้น' ดังนี้,
และมโนวิญญาณก็มิได้บอกวิญญาณทั้งห้าว่า 'ท่านจักเกิดขึ้นในที่ใด เราจัก
เกิดขึ้นในที่นั้น' ดังนี้, ความเจรจาด้วยกันและกัน ของวิญญาณทั้งหลายเหล่า
นั้นมิได้, วิญญาณทั้งห้าเกิดขึ้นเพราะมโนวิญญาณเป็นที่เคย ข้อนี้ก็เหมือน
ฉะนั้น.
ร. "วิญญาณทั้งห้าอย่างใดอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นในที่ใด มโนวิญญาณ
ย่อมเกิดขึ้นในที่นั้น เพราะมโนวิญญาณเป็นที่ชำนาญนั้นอย่างไร ? ขอพระผู้
เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "คนแรกเรียนศิลป คือ วิธีนับ อันต่างโดยชื่อว่า มุทธา คณนา สังขา
เลขา ย่อมมีความเงื่องช้า, ภายหลังในสมัยอื่น เพราะได้ตริตรองทำชำนาญ
ย่อมไม่มีความเชื่องช้า เหมือนอย่างก่อนฉันใด; วิญญาณทั้งห้าอย่างใดอย่าง
หนึ่งเกิดขึ้นในที่ใด มโนวิญญาณย่อมเกิดขึ้นในที่นั้น เพราะมโนวิญญาณเป็น
ที่ชำนาญ, วิญญาณทั้งห้านั้นมิได้สั่งมโนวิญญาณว่า 'เราเกิดขึ้นในที่ใด ท่าน
จงเกิดขึ้นในที่นั้น' ดังนี้, และมโนวิญญาณก็มิได้บอกวิญญาณทั้งห้าว่า 'ท่าน
จักเกิดขึ้นในที่ใด เราจักเกิดขึ้นในที่นั้น' ดังนี้, ความเจรจาด้วยกันและกันของ
วิญญาณทั้งหลายนั้นมิได้มี, วิญญาณทั้งห้านั้นเกิดขึ้นเพราะมโนวิญญาณ
เป็นที่ชำนาญ ข้อนี้ก็เหมือนฉะนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๘. ผัสสลักขณปัญหา ๓๒

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า มโนวิญญาณเกิดขึ้นในที่ใด,
เวทนาก็เกิดขึ้นในที่นั้นหรือ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร มโนวิญญาณเกิดขึ้นในที่ใด
แม้ผัสสะ แม้เวทนา แม้สัญญา แม้เจตนา แม้วิจารก็ย่อมเกิดในที่นั้น; ธรรมทั้ง
หลายมีผัสสะเป็นต้น ย่อมเกิดขึ้นในที่นั้นแม้ทั้งหมด."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า ผัสสะมีลักษณะอย่างไร ?"
ถ. "ผัสสะมีลักษณะถูกต้อง."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "เหมือนอย่างว่า แกะสองตัวจะชนกัน, พึงเห็นจักษุว่าเหมือนแกะ
ตัวหนึ่งในแกะทั้งสองนั้น, พึงเห็นรูปว่า เหมือนแกะตัวที่สอง, พึงเห็นผัสสะว่า
เหมือนความถูกกันแห่งแกะทั้งสองนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าของอุปมาให้ยิ่งขึ้นไปอีก."
ถ. "เหมือนอย่างว่าฝ่ามือทั้งสองจะปรบกัน พึงเห็นจักษุว่าเหมือนฝ่า
มือข้างนั้น, พึงเห็นรูปว่า เหมือนฝ่ามือข้างที่สอง, พึงเห็นผัสสะว่า เหมือน
ความถูกกันแห่งฝ่ามือทั้งสองข้างนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟังอีก.
ถ. "เหมือนอย่างว่า คนถือไม้กรับสองอันจะตีกัน, พึงเห็นจักษุว่า
เหมือนไม้กรับอันหนึ่ง ในไม้กรับทั้งสองอันนั้น, พึงเห็นรูปว่า เหมือนไม้กรับอัน
ที่สอง, พึงเห็นผัสสะว่า เหมือนความถูกกันแห่งไม้กรับทั้งสองอันนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๘. ผัสสลักขณปัญหา ๓๒

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า มโนวิญญาณเกิดขึ้นในที่ใด,
เวทนาก็เกิดขึ้นในที่นั้นหรือ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร มโนวิญญาณเกิดขึ้นในที่ใด
แม้ผัสสะ แม้เวทนา แม้สัญญา แม้เจตนา แม้วิจารก็ย่อมเกิดในที่นั้น; ธรรมทั้ง
หลายมีผัสสะเป็นต้น ย่อมเกิดขึ้นในที่นั้นแม้ทั้งหมด."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า ผัสสะมีลักษณะอย่างไร ?"
ถ. "ผัสสะมีลักษณะถูกต้อง."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "เหมือนอย่างว่า แกะสองตัวจะชนกัน, พึงเห็นจักษุว่าเหมือนแกะ
ตัวหนึ่งในแกะทั้งสองนั้น, พึงเห็นรูปว่า เหมือนแกะตัวที่สอง, พึงเห็นผัสสะว่า
เหมือนความถูกกันแห่งแกะทั้งสองนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าของอุปมาให้ยิ่งขึ้นไปอีก."
ถ. "เหมือนอย่างว่าฝ่ามือทั้งสองจะปรบกัน พึงเห็นจักษุว่าเหมือนฝ่า
มือข้างนั้น, พึงเห็นรูปว่า เหมือนฝ่ามือข้างที่สอง, พึงเห็นผัสสะว่า เหมือน
ความถูกกันแห่งฝ่ามือทั้งสองข้างนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟังอีก.
ถ. "เหมือนอย่างว่า คนถือไม้กรับสองอันจะตีกัน, พึงเห็นจักษุว่า
เหมือนไม้กรับอันหนึ่ง ในไม้กรับทั้งสองอันนั้น, พึงเห็นรูปว่า เหมือนไม้กรับอัน
ที่สอง, พึงเห็นผัสสะว่า เหมือนความถูกกันแห่งไม้กรับทั้งสองอันนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO