นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 11 พ.ค. 2024 10:44 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: เสาร์ 21 ก.ค. 2012 8:16 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4555
๙. ทีฆมัทธาปัญหา ๒๔

พระราชาตรัสถามว่า "ข้อที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า 'กาลไกลอันยืดยาว'
ฉะนี้นั้น, อะไรชื่อว่ากาลไกลนั้น ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "กาลไกลที่เป็นอดีตอย่างหนึ่ง, กาลไกลที่เป็น
อนาคตอย่างหนึ่ง, กาลไกลที่เป็นปัจจุบันอย่างหนึ่ง."
ร. "กาลไกลทั้งหมดนั้น มีหรือพระผุ้เป็นเจ้า."
ถ. "บางอย่างมี บางอย่างไม่มี."
ถ. "สังขารทั้งหลายใด ที่เป็นอดีตล่วงไปแล้ว ดับไปแล้ว แปรไปแล้ว
กาลไกลนั้นไม่มี, ธรรมทั้งหลายใด ที่เป็นวิบาก และธรรมที่มีวิบากเป็น
ธรรมดา และธรรมที่ให้ปฏิสนธิในที่อื่น กาลไกลนั้นมีอยู่ สัตว์ทั้งหลายใด ทำ
กาลกิริยาแล้ว เกิดในที่อื่น กาลไกลนั้นมีอยู่, ส่วนสัตว์ทั้งหลายใด ปรินิพพาน
แล้ว กาลไกลนั้นไม่มี เพราะว่ากาลไกลนั้น ดับเสียแล้ว."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."


วรรคที่สาม
๑. อัทธานปัญหา ๒๕

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า ก็อะไรเป็นมูลของกาลไกลที่เป็น
อดีต อนาคต ปัจจุบันเล่า ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "มหาราช อวิชชาเป็นมูลของกาลไกลที่เป็น
อดีตอนาคตปัจจุบัน, (คือ) สังขารย่อมมีมา เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย,
วิญญาณย่อมมีมา เพราะสังขารเป็นปัจจัย, นามรูปย่อมมีมา เพราะวิญญาณ
เป็นปัจจัย, สฬายตนะย่อมมีมา เพราะนามรูปเป็นปัจจัย, ผัสสะเป็นปัจจัย,
ตัณหาย่อมมีมา เพราะเวทนาเป็นปัจจัย, อุปาทานย่อมมีมา เพราะตัณหา
เป็นปัจจัย, ภพย่อมเป็นปัจจัย, ชราและมรณโสกปริเทวทุกขโสมนัสอุปายาส
ย่อมมีมา เพราะชาติเป็นปัจจัย; เงื่อนต้นแห่งกาลไกลนั้นย่อมไม่ปรากฏดังนี้."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๒. ปุริมโกฏิปัญหา ๒๖

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า ก็ข้อที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
'เงื่อนต้นไม่ปรากฏนั้น,' ขอพระผู้เ)นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง"
พระเถรเจ้าทูลว่า "ขอถวายพระพร เหมือนอย่างว่า บุรุษคนหนึ่ง จะ
เพาะพืชลงในแผ่นดินสักนิดหน่อย, หน่อก็จะแตกขึ้นจากพืชนั้นแล้ว ถึงความ
เจริญงอกงามไพบูลย์โดยลำดับแล้วจะเผล็ดผล, และบุรุษคนนั้น จะถือเอาพืช
แม้แต่ผลไม้นั้นไปปลูกอีก, หน่อก็จะแตกขึ้น แม้จากพืชนั้นแล้ว ถึงความเจริญ
งอกงามไพบูลย์โดยลำดับแล้วจะเผล็ดผล, เมื่อเป็นดังนั้น ที่สุดของความสืบ
ต่ออันนี้มีหรือไม่ ?"
ร. "ไม่มีซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, เงื่อนต้นของกาลไกล ก็ไม่ปรากฏฉันนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ยิ่งขึ้นอีก."
ถ. "เหมือนอย่างว่า ฟองไก่มาจากแม่ไก่ แม่ไก่ก็มาจากฟองไก่ ฟองไก่
ก็มาจากแม่ไก่นั้นอีก, เมื่อเป็นดังนี้ ที่สุดของความสืบต่ออันนี้มีหรือไม่ ?"
ร. "ไม่มีซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, เงื่อนต้นของกาลไกล ก็ไม่ปรากฏฉันนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟังอีก."
พระเถรเจ้า เขียนรูปจักรลงที่พื้นแล้ว ทูลถามพระเจ้ามิลินท์ว่า "ขอ
ถวายพระพร ที่สุดของจักรนี้มีหรือไม่ ?"
ร. "ไม่มีซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, จักรทั้งหลาย (คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) ที่พระผู้มี
พระภาคเจ้าตรัสแล้วเหล่านี้ ก็เหมือนฉันนั้น, (คือ) อาศัยตากับรูป เกิดจักขุ
วิญญาณขึ้น, อาศัยหูกับเสียง เกิดโสตวิญญาณขึ้น, อาศัยจมูกกับกลิ่น เกิด
ฆานวิญญาณขึ้น, อาศัยลิ้นกับรสเกิดชิวหาวิญญาณขึ้น, อาศัยกายกับ
โผฏฐัพพะ เกิดกายวิญญาขึ้น, อาศัยใจกับธรรม เกิดมโนวิญญาณขึ้น, ความ
ประชุมแห่งธรรมทั้งหลายสามประการ ๆ ชื่อผัสสะ, ผัสสะเป็นปัจจัยให้เกิด
เวทนา, เวทนาเป็นปัจจัยให้เกิดตัณหา, ตัณหาเป็นปัจจัยให้เกิดอุปาทาน,
อุปาทานเป็นปัจจัยให้เกิดกรรมล ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ย่อมเกิดขึ้นแต่กรรม
นั้นอีก, ก็เมื่อเป็นดังนี้ ที่สุดของความสืบต่ออันนี้ มีหรือไม่ ?"
ร. "ไม่มีซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ขอถวายพระพร ข้อนั้นฉันใด, เงื่อนต้นของกาลไกลก็ไม่ปรากฏฉัน
นั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๓. โกฏิยาปุริมปัญหา ๒๗

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า ก็ข้อที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า
'เงื่อนต้นไม่ปรากฏนั้น,' เงื่อนต้นนั้นอะไร ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "เงื่อนต้นนั้น คือ กาลไกลที่เป็นอดีต."
ร. "ก็ข้อที่พระผู้เป็นเจ้าว่า 'เงื่อนต้นไม่ปรากฏนั้น,' ไม่ปรากฏทั้งหมด
หรือ ?"
ถ. "บางอย่างปรากฏ, บางอย่างไม่ปรากฏ."
ร. "อย่างไหนปรากฏ อย่างไหนไม่ปรากฏ ?"
ถ. "ขอถวายพระพร ในกาลก่อนแต่นี้ อวิชชาไม่ได้มีแล้วด้วยประการ
ทั้งปวง, เงื่อนต้นนั้นแหละไม่ปรากฏ; สิ่งใดที่ยังไม่มีย่อมมีขึ้น ที่มีแล้วย่อม
กลับไปปราศ, เงื่อนต้นนั้นแหละปรากฏ."
ร. "ก็สิ่งใดที่ยังไม่มีย่อมมีขึ้น, ที่มีแล้วกลับไปปราศ, สิ่งนั้นขาดทั้งสอง
ข้างแล้ว ย่อมถึงความล่วงลับไปไม่ใช่หรือ พระผู้เป็นเจ้า ?"
ถ. "ขอถวายพระพร ได้."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "ได้ทำต้นไม้ให้เป็นอุปมาในข้อนั้นว่า 'ก็แต่ว่าขันธ์ทั้งหลายชื่อว่า
พืชแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๔. สังขารชายนปัญหา ๒๘

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เจ้า สังขารทั้งหลายบางอย่างที่เกิดอยู่ มี
หรือ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร มี."
ร. "สังขารทั้งหลายเหล่าไหน พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "เมื่อตาและรูปมี จักขุวิญญาณก็มีขึ้น, เมื่อจักขุวิญญาณมีจักขุ
สัมผัสก็มีขึ้น, เมื่อหูและเสียงมี โสตวิญญาณก็มีขึ้น, เมื่อโสตวิญญามี โสต
สัมผัสก็มีขึ้น, เมื่อจมูกและกลิ่นมี ฆานวิญญาณก็มีขึ้น, เมื่อฆานวิญญาณมี
ฆานสัมผัสก็มีขึ้น, เมื่อลิ้นและรสมี ชิวหาวิญญาณก็มีขึ้น, เมื่อชิวหาวิญญาณ
มี ชิวหาสัมผัสก็มีขึ้น, เมื่อกายและโผฏฐัพพะมี กายวิญญาณก็มีขึ้น, เมื่อกาย
วิญญาณมี กายสัมผัสก็มีขึ้น, เมื่อใจและธรรมมี มโนวิญญาณก็มีขึ้น, เมื่อ
มโนวิญญาณมี มโนสัมผัสก็มีขึ้น, เมื่อสัมผัสทั้งหกนี้มีอยู่แล้ว เวทนาก็มีขึ้น,
เมื่อเวทนามี ตัณหาก็มีขึ้น, เมื่อตัณหามี อุปาทานก็มีขึ้น, เมื่ออุปาทานมี ภพก็
มีขึ้น, เมื่อภพมี ชาติก็มีขึ้น, เมื่อชาติมี ชรา มรณะ โสก ปริเทวทุกข โทมนัส อุ
ปายาส ก็มีขึ้นพร้อม, ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น ย่อมมีอย่าง
นี้, ก็เมื่อตาและรูปไม่มี จักขุวิญญาณก็มิได้มี, เมื่อจักขุวิญญาณไม่มี จักขุ
สัมผัสก็มิได้มี, เมื่อจักขุสัมผัสไม่มี เวทนาก็มิได้มี, เมื่อเวทนาไม่มี ตัณหาก็มิ
ได้มี, เมื่อตัณหาไม่มี อุปาทานก็มิได้มี, เมื่ออุปทานไม่มี ภพก็มิได้มี, เมื่อภพ
ไม่มี ชาติก็มิได้มี, เมื่อชาติไม่มี ชราและมรณโสกปริเทวทุกขโทมนัสอุปายาส
ก็ดับไป, ความดับโดยไม่เหลือแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนั้น ย่อมมีอย่างนี้."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๕. ภวันตสังขารชายนปัญหา ๒๙

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า สังขารทั้งหลายบางอย่างที่ไม่
เคยเกิด ย่อมเกิดขึ้นมีบ้างหรือ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "ขอถวายพระพร ไม่มี."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "พระองค์จะทรงสำคัญความข้อนี้เป็นไฉน, พระที่นั่งซึ่งเป็นที่
ประทับแห่งพระองค์หลังนี้ ไม่เคยเกิด เกิดแล้วหรือ ?"
ร. "อะไร ๆ ในที่นี้ ซึ่งไม่เคยเกิด เกิดแล้วไม่มี, ของในที่นี้ล้วนแต่เคย
เกิด เกิดแล้วทั้งสิ้น, ไม้ทั้งหลายนี้ได้เกิดแล้วในป่า, ดินนี้ได้เกิดแล้วที่แผ่นดิน,
เรือนหลังนี้ได้เกิดแล้วอย่างนี้ เพราะอาศัยความเพียรที่พอจะให้เป็นได้ของ
หญิงและบุรุษ."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, สังขารทั้งหลายบางอย่างที่ไม่เคยเกิด ย่อมเกิดขึ้นไม่
มี, ที่เคยเกิดจึงเกิดขึ้นได้ ข้อนี้ก็ฉันนั้น"
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟังอีก."
ถ. "เหมือนอย่างว่า พืชคามและภูตคามทั้งหลายบางอย่างที่ปลูกไว้ใน
แผ่นดินแล้ว ถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์โดยลำดับ ก็เผล็ดดอกออกผล ใช่
ว่าต้นไม้ทั้งหลายเหล่านั้นไม่เคยเกิด เกิดแล้ว, ต้นไม้ทั้งหลายเหล่านั้นล้วนแต่
เคยเกิด เกิดแล้วทั้งสิ้น. ข้อนี้ฉันใด; สังขารทั้งหลายบางอย่าง ที่ไม่เคยเกิด
ย่อมเกิดขึ้น ไม่มี, ที่เคยเกิดจึงเกิดขึ้นได้ ก็เหมือนฉันนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ยิ่งขึ้นอีก."
ถ. "เหมือนอย่างว่า ช่างหม้อทั้งหลาย ขุดดินขึ้นจากแผ่นดินแล้ว ทำ
ภาชนะทั้งหลายต่าง ๆ, มิใช่ว่าภาชนะทั้งหลายนั้น ไม่เคยเกิดแล้ว, ภาชนะทั้ง
หลายนั้น เคยเกิดจึงเกิดแล้ว ข้อนั้นฉันใด; สังขารทั้งหลาย บางอย่างที่ไม่เคย
เกิด ย่อมเกิดขึ้น ไม่มี, ที่เคยเกิดจึงเกิดขึ้นได้ ฉันนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟังอีก."
ถ. "ขอถวายพระพร เหมือนอย่างว่า "ตัวของพิณไม่มี, หนังไม่มี, ราง
ไม่มี, คันไม่มี, ลูกบิดไม่มี, สายไม่มี, เครื่องดีดไม่มี, ความเพียรที่พอจะให้เกิด
เสียงได้ของบุรุษไม่มี, เสียงจะเกิดขึ้นได้หรือ ?"
ร. "ไม่ได้ซิ."
ถ. "ก็เมื่อใด ตัวของพิณมี, หนังมี, รางมี, คันมี, ลูกบิดมี, สายมี,
เครื่องดีดมี, ความเพียรที่พอจะให้เกิดเสียงได้ของบุรุษมีอยู่เสียงจะเกิดขึ้น
ได้หรือไม่ ?"
ร. "ได้ซิ."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, สังขารทั้งหลายบางอย่างที่ไม่เคยเกิด ย่อมเกิดขึ้น
ไม่มี, ที่เคยเกิด จึงเกิดขึ้นได้ ฉันนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ยิ่งขึ้นอีก"
ถ. "เหมือนอย่างว่า ไม้สีไฟไม่มี, ลูกไม้สีไฟสำหรับรองข้างล่างไม่มี,
เชือกสำหรับผูกไม้สีไฟไม่มี. ไม้สำหรับสีข้างบนไม่มี, ปุยไม่มี ความเพียรที่พอ
จะให้เกิดไฟได้ของบุรุษไม่มี, ไฟนั้นจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ?"
ร. "ไม่ได้ซิ."
ถ. ก็เมื่อใดไม้สีไฟมี, ลูกไม้สีไฟสำหรับรองข้างล่างมี, เชือกสำหรับผูก
ไม้สีไฟมี, ไม้สำหรับสีข้างบนมี, ปุยมี, ความเพียรที่พอจะให้เกิดไฟได้ของบุรุษ
มี, ไฟนั้นจะเกิดได้หรือไม่ ?"
ร. "ได้ซิ."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, สังขารทั้งหลายบางอย่างที่ไม่เคยเกิด ย่อมเกิดขึ้น
ไม่มี, ที่เคยเกิด จึงเกิดขึ้นได้ ฉันนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ยิ่งขึ้นอีก"
ถ. "เหมือนอย่างว่า แก้วมณีไม่มี, แสงพระอาทิตย์ไม่มี, โคมัยไม่มี, ไฟ
นั้นจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ?"
ร. "ไม่ได้ซิ."
ถ. "ก็เมื่อใดแล้วมณีมี, แสงพระอาทิตย์มี, โคมัยมี, ไฟนั้นจะเกิดขึ้นได้
หรือไม่ ?"
ร. "ได้ซิ."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด, สังขารทั้งหลายบางอย่างที่ไม่เคยเกิด ย่อมเกิดขึ้น
ไม่มี, ที่เคยเกิด จึงเกิดขึ้นได้ ฉันนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟังให้ยิ่งขึ้นอีก."
ถ. "เหมือนอย่างว่า แว่นไม่มี, แสงสว่างไม่มี, หน้าไม่มี, ตัวจะเกิดขึ้น
ได้หรือไม่ ?"
ร. "ไม่ได้ซิ"
ถ. "ก็เมื่อใด แว่นมี, แสงสว่างมี, หน้ามี, ตัวจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ?"
ร. "ได้ซิ."
ถ. ข้อนั้นฉันใด, สังขารทั้งหลายบางอย่างที่ไม่เคยเกิด ย่อมเกิดขึ้น ไม่
มี, ที่เคยเกิด จึงเกิดขึ้นได้ ฉันนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO