นวรัตน์ดอทคอม

รวบรวมสาระความรู้เกี่ยวกับวัตถุมงคล-เครื่องรางของขลัง

  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
วันเวลาปัจจุบัน อาทิตย์ 12 พ.ค. 2024 12:31 pm

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 
เจ้าของ ข้อความ
 หัวข้อกระทู้: เรื่องราว
โพสต์โพสต์แล้ว: จันทร์ 09 ก.ค. 2012 1:02 pm 
ออฟไลน์

ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ 07 มิ.ย. 2009 7:24 pm
โพสต์: 4556
พระโอรสทั้ง ๓ จึงออกตามหาพระภูริทัต
โดยพระอริฏฐไปตามที่ภพสวรรค์
พระสุทัศนะไปตามที่โลกมนุษย์
พระสุโภคะไปตามหาที่ป่าหิมพานต์

สุทัศนกุมารเมื่อไปยังภพมนุษย์
ก็ตามไปละแวกที่พญานาคภูริทัตเคยจำศีล
แต่พบรอยเลือดจึงเข้าใจว่าเกิดอันตรายขึ้นแล้วเป็นแน่
สุทัศนกุมารให้เป็นห่วงใยพระอนุชานัก
รีบออกตามหาจนทราบข่าวว่าหมองูจับนาคตัวหนึ่งได้
และจะแสดงกลหน้าพระที่นั่งด้วย

เมื่อถึงวันแสดงพราหมณ์เปิดถุงแก้วให้พระภูริทัตเลื้อยออกมา
เห็นสุทัศนะกุมารผู้เป็นเชษฐาจำแลงเป็นมนุษย์มายืนดูอยู่
พระภูริทัตก็เลื้อยไปหยุดตรงหน้าน้ำตาคลอ
พระสุทัศนะก็ทรงกันแสงด้วยสงสารน้อง
เหล่าชาวบ้านเป็นงูร้องไห้ไม่แสดง
ก็หลีกหนีด้วยความกลัวจะถูกงูกัด ได้แต่เลี่ยงไปยืนห่าง ๆ

พราหมณ์เกร่งว่าดาบสสุทัศนะจะกลัวงูกัดจึงเดินเข้ามาปลอบ
แต่พระสุทัศนะแกล้งท้าว่าไม่กลัวงูไร้พิษนี้หรอก
หากพราหมณ์กล้าเอางูนี้มาสู้กับเขียดน้อยได้ชนะ
ก็จะได้เงิน ๕ พันตำลึง

ฝ่ายพราหมณ์หัวร่อและเย้ยว่าดาบสเช่นนี้จะมีเงินมากมายได้อย่างไร
พระสุทัศนะจึงเข้าไปทูลขอพระราชทานเงินจากพระราชา
อ้างว่าการต่อสู้น่าดูเช่นนี้พระองค์ควรช่วยให้เดิมพันด้วย

เมื่อพระราชาเสด็จออกมากับพระสุทัศนะแล้ว
พระสุทัศนะก็ร้องว่าพราหมณ์นำนาคไร้พิษมาหลอกชาวบ้านว่ามีพิษ
แต่เขียดน้อยของตนนั้นมีพิษสงยิ่งกว่านับร้อยเท่าพันเท่า
จะลองพิสูจน์หรือไม่

ครั้นแล้วพระสุทัศนะก็นำเขียดน้อยออกมาจากชฎา
เขียดน้อยนี้คือ "พระธิดาอัจจมุนี" น้องสาวต่างพระมารดา
ซึ่งรักใคร่พระภูริทัตยิ่งนัก เมื่อเขียดน้อยจำแลง
กระโดดออกมาคายพิษใส่มือพระสุทัศนะแล้ว
ก็กระโดดไปอยู่ในชฎาตามเดิม พระสุทัศนะจึงประกาศว่า

"ถึงกาลพินาศของเมืองพาราณสีแล้ว"

"เหตุใดท่านจึงว่าเมืองจะพินาศ"

พระราชาตรัสถามอย่างแคลงพระทัย
พระสุทัศนะจึงกราบทูลว่า พิษนี้ร้ายแรงยิ่งนัก
หากพิษหยดลงดิน รุกขชาติทั้งสิ้นจะล้มตาย
หยดลงน้ำ สัตว์น้ำจะตายเกลื่อน
สาดขึ้นอากาศ ฝนจะแล้งนาน ๗ ปี
ต้องขุดหลุม ๓ หลุม
ใส่ยาสมุนไพรหลุมหนึ่ง
ใส่หญ้า หลุมหนึ่ง
และใส่ยาทิพย์ อีกหลุมหนึ่ง

เมื่อพระสุทัศนะหยดน้ำพิษใส่หลุมที่ ๑
ก็เกิดเปลวเพลิงไหม้ลามไปยังหลุมที่ ๒ และ ๓

ฝ่ายพราหมณ์ยืนดูใกล้หลุมที่ ๓ ด้วยเพราะมิเชื่อนัก
จึงถูกควันไฟไหม้ลามจนตัวด่าง
เป็นขี้เรื้อนพุพองเจ็บปวดร่ำร้องว่าจะปล่อยนาคโดยดี

พ้นภัยที่ทดลองพระขันติ

เมื่อสิ้นคำว่ายอมปล่อย พระภูริทัตก็กลายร่างเป็นมนุษย์
งามสง่าเช่นเดียวกับพระธิดาอัจจมุนีและพระสุทัศนะ

"ข้าแต่พระองค์ ท่านทราบหรือไม่ว่าพวกข้าพระองค์เป็นผู้ใด"
พระสุทัศนะทรงทูลถาม

พระราชาจึงตรัสว่าใคร่จะรู้เช่นกัน เพราะเอะพระทัยมานาน

พระสุทัศนะจึงกราบทูลว่า
ตนกับพระภูริทัตเป็นพระโอรสของพระนางสมุทรชา
พระธิดาของพระราชาองค์เดิมจำได้หรือเปล่า

พระราชาดีพระทัยที่ได้พบหลาน
เพราะพระราชานี้คือพี่ชายของพระสมุทรชานั่นเอง
จึงทรงพาพระโอรสทั้งสองไปพบเสด็จตา
ที่ทรงสละสมบัติออกบรรพชาอยู่ที่อาศรม

เมื่อทูลลาและกลับเมืองบาดาล
พระนางสมุทรชาก็ทรงดีพระทัยยิ่งนัก
รีบจัดให้พระภูริทัตนอนพักรักษาพระวรกายอย่างดี

ข้างฝ่ายสุโภคะกุมาร ออกตามหาพระภูริทัตอยู่ที่ป่าหิมพานต์
พบพราหมณ์เนสาทที่แม่น้ำยมุนา ซึ่งกำลังอาบน้ำชำระบาปอยู่
สุโภคะพญานาคจึงเอาหางรัดพราหมณ์
ให้จมน้ำเพื่อทรมานเพราะแค้นนัก
จากนั้นก็นำตัวลงบาดาลเพื่อให้รับโทษ

แต่พระภูริทัตขอให้พระเชษฐาละเว้นการลงโทษพราหมณ์
โดยทรงกล่าวว่า พราหมณ์นั้นก็ยังเป็นมนุษย์ที่มีความโลภ มีกิเลส
แต่ที่มาถือบวชถือศีลก็แสดงว่ายิ่งเลวร้ายกว่าคนธรรมดา
เหมือนดั่งคนมือถือสากปากถือศีล น่าสมเพชนัก

เมื่อพราหมณ์ถูกปล่อยตัวแล้วก็สำนึกในบาปของตนเป็นยิ่งนัก

หลักจากนั้นพระนางสมุทรชาจึงเชิญเสด็จท้ายทศรถ
และพระโอรสทั้ง ๔ ยกขบวนไปเยี่ยมพระเจ้าสาครพรหมทัตผู้พี่ชาย
และไปนมัสการพระบิดาที่บรรพชาอยู่ในป่า
พระภูริทัตจึงทูลขอรั้งอยู่กับเสด็จตาที่อาศรมนั้น
เพื่อถือศีลไปตลอดอายุขัย

ชาดกนี้ให้คติธรรมว่า
ความโลภนั้นเป็นสิ่งชั่วร้ายเช่นเดียวกับการเนรคุณ
แต่ความอดทนย่อมประเสริฐยิ่งนักแล


ทศชาติที่ ๗ พระจันทกุมาร...

รายละเอียด : ในสมัยอดีตกาล
พระเจ้าเอกราชเป็นพระราชแห่งเมืองบุปผาวดีนคร
อันเป็นนามเดิมของเมืองพาราณสี
พระเจ้าเอกราชมีพระอัครมเหสีนาม "โคตมี"
มีพระราชโอรสพระนาม "จันทกุมาร" และ "สุริยราชกุมาร"
มีพระธิดาพระนาม "เสลากุมารี"

ทรงธรรมช่วยประชา

ในพระราชวังมีปุโรหิตใจบาปนามว่า "กัณฑหาลพราหมณ์"
เป็นผู้มักคิดการชั่วช้าชอบสินบน ตัดสินความใดก็มิชอบธรรม
ผู้รู้เห็น ก็มิกล้าปริปากไปด้วยกลัวปุโรหิตจะเอาโทษได้

คราวหนึ่งผู้แพ้ความทั้ง ๆ ที่เป็นฝ่ายถูกแต่มิได้ติดสินบน
เดินร่ำไห้ออกมาพอดีพระมหาอุปราชจันทกุมารผ่านมาพบ
จึงทรงตรัสถามเมื่อทรงทราบเรื่องก็เรียกชำระความใหม่
แล้วตัดสินสอบสวนอย่างชอบธรรม
ให้ผู้ชนะที่ติดสินบนนั้นกลายเป็นฝ่ายผิด
และให้ผู้แพ้ที่บริสุทธิ์เป็นฝ่ายชนะความ

เหล่าไพร่ฟ้าทราบเรื่องก็พากันแซ่ซ้องสรรเสริญกันทั่วนคร
พระเจ้าเอกราชจึงให้พระอุปราชจันทกุมาร
เป็นผู้ตัดสินความแทนปุโรหิตกัณฑหาล

เมื่อกาลกลับเป็นดังนั้น
ปุโรหิตก็อดได้ลาภสักการะโดยมิชอบ
ยังความแค้นใจอาฆาตต่อพระจันทกุมารเป็นยิ่งนัก
ที่มาขัดลาภทำให้อดทรัพย์และเสียหน้าอีกด้วย

คนบาปคิดแค้น

เวลาต่อมาพระเจ้าเอกราชทรงพระสุบินเห็นพระองค์
ได้เสด็จขึ้นสรวงสวรรค์ ณ ชั้นดาวดึงส์
ได้เที่ยวชมวิมานทิพย์ปราสาทแก้ว
ซุ้มประตูทองและปราสาททิพย์สูง ๑ พันโยชน์
อุทยานสวรรค์มีแต่เหล่าอัปสรและบุปผาชาติหอมจรุง
ริมสระโบกขรณีมีดุริยางค์ทิพย์ขับกล่อมบรรเลง
ทุกหนแห่งล้วนน่าตื่นตาตื่นใจทั้งสิ้น

ครั้นตื่นบรรทมจึงให้ทรงปีติพระทัยนัก
ทรงตรัสถามปุโรหิตกัณฑหาลว่า
ควรบำเพ็ญกุศลใดหนอ
จึงจักได้เสด็จไปเสวยสุขในชั้นสวรรค์ได้

พราหมณ์ชั่วจึงกราบทูลด้วยความกระหยิ่มใจว่า

"ข้าแต่พระองค์ หากประสงค์จะเสด็จสู่สวรรค์
ต้องทำพิธีบูชายัญ พระเจ้าข้า
พระองค์จะต้องทรงสละสิ่งอันเป็นที่รักทั้งปวง พระเจ้าข้า"

"สิ่งอันเป็นที่รักอย่างไรหรือท่านปุโรหิต"

"ก็คือพระราชโอรสทั้ง ๔
พระราชธิดาทั้ง ๔
พระมเหสีทั้ง ๔
ช้างแก้ว ๔
ม้าทรง ๔
และเศรษฐีอีก ๔ พระเจ้าข้า"

ปุโรหิตทูลให้ฆ่าคนทั้งปวงนั้น
แล้วเอาถาดทองคำรองเลือด
แล้วนำเลือดไปบูชายัญ
โดยจะต้องตัดคอพระโอรสจันทกุมารเป็นองค์แรกด้วย
ซึ่งปุโรหิตคนชั่วคิดแค้นเพียงพระจันทกุมารองค์เดียว
แต่เกรงเป็นที่ครหา จึงหาอุบายให้มีการฆ่าผู้อื่นด้วย
เป็นอุบายที่อำมหิตยิ่งนัก

บรรดาเสนาไพร่ฟ้าเมื่อได้ยินข่าวนี้
ก็ให้หวาดกลัวเสียขวัญกันไปทั่ว
ต่างเลื่องลือกันต่อ ๆ ไป
ว่าพระเจ้าเอกราชจะทรงประหารลูกเมียบูชายัญ
ด้วยเพราะอยากเสวยสมบัติทิพย์ดั่งพระอินทร์บนดาวดึงส์
มิว่าผู้ใดก็มิอาจทัดทานเปลี่ยนพระทัยได้

ด้านพระบิดาพระมารดาของพระเจ้าเอกราชก็เสด็จมาทูลวิงวอน
ตรัสว่ากษัตริย์ที่ใดจะประหารมเหสี
ธิดาและโอรสเพื่อบูชายัญให้เป็นบาปเป็นกรรมผิดธรรมเนียม
ควรปฏิบัติทศพิธราชธรรมจึงจะถูกต้อง

แต่ทว่าพระเจ้าเอกราชทูลตอบว่า

"ขอเดชะพระราชบิดา ปุโรหิตกัณฑหาลพราหมณ์นั้นกล่าวว่า
การบูชายัญนี้จะทำให้ขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าได้เมื่อสวรรคตแล้ว"

ฝ่ายจันทกุมารก็กราบทูลว่า

"ขอเดชะพระราชบิดา การฆ่าคนเพื่อบูชายัญมิใช่ทางไปสวรรค์
หากการสละของรักทำให้ขึ้นสวรรค์ได้จริง
เหตุใดปุโรหิตจึงมิฆ่าลูกเมียบูชายัญบ้างเล่า
ปุโรหิตทำเช่นนี้เพราะแค้นเคืองหม่อมฉัน
หากพระบิดาทรงเมตตาก็ให้ขับหม่อมฉันออกจากนคร
แล้วไว้ชีวิตทุก ๆ คนด้วยเถิดพระเจ้าข้า"


เมื่อถูกวิงวอนหลายครา
พระเจ้าเอกราชก็ใกล้จะใจอ่อนยอมเลิกการบูชายัญ

ฝ่ายปุโรหิตจึงรีบเตรียมพิธีและให้ขุดหลุมโดยเร็ว
แล้วก็รีบมายุยงเพ็ดทูลพระราชาให้รีบกระทำพิธีโดยมุ่งมั่น
มิให้ทรงเปลี่ยนพระทัยได้ดังนั้น

พระธิดาเสลากุมารีก็ทรงเข้ากราบพระบาทพระราชา
และทูลวิงวอนว่า

"พระบิดาจะฆ่าเสด็จพี่และฆ่าหม่อมฉัน
เพื่อไปสวรรค์ได้อย่างไรกันเพคะ"

ฝ่ายพระนางจันเทวี มเหสีของจันทกุมารก็ทรงกันแสง
พระโอรสของจันทกุมารมีนามว่า "วสุละกุมาร"
จึงทูลวิงวอนเสด็จปู่ว่า

"พระอัยยิกาทรงเว้นการประหารพระบิดาของหม่อมฉันด้วยเถิด"

เมื่อเห็นหลานและคนทั้งปวงร่ำไห้
พระเจ้าเอกราชจึงทรงสลดพระทัยตรัสว่า

"เอาล่ะ เราจะงดบูชายัญ มิต้องคิดเรื่องไปสวรรค์แล้ว"

เมื่อพระราชาเปลี่ยนพระทัย
ปุโรหิตจึงรีบเข้าเพ็ดทูลยุยงพระราชาตามลำพังว่า

"ขอเดชะ การบูชายัญนั้นเป็นเรื่องยากนัก
ดังนั้นถ้าผู้ใดมีจิตเปลี่ยนพระทัย
จงรีบให้ทำพิธีที่หลุมบูชายัญทันทีมิรั้งรออีกแล้ว

พิธีบูชายัญอำมหิต


พระมเหสีทั้ง ๔ ที่จะถูกบูชายัญ คือ
พระนางโคตมี
พระนางวิชยา
พระนางเอราวดี
พระนางเกสินี

พระโอรสทั้ง ๔ ก็มี
เจ้าชายจันทกุมาร
เจ้าชายสุริยกุมาร
เจ้าชายภัททเสน
เจ้าชายรามโคตร

เศรษฐีทั้ง ๔ คือ
ปุณณมุขะ
ภัททิยะ
สิงคาละ
วัทธะ

และช้างแก้ว ม้าแก้ว อย่างละ ๔ ทั้งหมดทั้งปวงนี้
ถูกนำไปรอพร้อมที่พิธีทันที
ท่ามกลางความโกลาหลของชาววังและชาวเมือง

ที่หน้าพระราชวังจึงมีแต่เสียงไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินร่ำไห้กันอึงคนึง
เหล่านกกาก็บินว่อนร้องกันผิดอาเพศทั่วในนภากาศ

ปุโรหิตสั่งให้นำตัวจันทกุมารมานั่งก้มพระศอที่หลุมเป็นองค์แรก
แล้วปุโรหิตก็เตรียมดาบจะฟันพระศอพระจันทกุมารให้วายชนม์
สมความแค้นแห่งจิตบาปหยาบช้า

เทวดาคุ้มครอง


ฝ่ายพระนางจันทเทวีพระมเหสีของพระจันทกุมารทรงกันแสง
ด้วยอาดูรใจจะขาด พระนางยกมือพนมตั้งสัตย์อธิษฐานแก่ทวยเทพว่า

"ข้าแต่เทพยดาอันทรงศักดิ์
พระอุปราชจันทกุมารสวามีของข้ามิเคยประพฤติชั่ว
แต่กัณฑหาลพราหมณ์นี้เป็นปุโรหิตที่ทุศีล
ประพฤติบาปหยาบช้าอยู่เป็นนิจ
คิดแต่จะทำร้ายผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของตน
คำกล่าวนี้เป็นคำสัตย์ ขอเทพยดาทั้งปวงเป็นพยาน
ของจงทรงช่วยพระจันทกุมารให้พ้นภัยจากมือคนบาปด้วยเถิด"

ด้วยแรงอธิษฐานนั้น พระอัมรินทราชาบนดาวดึงส์
จึงทรงถือค้อนเหล็กอันลุกโชติช่วงด้วยเปลวเพลิง
เสด็จเหินลอยลงมากลางอากาศ
ทรงตวาดด้วยสุรเสียงอันกึกก้องว่า

"ชะช้า.... ไอ้พระราชาโฉดเขลา มิได้ครองราชย์โดยธรรม
คิดจะฆ่าลูกเมียบูชายัญ มิรู้มีประเพณีที่ใดปรากฎเช่นนี้
หากทำพิธีเราจะประหารท่านด้วยค้อนเหล็กนี้แหละ"

พระอินทร์ตวาดพลางทรงฟาดค้อนใส่ฉัตรล้มระเนระนาด
เสียงกัมปนาทลั่นนคร

ผู้คนทั้งปวงเห็นฤทธานุภาพเช่นนั้นก็แตกตื่นอลหม่าน
ต่างกรูกันเข้ารุมทุบตีขว้างปาพราหมณ์กัณฑหาลจนสิ้นใจตาย

หลังจากนั้นก็กรูกันจะเข้าจับตัวพระเจ้าเอกราช
พระจันทกุมารจึงทรงเข้ากอดพระบิดาขวางประชาชนไว้
พรางขอร้องมิให้ฆ่าพระราชา

บรรดาไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินพากันตะโกนขับไล่พระราชา
ต่างโห่ร้องประฌานมิให้ครองราชย์สืบต่อไป
ให้พระองค์ทรงโพกผ้าย้อมขมิ้นที่ศีรษะเป็นคนจัณฑาล
ให้เนรเทศออกไปอยู่หมู่บ้านจัณฑาล
แล้วอัญเชิญจันทกุมารขึ้นครองเมือง

เวลาต่อมาพระเจ้าจันทกุมารเสด็จออกนครบุปผวดี
ไปดูแลปฏิบัติต่อพระบิดาอยู่เนือง ๆ
พระบิดาก็ทรงถวายพระพร
ให้พระเจ้าจันทกุมารเสวยราชสมบัติโดยสุขตลอดพระชนมายุ
โดยมิต้องประสบภัยใดอีกเลย...

ชาดกเรื่องนี้มีคติธรรมคือเรื่องอาฆาตจองเวรนั้น
ย่อมให้ทุกข์กลับคืนแก่ตนในที่สุด
และความเขลาหลงในทรัพย์และสุขของผู้อื่น
ก็ย่อมให้ผลร้ายแก่ตัวได้ในไม่ช้าเช่นกัน


ทศชาติที่ ๘ พระนารทะ...

รายละเอียด : ในครั้งหนึ่งเหล่าพระภิกษุและพุทธศาสนิกชน
ได้พากันทูลอาราธนาพระพุทธเจ้า ให้ทรงเล่าเรื่องอดีตชาติ
เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นมหาพราหมณ์และปราบมาร้ายให้บรรพชาได้
พระพุทธองค์จึงทรงตรัสเล่าประทาน
หลังจากทรงแสดงพระธรรมเทศธรรมจักกัปปวัตนสูตร
ณ ลัฏฐิวนอุทยานใกล้กรุงราชคฤห์

ความเป็นมาว่าในครั้งอดีตกาล
กษัตริย์แห่งมิถิลานครมีพระนามว่า "อังคติราช"
ทรงมีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวพระนามว่าเจ้าหญิงรุจา

พระเจ้าอังคติราชได้ทรงครองเมืองโดยธรรม
ทรงพระราชทานผอบดอกไม้
และภูษาแพรพรรณอย่างดีให้พระธิดาทุก ๆ วัน
และในทุก ๑๕ วัน ทรงพระราชทานทรัพย์ให้พระธิดาบริจาคทาน
ทรงให้พระสนมอีกหลายร้อยหมั่นบริจาคทานอยู่เนือง ๆ ด้วยเช่นกัน

ในพระราชวังมี ๓ เสนาอำมาตย์ผู้ใหญ่นามว่า
อำมาตย์วิชัย อำมาตย์สุนามะ และอำมาตย์อลาตะ
ซึ่งเป็นบุคคลที่พระราชามักขอให้ถวายคำปรึกษาอยู่เนืองนิจ

ครั้นถึงวันเพ็ญเดือน ๑๒ บนท้องฟ้าปรากฏเพ็ญเต็มดวงสว่างไสว
ในสระน้ำก็เจิ่งนองสดใสเต็มไปด้วยบัวใหญ่งดงามชื่นบาน
เป็นฤดูกาลที่ทั่วแคว้นดั่งแดนวิมานประดับแก้วแวววาว
พระเจ้าอังคติคราชจึงทรงมีรับสั่งว่า

"ดูกรท่านอำมาตย์ทั้งสาม ในวันเป็นฤกษ์ดีแห่งฤดูกาลนี้
ท่านว่าเราควรจะประพฤติใดจึงเป็นมงคลดีสม"

ขอเดชะพระพุทธเจ้าข้า หม่อมฉันเห็นว่าพระองค์สมควร
ออกทัพตีหัวเมืองมาไว้ในครอบครองพระเจ้าข้า"
อำมาตย์อลาตะกราบทูล

"ขอเดชะ พระองค์น่าจะจัดมหรสพเฉลิมฉลอง
ตกแต่งอุทยาน จัดมโหรีบรรเลงตลอดวันคืน
ให้นางกำนัลฟ้อนถวายด้วยเครื่องประดับงดงาม
จัดโภชนาการอาหารเพรียบพร้อม
ให้อภิรมย์ทั้งฤดูพระเจ้าข้า"
อำมาตย์สุนามะทูลดั้งนั้น


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ข้างบน
 ข้อมูลส่วนตัว  
 
แสดงโพสจาก:  เรียงตาม  
โพสต์กระทู้ใหม่ กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ไปที่:  
ขับเคลื่อนโดย phpBB® Forum Software © phpBB Group
Thai language by phpBBThailand.com
phpBB SEO