นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน เสาร์ 11 พ.ค. 2024 1:43 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ 20 ก.ค. 2012 7:22 am 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4555
๔. ปรินิพพานปัญหา ๑๙

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า ผู้ใดไม่ปฏิสนธิ เขาจะเสวย
เวทนาที่เป็นทุกข์หรือไม่ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "เสวยบ้าง ไม่เสวยบ้าง."
ร. "เสวยเวทนาชนิดไหน, ไม่เสวยเวทนาชนิดไหน ?"
ถ. "เสวยเวทนาที่มีกายเป็นสมุฏฐาน, ไม่เสวยเวทนาที่มีจิตเป็น
สมุฏฐาน."
ร. "ไฉนจึงเสวยเวทนาที่มีกายเป็นสมุฏฐาน, ไฉนจึงไม่เสวยเวทนาที่มี
จิตเป็นสมุฏฐาน ?"
ถ. "สิ่งใดเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดทุกขเวทนา ที่มีกายเป็นสมุฏฐาน,
เพราะยังไม่สิ้นแห่งเหตุและปัจจัยนั้น จึงเสวยทุกขเวทนาที่มีกายเป็น
สมุฏฐาน, สิ่งใดเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดทุกขเวทนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน,
เพราะความสิ้นแห่งเหตุและปัจจัยนั้น จึงไม่เสวยทุกขเวทนาที่มีจิตเป็น
สมุฏฐาน. แม้คำนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า "พระอรหันต์ท่านเสวยแต่
เวทนาที่มีกายเป็นสมุฏฐานอย่างเดียว, มิได้เสวยเวทนาที่มีจิตเป็นสมุฏฐาน."
ร. "พระผู้เป็นเจ้า ก็เมื่อพระอรหันต์ท่านเสวยทุกขเวทนาอยู่, เหตุไฉน
ท่านไม่ปรินิพพานเสียเล่า ?"
ถ. "เพราะว่า ความรักความชังของพระอรหันต์ไม่มีเลย, อนึ่ง พระ
อรหันต์ทั้งหลายท่านไม่เร่งกาลเวลา ท่านคอยกาลเวลาอยู่. ถึงคำนี้ พระธรรม
เสนาบดีสารีบุตรเถรเจ้าก็ได้กล่าวไว้ว่า "เรามิได้ยินดีความตาย หรือชีวิต
(ความเป็นอยู่) แต่เราคอยกาลเวลาอยู่, เหมือนลูกจ้างคอยค่าจ้างอยู่ และเรา
มิได้ยินดีความตายหรือชีวิตเลย, แต่เรามีสติรู้ รอคอยกาลเวลาอยู่."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๕. สุขเวทนาปัญหา ๒๐

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า เวทนาที่เป็นสุขเป็นกุศลหรือ
อกุศล หรือเป็นอพยากฤต."
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "เป็นกุศลก็มี อกุศลก็มี อพยากฤตก็มี."
ร. "ถ้าว่าเป็นกุศล ก็ไม่ใช่ทุกข์, ถ้าว่าเป็นทุกข์ ก็ไม่ใช่กุศล, คำว่า
'เวทนาเป็นทั้งกุศลเป็นทั้งทุกข์' ไม่ชอบ."
ถ. "พระองค์จะทรงสำคัญข้อความนั้นเป็นไฉน: เหมือนอย่างว่าผู้ใดผู้
หนึ่งจะวางก้อนเหล็กที่ร้อนลงในมือข้างหนึ่งของบุรุษ, ในมือที่สองวางก้อนน้ำ
ค้างที่เย็นอย่างที่สุดลง, สิ่งทั้งสองนั้นจะเผาหรือไม่ ?"
ร. "เผาซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ก็สิ่งนั้นจะร้อนทั้งสองสิ่งหรือ ?"
ร. "ไม่ร้อนทั้งสองสิ่ง พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "เย็นทั้งสองสิ่งหรือ ?"
ร. "ไม่เย็น พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ขอพระองค์จงทรงทราบ: ข้อนี้แหละเป็นเครื่องข่มพระองค์, ถ้าว่า
ของที่ร้อนเผาได้, มิใช่ของนั้นจะร้อนทั้งสองสิ่ง, เหตุนั้นข้อที่ว่านั้นมิไม่ชอบ
หรือ ? ถ้าว่าของที่เย็นเผาได้, มิใช่ของนั้นจะเย็นทั้งสองสิ่ง, เหตุนั้น ข้อที่ว่านั้น
มิไม่ชอบหรือ ? ก็เหตุไฉน สิ่งทั้งสองนั้นเผาได้, แต่ไม่ร้อนทั้งสองสิ่ง, และไม่
เย็นทั้งสองสิ่ง, สิ่งหนึ่งร้อน สิ่งหนึ่งเย็น, แต่ว่าเผาได้ทั้งสองสิ่ง, เหตุนั้น ข้อที่
ว่านั้น มิไม่ชอบหรือ ?"
ร. "ข้าพเจ้าไม่สามารถจะเจรจากับพระผู้เป็นเจ้า ผู้ช่างพูดได้ ขอพระผู้
เป็นเจ้าจงขยายความเถิด." แต่นั้น พระเถรเจ้าอธิบายความให้พระเจ้ามิลินท์
เข้าพระราชหฤทัยด้วยอภิธรรมกถาว่า "จักรทั้งหลายหกเหล่านี้: คือ โสมนัส ที่
อาศัยความกำหนัดหก ที่อาศัยเนกขัมมะ (คุณ คือ ความออกไป) หก, โทมนัส
ที่อาศัยความกำหนัดหก ที่อาศัยเนกขัมมะหก, อุเบกขา ที่อาศัยความกำหนัด
หก ที่อาศัยเนกขัมมะหก, เวทนา ที่เป็นอดีตสามสิบหกอย่าง, ที่เป็นอนาคต
สามสิบหกอย่าง, ที่เป็นปัจจุบันสามสิบหกอย่าง, รวมย่นเวทนาเหล่านั้นเข้า
ด้วยกัน เป็นเวทนาร้อยแปด."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๖. นามรูปปฏิสนธิคหณปัญหา ๒๑

พระราชาตรัสถามว่า "พระผู้เป็นเจ้า อะไรเล่าจะปฏิสนธิ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "นามและรูปนั่นแหละจะปฏิสนธิ."
ร. "นามและรูปนี้หรือจะปฏิสนธิ ?"
ถ. "นามและรูปนี้จะปฏิสนธิหามิได้, ก็แต่ใครทำกรรมดีกรรมชั่วไว้ด้วย
นามและรูปนี้, นามและรูปอื่นจะปฏิสนธิขึ้นด้วยกรรมนั้น."
ร. "ถ้าว่า นามและรูปนั้นไม่ปฏิสนธิ ผู้นั้นเขาจักพ้นจากบาปกรรมมิใช่
หรือ ?"
ถ. "ถ้าว่า นามและรูปนั้นจะไม่ปฏิสนธิ เขาก็อาจพ้นจากบาปกรรมได้,
ก็แต่ว่า เหตุใดนามและรูปนั้นยังจะปฏิสนธิอยู่ เหตุนั้น เขาจึงไม่พ้นจาก
บาปกรรมได้."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "เหมือนอย่างว่า บุรุษคนหนึ่งไปลักมะม่วงของคนใดคนหนึ่ง, เจ้า
ของมะม่วงก็จับบุรุษนั้นไปถวายแด่พระเจ้าแผ่นดินว่า 'บุรุษนี้ลักมะม่วงของ
ข้าพระองค์' ฉะนี้, บุรุษนั้นก็ให้การแก้ว่า 'ข้าพระองค์ไม่ได้ลักมะม่วงของบุรุษ
นี้, มะม่วงที่บุรุษนี้ปลูกไว้นั้นต้นหนึ่งต่างหาก, มะม่วงที่ข้าพระองค์ลักนั้นต้น
หนึ่งต่างหาก, ข้าพระองค์ไม่ต้องรับราชทัณฑ์เลย' ฉะนี้, บุรุษนั้นจะต้องรับ
ทัณฑ์หรือไม่ ?"
ร. "ต้องรับซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ต้องรับเพราะเหตุอะไร ?"
ร. "ถึงบุรุษนั้นจะให้การปฏิเสธมะม่วงที่เขาหาเสีย, ก็ต้องรับราชทัณฑ์
ด้วยมะม่วงที่ตนรับทีหลัง."
ถ. "ข้อนั้นฉันใด; ใครทำกรรมดีหรือชั่วไว้ด้วยนามและรูปนี้, นามและ
รูปอื่นก็ปฏิสนธิขึ้นด้วยกรรมนั้น, เพราะเหตุนั้น เขาจึงไม่พ้นจากบาปกรรม ก็
ฉันนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟังให้ยิ่งขึ้นอีก."
ถ. ก็อุปมาบุรุษลักข้าวสาลี ลักอ้อย เหมือนฉะนั้น, อีกอุปมาหนึ่งว่า
บุรุษก่อไฟผิงในฤดูหนาวแล้วไม่ดับ หลีกไปเสีย, ไฟนั้นก็ไหม้ไร่ของบุรุษผู้อื่น,
เจ้าของไร่จับบุรุษนั้นมาถวายแด่พระเจ้าแผ่นดิน (กราบทูลฟ้อง) ว่า 'บุรุษผู้นี้
เผาไร่ของข้าพระองค์' ฉะนี้, บุรุษนั้นกราบทูลว่า 'ข้าพระองค์ไม่ได้เผาไร่ของ
บุรุษนี้, ไฟที่ข้าพระองค์ไม่ได้ดับนั้นแห่งหนึ่ง, ไฟที่เผาไร่ของบุรุษนั้นแห่งหนึ่ง,
ข้าพระองค์ไม่ต้องรับราชทัณฑ์เลย' ฉะนี้, บุรุษนั้น จะต้องรับราชทัณฑ์
หรือไม่ ?"
ร. "ต้องรับซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ต้องรับเพราะเหตุไร ?"
ร. "ถึงบุรุษนั้นจะให้การปฏิเสธไฟที่เขาหาเสีย, ก็ต้องรับราชทัณฑ์ด้วย
ไฟที่ตนรับทีหลัง."
ถ. "ข้อนั้นมีอุปมาฉันใด; ผู้ใดทำกรรมดีหรือชั่วไว้ด้วยนามและรูปนี้,
นามและรูปอื่นปฏิสนธิขึ้นด้วยกรรมนั้น, เพราะเหตุนั้น เขาจึงไม่พ้นจาก
บาปกรรมได้ ก็มีอุปไมยฉันนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟังให้ยิ่งขึ้นอีก."
ถ. "เหมือนอย่างว่า บุรุษคนหนึ่งถือไฟขึ้นสู่เรือนแล้วบริโภคอาหารอยู่
เมื่อไฟไหม้อยู่ก็ไหม้หญ้า, เมื่อหญ้าไหม้อยู่ ก็ไหม้เรือน, เมื่อเรือนไหม้อยู่ ก็
ไหม้บ้าน, ชนชาวบ้านจับบุรุษนั้นได้แล้วถามว่า 'เหตุไฉนเจ้าจึงทำให้ไฟไหม้
บ้าน,' บุรุษนั้นบอกว่า 'ข้าพเจ้าไม่ได้ทำไฟให้ไหม้บ้าน, ข้าพเจ้าบริโภคอาหาร
ด้วยแสงสว่างไฟดวงหนึ่ง, ไฟที่ไหม้บ้านนั้นดวงหนึ่ง' ฉะนี้; เมื่อชนเหล่านั้น
วิวาทกันอยู่ มาในราชสำนักของพระองค์ ๆ จะทรงวินิจฉัยอรรถคดีข้อนั้นให้
ใคร (ชนะ)."
ร. "วินิจฉัยให้ชนชาวบ้าน (ชนะ) นะซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "เพราะเหตุไร พระองค์จึงทรงวินิจฉัยอย่างนี้ ?"
ร. "ถึงบุรุษนั้นจะพูดอย่างนั้น, ก็แต่ว่า ไฟนั้นเกิดขึ้นแต่ไฟนั้นนั่นเอง."
ถ. "ข้อนั้นมีอุปมาฉันใด ถึงนามและรูปที่มีในสมัยใกล้ต่อมรณะแผนก
หนึ่ง นามและรูปที่ปฏิสนธิแผนกหนึ่ง, ก็แต่ว่า นามรูปในปฏิสนธินั้น เกิดขึ้น
แต่นามและรูปที่มีในสมัยใกล้ต่อมรณะนั่นเอง เพราะเหตุนั้น เขาจึงไม่พ้น
บาปกรรมได้ ก็มีอุปไมยฉันนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟังอีก."
ถ. "เหมือนอย่างว่า บุรุษคนหนึ่งขอนางทาริกาที่ยังเด็กอยู่แล้ว หมั้นไว้
แล้วหลีกไปเสีย, ภายหลังนางทาริกานั้นโตเป็นสาวขึ้น, แต่นั้นบุรุษอื่นก็มา
หมั้นแล้วกระทำววาหมงคลเสีย, บุรุษคนที่ขอไว้เดิมนั้นมา แล้วพูดว่า 'ก็เหตุ
ไฉนท่านจึงนำเอาภริยาของเราไป,' บุรุษนั้นจึงพูดว่า 'เราไม่ได้นำเอาภริยา
ของท่านมา, นางทาริกาที่ยังเด็กเล็กอยู่ยังไม่เป็นสาว และซึ่งท่านได้ขอไว้และ
ได้หมั้นไว้นั้นคนหนึ่ง, นางทาริกาที่โตเป็นสาวขึ้น ข้าพเจ้าได้ขอได้และได้หมั้น
ไว้นั้นคนหนึ่ง' ฉะนี้, เมื่อชนเหล่านี้นวิวาทกันอยู่ มาในพระราชสำนักของพระ
องค์ ๆ จะทรงวินิจฉัยอรรถคดีข้อนั้นให้ใคร (ชนะ)."
ร. "วินิจฉัยให้บุรุษเดิม (ชนะ) นะซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "เพราะเหตุไร พระองค์จึงทรงวินิจฉัยอย่างนั้น ?"
ร. "ถึงบุรุษนั้นจะพูดอย่างนั้น, ก็แต่ว่า นางทาริกานั้นก็โตเป็นสาวขึ้น
แต่นางทาริกานั้นนั่นเอง."
ถ. "ข้อนั้นมีอุปมาฉันใด ถึงนามและรูปที่มีในสมัยใกล้ต่อมรณะแผนก
หนึ่ง นามและรูปในปฏิสนธิแผนกหนึ่ง, ก็แต่ว่า นามและรูปในปฏิสนธินั้น
เกิดแต่นามและรูปที่มีในสมัยใกล้ต่อมรณะนั่นเอง, เพราะเหตุนั้น เขาจึงไม่
พ้นจากบาปกรรมได้ ก็มีอุปไมยฉันนั้น."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟังอีก."
ถ. "เหมือนอย่างว่า บุรุษคนหนึ่งซื้อน้ำนมสดแต่มือนายโคบาลแล้ว
ฝากไว้ในมือนายโคบาลแล้วหลีกไปเสีย ด้วยคิดว่า 'ในวันรุ่งขึ้นเราจักไปเอา'
ฉะนี้, ในเวลาอื่น นมสดนั้นก็แปรเป็นนมส้มไปเสีย บุรุษนั้นมาแล้วกล่าวว่า
'ท่านจงให้นมสดนั้นแก่เรา' ฉะนี้ นายโคบาลนั้นก็ให้นมส้ม, บุรุษนั้นกล่าวว่า
'เราไม่ได้ซื้อนมส้มแต่มือท่าน ๆ จงให้นมสดนั้นแก่เรา,' นายโคบาลบอกว่า
'ท่านไม่รู้จัก นมสดนั้นแหละกลายเป็นนมส้ม' ฉะนี้; เมื่อชนเหล่านั้นวิวาทกัน
อยู่ มาในราชสำนักของพระองค์ ๆ จะทรงวินิจฉัยอรรถคดีข้อนั้นให้ใคร
(ชนะ) ?"
ร. "วินิจฉัยให้นายโคบาล (ชนะ) นะซิ พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "เพราะเหตุไร พระองค์จึงทรงวินิจฉัยอย่างนั้น ?"
ร. "ถึงบุรุษนั้นจะพูดอย่างนั้น, ก็แต่ว่า นมส้มนั้นเกิดแต่นมสมดนั้นนั่น
เอง."
ถ. "ข้อนั้นมีอุปมาฉันใด; ถึงนามและรูปที่มีในสมัยใกล้ต่อมรณะ
แผนกหนึ่ง นามรูปในปฏิสนธิแผนกหนึ่ง, ก็แต่ว่า นามรูปในปฏิสนธินั้นเกิดแต่
นามและรูปที่มีในสมัยใกล้ต่อมรณะนั้นเอง, เพราะเหตุนั้น เขาจึงไม่พ้นจาก
บาปกรรมได้ ก็มีอุปไมยฉันนั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๗. ปุนปฏิสนธิคหณปัญหา ๒๒

พระราชาตรัสถามว่า "ก็พระผู้เป็นเจ้าจักปฏิสนธิหรือไม่ ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบว่า "อย่าเลย มหาราช ประโยชน์อะไรของพระองค์
ด้วยข้อที่ตรัสถามนั้น, อาตมภาพได้กล่าวไว้ก่อนแล้วมิใช่หรือว่า ถ้าอาตม
ภาพยังมีอุปาทานอยู่ ก็จักปฏิสนธิ, ถ้าว่าไม่มีอุมาทาน ก็จักไม่ปฏิสนธิ"
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "เหมือนอย่างว่า บุรุษคนหนึ่งทำความชอบไว้แก่พระเจ้าแผ่นดิน ๆ
ก็ทรงยินดี พระราชทานบำเหน็จแก่บุรุษนั้น ๆ บำเรอตนให้เอิบอิ่มบริบูรณ์
ด้วยกามคุณทั้งห้า เพราะบำเหน็จที่ได้รับพระราชทานนั้น, ถ้าว่าบุรุษนั้นบอก
แก่ชนว่า 'พระเจ้าแผ่นดินไม่ทรงตอบแทนแก่เราสักนิดเดียว' ฉะนี้, บุรุษนั้น
จะชื่อว่าทำถูกหรือไม่ ?"
ร. "ไม่ถูกเลย พระผู้เป็นเจ้า."
ถ. "ข้อนั้นมีอุปมาฉันใด; ประโยชน์อะไร ของพระองค์ด้วยข้อที่ตรัส
ถามนั้น, อาตมภาพได้กล่าวไว้ก่อนแล้วมิใช่หรือว่า ถ้าว่าอาตมภาพยังมี
อุปาทานอยู่ ก็จักปฏิสนธิ, ถ้าว่าไม่มีอุปาทาน ก็จักไม่ปฏิสนธิ ก็มีอุปไมยฉัน
นั้น."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."

๘. นามรูปปัญหา ๒๓

พระราชาตรัสถามว่า "ข้อที่พระผู้เป็นเจ้ากล่าวว่า 'นามและรูป' ดังนี้
นั้น, อะไรเป็นนาม อะไรเป็นรูป ?"
พระเถรเจ้าทูลตอบวง่า "สิ่งใดหยาบ สิ่งนั้นเป็นรูป, ธรรมทั้งหลาย คือ
จิตและอารมณ์ที่เกิดกับจิตอันใดซึ่งเป็นของละเอียด สิ่งนั้นเป็นนาม."
ร. "เพราะเหตุไร นามอย่างเดียวก็ไม่ปฏิสนธิ หรือรูปอย่างเดียว ก็ไม่
ปฏิสนธิ."
ถ. "เพราะธรรมเหล่านั้น อาศัยกันและกัน เกิดขึ้นด้วยกัน."
ร. "ขอพระผู้เป็นเจ้าจงอุปมาให้ข้าพเจ้าฟัง."
ถ. "เหมือนอย่างว่า ถ้ากลละของแม่ไก่ไม่มี ฟองของแม่ไก่ ก็ไม่มี, สิ่ง
ใดเป็นกลละ สิ่งใดเป็นฟอง แม้สิ่งทั้งสองนั้นอาศัยกันและกัน เกิดขึ้นด้วยกัน
ข้อนั้นฉันใด, ถ้าว่า ในนามและรูปนั้น นามไม่มี แม้รูปก็ไม่มี ฉันนั้น, สิ่งใดเป็น
นาม สิ่งใดเป็นรูป สิ่งทั้งสองนั้น อาศัยกันและกัน เกิดขึ้นด้วยกัน ข้อนี้ได้เป็น
มาแล้ว สิ้นกาลยืดยาว."
ร. "พระผู้เป็นเจ้าช่างฉลาดจริง ๆ."





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO